“เลือกเอาเถอะระหว่างแต่งเข้าไปเป็นอนุ หรือยอมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แล้วรับเงินไปหนึ่งแสนตำลึงทอง”
ชาย-หญิง,ย้อนยุค,จีน,ตลก,แฟนตาซี,เทพเซียน,จีนโบราณ,ขุนนาง,ย้อนยุค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ข้าสำนึกได้แล้ว“เลือกเอาเถอะระหว่างแต่งเข้าไปเป็นอนุ หรือยอมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แล้วรับเงินไปหนึ่งแสนตำลึงทอง”
บทที่๑ ข้าสำนึกผิดแล้ว
ภายใต้ม่านหมอกอันหนาทึบ เยว่ซินพยายามเพ่งตามองไปรอบๆ ด้วยความหวาดกลัว ไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองได้มาอยู่ในสถานที่น่ากลัวแห่งนี้ได้อย่างไร และขบคิดไม่ออกด้วยว่าก่อนหน้านั้นกำลังทำสิ่งใดอยู่ จนกระทั่งได้ยินเสียงแหบแห้งเอ่ยขึ้น
“เด็กน้อยเอ๊ย หากว่าเจ้ายังดันทุรังที่จะแต่งงานกับคนผู้นั้นให้ได้ ต่อไปในภายภาคหน้าเจ้าจะพบจุดจบที่ไม่ดีนัก”
หญิงสาวผงะถอยหลัง ก่อนจะหันซ้ายหันขวาด้วยความหวาดระแวงและหวาดกลัวขึ้นมากกว่าเดิม แต่ก็ยังเปล่งเสียงถามออกไปตามนิสัยที่ไม่ชอบให้มีอะไรค้างคาใจนานนัก
“ใคร? ทะ ท่าน เป็นใคร”
ทันทีที่กล่าวจบหมอกหนาทึบค่อยๆ จางหายไป เบื้องหน้าจึงปรากฏเงาร่างของชายผู้หนึ่งที่ยืนโบกพัดไปมาอย่างบุรุษเจ้าสำราญ
ความหวาดกลัวทำให้ฟางเยว่ซินก้าวถอยไปด้านหลังอีก3ก้าว ตั้งท่าเตรียมวิ่งหนีหากว่าเขาก้าวเขามาใกล้มากกว่านี้ เห็นอย่างนั้นเทพหนุ่มผู้มีน้ำเสียงเยี่ยงคนชรา จึงแหงนหน้าหัวเราะอย่างตลกขบขัน สร้างความไม่พอใจให้แก่คนฟังยิ่งนัก
“ทะ ท่าน หัวเราะข้า” ด้วยนิสัยเอาแต่ใจที่ติดตัวมาทำให้นางเลิกกลัวไปชั่วขณะ พลางกระทืบเท้าชี้หน้าฝ่ายตรงข้ามด้วยความโมโห
“เฮอะ เพราะนิสัยอย่างนี้ไงเล่าถึงได้ตรอมใจตายในตอนจบ ซ้ำยังพาให้ครอบครัวพินาศไปด้วย” เทพหนุ่มหยุดหัวเราะแล้วหันมากล่าวกับคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“หมะ..หมายความว่า อย่างไร” คุณหนูผู้เอาแต่ใจถึงกับใบหน้าถอดสี คนผู้นี้ทั้งน่ากลัวทั้งคำพูดก็น่าเชื่อถือในเวลาเดียวกัน
ท่านเทพส่ายหน้าอย่างสมเพชเวทนาในตัวของมนุษย์น้อย จากนั้นก็ได้วาดมือไปกลางอากาศปรากฏเป็นภาพเหตุการณ์หนึ่งที่มองแล้วพาให้ใจหายยิ่งนัก
ภาพที่เห็นเป็นช่วงเหตุการณ์ในคืนเข้าหอ นางถูกเจ้าบ่าวทิ้งไปอย่างไม่ใยดีจนกลายเป็นที่ซุบซิบนินทาของพวกบ่าวไพร่ หลังจากนั้นในแต่ละวันก็ไม่เคยพบกับความสุขอีกเลย ไม่ว่าจะพยายามทำดีไถ่โทษแค่ไหน ผู้เป็นสามีก็เย็นชาใส่และไม่เคยเหลียวแลกัน คนเอาแต่ใจเช่นนางจึงอาละวาดหนัก พ่อแม่สามีจึงรำคาญและรังเกียจเลยหาสตรีอื่นแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินรองให้ลูกชาย เพื่อให้อีกฝ่ายมีทายาทสืบสกุลเซี่ย นางไม่ยินยอมหมายจะเข้าไปทำร้ายคนจึงถูกลงโทษด้วยการกักบริเวณ หลังงานแต่งของสามีกับสตรีอื่นผ่านไปไม่นาน สตรีผู้นั้นก็ได้ตั้งครรภ์ ทุกคนดูมีความสุขในขณะที่นางต้องตรอมใจลงทุกวัน โดยไร้ผู้คนเหลียวแล ถัดไปอีกปีหญิงนางนั้นก็ได้ให้กำเนิดทารกอีกครั้ง จวนสกุลเซี่ยจัดการเลี้ยงเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ นางได้แต่มองภาพทุกอย่างด้วยความเจ็บปวด สุดท้ายก็ตรอมใจตายไปในที่สุด
หลังความตายได้พรากลมหายใจไปแล้ว ท่านพ่อที่นางเคยปรามาสเอาไว้ว่าวันๆ หลงรักแต่ลูกๆ ของเมียใหม่ จนหลงลืมนางที่เป็นลูกของภรรยาเก่า ได้นำคนบุกมาที่จวนตระกูลเซี่ย ลงมือทวงความยุติธรรมให้นางจนถูกฆ่าตายภายใต้คมดาบของเซี่ยหลาน
ในตอนนั้นเองที่ทำให้นางสำนึกได้ว่าเป็นตนที่ผิด เป็นตนที่ไร้ยางอายมาโดยตลอด ควรพอและควรหยุดทุกอย่างแต่เพียงเท่านี้ก่อนที่อะไรมันจะสายเกินแก้
“สำนึกได้แล้วหรือยัง”
“เจ้าค่ะ” นางตอบรับพร้อมกับพยักหน้าด้วยน้ำตาคลอ
“ตอนนี้มันยังไม่สาย กลับไปแก้ไขเสียใหม่ อย่าได้ทำให้ชีวิตตนเองและครอบครัวต้องพังทลายเหมือนอย่างในภาพที่เห็น”
“เจ้าค่ะ ข้าจะหยุดทุกอย่างไว้แต่เพียงเท่านี้”
“ดี เช่นนั้นก็กลับไปเถอะ กลับไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริง” เทพหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“…”
นางไม่ทันที่จะได้หายคาใจกับรอยยิ้มดังกล่าวก็ถูกลมหอบถึงพัดหายไปจากตรงนั้น
เฮือก!!
“โอ๊ย” ทันทีที่ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกเจ็บร้าวไปทั่วทั้งตัว และพบว่าตนกำลังถูกร่างหนากดจมลงกับที่นอนในห้องพักที่คาดว่าน่าจะเป็นของโรงเตี๊ยมสักแห่ง
“ตื่นแล้วหรือแม่ตัวดี หญิงชั่วช้าเช่นเจ้ากล้าทำถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะกล้าหลับใส่ข้าอีกหรือ”
“อ๊ะ” จู่ๆ ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นก็ผุดขึ้นมาในหัว นางได้ข่าวว่าเจ้ากรมอาญาที่ตนคอยวิ่งไล่ตามอย่างไร้ยางอายมาทานอาหารที่โรงเตี๊ยมขึ้นชื่อ จึงได้ลอบออกจากจวนมากับสาวใช้ หลังจากตรวจดูจนแน่ใจแล้วว่าเขามาเพียงแค่คนเดียว จึงจ้างวานให้เสี่ยวเอ้อร์ที่ตนรู้จักแอบวางยาปลุกกำหนัดที่เตรียมมาในอาหารและสุราของใต้เท้าเซี่ย รอจนยาออกฤทธิ์จึงได้เข้าไปภายในห้องเพื่อจับอีกฝ่ายทำสามี ทว่าผลลัพธ์ที่ได้คือโดนเขาขับไล่เหมือนหมูเหมือนหมา แต่นางก็ยังไร้ยางอายหน้าด้านหน้าทนอยู่ต่อ ถอดเสื้อผ้าเหลือเพียงบังทรงไล่ปลุกปล้ำให้เขาขาดสติจนถูกอีกฝ่ายจับเหวี่ยงไปบนเตียงอย่างแรง ศีรษะจึงไปกระแทกเข้ากับผนังห้องแล้วก็สลบไปชั่วขณะจึงได้ฝันเห็นชายลึกลับและภาพเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
“ขะ ข้า ขอโทษ ข้าผิดไปแล้ว”
“ขอโทษ,ผิดไปแล้วหรือ ช่างน่าขัน” เซี่ยหลานหยัดกายลุกขึ้นดึงทึ้งเสื้อผ้าของตนเองออกจากร่าง เสร็จแล้วก็กลับมาจัดการกับสตรีตรงหน้าต่อ “อยากได้สามีมากใช่หรือไม่ ข้าจะสนองให้ คิดเสียว่าเจ้ามันแค่นางโลมผู้หนึ่ง”
“ยะ อย่าเจ้าค่ะ ข้าผิดไปแล้ว ปล่อยข้าไปเถอะ”
คำร้องขอของนางไม่สัมฤทธิ์ผล มือหนากระชากปราการด่านสุดท้ายที่ปกปิดของสงวนทิ้งไปอย่างไม่ใยดี ก่อนจะจับเรียวขาขาวผ่องแยกออกจากกันกว้างๆ จ่อแท่งหยกไปที่บุปผาดอกงามก่อนจะตอกตรึงลงไปอย่างสุดแรง
“กรี๊ดดดด จะ เจ็บ”
ร่างสูงไม่ฟังเสียงร้องของอีกฝ่าย เพราะยามนี้อารมณ์ด้านมืดเข้าครอบงำจนทำให้หน้ามืดตามัวไปหมด เขาสวนสะโพกเข้าออกในจังหวะรัวแรงจนเตียงลั่นคลอนไปทั้งหลัง
“ไม่ พอแล้ว เจ็บ”
“ฮึ อยากได้ตัวข้ามากไม่ใช่หรือ โอดครวญด้วยเหตุอันใด อ่า”
“ข้ายอมแล้ว ฮึก ต่อไปจะไม่มาให้ท่านเห็นหน้าอีก ได้โปรด”
คำพูดของคนใต้ร่างฟังไม่เข้าหูนัก เขาจึงกระแทกกระทั้นใส่เนินอวบอูมของนางอย่างดุดัน เน้นหนักและถี่ยิบจนเสร็จสมเป็นครั้งแรก ทว่าอารมณ์กำหนัดยังไม่หมดจึงได้จับร่างบางพลิกคว่ำพลิกหงายอยู่หลายตลบ ปลดปล่อยเชื้อพันธุ์เข้าสู่ร่างกายของนางไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง กิจกรรมบนเตียงดำเนินต่อไปจนกระทั่งฟ้าสาง