หญิงสาวที่มีอดีตที่ทำให้ไม่สามารถพูดคำพูดออกมาได้อย่างใจ กับชายหนุ่มที่เขาเองก็มีภูมิหลังที่แสนมืดมน แต่กลับเป็นคนที่มีความรู้สึกชัดเจนกว่าคนอื่น เขาจะสามารถคว้าหัวใจของเธอมาได้มั้ย และเธอจะสามารถเปิดใจพูดและเรียกหาเขาได้รึเปล่า?

คำพูดแรกของเธอเป็นฉันได้ไหม - ตอนที่ 3 สภามหาลัย โดย R.T. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,รักมหาลัย,รักวัยรุ่น,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

คำพูดแรกของเธอเป็นฉันได้ไหม

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักมหาลัย,รักวัยรุ่น,ดราม่า

รายละเอียด

คำพูดแรกของเธอเป็นฉันได้ไหม โดย R.T. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หญิงสาวที่มีอดีตที่ทำให้ไม่สามารถพูดคำพูดออกมาได้อย่างใจ กับชายหนุ่มที่เขาเองก็มีภูมิหลังที่แสนมืดมน แต่กลับเป็นคนที่มีความรู้สึกชัดเจนกว่าคนอื่น เขาจะสามารถคว้าหัวใจของเธอมาได้มั้ย และเธอจะสามารถเปิดใจพูดและเรียกหาเขาได้รึเปล่า?

ผู้แต่ง

R.T.

เรื่องย่อ

สารบัญ

คำพูดแรกของเธอเป็นฉันได้ไหม-ตอนที่ 1 ขอให้เจอกันอีกนะ,คำพูดแรกของเธอเป็นฉันได้ไหม-ตอนที่ 2 แย่ที่สุดเลย,คำพูดแรกของเธอเป็นฉันได้ไหม-ตอนที่ 3 สภามหาลัย,คำพูดแรกของเธอเป็นฉันได้ไหม-ตอนที่ 4 ปิดบังไม่ได้หรอก

เนื้อหา

ตอนที่ 3 สภามหาลัย

ตอนนี้ฉันก็ได้เป็นนักศึกษามหาลัยแล้วค่ะ รูปแบบชุดของมหาลัยที่ต้องใส่ไปวันปฐมนิเทศเองก็น่ารักอยู่หน่อยๆ นะ แฮะๆ เชิ้ตสีขาวแขนยาว กระโปรงสีกรมท่า กับเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มที่ตัดกันกับเส้นสีเหลืองทองตรงรอบๆ เสื้อคลุม และลักษณะที่ยาวลงมาตรงถึงหัวเข่า ชุดนี้มันเพอร์เฟคสุดๆ ไปเลยนี่นา!! อ๊ะ ต้องรีบไปแล้วสิ

"ทำอะไรอยู่ ช้าอีกนิดคงไปไม่ทันหรอกนะ"

"ขอโทษ แต่ชุดมันใส่ยากเลยจัดระเบียบนานไปหน่อย"

หลังจากเหตุการณ์วันนั้นอยู่ดีๆ คุโระ อาคิยะ ก็ได้มาเป็นคนดูแลฉันระหว่างช่วงเวลาเรียนซะงั้น ถ้าถามว่าทำไมถึงเป็นเขาละก็คงจะต้องเล่ายาวสักหน่อย เพราะงั้นจะย่อๆ ให้แล้วกัน เนื่องจากเขาเข้ามาช่วยฉันในวันนั้นแล้วเหมือนว่าลูโตะจะสังเกตเห็นไหวพริบแล้วก็ฝีมือของเขา เลยไปพูดคุยอะไรกับคุณพ่อก็ไม่รู้ สักพักลูโตะก็เรียกเขาไปหาแล้วจู่ๆ ก็พุ่งเข้าใส่อาคิยะจนใจฉันตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยแหนะ แล้วก็พึ่งรู้ว่าเขาต่อสู้เป็นด้วยก็นะ ถึงขนาดกันท่าที่ลูโตะพุ่งเข้าใส่ได้ขนาดนั้นก็คงจะมีฝีมืออยู่บ้าง หลังจากนั้นก็ได้รับหน้าที่คุ้มกันฉันเฉยเลย....(ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนไม่ทันได้ทำอะไรเลย....ฮ่าๆ)

''ส่งกระเป๋ามาสิ"

เอ๊ะ อ่า

ยังไม่ทันได้บอกเลยว่าจะให้ช่วยถือน่ะ

"นี่ ฉันไม่หนักหรอกนะ ยังไงก็ต้องได้นั่งรถไปอยู่แล้วคงไม่ได้ถือหรอก"

"ใครบอกว่าจะนั่งรถไปกัน?"

เอ๊ะ? ไม่นั่งรถแล้วจะไปยังไงล่ะ? เอ๊ะ?

"พวกเราจะเดินไปต่างหาก"

จริงสิเราเป็นคนบอกเองนี่นาว่าจะไม่นั่งรถไปมหาลัย เพราะมันน่าจะเป็นที่เตะตาน่าดูเลยน่ะสิ ก็รถบ้านฉันมันไม่เหมือนใครนี่.....(ใครจะไปบอกว่าที่บ้านใช้รถลีมูซีนเวลาไปไหนมาไหนน่ะ ฮ่าๆๆ)

"คาซึมิ!!"

เมื่อเดินถึงหน้าห้องประชุมที่ใช้ในการประชุมในวันปฐมนิเทศก็มีเสียงหนักแน่นของเด็กผู้หญิงที่อายุมากกว่า 1 ปีเรียกชื่อคาซึมิดังขึ้นมาจากข้างหน้า เธอสวมชุดไปรเวตเสื้อแขนยาวที่ใหญ่กว่าตัวเล็กน้อยกับกางเกงขาสั้น ผมที่เป็นสีดำสนิทสั้นจนถึงบ่าของเธอทำให้ใบหน้าที่ขาวนวลและดวงตาสีดำกลมโตของเธอดูโดดเด่นมากขึ้น

อายาเมะ!?

เพื่อนสนิทของฉันที่ย้ายมาจากอิตาลีด้วยกัน ถึงอายาเมะจะอายุมากกว่า 1 ปี แต่เราก็สนิทกันมากเพราะช่วงที่อยู่อิตาลีเธอช่วยเหลือเราเยอะมากๆ เธอเป็นรุ่นพี่ที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากจนไม่น่าเชื่อว่าเราจะห่างกันแค่ปีเดียวเท่านั้น

"ทำไมถึงมาอยู่นี่ได้ล่ะ? จำได้ว่าอายาเมะอยู่อีกมหาลัยไม่ใช่เหรอ"

"อืม ฉันได้ยินมาว่าเธอเข้าที่นี่ได้ก็เลยแวะมาดูสักหน่อยน่ะ ว่าแต่คนข้างๆ เธอคือใครกัน ไม่ใช่คนที่ไปไหนมาไหนด้วยตลอดคนนั้นนี่"

"นี่เธอ คนของมหาลัยนี้ก็ไม่ใช่ยังจะมาสงสัยกันอีกนะ"

"อะไรกัน ก็ฉันเป็นห่วงคาซึมิหรอกนะถึงได้ถามน่ะ ถ้าตอนอยู่อิตาลียัยนี่ไม่เจอเรื่อง----อุ๊บ!!"

อ๊าาาาา อย่านะอายาเมะๆๆๆ เรื่องนี้อย่าพูดนะะะะะ คาซึมิรีบเอามือไปปิดปากอายาเมะทันทีเมื่อเธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา

"อืมม ตอนนี้น่าจะได้เวลาที่ฉันต้องเข้าปฐมนิเทศแล้ว เอาไว้ถ้าเสร็จหมดแล้วฉันจะอธิบายให้ฟังนะอายาเมะ"

คาซึมิยกมืออีกข้างขึ้นมาไหว้อย่างลุกลี้ลุกลน

"เฮ้อ เข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันโทรไปหานะ"

คาซึมิพยักหน้าทันทีที่ได้ยินคำตอบ ในใจก็รู้สึกโล่งอกแปลกๆ ทะ ทำไมแค่จะอธิบายเรื่องนี้มันถึงรู้สึกเหนื่อยขนาดนี้นะ.....



ฮู้วว เสร็จสักที เข้าร่วมงานแค่นี้ก็เหนื่อยเหมือนกันแฮะ คิดๆ แล้วคุณพ่อเองก็ประชุมเกือบทุกวันเลยนี่นาสุดยอดจริงๆ อ่า จะว่าไปแล้วคุโระคุงอยู่ไหนนะ ตอนเข้าไปก็ได้อยู่กันคนละแถวซะด้วยสิ

"สวัสดี"

อ้ะ

เสียงเรียบนิ่งของผู้หญิงผิวแทนรูปร่างสมส่วนจนเรียกได้ว่าแทบจะเป็นหุ่นของนางแบบ ดวงตาสีเทากับคิ้วที่ดูอ่อนไหวให้ความรู้สึกอ่อนโยนแต่ก็สงบ กับผมสีเหลืองอ่อนที่ยาวลงมาจากบ่าประมาณหนึ่ง เดินมาทักคาซึมิ

ว้าว...เธอสวยมากเลย

"พอดีฉันหาทางไปอาคารบีไม่เจอ พอจะรู้ทางไปรึเปล่า?"

ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนเวลาเจอกับใครก็จะโดนถามทางตลอดเลยนะ....? ฮ่าๆ...รึว่าหน้าตาฉันเหมือนคนรู้ทางขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ....

"ขอโทษด้วยนะคะ พอดีฉันเป็นนักเรียนใหม่เลยยังไม่ค่อยรู้เรื่องในมหาลัยเท่าไหร่น่ะค่ะ"

"อ่า งั้นเหรอ โทษทีนะฉันนึกว่าเป็นนักศึกษาเก่าของที่นี่น่ะ" ใช้มือถือในการสื่อสารแฮะ?

"ลูริ!!!"

ผู้หญิงอีกคนตะโกนจากด้านหลังพร้อมวิ่งเข้ามากระโดดเกาะหลังของหญิงสาวผิวแทนอย่างรวดเร็ว

"เดินไปเดินมาแบบนี้ไม่ได้นะ! ลูริยิ่งไม่ค่อยจำทางไปไหนมาไหนได้อยู่ด้วยยย!!"

มีรุ่นพี่อีกคนมาจากไหนอีกแล้ว....อ๊ะ เข็มกลัดอกรูปกุหลาบหนามสีน้ำเงินทองนี่มัน 'สภาหาลัย' ?

ได้ยินมาจากลูโตะว่าที่มหาลัยนี้มีตำแหน่งที่มีอำนาจรองลงมาจากผู้บริหารอยู่หนึ่งตำแหน่ง ที่จะจัดการเรื่องยิบย่อยทั้งหมดถ้าหากพิจารณาแล้วว่าไม่จำเป็นต้องรายงานขึ้นไปถึงเบื้องบนพวกเขาก็จะจัดการเรื่องนั้นกันเอง ไม่ว่าเรื่องนั้นจะใหญ่โตขนาดไหนแต่หากพวกเขายืนยันแล้วว่าไม่จำเป็นต้องถึงเบื้องบน เรื่องทั้งหมดก็จะถูกพวกเขาตัดสินกันเอง แม้แต่เหล่าอาจารย์ที่ได้รับคำร้องเรียนจากนักศึกษาก็จะต้องเขียนเอกสารส่งไปที่สภามหาลัยก่อนเสมอ

----แล้วเราจะมั่นใจได้ยังไงว่าพวกเขาจะไม่โกงคำตัดสิน และโดนยัดเงินให้จัดการเรื่องที่ไม่เป็นธรรมน่ะ?

----คุณหนูดูเอกสารที่ผมวางไว้ข้างหน้าดูสิครับ พวกเขาทั้งหมดที่อยู่ในตำแหน่งของสภามหาลัยนั้น ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยเป็นคนคัดเลือกเข้ามาทั้งนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลที่มีอำนาจในทางธุรกิจหรือเป็นครอบครัวคนใหญ่คนโตมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษทั้งนั้นครับ พวกเขาจะถูกอบรมโดยอาจารย์สอนมารยาทของตระกูลตั้งแต่ขั้นพื้นฐานจนถึงระดับที่สามารถออกงานทางสังคมได้ตั้งแต่อายุยังน้อย และเป็นพวกคนที่เราต้องจับตาดูไว้เป็นพิเศษ ถึงจะเป็นแบบนั้นคุณหนูก็ไม่ต้องกังวลครับ เพราะคนจากตระกูลของเราเองก็ได้เป็นสมาชิกอยู่ที่นั่นเช่นกัน และคุณหนูต้องคอยระวังอย่าไปยุ่งกับคนพวกนี้เด็ดขาดนะครับ เพราะถึงแม้พวกเขาจะดูน่าเชื่อถือแบบนี้แต่เบื้องหลังของพวกเขาตอนนี้ทางเรายังไม่สามารถหาข้อมูลได้ จึงถูกจัดให้เป็นบุคคลที่ควรระวังมากที่สุดในตอนนี้

"เธอคือรุ่นน้องของปีนี้สินะ ขอโทษนะที่เพื่อนของฉันเข้ามารบกวนน่ะ"

"ไม่เป็นไรค่ะ"

"หืมม เธอใช้มือถือในการสื่อสารพูดคุยอย่างนั้นเหรอ?"

คาซึมิพยักหน้าตอบ

"อืม....ฉันชื่อริวซากิ ริกะ ส่วนทางนี้ชื่อ อาลูริเอนะ ฮิซาโนะ พวกเราอยู่ชั้นปีที่ 3 มีอะไรไม่รู้หรือไม่สบายใจสามารถแจ้งพวกเราได้เลยนะ!"

เอ๊ะ ริวซากิ ริกะ กับ อาลูริเอนะ ฮิซาโนะ? เหมือนลูโตะจะเคยบอกว่าสมาชิกมีอยู่ 5 คนที่เป็นสมาชิกหลักใช่มั้ยนะ?

----สมาชิกทั้งหมดในสภามหาลัยนั้นจะมีอยู่ทั้งหมด 13 คน ซึ่งมี 5 คนเป็นหัวหน้าในการบริหารจัดการงานที่แตกต่างกันออกไป และ 8 คนที่เป็นผู้ช่วยให้กับสมาชิกหลักทั้งห้าคน โดยแต่ละคนจะมีผู้ช่วยคนละ 2 คนเท่านั้นครับ

----เอ๊ะ ถ้าสมาชิกหลักมี 5 คนแล้วมีผู้ช่วยคนละ 2 ละก็ อีกคนไม่มีผู้ช่วยอย่างงั้นเหรอ?

----ไม่เชิงครับ สมาชิกคนที่ 5 นั้นแม้จะไม่มีผู้ช่วยส่วนตัวเหมือนคนอื่น แต่เขาสามารถเรียกสมาชิกหลักทั้ง 5 คนนั้นให้ทำอะไรก็ได้ เรียกได้ว่าคนที่มีอำนาจสูงสุดในสภามหาลัยก็คือสมาชิกคนที่ 5 นั่นก็คือ ไดอิจิ เรียว และสมาชิกอีก 4 คนได้แก่ ฮารุนะ ฟูยุ ,เรอิกิ ฮิโรชิ ,ริวซากิ ริกะ และ อาลูริเอนะ ฮิซาโนะ ครับ

สองคนที่อยู่ข้างหน้าฉันคือคนที่เป็นสมาชิกหลักของสภามหาลัยเลยเหรอ เจอตัวง่ายกว่าที่คิดซะอีกแฮะ นึกว่าจะเป็นกลุ่มคนที่ลึกลับอะไรแบบนั้นซะอีก

"คาซึมิไปกันเถอะ"

อ๊ะ คุโระ! นึกว่าหายไปไหนซะอีก

"หือ?" อะไรกันคนพวกนี้คือสมาชิกสภามหาลัยไม่ใช่รึไง? ทำไมถึงมายืนคุยกับยัยนี่ได้กัน

อาคิยะเดินมาบังตรงด้านหน้าของคาซึมิทันทีเมื่อสังเกตเห็นว่าสองคนด้านหน้านั้นคือใคร ถึงท่าทางภายนอกที่เขาแสดงให้ดูจะไม่ได้มีพิษภัย ความจริงแล้วเขากำลังวิเคราะห์ลักษณะและรูปร่างของสมาชิกทั้งสองคนอย่างละเอียด

"หากพวกรุ่นพี่ไม่มีเรื่องอะไรพวกเราคงต้องขอตัวไปทำธุระกันต่อนะครับ"

"หืม อ่า อื้ม! ขอโทษที่รั้งไว้นานเลยนะ"

"นี่ๆ เธอชื่ออะไรงั้นเหรอ น่ารักมากเลย"

อาลูริเอนะ ฮิซาโนะ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้คาซึมิโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัวพร้อมกับยื่นมือจะมาจับแขนของคาซึมิ แต่ไม่ทันได้แตะตัวเธอมือทั้งสองข้างที่ยื่นออกมาก็ต้องหยุดทันทีเมื่อมีแขนของอาคิยะยื่นมากันไว้

"พอดีพวกเราต้องไปแล้วน่ะครับ เพราะงั้นขอตัวก่อนนะครับ" อาคิยะโค้งตัวลงเล็กน้อยก่อนจะจับไหล่ของคาซึมิให้หันหลังกลับอย่างรวดเร็ว "รีบไปกันเถอะ" อาคิยะกระซิบบอกกับคาซึมิแล้วก็เดินออกมาทันที

ถ้าแค่เข้ามาเพราะเหตุผลอื่นเราคงไม่ต้องกังวลมากขนาดนี้ แต่นี่ไม่คิดจะเก็บสิ่งที่อยู่ในใจเลยนะคนที่ชื่อ อาลูริเอนะ ฮิซาโนะ อะไรนั่นน่ะ 

"คุโระ"

"หืม?"

"ทำไมถึงได้ดูระวังคนที่ชื่อ อาลูริเอนะ จังเลยล่ะ?"

"ก็แค่ความรู้สึกน่ะ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษหรอก"

"แต่ถ้าแบบนั้นอีกคนก็ดูน่าสงสัยเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? เพราะยิ่งดูเป็นมิตรมากเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายยังไงล่ะ"

ที่คาซึมิบอกมานั่นก็ไม่ผิด เพราะคนที่เป็นมิตรยิ่งกว่าใครก็ยิ่งอันตรายมากเท่านั้น เพราะถือว่าเป็นคนที่เก็บความต้องการเก่งมากที่สุด คนน่ะยิ่งมีความต้องการมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความโลภมากขึ้นและทำให้เกิดความคิดที่ผิดเพี้ยนมากกว่าคนอื่น ถ้าเป็นทั่วไปคงจะปิดความต้องการนั้นไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะมนุษย์น่ะเป็นสิ่งที่มีความโลภมากกว่าสิ่งใด แต่ถ้าเป็นพวกที่ปกปิดความต้องการที่เอ่อล้นนั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติละก็คงจะมีแต่พวกที่อยู่บนจุดที่ต่อให้ล้มเหลวสักกี่ครั้งก็ต้องนำมาเป็นของตัวเองให้ได้ ถือว่าเป็นพวกอันตรายขั้นสุดเลยล่ะนะ

"มันก็จริงอย่างที่เธอว่ามาแหละนะ เอาเถอะคิดไปตอนนี้คงไม่ได้อะไรขึ้นมารีบไปสมัครชมรมกันไว้เถอะ ถ้าเต็มขึ้นมาคงยุ่งยากน่าดู"

จริงด้วย! ถ้าชมรมเต็มละก็เราคงได้จับสุ่มเข้าชมรมแปลกๆ ที่ไม่มีคนเข้าแน่นอนเลย คงต้องรีบไปแล้ว