หญิงสาวที่มีอดีตที่ทำให้ไม่สามารถพูดคำพูดออกมาได้อย่างใจ กับชายหนุ่มที่เขาเองก็มีภูมิหลังที่แสนมืดมน แต่กลับเป็นคนที่มีความรู้สึกชัดเจนกว่าคนอื่น เขาจะสามารถคว้าหัวใจของเธอมาได้มั้ย และเธอจะสามารถเปิดใจพูดและเรียกหาเขาได้รึเปล่า?
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,รักมหาลัย,รักวัยรุ่น,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
"กลับมาแล้วเหรอคาซึมิ"
โคสุเกะพ่อของคาซึมิเอ่ยทักทายเมื่อเห็นลูกสาวกลับถึงบ้าน
"กลับมาแล้วค่ะ"
ท่าทางของคุณพ่อที่สวมใส่ชุดญี่ปุ่นโบราณยืนให้อาหารปลาอยู่ที่บ่อปลาด้านในบ้านนั้นคงจะทำให้คนอื่นไม่อยากจะเชื่อแน่ว่าท่านเป็นมาเฟียที่เลื่องชื่อในอิตาลี
"ไปซื้อของกับลูโตะเรียบร้อยดีใช่มั้ย?"
คาซึมิพยักหน้าแล้วยิ้มเล็กน้อย
"งั้นเหรอ....ดีแล้วล่ะ"
คาซึมิสังเกตเห็นท่าทางผิดปกติของพ่อตัวเอง แม้ภายนอกจะดูไม่ได้มีอะไรแต่ความรู้สึกที่เธอสัมผัสได้นั้นมันเหมือนมีอะไรบางอย่างกวนใจของเขาอยู่ เธอรู้สึกไม่สบายใจจึงได้ยื่นมือไปจับที่ปลายแขนเสื้อของโคสุเกะเพื่อแสดงถึงความรู้สึกเป็นห่วง โคสุเกะเห็นแบบนั้นก็ได้ยิ้มอ่อนออกมาพร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อย เขาไม่อยากให้ความกังวลของเขาต้องไปกระทบกับจิตใจของลูกสาวที่ต้องผ่านเรื่องราวเลวร้ายมามากมายต้องมากังวลไปกับตัวเอง เพราะแบบนั้นจึงได้แต่เก็บมันไว้ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉยที่เขาคิดว่าตนเองถนัด แม้แต่ลูกน้องในกลุ่มยังไม่มีใครสังเกตเห็น แต่กับคาซึมิแล้วเขากลับไม่สามารถซ่อนความรู้สึกนี้กับเธอได้เลย เขาทำได้เพียงแค่ยื่นมือไปลูบหัวลูกสาวอย่างถนุถนอมเท่านั้น
"พ่อไม่เคยปิดบังอะไรลูกได้เลยสินะ ทั้ง ๆ ที่เจ้าพวกไม่ได้เรื่องพวกนั้นยังไม่สังเกตเห็นเลยแท้ๆ"
"หนูน่ะอยู่กับคุณพ่อมาตลอดนะ หนูรู้ทั้งหมดนั่นแหละ"
โคสุเกะตกใจเล็กน้อยกับคำพูดของเธอ หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะปนความรู้สึกโล่งใจออกมาเล็กน้อย
"ฮะๆ นั่นสินะ ก็ลูกเป็นลูกของพ่อนี่นา เพราะแบบนั้นรึเปล่านะถึงได้ฉลาดแบบนี้"
ถึงแม้ว่าความฉลาดนั้นจะเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าฉลาดเกินไปความฉลาดนั้นก็จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเรา แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรพ่อก็จะปกป้องลูกให้ปลอดภัยเอง เพราะลูกคือสมบัติที่เธอเหลือเอาไว้ให้พ่อยังไงล่ะ
"คุณหนูครับ!! ขอโทษที่รบกวนนะครับแต่ว่าช่วยมาดูทางนี้ได้รึเปล่าครับ"
เสียงสมาชิกคนหนึ่งตะโกนเรียกให้คาซึมิไปช่วยดูงานอีกทางด้านหนึ่งของบ้าน
"หนูขอตัวก่อนนะคะ"
"อืม ไปเถอะ"
ภาพของลูกสาวที่หันหลังวิ่งห่างออกไปที่โคสุเกะเห็นนั้น มันกลับซ้อนภาพเมื่อหลายปีก่อนที่พวกเขาเคยอยู่ด้วยกันสามคน ภาพของเด็กผู้หญิงที่ตอนนั้นมีความสูงถึงเพียงแค่เข่าของเขาเท่านั้นเอง
---คาซึมิมานี่เร็วลูก
---แม่!!
---โคสุเกะ คุณเองก็มาทางนี้เร็วสิคะ
---พ่อคะ พ่อ เร็วๆ สิคะ!
ลูกของเราโตขึ้นขนาดนี้แล้วสินะ เธอเห็นรึเปล่า? ลูกเราโตจนถึงขนาดที่เป็นห่วงผมได้แล้วนะ คุณอยู่ฝั่งนั้นคงจะคอยเฝ้าดูเธออยู่ใช่มั้ยอิซูมิ
ณ อะพาร์ตเมนต์ของคุโระ อาคิยะ
"พี่ ผมไปข้างนอกนะ"
เด็กชายพูดบอกส่งๆ พร้อมกับเดินผ่านอาคิยะโดยไม่เหลียวมองหน้าเขาเลยสักนิด
"นายจะไปไหนนาโอกิ"
คุโระ นาโอกิ น้องชายของอาคิยะเขามีอายุน้อยกว่าอาคิยะอยู่ 4 ปี เขามีลักษณะภายนอกที่เหมือนกับพี่ชายแทบเรียกได้ว่าเหมือนกับฝาแฝดกันเลยก็ว่าได้ แต่ถึงแม้พวกเขาจะเหมือนกันมากขนาดไหน ก็ต้องมีอย่างหนึ่งที่น้องชายของเขานั้นไม่มีเหมือนกับพี่ชาย พี่ของเขามักจะได้รับคำชมอยู่เสมอเพราะเขานั้นทำอะไรก็ดูง่ายไปหมด แต่สำหรับคุโระ นาโอกิ นั้นไม่ว่าเขาจะทำอะไรมันก็ดูยากไปหมด จึงทำให้เขาถูกพวกญาติๆ เอาไปพูดเปรียบเทียบกับพี่ชายอยู่เสมอ ถึงพ่อแม่จะบอกว่าอย่าได้ไปใส่ใจคำพูดของพวกเขามาก แต่สำหรับเขานั้นมันเป็นเหมือนคำตำหนิที่ทำให้พี่ชายของเขาโดนพูดว่ามีน้องชายไม่ได้เรื่อง
"พี่ไม่ต้องรู้หรอก"
ปึง เมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้น เสียงฝีเท้าก็เริ่มไกลออกไป
อีกไม่นานก็วันเกิดของพี่แล้วเราควรเอาอะไรเป็นของขวัญให้พี่ดีนะ.....เงินค่าขนมเองก็ไม่ค่อยเหลือ ถ้าไม่เอาไปเล่นเกมก็คงเหลือเยอะกว่านี้ ใกล้ฤดูหนาวแล้วถ้าให้ผ้าพันคอมันจะดูน่าเบื่อเกินไปมั้ยนะ?
ระหว่างเดินพร้อมกับคิดเรื่องของขวัญที่จะให้พี่ชายเขาก็ชนเข้ากับใครคนหนึ่งจนเกือบหงายหลัง
ปึก!
"อ๊ะ! ขะ ขอโทษครับ...."
"คุณหนูเป็นอะไรมั้ยครับ?"
หะ? คุณหนู?
"เป็นอะไรรึเปล่า?"
เอ๋ เธอพิมพ์คำพูดในมือถือ?
นาโอกิเกิดความสงสัยขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้หญิงตรงหน้าใช้มือถือพิมพ์สื่อสารกับตัวเอง เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำหน้ายังไง แต่ก็ไม่ได้รังเกียจ เขาเพียงแค่รู้สึกแปลกใหม่ที่มีคนใช้อุปกรณ์สื่อสารแทนที่จะพูดออกมาจากปากตัวเอง
"มะ ไม่เป็นไรครับ"
จะว่าไปเธอคนนี้มองดูแล้วก็สวยมากเลย เส้นผมสีขาวราวกับหิมะ แต่ดวงตากลับมีสีเหมือนกับดอกไม้ชนิดหนึ่งที่บานในฤดูใบไม้ผลิที่เคยอ่านเจอในหนังสือเลย เอ๋ คนคนนี้ลักษณะมันเหมือนกับ....
"คุณคือ อาซากุระ คาซึมิ...?"
คนที่เขาชนก็คือคาซึมิ เธออยู่ระหว่างเดินเลือกซื้อของที่ลืมซื้อเมื่อก่อนหน้านี้ เธอกำลังสงสัยว่าเด็กคนนี้ทำไมถึงหน้าตาดูคุ้นๆ แต่เมื่อมองดูดีๆ แล้วก็เหมือนกับคนคนนึงขึ้นมา
"คุโระ อาคิยะ เวอร์ชันมินิ??"
"เวอร์ชันมินิอะไรกันล่ะ ผมชื่อคุโระ นาโอกิ น้องชายของเขาต่างหาก"
"ขะ ขอโทษจ้ะ ว่าแต่ทำไมเธอถึงรู้จักฉันได้ล่ะ? คุโระเป็นคนบอกอย่างนั้นเหรอ?"
"เปล่า ผมแค่ได้ยินพี่พูดก็เท่านั้นแหละ แต่ก็ไม่คิดว่าจะใช่จริงๆ"
ช่วงนี้เขาก็พึ่งได้ยินพี่ชายพูดถึงชื่อและลักษณะของผู้หญิงครั้งแรกเหมือนกัน เมื่อตอนอยู่บ้านระหว่างที่เขากำลังขึ้นห้องของตัวเองก็ได้ไปได้ยินพี่ชายโทรศัพท์คุยกับแม่อยู่ครั้งนึง
---จะว่าไปช่วงนี้เหมือนได้ยินมาว่าลูกไปรู้จักกับเด็กผู้หญิงคนนึงใช่มั้ย
---แม่ไปได้ยินมาจากใครล่ะนั่น
---ก็เพื่อนของลูกนั่นแหละ เห็นว่าตอนไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาลวันนั้นลูกไปถามทางเด็กผู้หญิงคนนึงแล้วเขาบอกว่าหน้าตาลูกดูอารมณ์ดีมากเลยน่ะสิ
---เจ้าพวกนั้นนี่มัน....
---เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ สรุปแล้วมีอะไรถูกใจจนถึงกับอารมณ์ดีจนเพื่อนๆ ดูออกกันล่ะ
---อืม ก็นิดหน่อย เธอเป็นคนที่สวยแบบที่พึ่งเคยเห็นเท่านั้นแหละ เส้นผมสีขาวกับดวงตาสีเหมือนดอกเนโมฟีล่าที่บานในฤดูหนาว ทั้งๆ ที่ดอกนั่นบานในช่วงฤดูใบไม้ผลิแท้ๆ
---แปลกนะเนี่ยที่ลูกของแม่จำได้แม้กระทั่งลักษณะของผู้หญิงได้แม่นขนาดนี้ แล้วเธอชื่อว่าอะไรล่ะ?
---เธอชื่อ....อาซากุระ...คาซึมิ
เราเองก็เพิ่งจะเคยเห็นพี่พูดถึงผู้หญิงเป็นครั้งแรก เพราะแบบนั้นรึเปล่านะเราเลยสนใจเป็นพิเศษ?
"เขาพูดถึงฉันด้วยเหรอ?"
"อืม แต่ตอนนี้ผมไม่ว่างคุยหรอกนะ พอดีต้องรีบไปทำธุระให้เสร็จก่อนที่จะค่ำมากกว่านี้ด้วย"
"ธุระเหรอ? ถ้าอย่างนั้นให้พี่ไปเป็นเพื่อนมั้ย เพราะพี่เองก็ต้องไปซื้อของเหมือนกัน"
"ไม่เป็นไรครับ ผมไปคนเดียวได้"
คาซึมิที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าเหมือนเสียดายเล็กน้อย ที่เขาปฏิเสธไม่ใช่เพราะไม่ชอบ แต่เพราะเธอเป็นเพื่อนของพี่ชาย เขาไม่อยากทำให้พี่ชายต้องมาอับอายที่มีน้องไม่ได้เรื่อง นาโอกิเดินผ่านคาซึมิไปได้ไม่กี่ก้าวก็มีเสียงเรียกมาจากด้านหลังจนทำให้เขาหยุดชะงัก
"นาโอกิ"
"อึก!" เสียงนี้มัน....
เมื่อหันหลังกลับไปเขาก็เห็นเจ้าของเสียงที่คุ้นเคย กำลังเดินมาด้วยท่าทางที่ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
"....พี่"
"คิดจะไปไหนคนเดียว อีกสักหน่อยก็ค่ำแล้วนะ"
"ค่ำอะไรกัน นี่พึ่งจะบ่ายสามเองนะพี่อย่าเวอร์ไปหน่อยเลย"
"นั่นแหละค่ำ คิดว่าเด็กอายุเท่านายโดนพวกนักเลงทำร้ายร่างกายกันมากี่คนแล้ว?"
ระหว่างที่สองพี่น้องกำลังแลกปากเสียงกันอยู่นั้น ทางฝั่งของคาซึมิที่ทนดูต่อไปไม่ไหวก็เริ่มเอ่ยปากทักทาย
"สวัสดีครับ คุณอาคิยะ"
เมื่อผู้ติดตามของคาซึมิเอ่ยทัก เขาก็เริ่มสังเกตเห็นว่ามีคนอยู่ด้วย
"อา คุณที่อยู่บ้านอาซากุระ....สวัสดีคาซึมิ"
อาคิยะทักผู้ติดตามแบบส่งๆ แล้วเมื่อมองเห็นว่าคาซึมิก็อยู่ด้วยเขาก็ยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับทักทายเธอด้วยคนละอารมณ์กับเมื่อกี้ลิบลับ จนทำให้คาซึมิถึงกับกะพริบตาสองครั้งที่เห็นเขาเปลี่ยนสีหน้าและอารมณ์ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
"คุโระจะไปซื้อของด้วยมั้ย?"
คาซึมิถามอาคิยะทันที
"ซื้อของเหรอ หรือว่าเธอเองก็ด้วย?"
คาซึมิพยักหน้าแล้วชี้ไปที่นาโอกิ เพื่อบอกเขาว่าตัวเองจะไปกับน้องชายเขาด้วย แต่เหมือนนาโอกิจะสังเกตเห็นว่าเธอต้องการอะไรก็รีบพูดปฏิเสธเสียงแข็งทันทีด้วยความร้อนรน
"มะ ไม่ต้องไปเลยนะ!! อุ๊บ!"
"เอาสิ ไปด้วยกันก็สนุกดี^^"
อาคิยะรีบเอามือไปปิดปากน้องชายอย่างไวแล้วก็ตอบตกลงด้วยรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์ออกมา
ไอ้ เจ้า พี่ บ้า นี่!!
นาโอกิตะโกนในใจพร้อมกับปล่อยรังสีอำมหิตที่พร้อมจะกินหัวพี่ชายได้ทุกเมื่อ อาคิยะเองก็หันไปส่งสายตาที่บ่งบอกว่า 'ถ้านายพูดอีกคำเดียว นายได้ตายคามือฉันแน่' ใส่กับน้องชาย ทำให้เบื้องหน้าที่คาซึมิเห็นนั้นเป็นเหมือนพี่น้องรักใคร่กลมเกลียวที่กำลังแย่งของกินกัน จนทำให้เธอหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย
"อุ๊บ ฮะๆ...ฮะ ฮะ"
เสียงหัวเราะอันแผ่วเบาที่ออกมานั้น เบามากจนถึงขนาดที่ถ้าไม่ตั้งใจฟังก็คงจะคิดว่าหูฟาดไป แต่มันกลับทำให้อาคิยะหยุดชะงักจากน้องชายแล้วหันมามองเธอในทันที เสียงที่เหมือนกับปุยนุ่นที่แสนเบาบาง แต่กลับนุ่มนวลใจแบบนี้เขาพึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก
"คะ คุณหนูครับ...!"
คาซึมิรีบเอามือมาปิดที่ปากของตัวเองด้วยความตกใจ โดนอาคิยะเอามือมาจับออกอย่างนุ่มนวลพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้
"เสียงเธอนี่ น่ารักดีนี่นา" ตั้งแต่รู้จักกันก็พึ่งเคยได้ยินเสียงของยัยนี่เป็นครั้งแรกเลยรึเปล่านะ หน้าของเธอที่แดงไปหมดเพราะเขินอายกับคำชมมันสนุกจนอยากที่จะแกล้งต่อ แต่คงต้องพอเพียงเท่านี้ก่อน ต้องพานาโอกิกลับได้แล้ว
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนล่ะ" ต้องรีบไปซื้อของขวัญตอนนี้
"จะไปไหนก็ค่อยไปพรุ่งนี้สิ"
คำพูดเสียงแข็งของคนเป็นพี่ชายมันทิ่งแทงเขาเหลือเกิน แต่ก็ต้องเดินไปต่อห้ามหยุดเด็ดขาด ถ้าหยุดมันก็เหมือนกับเขาเชื่อฟังคำพูดนั้น ที่ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเขานั้นยังเป็นเด็กที่ยังไม่โตที่ต้องคอยให้คนมาดูแล
"คุโระ ถ้าไม่ว่าอะไรเดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อนนาโอกิคุงให้เอามั้ย?"
"มันจะไม่ลำบากเธอหรอกเหรอ"
"ไม่เลย ฉันเองก็เหลือของที่ต้องซื้ออยู่อีกเดี๋ยวจะพาไปส่งให้ถึงบ้านเลย ไม่ต้องห่วงนะ"
"ถ้าเธอว่าอย่างนั้น ฉันก็ขอรบกวนหน่อยนะพอดีฉันเองก็มีงานที่ต้องทำอยู่น่ะ"
"^^"
"เสื้อร้านนั้นก็ดูดีแฮะ อึก" เสื้อผ้าก็ดูดีแต่ราคากลับไม่ดีเลยแฮะ เพราะงี้สินะคนส่วนใหญ่ถึงได้ให้ความสำคัญกับราคาก่อน เมื่อก่อนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนตอนซื้อของต้องมองที่ราคากัน พอมาซื้อด้วยตัวเองแล้วก็เข้าใจทันทีเลย
"....คงต้องหาซื้ออย่างอื่นแล้วสิ คงได้ผ้าพันคอจริงๆ สินะ"
จิ๊กๆ ความรู้สึกเหมือนมีใครเอามือมาจิ้มที่หลังเบาๆ เมื่อหันหลังไปก็เป็นอาซากุระ คาซึมิ อีกแล้ว
"คุณอีกแล้ว...เหรอครับ"
เบื่อมาก ลำคานมาก นี่ผู้หญิงคนนี้ไม่มีอะไรทำเลยรึไงนะถึงได้เอาแต่ตามเรามาแบบนี้
"เหมือนนาโอกิคุงจะมีเรื่องอะไรกับพี่ชายนะ"
เธอรู้เหรอ? รู้ได้ยังไงกัน? เราเองก็ไม่เคยพูดอะไรให้เธอฟังนะ ถ้าเป็นปกติคนก็คงเข้าใจว่าเป็นพี่น้องที่ตีกันเป็นธรรมดาเฉยๆ เท่านั้น ไม่หรอกเธอคงจะพูดไปเฉยๆ มั้ง
"อืม จะพูดให้ถูกก็คงเป็นนาโอกิคุงฝ่ายเดียวสินะที่มีเรื่องเกี่ยวกับคุณพี่ชายน่ะ"
ไม่ เธอรู้จริงๆ แต่เราต้องปฏิเสธ เราบอกไม่ได้ ถ้าบอกไปเธอก็จะมองพี่ไม่ดีไปด้วย
"พะ พูดอะไรน่ะ ผมจะไปมีเรื่องเกี่ยวกับพี่ได้ยัง--"
"ปกปิดไปก็เท่านั้นครับ คุณโกหกคุณหนูไม่ได้หรอก"
คนติดตามที่อยู่ข้างๆ พูดแทรกขึ้น น้ำเสียงของเขาดูไม่เหมือนคนที่โกหก มันมีความมั่นใจ....
"เราไปนั่งคุยกันที่ร้านเค้กตรงนั้นกันดีมั้ย?"
"เข้าใจแล้ว..."
แค่คุยเท่านั้นเอง มันจะไปยากอะไรกัน!