ไม้เอกเป็นฮันเตอร์คลาสอัศวิน ที่มีทั้งสกิลของการใช้มานาและดาบเวท ถือเป็นแรงค์S ที่มีเพียงหยิบมือเดียวในโลก แต่เขาต้องมาตายเพราะดันเจี้ยนเบรกนั่น!! แถมดันทะลุมาอยู่ในนิยายวันสิ้นโลก ที่มีแต่ซอมบี้อะนะ!
แอคชั่น,แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ชาย-หญิง,ผจญภัย,ผจญภัย,แฟนตาซี,ต่างโลก,นิยายวาย,ทะลุมิติ,boylove,พลังพิเศษ,เคะแก่,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
แผนการเอาชีวิตรอดในวันสิ้นโลกของไม้เอก คือการไม่มีแผนยังไงล่ะ! (ปกชั่วคราว)ไม้เอกเป็นฮันเตอร์คลาสอัศวิน ที่มีทั้งสกิลของการใช้มานาและดาบเวท ถือเป็นแรงค์S ที่มีเพียงหยิบมือเดียวในโลก แต่เขาต้องมาตายเพราะดันเจี้ยนเบรกนั่น!! แถมดันทะลุมาอยู่ในนิยายวันสิ้นโลก ที่มีแต่ซอมบี้อะนะ!
ไม้เอกเป็นฮันเตอร์คลาสอัศวิน ที่มีทั้งสกิลของการใช้มานาและดาบเวท ถือเป็นแรงค์ S ที่มีเพียงหยิบมือเดียวในโลก แต่เขาต้องมาตายเพราะดันเจี้ยนเบรกบ้านั่น!! ทั้งที่แพลนในวันหยุดเขาคือการนอนอ่านนิยายในตอนจบแท้ ๆ โดนเร่งมาเคลียร์ดันเจี้ยนไม่พอ ไอ้พวกมอนบ้านั่น พอเขาพลาดท่าก็รุมกินซอยจุ๊เขาทันที
ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก
ตื่นขึ้นมาอีกที เขาดันทะลึ่งทะลุมาอยู่ในนิยายที่เขาอ่านก่อนตาย
นิยายที่ไม่มีทางจบไหนรออยู่นอกจาก Bad end
นิยายรักแฟนตาซีวันสิ้นโลก
ที่มีแต่ซอมบี้อะนะ!
หนีมอนเตอร์มาเจอซอมบี้!
พระเจ้าแกล้งเขาอยู่ใช่ไหมเนี่ยยย!
“นี่นายเป็นใครกันแน่” พ่อหนุ่มหล่อตัวร้ายทรงเจ้าพ่อมาเฟี* ที่ไหนสักที่เอ่ยถามเหมือนจะฆ่ากันให้ตาย
“แหม ๆ พูดกับคนที่ช่วยหลานคุณแบบนี้ เป็นผู้ปกครองที่ดีจังเลยนะครับ คุณพชร” ไม้เอกตอบกลับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มหวาน แต่ในใจนั้น…
เหี้*แล้ว ทำไมเด็กน้อยน่ารักเหมือนนางฟ้าคนนั้นที่เขาช่วยไว้ถึงกลายเป็นหลานหมาบ้าแบบหมอนี่ได้กัน! สวรรค์ผิดพลาดตรงไหนรึเปล่าครับ!
ไม้เอก (26) x คุณพชร (30)
พระเอก x นายเอก
สวัสดีค่า วันนี้พิมาเปิดเรื่องใหม่ล่ะ!
เรื่องนี้จะเน้นแนวแฟนตาซี เลี้ยงเด็ก เอาชีวิตรอด เป็นส่วนใหญ่นะคะ
จะไม่ค่อยมีเลิฟไลน์ หรือซีนหวานเท่าไหร่
(เพราะส่วนมากมีแต่ซีนกัดกันมากกว่า แหะ)
เรื่องนี้จะมีทั้งคู่หลักที่เป็นชายชาย และคู่รองชายหญิงนะคะ
ที่สำคัญคือไม่ต้องกลัวดราม่า! แถมจบดีแน่นอน เพราะนักเขียนสายสุขนิยมค่ะ (ฮา)
ตั้งใจว่าจะเขียนแบบเบาสมองไปด้วย
เอนจอยรี้ดดิ้งนะคะคุณนักอ่านทุกท่าน!
ปล. อย่าลืมอ่านคำเตือนกันด้วยนะคะ🙌
#แผนเอาชีวิตรอดของไม้เอก
ปกชั่วคราว :
ไทโปผลงานจากคุณนักวาด แอคทวิตเตอร์ @MidnightSunSyn
พื้นหลังรูปฟรีจากเว็บ pixabay.com ผลงานของคุณ @Tama66
**คำเตือน** นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายชายรักชาย มีการใช้คำหยาบ /สบถ ค่อนข้างมากถึงมากที่สุด การกระทำของตัวละครในเรื่องในบางครั้งอาจมีการทำผิดศีลธรรม กักขัง หน่วงเหนี่ยว การเสียชีวิตของคนหมู่มาก ( ช่วงบรรยายพาทนิยายออริ ) มีการบรรยายถึงศพ /อะไรที่ชวนหยี๋ อธิ การอธิบายลักษณะซอมบี้ การกระทำบางครั้งอาจไม่สมเหตุสมผล แต่นักเขียนจะพยายามหาเหตุผลมารองรับ และเขียนให้มีเหตุผลมากที่สุด(?)
เปิดเรื่อง : 07/06/67
จบเรื่อง : XX/XX/XX
บทแรก
New year New world
ไม้เอกจำได้ว่าตอนนั้นเป็นช่วงปีใหม่
ที่มันไม่ได้ต่างอะไรจากเดิม
คนที่ทำงานก็ยังคงหัวหมุนกับงานวนไป คนที่ใช้ชีวิตก็ใช้ไป ส่วนเขาที่ตอนแรกก็ใช้ชีวิตสงบสุขในวันหยุดมาทั้งวัน นั่งอ่านนิยายเรื่องโปรด จนทางสมาคมมาแจ้งว่ามีดันเจี้ยนเบรก
ใช่ ชีวิตอันสงบสุขของเขาจบที่ตรงนั้น
ตรงหน้าดันเจี้ยนบ้านั่นนั่นแหละ
ภายในห้องพักสีนวลตา แสงตะวันลอดผ่านม่านผืนหนาตกกระทบหน้าชายหนุ่มบนเตียงตามแบบฉบับของห้องพักในโรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่ เตียงที่ยังคงนุ่ม ไม่มีฝุ่นเหมือนได้รับการทำความสะอาดอยู่ตลอด
ร่างบนเตียงนั้นเริ่มขยับตัว เปลือกตากระพริบแผ่วเบา
กลิ่นเย็น ๆ เป็นกลิ่นแรกที่ไม้เอกได้กลิ่น ใบหน้าได้รูปคมสันย่นจมูกกับกลิ่นที่ไม่คุ้นชิน ก่อนที่ร่างสูงจะยันกายลุกขึ้นนั่ง พลางส่องสายตาสำรวจสถานที่ที่ไม่คุ้นตา
ห้องกว้างโทนสีขาวสบายตา เฟอร์นิเจอร์ไม่มากไม่น้อยไปเหมือนโรงพยาบาลสักแห่ง
แต่ที่เขาจำได้คือเขาโดนมอนเตอร์ตัวใหญ่รุมทึ้งหน้าเกตบ้านั่นตอนมันเปลี่ยนประเภทพอดี
ความรู้สึกตอนโดนฉีกกระชากร่างเขายังจำได้ไม่ลืม แต่ว่าตอนนี้เขากลับไม่เป็นอะไรเลยเนี่ยนะ
มือหนายกขึ้นมาลูบใบหน้าแผ่วเบา
“เดี๋ยว…” เสียงแหบพร่าดังออกมาจากลำคอเหมือนคนที่ไม่ได้ออกเสียงมานานทำเขาตระหนก แถมใบหน้าเขาที่ไม่สากเท่าเดิม หนวดก็ไม่มี …
แม้ในใจจะค้านว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็วิ่งไปทางห้องที่คิดว่าเป็นห้องน้ำแล้ว
ตอนนี้ดีไซน์ที่นี่จะสะอาดหรือแปลกตาขนาดไหนก็ทำให้เขาอึ้งไม่เท่าใบหน้าที่เขาเห็นในกระจก ใบหน้าที่เหมือนเขาในช่วงยี่สิบต้น ๆ ต่างจากใบหน้าเขาวัยสามสิบปีตามปกติ ความต่างอีกอย่างก็คือนัยตาสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำ และปลายผมที่ติดสีน้ำเงินหน่อย ๆ จากเดิมที่ดำล้วนทั้งตาและผม
รูปร่างในตอนนี้ของเขาถือว่าอยู่ในเกณฑ์สุขภาพดี แม้เขาจะแปลกใจว่าเอาสารอาหารมาจากไหนก็ตาม เพราะเท่าที่ลองสำรวจคร่าว ๆ ภายในห้องนี้น่าจะไม่มีคนเข้าออกเป็นเวลานาน แม้จะคล้ายโรงพยาบาลแต่กลับมีกลิ่นที่อับ และกลิ่นยาในอากาศก็เบาบางเสียจนแทบไม่ได้กลิ่น
แต่พอเดินไปเปิดม่านออกดู…เขาค่อยรู้สาเหตุ
ภาพตึกสูง บ้านเรือน หรือแม้แต่ถนนที่เสื่อมสภาพลงจนหักพัง ภาพเถาวัลย์ ต้นไม้ใบหญ้าที่ขึ้นตามพื้นที่ว่างจนดูรกร้างทำเขาแทบจะลืมหายใจ
และทำให้เขารู้ได้ว่าโลกนี้ไม่ใช่โลกที่เขาเคยอยู่อีกต่อไปแล้ว…
โดยเฉพาะร่างอะไรบางอย่างที่อยู่บนถนน ที่รูปร่างคล้ายศพเดินได้นั่น
ถ้าเขาจำไม่ผิดรูปร่างมันคล้ายอันเดด* ที่เขาเคยเจอในดันเจี้ยนสุสานไม่มีผิด
เอาล่ะ ถ้าโลกที่เขาเคยอยู่มันมีดันเจี้ยนโผล่มาจนทำให้คนธรรมดาอเวคได้
โลกที่มีซอมบี้มันก็ไม่น่าต่างกันเท่าไหร่หรอก!
“หน้าต่างสถานะ”
… เงียบ
“ระบบ”
… เงียบอีก
“สถานะ”
… เอาจริงดิ ถ้าไม่มีอีกเขาเริ่มเครียดแล้วนะ
“สเตตัส”
ติ้ง!
[หน้าต่างสเตตัส
ชื่อ : ไม้เอก (26) [ไม้เอก (36) ]
เลเวล : 15
สกิล : อัสนีสีทมิฬ (S) ,อัคคีสีคราม (S)
สภาพร่างกาย : อ่อนล้า
โจมตี : 15
ว่องไว : 10
ต้านทาน : 35
แต้มพิเศษ : -]
โอ้ มีสกิลระดับ S ตั้งสองสกิลเลย
แถมร่างนี้มีชื่อกับหน้าตาเหมือนเขาอีก
แปลกชะมัด
แม้จะแคลงใจ แต่อันดับแรกเขาว่าเขาควรออกกำลังกายคร่าว ๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้หน่อยดีกว่า ไม่มีใครรู้ว่าซอมบี้จะบุกเข้ามาในห้องที่เขาพักอยู่ตอนไหน หรืออนาคตอันใกล้นี้จะมีอะไร อย่างน้อยเขาก็ต้องมีชีวิตรอด
จะเสียชื่อไม้เอกฮันเตอร์สายนักรบเวทย์อันดับหนึ่งไม่ได้สิ
ถึงมันจะอยู่คนละโลก? คนละมิติ? ก็เถอะนะ
ช่างเถอะ
หลังจากที่เขาวอร์มอัพร่างกายพอประมาณ อย่างการวิ่งรอบห้องพัก และการออกกำลังกายเล็ก ๆ น้อย ๆ เวลาก็ล่วงเลยมาช่วงบ่ายแก่ ตามจริงเขาออกกำลังกายพอให้ร่างกายคลายตัวเฉย ๆ นั่นแหละ เวลาวิ่งจะได้ไม่ผิดเส้นและปวดขามาก ประสบการณ์ตรงจากการไปขาพลิกในดันเจี้ยนน่ะ
มันไม่ตลกซักนิด
เสื้อผ้าที่พอหาได้ในห้องมีแค่ตัวที่ใส่แล้วไม่พอดีเท่าไหร่นัก เดาว่าร่างนี้คงอยู่ในที่นี่มานานพอสมควร เขาวางชุดไว้ที่เดิม เตรียมเสื้อมาใส่และพันแขนขาไว้ให้หนา อย่างน้อยก็เอาแค่คล่องตัวและมั่นใจว่าพวกซอมบี้ข้างนอกจะกัดไม่เข้าน่ะนะ
ที่ขาดไม่ได้คงเป็นการเตรียมตัวสำหรับการสำรวจในช่วงเย็นนี้อย่างการหาอาวุธติดตัวไว้สักหน่อย
ยังดีที่มีมีดปอกผลไม้อยู่สองเล่ม
มือหนากำชับมีดไว้แน่น ก่อนจะแง้มประตูออกไปอย่างเงียบเชียบ
กลิ่นเน่าคละคลุ้งไปทั่วอาณาบริเวณ ทั้งเพดาน ผนัง และพื้นเกลื่อนไปด้วยรอยคราบเลือดเกรอะกรัง มีศพสภาพดูไม่จืดประปรายทุกที่ที่ผ่าน บางห้องมีร่องรอยของการบุกเข้าไป แต่บางห้องก็ไม่มีแม้แต่รอยบุกค้น เช่น ห้องที่เขาตื่นขึ้นมา
เหมือนพวกนั้นจะสัมผัสกระแสชีวิตของเขาไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น
ไม้เอกที่อยู่ห้องพักกลาง ๆ ไม่สูงมากนัก เขาเดินขึ้นไปสำรวจชั้นบนก่อน ถึงเขาจะไม่รู้ก็เถอะว่าตัดสินใจถูกไหม เพราะในดันเจี้ยนพวกบอสไม่อยู่ดาดฟ้า ก็อยู่ใต้ดิน แถมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่มันที่ไหนของโลก
แต่การสำรวจไว้ก็ไม่เสียหายหรอก
ครืน น … กึก … ก
!
ขายาวชะงักตรงทางสามแยกตัวที ก่อนจะพาตัวเองถอยกลับเข้ามาในทางเดิม
ไม้เอกยืนนิ่งรอดูสถานการณ์ มือกำมีดปอกผลไม้ไว้แน่น พอเห็นซอมบี้ตัวนึงเดินผ่านไปสักพักแล้วไม่มีตัวอื่น จึงปักมีดลงกลางหัวซอมบี้ตัวนั้นแน่นแล้วตวัดออก มือข้างที่ว่างกำชับด้ามมีดก่อนปาดคอซ้ำอีกครั้ง ทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววิ
แกร็ก
คิ้วเข้มขมวดเน้น นัยน์ตาสีเข้มก้มมองเศษเม็ดสีฟ้าที่หลุดมาจากตรงคอซอมบี้ กลิ้งมาตกตรงแทบเท้า
นี่มันเหมือนคอร์มอนสเตอร์ในโลกที่แล้วของเขาไม่มีผิด
ปากหยักเม้มแน่นก่อนหยิบมีดตวัดปาดเอาสิ่งนั้นออกมาจากคอของร่างซอมบี้ตรงหน้าจนหมด
มือหนาหยิบก้อนนั้นขึ้นมาไว้ในมือ ขนาดโดยรวมไม่ใหญ่มาก เท่าประมาณนิ้วโป้งเขาเลย “ไม่กลม… เป็นทรงเหลี่ยม ๆ ไม่มีรูปชัดเจนสินะ…”
ถึงจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่รวบรวมไว้ก็ไม่สาย บางทีเขาอาจจะได้อะไรดี ๆ ก็ได้หนิ จริงไหม?
หลังจากนั้นไม่นาน มหกรรมล้างบางซอมบี้ในโรงพยาบาลก็เกิดขึ้น
แม้จะไม่มีใครรู้ก็ตาม
แต่…
จะไม่มีใครรู้จริงหรือ?
แกร็ก
เสียงเปิดประตูจากห้องหนึ่งในชั้นบนสุดของโรงพยาบาลดังขึ้น
ดาวตากลมโตของเด็กหญิงวัยไม่ถึงสิบขวบดีโผล่แนบออกมาทางประตูด้วยจิตใจที่สั่นกลัว
เธอจำได้ว่ากำลังไปเที่ยวกับพวกพี่ตัวโตรอคุณน้าไปทำงานที่ต่างประเทศ
แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้กัน
…มันมืดและน่ากลัวมากเลย ทุกคนหายไปไหนกันหมด…
ขาเล็กพาร่างออกมาจากห้อง เดินไปตามทางที่มืดสนิท
หวังจะหาคนที่ตนรู้จัก
แค่สักคนยังดี…
“คุณน้า… พี่ตัวโต… ฮึก… อ อยู่ไหนกันค—-”
กรี๊ซซ
เสียงแสบแก้วหูดังขึ้น เด็กเล็กหันไปตามเสียงด้านหลัง พบหนึ่งในพี่ตัวโตที่กำลังตามหาวิ่งมา
แต่ทำไมแขนพี่เขาเบี้ยว… และตาพี่เขาหายข้างนึงล่ะ…
กรี๊ซซ!
พอเข้ามาใกล้ เธอถึงเห็นว่าพี่เขาจำเธอไม่ได้สักนิด
แถมยังอ้าปากเหมือนจะกัดเธออย่างไรอย่างนั้น
ไม่ทันได้เข้ามาใกล้
จู่ ๆ ก็มีใครสักคนมาบังเธอไว้และจัดการพี่ตัวโตไป
เด็กเล็กเงยหน้ามองผู้ชายตัวใหญ่ที่อยู่ข้างหน้า คนนั้นพันแขนเป็นก้อนอะไรสักอย่าง
“นี่ยัยเปี๊ยก เป็นอะไรรึเปล่า”
ถ้าไม่ใช่พี่คนนี้ช่วยไว้เธอคงตายไปแล้ว…
“ฮึก… อ ฮื่อ”
“เฮ้ย ๆ เดี๋ยวสิ มานี่ ๆ อย่—-”
ไม่รู้ว่าพี่คนใจดีคนนี้เป็นใคร แต่กอดอุ่นจัง…
เหมือนกอดคุณน้าเลย
ตอนนี้ไม้เอกกำลังคิดหนัก
ใช่ เขาคิดหนักมาก
หลังจากที่สำรวจจนมาถึงชั้นบนสุด เขาเจอเด็กตัวเล็กคนหนึ่ง อายุน่าจะยังไม่ถึงแปดขวบดีด้วยซ้ำ
เขาไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นใคร มีประโยชน์แค่ไหน เพราะในโลกแบบนี้การที่หาอะไรถ่วงตัวเองมันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยสักนิด
ถึงจะคิดแบบนั้น แต่เขาก็ไม่กล้าทิ้งเด็กตัวเล็กแค่นี้ไว้ตัวคนเดียวเหมือนกัน
เลยหอบเอาเด็กที่หลับในอกนั่นเข้าห้องที่คิดว่าปลอดภัยนี่แหละ
เอาเป็นว่ารอเด็กนั่นตื่นก่อนค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน
“อึก…”
“หลับสบายเชียวยัยเปี๊ยก” ไม้เอกเอ่ยเสียงทัก เด็กตรงหน้าดูสะดุ้งก่อนหันมาเจอเขา แถมแทนที่จะโล่งใจ กลับถอยไปนั่งมุมห้อง
????
“ฉันไม่จับเธอกินหรอก …ตัวเปี๊ยกเดียววันนี้ยังไม่อิ่มเลยมั้ง”
ยัง ยังนั่งก้มหน้า
เขาพูดแรงไปเหรอ… ให้ตายสิ เขาไม่ค่อยคุยกับเด็ก ทำตัวไม่ถูกเลยอะ
แบบนี้ต้องทำยังไง … อ่าใช่!
ต้องให้เลือกว่าจะอยู่คนเดียวหรือไปด้วยกันสินะ! (ไม่ใช่)
“เอาเป็นว่าถ้าฟื้นแล้วฉันไปล่ะ อยู่คนเดียวไปนะ” ว่าจบก็ลุกขึ้นหันหลังเตรียมออกจากห้อง แต่เหมือนมีมือเล็ก ๆ มาจับปลายนิ้วเขาไว้ “…หือ”
“พ พี่ให้หนูไปด้วย…นะ” เด็กนั่นเดินก้มหน้าเต๊าะแต๊ะมาจับมือเขา แถมตาสีทองสว่างนั่นมองกันเหมือนน้ำตาจะร่วงอีก
ไม้เอกที่อยู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนเหงื่อไหลอาบแผ่นหลัง
ทำไมเขารู้สึกเหมือนรังแกเด็กจังเลยล่ะ
ต้องชวนคุยไหมนะ แบบว่าละลายพฤติกรรม
“เธอ … อ่านหนังสือออกไหม”
“อื้อ”
“พูดคำว่า ‘สเตตัส’ แล้วอ่านตรงสกิลให้ฟังหน่อยสิ”
เด็กน้อยพยักหน้าจนผมสีฟ้า ๆ ขาว ๆ นั่นเด้งไปมา ก่อนจะเบิกตากว้างกับอากาศ เดาว่าคงตื่นเต้นสินะ
“มันเขียนว่ามิติอะคุณลุง” พูดไปก็ทำหน้าสงสัยไป แต่…คุณลุง…นี่มัน
ถึงอายุเก่าเขาจะสามสิบเข้าไปแล้ว แต่ตอนนี้ ในร่างนี้หน้าเขาเพิ่งยี่สิบหกเองนะ ขอซับน้ำตาแปป ฮึก
“มิติเหรอ” นับว่าเป็นพลังที่จัดว่าเสี่ยงดวงอยู่นะเนี่ย ถ้ามีพื้นที่เยอะก็ดี แต่ถ้าไม่ใช่ก็แย่เลย “อยากเอาชีวิตรอดในโลกนี้หรือเปล่า” เขารู้ว่าความคิดเขาอาจจะน่าอึดอัดหรือใจร้ายไปสักหน่อย แต่โลกตอนนี้มันโหดร้าย เราไม่ควรใจดีจนเกินเหตุ
แม้จะใจเจ็บก็เถอะ
ไอ้ไม้เอก! ไอ้คนใจร้าย!
“อื้อ!” เด็กน้อยพยักหน้าทันที ก่อนจะทำหน้าเหมือนจะใจลอย “หนูอยากไปหาคุณน้า หนูต้องเก่งเหมือนคุณลุงสิ!”
“ลองเปิดใช้มิติสิ เดี๋ยวฉันจะช่วยสอนให้” คุณลุงอีกแล้ว… แต่อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็มีใจกับสายตาที่ใช้ได้ล่ะนะ
“โอเค!”
“เลิกเรียกคุณลุงด้วย”
“ได้เลยคุณลุง!”
ฮึ่ม
หลังจากตบตีกันจนเข้ามาในมิติได้ นับว่าพลังของเด็กคนนี้มีเยอะพอสมควร ภายในมิติมีหญ้าเขียวขจีพร้อมกับไม้ยืนต้น และบ้านหลังใหญ่ สายลมพัดแผ่วเบา อากาศปลอดโปร่ง มีสายธารให้เห็นอยู่ลิบ ๆ แถมตอนนี้ยังแค่เริ่มต้น แค่คิดว่าอนาคตเขาจะปั้นเด็กคนนี้ไปได้ไกลขนาดไหนก็ตื่นเต้นแล้ว
ไม้เอกเลือกนั่งใต้ต้นไม้ตรวจสอบสิ่งที่เขาสงสัย
เมื่อครู่ตอนที่เขาสูดอากาศ เขารู้สึกเหมือนได้กลิ่นอากาศบริสุทธิ์
ไม่ใช่แค่อากาศ แต่มันมีบางช่วงทำให้เขานึกถึงพลังปราณ
พลังปราณเหมือนกับดันเจี้ยนที่เขาเคยเข้าไปทำภารกิจในยุทธภพ …
ชายหนุ่มนั่งขัดสมาธิใต้ต้นไม้ใหญ่ เด็กหญิงที่วิ่งไปสำรวจในบ้านออกมาเห็นก็สงสัย แต่ด้วยความอยากรู้จึงเข้าไปนั่งใกล้ ๆ พลางเลียนแบบด้วยการนั่งขัดสมาธิตามบ้าง
ไม้เอกลืมตาขึ้นมาตอนที่รู้สึกว่ารวบรวมพลังปราณได้เป็นก้อนหนึ่งแล้ว
แม้จะเป็นระดับต้นก็เถอะ แต่อย่างน้อยเขาก็มีทางรอดอีกทาง
“แต่ทำไมแถวนี้มัน—-”
คิ้วเรียวขมวดฉับ เขารู้สึกแปลก ๆ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วว่าตรงนี้พลังปราณมันเข้มข้นกว่าตอนแรก จนกระทั่งมองไปยังจุดที่ให้ความรู้สึกบริสุทธิ์เป็นพิเศษนั่นแหละ
ผมสีออกฟ้าอ่อนในตอนแรกที่ปล่อยสยายตอนนี้ปลิวสะบัด คิ้วเล็ก ๆ ขมวดแน่น หยีตาบึนปากเหมือนอะไรสักอย่างไม่ได้ดั่งใจ ก่อนจะถอนหายใจอย่างขัดใจแล้วลืมตาขึ้นมานั่นแหละ สถานการณ์โดยรอบถึงจะสงบ
พอหันมาเห็นเขาก็ฉีกยิ้มกว้าง “คุณลุงตื่นแล้ว!”
“อืม” ไม้เอกพยักหน้ารับ เด็กนี่คิดว่าเขาหลับซะงั้น ว่าแต่… “เมื่อกี้ขมวดคิ้วซะแน่นเลยนะ”
“เจ้านั่นดื้อมาก!”
“เจ้านั่น?”
“ใช่ ๆๆ รันเห็นคุณลุงนั่งเลยมานั่งด้วย! นั่งไปสักพักรันรู้สึกเหมือนมีอะไรไม่รู้วิ่งเต็มเลย รันเลยเล่นวิ่งไล่จับพวกนั้นมารวม ๆ กันแหละ!”
เดี๋ยวนะ…
เขารู้มาตอนไปทำภารกิจในดันเจี้ยนเกี่ยวกับยุทธภพว่า การจะดูดซับพลังปราณคือการใช้สมาธิดูดซับพลังปราณมากักเก็บไว้ แต่นี่เอ่อ… วิ่งไล่จับ?
“ขอฉับดูมือหน่อยสิ” พูดเชิงขออนุญาต พออีกฝ่ายพยักหน้าก็ไปจับข้อมือใช้พลังปราณตรวจสอบทันที
จริงด้วย
มีพลังปราณอยู่ปริมาณไม่มาก ถึงแม้จะไม่ได้กลมเหมือนปกติทั่วไป มันเหมือนเหวี่ยงไปมาเหมือนวิ่งเล่นไม่มีผิด
แต่เป็นแบบนี้ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะเนี่ย
เพราะถ้าปล่อยไว้มันจะส่งผลร้ายแรงกับร่างกายได้
“ไม่เจ็บเหรอ”
“ไม่ค่อยเจ็บนะลุง”
“หันหลังไป เดี๋ยวฉันจะช่วย” ช่วยนำทางให้เด็กแค่นี้ไม่คณามือหรอก “นั่งสมาธิอีกรอบ แล้วทำตามที่ฉันทำให้ดูนะ ถ้าทำแบบนี้จะไม่เจ็บ”
“ได้เลย!”
“ว่าแต่เธอชื่อรันเหรอ”
“ใช่! รันชื่อรัน คุณลุงชื่ออะไรเหรอ”
“ฉันชื่อไม้เอก …แล้วก็อยู่นิ่ง ๆ อย่าขยับ” เด็กรันที่ว่าหันมาบึนปากใส่เขานิดหน่อยก่อนจะกลับไปนั่งหลังตรงแบบเดิม
เออเอาเถอะ เลี้ยงเด็กสักคนมันก็ไม่น่าเบื่อดีเหมือนกัน
ผ่านมาราวหลายชั่วโมงหลังจากนั่งบอกวิธีการรวบรวมพลังปราณเบื้องต้นสำหรับมือใหม่ให้เด็กเล็กวัยยังไม่ถึงสิบขวบไป
นับว่าเก่งใช้ได้ เพราะตอนนี้เขาไม่ต้องนั่งพาทำก็ทำเองเป็นแล้ว
ถึงแม้จะอากาศเริ่มเย็นแต่อยู่ใต้ต้นไม้แบบนั้น …
ถ้ารวบรวมพลังปราณได้ร่างกายคงแข็งแรงขึ้นแหละ
เห็นทีเขาต้องไปหาฝึกมานาควบคู่กับพลังปราณแล้วด้วยสิ
อย่างน้อยก็ควรใช้มานาร่วมกับมีดได้ หรือไม่ก็ต้องใช้สกิลให้คล่อง
เวลานี้เขาไม่ได้รับผิดชอบแค่ชีวิตของตัวเองด้วย อย่างน้อยก็ต้องเก่งพอที่จะปกป้องคนอื่นได้
เพราะตอนนี้ไม้เอกยอมรับว่าเขาไม่ได้สบายใจ
เขารู้สึกว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเงียบเกินไป
เหมือนความสงบก่อนพายุมาไม่มีผิด
ภายในบรรยากาศปิดทึบเหมือนใต้ดินสักแห่ง
มีแสงสีแดงรูปทรงเหมือนดวงตากำลังลืมขึ้นมาหลังจากหลับไหลอย่างสงบ
มายาวนาน
ครืน น…
‘เจ้าพวกมนุษย์…’
Tbc.
*อันเดด หมายถึงศพของสิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้วและกลับมามีชีวิตอีกครั้ง