หญิงสาวที่มีอดีตที่ทำให้ไม่สามารถพูดคำพูดออกมาได้อย่างใจ กับชายหนุ่มที่เขาเองก็มีภูมิหลังที่แสนมืดมน แต่กลับเป็นคนที่มีความรู้สึกชัดเจนกว่าคนอื่น เขาจะสามารถคว้าหัวใจของเธอมาได้มั้ย และเธอจะสามารถเปิดใจพูดและเรียกหาเขาได้รึเปล่า?

คำพูดแรกของเธอเป็นฉันได้ไหม - ตอนที่ 4 ปิดบังไม่ได้หรอก โดย R.T. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,รักมหาลัย,รักวัยรุ่น,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

คำพูดแรกของเธอเป็นฉันได้ไหม

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักมหาลัย,รักวัยรุ่น,ดราม่า

รายละเอียด

หญิงสาวที่มีอดีตที่ทำให้ไม่สามารถพูดคำพูดออกมาได้อย่างใจ กับชายหนุ่มที่เขาเองก็มีภูมิหลังที่แสนมืดมน แต่กลับเป็นคนที่มีความรู้สึกชัดเจนกว่าคนอื่น เขาจะสามารถคว้าหัวใจของเธอมาได้มั้ย และเธอจะสามารถเปิดใจพูดและเรียกหาเขาได้รึเปล่า?

ผู้แต่ง

R.T.

เรื่องย่อ

สารบัญ

คำพูดแรกของเธอเป็นฉันได้ไหม-ตอนที่ 1 ขอให้เจอกันอีกนะ,คำพูดแรกของเธอเป็นฉันได้ไหม-ตอนที่ 2 แย่ที่สุดเลย,คำพูดแรกของเธอเป็นฉันได้ไหม-ตอนที่ 3 สภามหาลัย,คำพูดแรกของเธอเป็นฉันได้ไหม-ตอนที่ 4 ปิดบังไม่ได้หรอก

เนื้อหา

ตอนที่ 4 ปิดบังไม่ได้หรอก

"กลับมาแล้วเหรอคาซึมิ"

โคสุเกะพ่อของคาซึมิเอ่ยทักทายเมื่อเห็นลูกสาวกลับถึงบ้าน

"กลับมาแล้วค่ะ"

ท่าทางของคุณพ่อที่สวมใส่ชุดญี่ปุ่นโบราณยืนให้อาหารปลาอยู่ที่บ่อปลาด้านในบ้านนั้นคงจะทำให้คนอื่นไม่อยากจะเชื่อแน่ว่าท่านเป็นมาเฟียที่เลื่องชื่อในอิตาลี

"ไปซื้อของกับลูโตะเรียบร้อยดีใช่มั้ย?"

คาซึมิพยักหน้าแล้วยิ้มเล็กน้อย

"งั้นเหรอ....ดีแล้วล่ะ"

คาซึมิสังเกตเห็นท่าทางผิดปกติของพ่อตัวเอง แม้ภายนอกจะดูไม่ได้มีอะไรแต่ความรู้สึกที่เธอสัมผัสได้นั้นมันเหมือนมีอะไรบางอย่างกวนใจของเขาอยู่ เธอรู้สึกไม่สบายใจจึงได้ยื่นมือไปจับที่ปลายแขนเสื้อของโคสุเกะเพื่อแสดงถึงความรู้สึกเป็นห่วง โคสุเกะเห็นแบบนั้นก็ได้ยิ้มอ่อนออกมาพร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อย เขาไม่อยากให้ความกังวลของเขาต้องไปกระทบกับจิตใจของลูกสาวที่ต้องผ่านเรื่องราวเลวร้ายมามากมายต้องมากังวลไปกับตัวเอง เพราะแบบนั้นจึงได้แต่เก็บมันไว้ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉยที่เขาคิดว่าตนเองถนัด แม้แต่ลูกน้องในกลุ่มยังไม่มีใครสังเกตเห็น แต่กับคาซึมิแล้วเขากลับไม่สามารถซ่อนความรู้สึกนี้กับเธอได้เลย เขาทำได้เพียงแค่ยื่นมือไปลูบหัวลูกสาวอย่างถนุถนอมเท่านั้น

"พ่อไม่เคยปิดบังอะไรลูกได้เลยสินะ ทั้ง ๆ ที่เจ้าพวกไม่ได้เรื่องพวกนั้นยังไม่สังเกตเห็นเลยแท้ๆ"

"หนูน่ะอยู่กับคุณพ่อมาตลอดนะ หนูรู้ทั้งหมดนั่นแหละ"

โคสุเกะตกใจเล็กน้อยกับคำพูดของเธอ หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะปนความรู้สึกโล่งใจออกมาเล็กน้อย

"ฮะๆ นั่นสินะ ก็ลูกเป็นลูกของพ่อนี่นา เพราะแบบนั้นรึเปล่านะถึงได้ฉลาดแบบนี้"

ถึงแม้ว่าความฉลาดนั้นจะเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าฉลาดเกินไปความฉลาดนั้นก็จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเรา แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรพ่อก็จะปกป้องลูกให้ปลอดภัยเอง เพราะลูกคือสมบัติที่เธอเหลือเอาไว้ให้พ่อยังไงล่ะ

"คุณหนูครับ!! ขอโทษที่รบกวนนะครับแต่ว่าช่วยมาดูทางนี้ได้รึเปล่าครับ"

เสียงสมาชิกคนหนึ่งตะโกนเรียกให้คาซึมิไปช่วยดูงานอีกทางด้านหนึ่งของบ้าน

"หนูขอตัวก่อนนะคะ"

"อืม ไปเถอะ"

ภาพของลูกสาวที่หันหลังวิ่งห่างออกไปที่โคสุเกะเห็นนั้น มันกลับซ้อนภาพเมื่อหลายปีก่อนที่พวกเขาเคยอยู่ด้วยกันสามคน ภาพของเด็กผู้หญิงที่ตอนนั้นมีความสูงถึงเพียงแค่เข่าของเขาเท่านั้นเอง

---คาซึมิมานี่เร็วลูก

---แม่!!

---โคสุเกะ คุณเองก็มาทางนี้เร็วสิคะ

---พ่อคะ พ่อ เร็วๆ สิคะ!

ลูกของเราโตขึ้นขนาดนี้แล้วสินะ เธอเห็นรึเปล่า? ลูกเราโตจนถึงขนาดที่เป็นห่วงผมได้แล้วนะ คุณอยู่ฝั่งนั้นคงจะคอยเฝ้าดูเธออยู่ใช่มั้ยอิซูมิ

ณ อะพาร์ตเมนต์ของคุโระ อาคิยะ



"พี่ ผมไปข้างนอกนะ"

เด็กชายพูดบอกส่งๆ พร้อมกับเดินผ่านอาคิยะโดยไม่เหลียวมองหน้าเขาเลยสักนิด

"นายจะไปไหนนาโอกิ"

คุโระ นาโอกิ น้องชายของอาคิยะเขามีอายุน้อยกว่าอาคิยะอยู่ 4 ปี เขามีลักษณะภายนอกที่เหมือนกับพี่ชายแทบเรียกได้ว่าเหมือนกับฝาแฝดกันเลยก็ว่าได้ แต่ถึงแม้พวกเขาจะเหมือนกันมากขนาดไหน ก็ต้องมีอย่างหนึ่งที่น้องชายของเขานั้นไม่มีเหมือนกับพี่ชาย พี่ของเขามักจะได้รับคำชมอยู่เสมอเพราะเขานั้นทำอะไรก็ดูง่ายไปหมด แต่สำหรับคุโระ นาโอกิ นั้นไม่ว่าเขาจะทำอะไรมันก็ดูยากไปหมด จึงทำให้เขาถูกพวกญาติๆ เอาไปพูดเปรียบเทียบกับพี่ชายอยู่เสมอ ถึงพ่อแม่จะบอกว่าอย่าได้ไปใส่ใจคำพูดของพวกเขามาก แต่สำหรับเขานั้นมันเป็นเหมือนคำตำหนิที่ทำให้พี่ชายของเขาโดนพูดว่ามีน้องชายไม่ได้เรื่อง

"พี่ไม่ต้องรู้หรอก"

ปึง เมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้น เสียงฝีเท้าก็เริ่มไกลออกไป

อีกไม่นานก็วันเกิดของพี่แล้วเราควรเอาอะไรเป็นของขวัญให้พี่ดีนะ.....เงินค่าขนมเองก็ไม่ค่อยเหลือ ถ้าไม่เอาไปเล่นเกมก็คงเหลือเยอะกว่านี้ ใกล้ฤดูหนาวแล้วถ้าให้ผ้าพันคอมันจะดูน่าเบื่อเกินไปมั้ยนะ?

ระหว่างเดินพร้อมกับคิดเรื่องของขวัญที่จะให้พี่ชายเขาก็ชนเข้ากับใครคนหนึ่งจนเกือบหงายหลัง

ปึก!

"อ๊ะ! ขะ ขอโทษครับ...."

"คุณหนูเป็นอะไรมั้ยครับ?"

หะ? คุณหนู?

"เป็นอะไรรึเปล่า?"

เอ๋ เธอพิมพ์คำพูดในมือถือ?

นาโอกิเกิดความสงสัยขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้หญิงตรงหน้าใช้มือถือพิมพ์สื่อสารกับตัวเอง เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำหน้ายังไง แต่ก็ไม่ได้รังเกียจ เขาเพียงแค่รู้สึกแปลกใหม่ที่มีคนใช้อุปกรณ์สื่อสารแทนที่จะพูดออกมาจากปากตัวเอง

"มะ ไม่เป็นไรครับ"

จะว่าไปเธอคนนี้มองดูแล้วก็สวยมากเลย เส้นผมสีขาวราวกับหิมะ แต่ดวงตากลับมีสีเหมือนกับดอกไม้ชนิดหนึ่งที่บานในฤดูใบไม้ผลิที่เคยอ่านเจอในหนังสือเลย เอ๋ คนคนนี้ลักษณะมันเหมือนกับ....

"คุณคือ อาซากุระ คาซึมิ...?"

คนที่เขาชนก็คือคาซึมิ เธออยู่ระหว่างเดินเลือกซื้อของที่ลืมซื้อเมื่อก่อนหน้านี้ เธอกำลังสงสัยว่าเด็กคนนี้ทำไมถึงหน้าตาดูคุ้นๆ แต่เมื่อมองดูดีๆ แล้วก็เหมือนกับคนคนนึงขึ้นมา

"คุโระ อาคิยะ เวอร์ชันมินิ??"

"เวอร์ชันมินิอะไรกันล่ะ ผมชื่อคุโระ นาโอกิ น้องชายของเขาต่างหาก"

"ขะ ขอโทษจ้ะ ว่าแต่ทำไมเธอถึงรู้จักฉันได้ล่ะ? คุโระเป็นคนบอกอย่างนั้นเหรอ?"

"เปล่า ผมแค่ได้ยินพี่พูดก็เท่านั้นแหละ แต่ก็ไม่คิดว่าจะใช่จริงๆ"

ช่วงนี้เขาก็พึ่งได้ยินพี่ชายพูดถึงชื่อและลักษณะของผู้หญิงครั้งแรกเหมือนกัน เมื่อตอนอยู่บ้านระหว่างที่เขากำลังขึ้นห้องของตัวเองก็ได้ไปได้ยินพี่ชายโทรศัพท์คุยกับแม่อยู่ครั้งนึง

---จะว่าไปช่วงนี้เหมือนได้ยินมาว่าลูกไปรู้จักกับเด็กผู้หญิงคนนึงใช่มั้ย

---แม่ไปได้ยินมาจากใครล่ะนั่น

---ก็เพื่อนของลูกนั่นแหละ เห็นว่าตอนไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาลวันนั้นลูกไปถามทางเด็กผู้หญิงคนนึงแล้วเขาบอกว่าหน้าตาลูกดูอารมณ์ดีมากเลยน่ะสิ

---เจ้าพวกนั้นนี่มัน....

---เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ สรุปแล้วมีอะไรถูกใจจนถึงกับอารมณ์ดีจนเพื่อนๆ ดูออกกันล่ะ

---อืม ก็นิดหน่อย เธอเป็นคนที่สวยแบบที่พึ่งเคยเห็นเท่านั้นแหละ เส้นผมสีขาวกับดวงตาสีเหมือนดอกเนโมฟีล่าที่บานในฤดูหนาว ทั้งๆ ที่ดอกนั่นบานในช่วงฤดูใบไม้ผลิแท้ๆ

---แปลกนะเนี่ยที่ลูกของแม่จำได้แม้กระทั่งลักษณะของผู้หญิงได้แม่นขนาดนี้ แล้วเธอชื่อว่าอะไรล่ะ?

---เธอชื่อ....อาซากุระ...คาซึมิ

เราเองก็เพิ่งจะเคยเห็นพี่พูดถึงผู้หญิงเป็นครั้งแรก เพราะแบบนั้นรึเปล่านะเราเลยสนใจเป็นพิเศษ?

"เขาพูดถึงฉันด้วยเหรอ?"

"อืม แต่ตอนนี้ผมไม่ว่างคุยหรอกนะ พอดีต้องรีบไปทำธุระให้เสร็จก่อนที่จะค่ำมากกว่านี้ด้วย"

"ธุระเหรอ? ถ้าอย่างนั้นให้พี่ไปเป็นเพื่อนมั้ย เพราะพี่เองก็ต้องไปซื้อของเหมือนกัน"

"ไม่เป็นไรครับ ผมไปคนเดียวได้"

คาซึมิที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าเหมือนเสียดายเล็กน้อย ที่เขาปฏิเสธไม่ใช่เพราะไม่ชอบ แต่เพราะเธอเป็นเพื่อนของพี่ชาย เขาไม่อยากทำให้พี่ชายต้องมาอับอายที่มีน้องไม่ได้เรื่อง นาโอกิเดินผ่านคาซึมิไปได้ไม่กี่ก้าวก็มีเสียงเรียกมาจากด้านหลังจนทำให้เขาหยุดชะงัก

"นาโอกิ"

"อึก!" เสียงนี้มัน....

เมื่อหันหลังกลับไปเขาก็เห็นเจ้าของเสียงที่คุ้นเคย กำลังเดินมาด้วยท่าทางที่ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก

"....พี่"

"คิดจะไปไหนคนเดียว อีกสักหน่อยก็ค่ำแล้วนะ"

"ค่ำอะไรกัน นี่พึ่งจะบ่ายสามเองนะพี่อย่าเวอร์ไปหน่อยเลย"

"นั่นแหละค่ำ คิดว่าเด็กอายุเท่านายโดนพวกนักเลงทำร้ายร่างกายกันมากี่คนแล้ว?"

ระหว่างที่สองพี่น้องกำลังแลกปากเสียงกันอยู่นั้น ทางฝั่งของคาซึมิที่ทนดูต่อไปไม่ไหวก็เริ่มเอ่ยปากทักทาย

"สวัสดีครับ คุณอาคิยะ"

เมื่อผู้ติดตามของคาซึมิเอ่ยทัก เขาก็เริ่มสังเกตเห็นว่ามีคนอยู่ด้วย

"อา คุณที่อยู่บ้านอาซากุระ....สวัสดีคาซึมิ"

อาคิยะทักผู้ติดตามแบบส่งๆ แล้วเมื่อมองเห็นว่าคาซึมิก็อยู่ด้วยเขาก็ยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับทักทายเธอด้วยคนละอารมณ์กับเมื่อกี้ลิบลับ จนทำให้คาซึมิถึงกับกะพริบตาสองครั้งที่เห็นเขาเปลี่ยนสีหน้าและอารมณ์ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

"คุโระจะไปซื้อของด้วยมั้ย?"

คาซึมิถามอาคิยะทันที

"ซื้อของเหรอ หรือว่าเธอเองก็ด้วย?"

คาซึมิพยักหน้าแล้วชี้ไปที่นาโอกิ เพื่อบอกเขาว่าตัวเองจะไปกับน้องชายเขาด้วย แต่เหมือนนาโอกิจะสังเกตเห็นว่าเธอต้องการอะไรก็รีบพูดปฏิเสธเสียงแข็งทันทีด้วยความร้อนรน

"มะ ไม่ต้องไปเลยนะ!! อุ๊บ!"

"เอาสิ ไปด้วยกันก็สนุกดี^^"

อาคิยะรีบเอามือไปปิดปากน้องชายอย่างไวแล้วก็ตอบตกลงด้วยรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์ออกมา

ไอ้ เจ้า พี่ บ้า นี่!!

นาโอกิตะโกนในใจพร้อมกับปล่อยรังสีอำมหิตที่พร้อมจะกินหัวพี่ชายได้ทุกเมื่อ อาคิยะเองก็หันไปส่งสายตาที่บ่งบอกว่า 'ถ้านายพูดอีกคำเดียว นายได้ตายคามือฉันแน่' ใส่กับน้องชาย ทำให้เบื้องหน้าที่คาซึมิเห็นนั้นเป็นเหมือนพี่น้องรักใคร่กลมเกลียวที่กำลังแย่งของกินกัน จนทำให้เธอหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย

"อุ๊บ ฮะๆ...ฮะ ฮะ"

เสียงหัวเราะอันแผ่วเบาที่ออกมานั้น เบามากจนถึงขนาดที่ถ้าไม่ตั้งใจฟังก็คงจะคิดว่าหูฟาดไป แต่มันกลับทำให้อาคิยะหยุดชะงักจากน้องชายแล้วหันมามองเธอในทันที เสียงที่เหมือนกับปุยนุ่นที่แสนเบาบาง แต่กลับนุ่มนวลใจแบบนี้เขาพึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก

"คะ คุณหนูครับ...!"

คาซึมิรีบเอามือมาปิดที่ปากของตัวเองด้วยความตกใจ โดนอาคิยะเอามือมาจับออกอย่างนุ่มนวลพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้

"เสียงเธอนี่ น่ารักดีนี่นา" ตั้งแต่รู้จักกันก็พึ่งเคยได้ยินเสียงของยัยนี่เป็นครั้งแรกเลยรึเปล่านะ หน้าของเธอที่แดงไปหมดเพราะเขินอายกับคำชมมันสนุกจนอยากที่จะแกล้งต่อ แต่คงต้องพอเพียงเท่านี้ก่อน ต้องพานาโอกิกลับได้แล้ว

"ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนล่ะ" ต้องรีบไปซื้อของขวัญตอนนี้

"จะไปไหนก็ค่อยไปพรุ่งนี้สิ"

คำพูดเสียงแข็งของคนเป็นพี่ชายมันทิ่งแทงเขาเหลือเกิน แต่ก็ต้องเดินไปต่อห้ามหยุดเด็ดขาด ถ้าหยุดมันก็เหมือนกับเขาเชื่อฟังคำพูดนั้น ที่ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเขานั้นยังเป็นเด็กที่ยังไม่โตที่ต้องคอยให้คนมาดูแล

"คุโระ ถ้าไม่ว่าอะไรเดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อนนาโอกิคุงให้เอามั้ย?"

"มันจะไม่ลำบากเธอหรอกเหรอ"

"ไม่เลย ฉันเองก็เหลือของที่ต้องซื้ออยู่อีกเดี๋ยวจะพาไปส่งให้ถึงบ้านเลย ไม่ต้องห่วงนะ"

"ถ้าเธอว่าอย่างนั้น ฉันก็ขอรบกวนหน่อยนะพอดีฉันเองก็มีงานที่ต้องทำอยู่น่ะ"

"^^"



"เสื้อร้านนั้นก็ดูดีแฮะ อึก" เสื้อผ้าก็ดูดีแต่ราคากลับไม่ดีเลยแฮะ เพราะงี้สินะคนส่วนใหญ่ถึงได้ให้ความสำคัญกับราคาก่อน เมื่อก่อนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนตอนซื้อของต้องมองที่ราคากัน พอมาซื้อด้วยตัวเองแล้วก็เข้าใจทันทีเลย

"....คงต้องหาซื้ออย่างอื่นแล้วสิ คงได้ผ้าพันคอจริงๆ สินะ"

จิ๊กๆ ความรู้สึกเหมือนมีใครเอามือมาจิ้มที่หลังเบาๆ เมื่อหันหลังไปก็เป็นอาซากุระ คาซึมิ อีกแล้ว

"คุณอีกแล้ว...เหรอครับ"

เบื่อมาก ลำคานมาก นี่ผู้หญิงคนนี้ไม่มีอะไรทำเลยรึไงนะถึงได้เอาแต่ตามเรามาแบบนี้

"เหมือนนาโอกิคุงจะมีเรื่องอะไรกับพี่ชายนะ"

เธอรู้เหรอ? รู้ได้ยังไงกัน? เราเองก็ไม่เคยพูดอะไรให้เธอฟังนะ ถ้าเป็นปกติคนก็คงเข้าใจว่าเป็นพี่น้องที่ตีกันเป็นธรรมดาเฉยๆ เท่านั้น ไม่หรอกเธอคงจะพูดไปเฉยๆ มั้ง

"อืม จะพูดให้ถูกก็คงเป็นนาโอกิคุงฝ่ายเดียวสินะที่มีเรื่องเกี่ยวกับคุณพี่ชายน่ะ"

ไม่ เธอรู้จริงๆ แต่เราต้องปฏิเสธ เราบอกไม่ได้ ถ้าบอกไปเธอก็จะมองพี่ไม่ดีไปด้วย

"พะ พูดอะไรน่ะ ผมจะไปมีเรื่องเกี่ยวกับพี่ได้ยัง--"

"ปกปิดไปก็เท่านั้นครับ คุณโกหกคุณหนูไม่ได้หรอก"

คนติดตามที่อยู่ข้างๆ พูดแทรกขึ้น น้ำเสียงของเขาดูไม่เหมือนคนที่โกหก มันมีความมั่นใจ....

"เราไปนั่งคุยกันที่ร้านเค้กตรงนั้นกันดีมั้ย?"

"เข้าใจแล้ว..."

แค่คุยเท่านั้นเอง มันจะไปยากอะไรกัน!