หญิงสาวที่มีอดีตที่ทำให้ไม่สามารถพูดคำพูดออกมาได้อย่างใจ กับชายหนุ่มที่เขาเองก็มีภูมิหลังที่แสนมืดมน แต่กลับเป็นคนที่มีความรู้สึกชัดเจนกว่าคนอื่น เขาจะสามารถคว้าหัวใจของเธอมาได้มั้ย และเธอจะสามารถเปิดใจพูดและเรียกหาเขาได้รึเปล่า?
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,รักมหาลัย,รักวัยรุ่น,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
"คุณหนูคร้าบบบบบ อยู่ไหนกันครับเนี่ย ถ้าไม่ออกมาผมจะถูกนายท่านจัดการนะครับเนี่ย"
รุยหนึ่งในสมาชิกของแก๊งตะโกนหาคาซึมิตั้งแต่เช้าตรู่ เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกที่ต้องเข้ารายงานตัวกับมหาลัย แต่กลับหาเธอไม่เจอเพราะแบบนั้นจึงเริ่มกังวลว่าหากหาเธอไม่เจอก่อนที่จะเลยเวลารายงานตัว ตัวเองจะต้องถูกนายท่านกำจัดอย่างแน่นอน แม้ท่าทางของรุยจะเอื่อยเฉื่อยแต่ก็นับว่าเป็นหนึ่งในหัวกะทิของแก๊งที่มีความสามารถเทียบเท่ากับลูโตะที่เป็นผู้ติดตามของคาซึมิเช่นกัน
อ่าา ถ้าหาไม่เจอเราคงโดนให้ยกหินหรือไม่ก็ถูกให้ไปถอนหญ้าแน่ๆ แบบนั้นขอนอนอยู่เฉยๆ จะดีกว่าอีก รุยเริ่มกังวลเกี่ยวกับบทลงโทษที่จะได้รับระหว่างตามหาตัวคาซึมิไปด้วย แม้จะเป็นเรื่องเล็กแต่สำหรับกลุ่มมาเฟียแล้วนั้นถือว่าเสียศักดิ์ศรีและเป็นเรื่องน่าเบื่อซะมากกว่า คิดไปคิดมาก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าน่าจะมีคนหนึ่งที่พอจะรู้ว่าคาซึมินั้นไปอยู่ที่ไหน
"คุณลูโตะ ช่วยหาคุณหนูทีจะได้มั้ยครับ ผมหาจนทั่วแล้วก็ไม่เจอน่ะ"
คนที่ว่านั่นก็คือลูโตะ เนื่องจากลูโตะอยู่กับคาซึมิมาตั้งแต่เด็กเลยรู้ว่าเธอนั้นชอบไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนเสมอ
"นายท่านให้นายรับผิดชอบไม่ใช่รึไง"
"ก็ใช่ครับ....แต่คุณลูโตะน่าจะรู้มากกว่าผมอีกนะ ก็คุณอยู่กับคุณหนูตลอดนี่"
ถึงลูโตะจะเป็นคนที่หน้าตายแต่ก็เผยอารมณ์ไม่พอใจมากๆ ออกมา เพราะแค่งานที่กองอยู่ด้านหน้าตัวเองก็ปวดหัวจะแย่ แต่ถ้าไม่จัดการไอ้คนที่มัวแต่บ่นอยู่ตรงนี้คงได้หมดอารมณ์ทำงานกันพอดี ลูโตะทำได้แค่ถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเดินไปหาคาซึมิอย่างไม่ลังเล ไม่นานเขาก็หาตัวคาซึมิเจอจนทำให้รุยที่เดินตามมาทำหน้าอึ้งเล็กน้อย
สุดยอด...
"คุณหนูครับ นายท่านตามตัวให้ไปรายงานตัวแล้วนะครับ ถ้าไม่ออกไปตอนนี้จะสายเอาได้ ทุกคนเองก็ตามหาตัวกันให้วุ่น"
คาซึมิที่นั่งซ่อนตัวอยู่ใต้บันไดหันมาตามเสียงเรียก แต่ท่าทางของเธอกลับดูห่อเหี่ยวเป็นพิเศษ หากเป็นคนอื่นคงจะดูไม่ออกแต่สำหรับลูโตะที่อยู่กับเธอมานานแค่เห็นก็รับรู้ได้ทันที เขานั่งย่อลงตรงหน้าคาซึมิแล้วจับมือของเธอขึ้นมา
"ฝันถึงเรื่องนั้นอีกแล้วเหรอครับ?"
คาซึมิพยักหน้าตอบ
"ผมอยู่กับคุณหนูนะครับ ทั้งนายท่านและทุกคนพวกเราอยู่กับคุณหนูตรงนี้ครับ"
"........."
ลูโตะดึงตัวของคาซึมิเข้ามากอดแล้วใช้มือลูบหลังเบาๆ เพื่อปลอบใจของเธอ คาซึมิตกใจเล็กน้อยแต่ก็เริ่มผ่อนคลายทีละนิด เมื่อใจเย็นลงลูโตะพูดกับเธอต่อว่า
"ถ้าใจเย็นลงแล้วทีนี้ก็ไปรายงานตัวที่มหาลัยได้รึยังครับ"
เมื่อคาซึมิได้ยินก็พุ่งตัวตรงขึ้นมาแล้วทำหน้าหมองอีกครั้งทันที
"ถึงจะทำหน้าแบบนั้นก็ไม่ช่วยอะไรหรอกนะครับ"
ไม่ทันไรลูโตะก็อุ้มตัวเธอขึ้นแล้วเดินไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อรายงานตัวเสร็จคาซึมิก็เดินออกมารอลูโตะที่กลับไปก่อนเพราะมีงานเข้ามากะทันหันมารับที่หน้ามหาลัย เธอยืนอ่านเอกสารที่ได้รับมาเพื่อฆ่าเวลา แต่ดูเหมือนสถานการณ์จะไม่เป็นเช่นนั้น จู่ๆ ก็มีคนเข้ามาจับข้อมือกระชากไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว คาซึมิตกใจจนความคิดหลุดไปช่วงนึง เมื่อเริ่มมีสติก็พบว่าเป็นชายแปลกหน้ารูปร่างสูงโปร่ง ดูแล้วไม่ใช่คนจากมหาลัยนี้เพราะตรงเสื้อไม่ใช่ตราของที่นี่
ถ้างั้นเขามาทำ...อะไรกัน?
คาซึมิเริ่มตัวสั่น คิดอะไรไม่ออกเพราะถูกอีกฝ่ายกำข้อมืออย่างรุนแรง
"นี่เธอเนี่ยน่ารักดีนะ ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ หรือว่ารอให้ใครมาหารึไง"
"........"
"เห้ย ฉันถามดีๆ ทำไมถึงไม่ตอบห้ะ?"
คาซึมิไม่มีกระจิดกะใจและเรี่ยวแรงที่จะยกมือถือขึ้นมาทำได้เพียงแค่ยืนตัวสั่นเท่านั้น
อะไรกัน ตัวเองพุ่งเข้ามาแล้วบังคับเองแท้ๆ!!
"ฮึก!"
"เห้ย!"
ผลัวะ!!
ผู้ชายคนนั้นล้มฟุ่บไปกองอยู่ที่พื้น ข้อมือที่ถูกกำอยู่จึงหลุดไป คาซึมิตกใจจนใบหน้าซีดและหมดแรงทรุดตัวลงกับพื้น เมื่อมองขึ้นไปก็พบว่าเขาคือคนที่เคยเจอที่โรงพยาบาลเมื่อหลายวันก่อน
คุโระ....อาคิยะ?
"นี่ ดูเหมือนว่านายจะไม่รู้จักกับเธอคนนี้นะ คิดจะทำอะไรกันแน่ถึงได้กล้ามาโวยวายทำร้ายร่างกายคนอื่นที่หน้ามหาลัยแบบนี้"
อาคิยะมีสีหน้าที่โกรธจัดแล้วก็เดินเข้าไปกระชากคอเสื้อดึงชายแปลกหน้าขึ้นมา ในใจของเขาเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้ไม่สึกไม่สบอารมณ์ทั้งที่มันไม่ใช้เรื่องของตัวเองเลย แต่แค่เห็นเธอโดนกดดันแบบเมื่อกี้รู้สึกตัวอีกทีร่างกายก็ขยับมาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
"อะไรวะ มีแฟนแล้วนี่ ถ้าอย่างนั้นก็อย่ามายืนส่งสายตาให้เหมือนสนใจกันเซ่!!"
ฉันไปทำแบบนั้นตอนไหนกัน มีแต่ อึก
รู้สึกเหมือนในอกมันบีบอัด หายใจลำบากขึ้นมายังไงยังงั้น ลมหายใจเริ่มถี่หายใจเข้าออกไม่เป็นจังหวะ เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้อาการกำเริบขึ้นมา คาซึมิกุมที่อกตัวเองแน่นเหมือนจะขาดอากาศหายใจ ร่างสั่นสะท้านเพราะความกลัว หน้ามืดจนเริ่มมองไม่เห็นข้างหน้า
แย่แล้ว แบบนี้แย่แน่ๆ พยายามประคองอารมณ์ให้คงที่แล้วแต่ไม่ไหวอยู่ดี ทำไงดี.....แต่ว่าเรามีเข็มกลัดที่ติดอยู่ตรงอกอยู่เพราะงั้นอีกสักหน่อยลูโตะคงจะมาแล้ว แต่ทนจนถึงตอนนั้นไม่ไหวแน่
เอี๊ยดดด!!
"คุณหนูครับ!"
ลูโตะ มาได้สักทีนะ ฉันไม่ไหวอยู่แล้วเนี่ย อีกนิดน่าจะได้หมดสติอยู่ตรงนี้แทนละเนี่ย!
ลูโตะรีบวิ่งลงจากรถมาประคองคาซึมิอย่างรวดเร็ว พร้อมกับผู้ติดตามอีกประมาณ 2-3 คนที่ตามมาด้วย
"คุณหนูใจเย็นๆ ไว้นะครับ ค่อยๆ หายใจไม่เป็นอะไรแล้วครับ ไม่เป็นไรแล้ว"
"ฮู่ว...ฮู่ว"
โอ๊ยยย นึกว่าจะได้ตายลงตรงนี้ตามแม่ไปแล้วซะอีก ต้องขอบคุณลูโตะจริงๆ ที่มาทันเวลา
อาคิยะที่วุ่นวายกับชายแปลกหน้าอยู่ก็ตกใจเมื่อมีคนใส่สูทแบบเป็นทางการเข้ามาแทรก แต่ละคนมีลักษณะที่ดูน่าเชื่อถือ แต่ก็ดูเหมือนจะอันตรายอยู่เหมือนกัน เมื่อคนพวกนั้นเข้ามาแทรกก็ให้ความรู้สึกเหมือนจะฝากให้คนพวกนี้จัดการต่อได้ เมื่อโล่งใจอาคิยะก็เริ่มสังเกตเห็นว่าคาซึมิมีท่าทางไม่ดี
"นี่ เป็นอะไรรึเปล่า"
"ไม่เป็นอะไรครับ เพราะงั้นไม่ต้องห่วง"
ลูโตะใช้แขนกันอาคิยะออกเพราะเขาต้องระวังคนรอบข้างคาซึมิอยู่เสมอ อาคิยะได้ยินแบบนั้นคิดว่าท่าทางแบบนั้นไม่เป็นอะไรก็แปลกแล้ว แต่ดูจากท่าทางการระวังตัวของผู้ชายคนนี้เขาก็คิดได้เลยว่าเขาระแวงอะไรอยู่
"ผมชื่อ คุโระ อาคิยะ เป็นนักศึกษาของมหาลัยนี้ คุณไม่ต้องระวังผมขนาดนั้นก็ได้ เพราะผมกับเธอคนนี้รู้จักกันเพราะงั้นลดการป้องกันได้แล้ว"
เมื่อสังเกตดีๆ เขาก็เป็นคนที่ช่วยคุณหนูไว้ ถึงจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็น่าจะเชื่อใจได้ เขาจึงลดการป้องกันลงตามที่อาคิยะบอก เพราะหลังจากที่เขาเจออาคิยะที่โรงพยาบาลครั้งนั้น เขาก็ได้สืบหาประวัติเขามาเรียบร้อย
"ผมคงต้องขอใช้ห้องพยาบาลของมหาลัยสักพัก เพราะอีกเดี๋ยวหมอก็เดินทางมาถึงแล้ว"
"ผมคงต้องให้คุณเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แล้วก็เรื่องอาการของคาซึมิก็ขอให้คุณคิดซะว่ามันไม่ได้เกิดอะไรขึ้นละกัน"
"ว่าไงนะ?"
ลูโตะและอาคิยะออกมาคุยกันอยู่หน้าห้องพยาบาลระหว่างที่หมอประจำตัวกำลังตรวจร่างกายคาซึมิ ลูโตะเหมือนจะบอกกับอาคิยะว่าเรื่องนี้เขาไม่จำเป็นจะต้องสนใจ แต่เหมือนอาคิยะจะไม่เข้าใจเรื่องที่บอกให้ทำเหมือนว่าอาการของคาซึมินั้นไม่เคยเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่อาการของเธอที่เขาเห็นนั้นมันไม่ได้เป็นอาการเล็กๆ ที่จะปล่อยผ่านไปได้
"ผมว่าอาการของเธอควรที่จะต้องดูในระยะใกล้ชิดนะ มันดูไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะดูจากสถานการณ์เมื่อกี้เธอก็ดูจะไม่ดีเอามากๆ"
"คุณไม่จำเป็นต้องมาสนใจเรื่องนี้หรอกครับ เพราะหลังจากนี้พวกเราจะคอยจับตามองตลอดเวลา"
เพราะพวกเราไม่สามารถเข้ามาเรียนพร้อมกับคุณหนูได้ จึงต้องคอยจับตาดูอยู่ตลอดเพื่อความปลอดภัยและเผื่อสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างวันนี้
"อืม....ดูแล้ว อาการของเธอน่าจะเป็นโรคประจำตัวสินะ แต่ว่าพวกคุณเป็นใครกันแน่ ถ้าถึงขนาดคอยจับตาดูแลกันขนาดนี้แถมยังเรียกว่าคุณหนูอะไรนั่นอีก"
ลูโตะคิ้วกระตุกเล็กน้อยหลังจากได้ยินอาคิยะพูด เขาน่าจะประเมินสถานการณ์ของพวกเราและจับสังเกตอะไรหลายๆ อย่างได้อย่างแน่นอน เพราะเราเรียกคุณหนูว่าคุณหนูก็เป็นแค่ช่วงที่กำลังชุลมุน เขาเองก็กำลังขวางชายคนนั้นไว้แต่กลับจำคำพูดที่เราพูดได้หมด แค่ภายในระยะเวลาสั้นๆ ทำได้ขนาดนี้ เรื่องนั้นเขาอาจจะทำได้ก็ได้
ครืนน
หมอประจำตัวเปิดประตูจึงทำให้บทสนทนาระหว่างทั้งสองคนต้องหยุดลง หมอมองไปทางอาคิยะแล้วลูโตะไม่ได้ว่าอะไรก็เริ่มบอกอาการเบื้องต้นทันที
"อาการไม่ได้เป็นอะไรแล้วล่ะครับ แต่ถ้าจะให้ดีพยายามอย่าให้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักก็ดีนะครับ เพราะหัวใจก็ไม่ได้แข็งแรงอยู่แล้ว มันจะเป็นผลเสียกับร่างกายน่ะ คุณลูโตะช่วยมาเอาใบแนะนำด้วยนะครับเดี๋ยวผมจะเขียนให้"
หมอโค้งเดินไปพร้อมกับลูโตะ ส่วนอาคิยะก็เดินเข้าห้องไปเพื่อดูอาการของคาซึมิทันที แต่พอเข้าไปก็เห็นคาซึมิขดตัวอยู่ในผ้าห่มบนเตียงซะอย่างนั้น เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็ได้พูดขึ้นมาในใจว่า 'กำลังทำอะไรน่ะ?'
แย่ที่สุดเลยๆๆ เกิดเหตุการณ์สุดจะเลวร้ายยังไม่พอ ยังมาอาการกำเริบต่อหน้าคนในมหาลัยเดียวกันอีก!! ชีวิตแสนสุขในมหาลัยที่เคยใฝ่ฝันกลายเป็นสร้างเรื่องน่าอายตั้งแต่ยังไม่เปิดเรียนเลย โถ่....แบบนี้มองหน้าใครไม่ติดแล้ว ถึงคนอื่นๆ นอกจากคนนี้แล้วจะไม่เห็น แต่ฉันเห็นมันก็อายอยู่ดีน่ะสิ!!
"นี่เธอทำอะไรอยู่น่ะ?"
อึก
คาซึมิสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทักก็ค่อยๆ ออกมาจากผ้าห่มแล้วนั่งอย่างเรียบร้อย
"ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง"
อาคิยะพูดพร้อมเอาเก้าอี้มานั่งตรงหน้าของคาซึมิ เขานั่งจ้องเธออยู่สักพักก็พึ่งสังเกตเห็นว่าในมือของเธอไม่มีมือถือ
"อ่า โทษที มือถือสินะ"
เขาหันหลังไปเพื่อเอามือถือที่วางอยู่ตรงโต๊ะด้านหลังแล้วยื่นให้คาซึมิ เขาสังเกตเห็นว่าเธอดูโล่งใจเมื่อได้รับมือถือคืนทันที ทั้งที่เมื่อกี้ยังทำท่าทางไม่รู้ว่าจะเอาสายตาไปไว้ตรงไหนหรือควรทำตัวยังไงอยู่เลย
"ฉันไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ ขอบคุณที่ช่วยนะคะ"
อาคิยะไม่แสดงท่าทางหรือสีหน้าอะไรออกมา เขาคิดแค่ว่าทำไมเขากับเธอถึงได้เจอกันอีกครั้งเร็วขนาดนี้ ถึงจะมีความรู้สึกว่าจะได้เจอกันอีกแต่กลับเร็วกว่าที่คิดไว้ซะอีก เนื่องจากอาคิยะมักจะมีความรู้สึกที่แม่นยำมากกว่าคนอื่นๆ เพราะตอนที่เจอคาซึมิที่โรงพยาบาลครั้งนั้นเขามีความรู้สึกว่าน่าจะได้เจอกันเลยพูดไปว่าขอให้เจอกันอีก
"เจอกันอีกแล้วสินะ"
อาคิยะพูดพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อยทำให้คาซึมิที่เห็นแบบนั้นถึงกับชะงักไปสักพัก ถึงจะอายที่การพบกันอีกครั้งจะไม่น่าดูสักเท่าไหร่ แต่คาซึมิก็รับรู้ได้ว่าเขาเองก็ยินดีที่ได้มาเจอกันอีกครั้ง ทั้งที่เจอกันเพียงแค่ครั้งเดียวและคุยกันไม่นานแต่กลับรู้สึกดีใจที่ได้มาเจอกัน เป็นคนที่แปลกจริงๆ เลย การที่อยู่กับเขาแล้วรู้สึกสบายใจแบบนี้มันเป็นเพราะอะไรกันนะ