เรื่องราวของหญิงสาวที่เดินทางไปทำธุระบางอย่างในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี และได้พบกับชายหนุ่มที่มาจากประเทศไทยโดยบังเอิญ เขาและเธอสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว ในค่ำคืนอันหนาวเหน็บและฝนโปรยปราย เขาชวนให้เธอไปหลบฝนในอะพาร์ตเมนต์ ก่อนที่หญิงสาวจะเผยความลับที่น่าสะพรึงออกมา
ผจญภัย,อาชญากรรม,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ดราม่า,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ทางเดินในอะพาร์ตเมนต์ค่อนข้างมืดและไฟจะติดก็ต่อเมื่อพวกเขาเดินผ่าน กฤษณ์พาโยทะกาเดินขึ้นบันไดมาสองชั้นจนถึงห้อง เมื่อเขาเปิดประตูและกดสวิตช์ไฟแสงสว่างก็ส่องไปทั่วพื้นที่
“เชิญครับ นี่เป็นห้องนั่งเล่น ส่วนห้องนอนของคุณโยอยู่ทางนั้น” กฤษณ์ชี้ไปที่ห้องทางด้านขวา
โยทะกาเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่มีการตกแต่งอย่างอบอุ่นและเรียบง่าย มีโซฟานุ่ม ๆ และโต๊ะกาแฟเล็ก ๆ ที่วางหนังสือและของใช้เบ็ดเตล็ด
“ที่นี่น่าอยู่มากเลยนะคะ” เธอกล่าวพร้อมกับถอดเสื้อโค้ตเปียก ๆ ของเธอออกและวางไว้บนที่แขวนใกล้ประตูแต่ไม่ยอมถอดถุงมือ
“ขอบคุณครับ ผมพยายามทำให้รู้สึกเหมือนบ้านมากที่สุด” กฤษณ์ตอบพร้อมกับรอยยิ้ม “เดี๋ยวผมทำชาร้อน ๆ ให้นะครับ จะได้อุ่นขึ้น”
โยทะกายิ้มเล็กน้อย “มีอะไรที่แรงกว่าชาไหมคะ”
กฤษณ์ยิ้มกว้างและเดินเข้าไปในครัวเล็ก ๆ เขาเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์ออกมาสองขวด เปิดขวดเบียร์และยื่นให้เธอขวดหนึ่ง
“นี่ครับ” เขากล่าว
“ขอบคุณค่ะ” โยทะการับเบียร์ไว้พร้อมกับนั่งลงบนโซฟา รู้สึกผ่อนคลายจากการเดินบนถนนและฝนที่ตกหนัก
กฤษณ์นั่งลงข้าง ๆ เธอ “วันนี้ทั้งฝนทั้งหนาวเลยนะครับ”
โยทะกาพยักหน้า “ใช่ค่ะ อากาศเย็นจนมือชาเลย”
“ทำไมคุณกฤษณ์ถึงมาอยู่ที่อิสตันบูลล่ะคะ” เธอถาม
“ก็ประเทศตุรกีไม่ต้องใช้วีซ่า แถมยังใกล้กับยุโรป ค่าครองชีพก็ไม่ต่างจากกรุงเทพฯ มากนัก” กฤษณ์ตอบพร้อมกับยกขวดเบียร์ขึ้นดื่ม
“แล้วคุณกฤษณ์จะกลับไทยอีกเมื่อไหร่คะ” เธอถามต่อ
“อันนี้คงตอบไม่ได้ครับ”
เมื่อเห็นแววตาของเขาดูเศร้า เธอจึงหยุดถามต่อ
ทั้งสองคนคุยกันและดื่มเบียร์ไปด้วย แอลกอฮอล์ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายท่ามกลางสายฝนที่สาดกระหน่ำ
“คุณโยล่ะครับ ทำไมถึงเลือกมาเที่ยวที่อิสตันบูล” กฤษณ์ถามพลางจิบเบียร์
“ไม่เชิงว่ามาเที่ยวหรอกค่ะ ที่จริงฉันมาทำธุระแทนสามี อีกไม่นานก็ใกล้จะเสร็จแล้ว” โยทะกาตอบด้วยน้ำเสียงเศร้า
กฤษณ์เอื้อมมือไปจับแขนเธอเบา ๆ “ผมเสียใจด้วยนะครับ”
โยทะกามองมือเขา “ขอบคุณค่ะ”
เสียงฝนที่ตกกระทบกระจกหน้าต่างอะพาร์ตเมนต์ยังคงดังอย่างต่อเนื่องเป็นเสียงก้องกังวานราวกับเสียงดนตรีแห่งธรรมชาติที่เล่นในความมืด ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆหนาทึบ ไร้แสงจันทร์และดวงดาว ลมแรงพัดผ่านระเบียงและช่องหน้าต่าง ส่งเสียงหอนเหมือนเสียงคร่ำครวญของวิญญาณในคืนอันเยือกเย็น
“ผมดีใจที่ได้รู้จักคุณโยนะครับ” กฤษณ์กล่าวพร้อมกับเอียงหน้าเข้ามาใกล้หญิงสาว
เธอเอี้ยวตัวหลบเล็กน้อย “เช่นกันค่ะ คุณกฤษณ์ทำให้ฉันไม่รู้สึกเสียเที่ยวเลยที่อุตส่าห์มาไกลถึงที่นี่”
แสงไฟนวลตาภายในห้องนั่งเล่นสะท้อนเงาลาง ๆ บนผนังขาวสะอาด เบียร์ในมือโยทะกาหมดแล้ว กฤษณ์จึงพูดขึ้นเบา ๆ “เบียร์หมดแล้ว เดี๋ยวผมไปเอามาให้ครับ”
โยทะกาสบตาเขาพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน “ไม่เป็นไรค่ะ รบกวนคุณกฤษณ์เยอะแล้ว ฉันไปเอาเองดีกว่า ยังไม่ได้เดินดูรอบ ๆ เลย”
เธอเดินไปเปิดตู้เย็นและหยิบเบียร์ออกมาสองขวดพร้อมกับมองสำรวจรอบ ๆ ห้อง ร่างบอบบางของเธอเคลื่อนไหวอย่างสง่างามในแสงไฟอ่อน ๆ แรงกำหนัดผสมกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ยิ่งทำให้กฤษณ์ปรารถนาในตัวหญิงสาวมากขึ้นทุกขณะ เขาลุกขึ้นและเดินเข้าไปในห้องน้ำ พลางครุ่นคิดว่าต้องทำอย่างไรถึงจะได้ร่วมเตียงกับโยทะกา
‘ยานอนหลับ ใช่’ กฤษณ์คิดในใจ หลายเดือนแล้วที่เขาต้องพึ่งยานอนหลับเพราะโรคเครียด เขาเปิดตู้เหนือกระจกและควานหาขวดยาเล็ก ๆ ออกมา สองเม็ดน่าจะทำให้โยทะกาหลับสนิทในครึ่งชั่วโมง
เมื่อกฤษณ์เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยความตื่นเต้น เขาเห็นโยทะกายิ้มให้เขาเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะขอตัวเข้าห้องน้ำ ชายหนุ่มรีบใส่ยานอนหลับลงไปในขวดเบียร์ของโยทะกา และถือขวดของเขาไว้เพื่อไม่ให้สลับกัน เงาของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยเจตนาร้ายทาบทับลงบนผนัง ขณะที่เขารอคอยการกลับมาของโยทะกาอย่างใจจดใจจ่อ
เมื่อโยทะกาออกมาจากห้องน้ำ กฤษณ์นั่งมองเธออย่างอารมณ์ดีพลางจิบเบียร์จากขวดของเขา หญิงสาวกลับมานั่งข้าง ๆ กฤษณ์ที่โซฟา เธอเริ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่แฝงความหมายลึกลับ “พรุ่งนี้เช้าฉันต้องไปจากที่นี่แล้วนะคะ”
กฤษณ์ทำสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย “ทำไมล่ะครับ ไหนบอกว่าต้องอยู่ทำธุระให้เสร็จ”
โยทะกายิ้มสายตามองเขาอย่างสมเพช “ธุระของฉันเพิ่งเสร็จเดี๋ยวนี้เองค่ะ”
ชายหนุ่มไม่เข้าใจความหมายที่เธอพูด ทันใดนั้นเขาก็เริ่มปวดศีรษะและหัวใจเต้นผิดจังหวะ รู้สึกเหมือนมีก้อนบางอย่างมาจุกอยู่ที่ลำคอทำให้หายใจลำบาก โยทะกาเริ่มพูดต่อ น้ำเสียงเธอเปลี่ยนไปเป็นเย็นชามากขึ้น
“เมื่อหลายเดือนก่อน มีลูกชายเจ้าของบริษัทใหญ่ขับรถหรูมาชนสามีฉันจนเสียชีวิต นอกจากเขาจะชนแล้วหนีไม่ยอมมามอบตัวกับตำรวจ ฉันยังรู้มาว่าเขาใช้อิทธิพลของพ่อหลบหนีออกนอกประเทศ ฉันใช้เงินประกันชีวิตของสามีจ้างนักสืบเอกชนหลายแห่งเพื่อตามหาตัวไอ้ฆาตกรคนนั้น”
กฤษณ์เริ่มชักกระตุกและล้มลงกับพื้น เขาหายใจหอบถี่สองมือพยายามตะเกียกตะกายดิ้นรน
“ใช้เวลาอยู่นานจนได้ข่าวว่ามันมาซ่อนตัวอยู่ที่อิสตันบูล ในที่สุดฉันก็ตามหามันจนเจอและทำธุระสำเร็จ พรุ่งนี้ฉันคงไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ลาก่อนนะคะคุณกฤษณ์”
โยทะกายืนมองชายหนุ่มที่นอนชักเกร็งอยู่บนพื้นด้วยสายตาที่มีแต่ความว่างเปล่า เมื่อชายหนุ่มนอนแน่นิ่ง เธอหยิบเสื้อโค้ตที่แขวนอยู่ขึ้นมาสวมและดึงฮู้ดขึ้นมาปิดศีรษะ ก่อนจะเดินออกจากอะพาร์ตเมนต์ ความเงียบสงบคืนกลับมาในห้อง ทิ้งไว้แต่เพียงร่างไร้วิญญาณของกฤษณ์ที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
หนึ่งเดือนต่อมา สำนักข่าวต่างประเทศรายงานการพบศพชายสัญชาติไทยเสียชีวิตในอะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งที่อิสตันบูล สภาพศพเน่าเปื่อยส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วทั้งห้อง เจ้าหน้าที่ทราบชื่อผู้ตายคือ นายกฤษณ์ เจริญเชษฐาพิพัฒน์ ไฮโซชื่อดังที่เคยเป็นข่าวเมาแล้วขับจนมีผู้เสียชีวิตเมื่อหลายเดือนก่อน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่านายกฤษณ์เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย เนื่องจากในที่เกิดเหตุพบขวดยาพิษโพแทสเซียมไซยาไนด์และยานอนหลับอีกจำนวนหนึ่ง ไม่มีร่องรอยงัดแงะหรือการต่อสู้แต่อย่างใด
“เตอร์กิช ดีไลท์ ที่ซื้อมาหมดแล้วนะคะ ฉันคงไม่ได้กินอีกแล้ว รู้งี้ซื้ออีกเยอะ ๆ ก็ดี” โยทะกาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย พลางมองกรอบรูปที่แขวนอยู่บนผนัง ในรูปนั้นเป็นภาพของเธอและคนรักตอนถ่ายพรีเวดดิ้งเมื่อปีก่อน ทั้งสองคนยิ้มแย้มและมีความสุข รอยยิ้มนั้นดูสดใสและเปล่งประกายราวกับไม่มีเรื่องใดที่จะทำให้ชีวิตของพวกเขาหม่นหมอง