“เลือกเอาเถอะระหว่างแต่งเข้าไปเป็นอนุ หรือยอมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แล้วรับเงินไปหนึ่งแสนตำลึงทอง”

ข้าสำนึกได้แล้ว - ๒ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด โดย รอยยิ้มพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ย้อนยุค,จีน,ตลก,แฟนตาซี,เทพเซียน,จีนโบราณ,ขุนนาง,ย้อนยุค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ข้าสำนึกได้แล้ว

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ย้อนยุค,จีน,ตลก,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

เทพเซียน,จีนโบราณ,ขุนนาง,ย้อนยุค

รายละเอียด

“เลือกเอาเถอะระหว่างแต่งเข้าไปเป็นอนุ หรือยอมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แล้วรับเงินไปหนึ่งแสนตำลึงทอง”

ผู้แต่ง

รอยยิ้มพระจันทร์

เรื่องย่อ

สารบัญ

ข้าสำนึกได้แล้ว-๑ ข้าสำนึกผิดแล้ว,ข้าสำนึกได้แล้ว-๒ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด,ข้าสำนึกได้แล้ว-๓ เข้าใจผิด,ข้าสำนึกได้แล้ว-๔ ไม่อาจดูเบา,ข้าสำนึกได้แล้ว-๕ จับตาดูอย่างใกล้ชิด,ข้าสำนึกได้แล้ว-๖ แทงใจดำ,ข้าสำนึกได้แล้ว-๗ อยู่ยากขึ้นทุกวัน,ข้าสำนึกได้แล้ว-๘ ตั้งต้นชีวิตใหม่,ข้าสำนึกได้แล้ว-๙ ทิ้งความวุ่นวายไว้เบื้องหลัง,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๐ ไหวพริบเป็นเหตุ,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๑ ข้อสันนิษฐาน,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๒ ถ่องแท้เสียที,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๓ มั่นใจในตัวเองสูง,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๔ ไหน้ำส้มแตก,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๕ มีชั้นเชิง,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๖ ล้างสมอง,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๗ ปรับความเข้าใจ,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๘ ชัดเจน,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๙ พิสูจน์ตัวเอง,ข้าสำนึกได้แล้ว-๒๐ งานง่ายๆ,ข้าสำนึกได้แล้ว-๒๑ ความรู้แตกฉาน,ข้าสำนึกได้แล้ว-๒๒ ปมในใจคลี่คลาย,ข้าสำนึกได้แล้ว-๒๓ คลอดบุตร,ข้าสำนึกได้แล้ว-๒๔ บทส่งท้าย

เนื้อหา

๒ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด



บทที่๒ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด




ฟางเยว่ซินกลับมาถึงจวนในยามเหม่า [6.00] ด้วยสภาพสะบักสะบอม แต่โชคยังดีที่ไม่ได้ถูกคนในจวนพบเห็น เพราะเป็นช่วงเทศกาลบิดาของนางจึงอนุญาตให้ข้ารับใช้กลับไปเยี่ยมบ้านได้ ส่วนคนที่ไม่มีญาติอยู่ที่ไหนก็ให้หยุดพักผ่อนได้1วัน ดังนั้นจึงไม่มีใครมาเดินเพ่นพ่านอย่างเช่นที่เห็นในทุกๆ วัน


หลังจากจัดการธุระส่วนตัวเป็นที่เรียบร้อย หญิงสาวก็ได้ทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างอ่อนแรง น้ำตาที่เคยเหือดแห้งไปแล้วค่อยๆ ไหลออกมาอย่างช้าๆ นางได้คิดย้อนกลับไปถึงคำพูดก่อนที่นางกับเขาจะแยกจากกันด้วยความเสียใจ


“เลือกเอา ระหว่างให้ข้ารับผิดชอบด้วยการแต่งเจ้าเข้าไปเป็นอนุภรรยา หรือเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับตลอดไป แล้วรับเงินไปจากข้าหนึ่งแสนตำลึงทอง ถ้าเลือกข้อนี้มีข้อแม้อยู่อย่าง อย่าได้กลับมายุ่งวุ่นวายกับข้าอีก และอย่าได้คิดนำเรื่องสามานย์ไปแพร่งพรายให้ผู้ใดทราบ มิฉะนั้นข้าจะทำให้เจ้าอยู่ไม่สู้ตาย” เขากล่าวเสียงเหี้ยมพลางใช้นิ้วมือปาดคอของตนเอง เป็นการข่มขู่นาง


นางเห็นแล้วอดที่จะผวามิได้ แต่ก็ยังแข็งใจตอบโต้เขากลับไปเสียงสั่นเครือ


“ขะ…ข้าผิดเอง มะ ไม่ขอเลือกทางใดทั้งนั้น ตะ แต่ ข้าสัญญาว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ และสัญญาว่าจะไม่ตามไปตอแยใดๆ ท่านอีกเจ้าค่ะ”


“เฮอะ ดีแต่ปาก สำนึกได้ตอนนี้ไม่คิดว่ามันช้าไปหรอกหรือ 3ปีมานี้มิใช่ใครตักเตือนแล้วไม่ฟัง ชอบทำงามหน้าให้ตระกูลเสียหาย”


“จริงๆ นะเจ้าคะ ข้าสำนึกได้แล้วจริงๆ ข้าขอโทษ ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ”


“งั้นก็ไสหัวไป ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะทำได้อย่างที่พูดหรือไม่”


หลังจากนั้นนางจึงรีบสวมใส่เสื้อผ้าอย่างลวกๆ อดทนต่อความเจ็บก้าวออกไปจากห้อง เจอเข้ากับสาวใช้คนสนิทที่ตกอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน ทำให้นางรู้สึกว่าตนเองนั้นช่างต่ำช้า สร้างเรื่องเสื่อมเสียไม่พอยังทำให้ผู้อื่นพลอยรับเคราะห์ตามไปด้วย




“คุณหนูเจ้าคะ ยาแก้ปวดมาแล้วเจ้าค่ะ”


เสียงเรียกของสาวใช้คนสนิท ทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียงหลุดจากภวังค์ นางรีบเช็ดน้ำตาแล้วยันกายลุกขึ้นนั่ง ยื่นมืออันสั่นเทาไปรับถ้วยยามาดื่มอย่างว่าง่าย


“ขอบใจ”


“เจ้าคะ?” จูจูอุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะต่อให้นางรับใช้ได้ดีมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่คุณหนูจะกล่าวคำว่าขอบคุณ หรือเป็นเพราะล้มหัวฟาดจึงทำให้ทั้งนิสัยและการกระทำเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แต่ไม่ว่าคุณหนูจะเป็นอย่างไรก็ตาม นางก็จะขอติดตามรับใช้อย่างซื่อสัตย์ตลอดไป


“เจ้าก็อย่าลืมดื่มด้วยเล่า เมื่อคืนก็หนักหนามิใช่หรือ” ฟางเยว่ซินกล่าวกับคนตรงหน้าด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ


จูจูเม้มปาก เรื่องเมื่อคืนนางก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ตอนนั้นนางเพียงยืนหลบอยู่มุมหนึ่งเพื่อรอกลับจวนพร้อมคุณหนู จู่ๆ ก็ถูกชายปริศนากระชากนางไปปู้ยี่ปู้ยำในห้องพักติดกับห้องที่คุณหนูอยู่กับใต้เท้าเซี่ย ตลอดทั้งคืนนางได้ตกเป็นรองคนผู้นั้นหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งรุ่งสางเขาจึงปล่อยตัวนางออกมา


“คุณหนู คือ ขะ..ข้า” ก้อนสะอื้นขึ้นมาจุกอยู่กลางอก ทำให้เจ้าตัวไม่อาจเปล่งคำพูดอื่นใดได้อีก มีเพียงน้ำตาที่เป็นสิ่งยืนยันได้ว่าได้ประสบพบเจอเรื่องหนักหนาสาหัสมาจริงๆ


“ไม่ต้องพูด ไม่ต้องเล่า ข้าเข้าใจแล้ว ข้าขอโทษ เป็นข้าที่ผิดแต่เพียงผู้เดียว ขอโทษ”


“คุณหนู” ร่างเล็กผวากอดร่างของผู้เป็นนาย แล้วพากันร้องไห้ให้กับชะตากรรมอันเลวร้ายของตนเอง จนหลงลืมไปว่าพวกตนยังไม่มีใครได้ต้มยาห้ามครรภ์ดื่มกันเลยสักคน




เงาร่างสูงใช้วิชาตัวเบากระโดดไปตามหลังคาบ้านเรือนอย่างว่องไว พริบตาเดียวก็หายเข้าไปในจวนตระกูลเซี่ย


ร่างสูงที่กำลังใช้ปลายนิ้วเปิดตำราพลันหยุดชะงัก ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาแฝงความอำมหิตอยู่หลายส่วน


“รายงานมา”


องครักษ์ในชุดสีดำสนิทปรากฏกายให้เห็น พลางประสานหมัดทำความเคารพ ก่อนรายงานไปตามความเป็นจริง


“นางยังไม่ได้นำเรื่องที่เกิดขึ้นไปบอกใครขอรับ”


“เสนาบดีล่ะ” เสนาบดีที่กล่าวถึงก็คือใต้เท้าฟาง เป็นบิดาของฟางเยว่ซินนั่นเอง


“ขลุกอยู่ที่เรือนคุณชายฟางขอรับ เด็กคนนั้นไม่ค่อยสบายมาตั้งแต่เมื่อวาน”


“อ๋อ อย่างนี้นี่เองถึงไม่รู้ว่าบุตรีคนโตหายออกจากจวนไปทั้งคืน” เซี่ยหลานกล่าวเสียงเรียบ มิได้รู้สึกยินดียินร้ายแต่อย่างใด


“นายท่านจะให้ข้าน้อยจัดการอย่างไรต่อ”


“ข้าไม่เชื่อว่านางจะทำได้อย่างที่พูด จับตาดูนางทุกฝีก้าว หากกล้านำเรื่องเมื่อคืนไปบอกกับคนอื่นให้เสื่อมเสียไปถึงบิดามารดาของข้าแล้วล่ะก็สั่งสอนได้ทันที แต่อย่าให้ถึงตายก็พอ”


“ขอรับ”




ฟางเยว่ซินนอนซมเพราะพิษไข้มา3วัน หลังจากหายดีก็เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในเรือน มีเพียงจูจูเท่านั้นที่ออกไปนำอาหารจากโรงครัวกลับมาที่เรือน


ทางด้านท่านเสนาบดีก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอันใด เพียงกำชับให้ดูแลเรื่องอาหารการกินกับเบี้ยหวัดที่จะได้ในแต่ละเดือน เพราะคิดว่าบุตรสาวคนโตจะเรียกร้องความสนใจเหมือนครั้งก่อนๆ เพียงแต่ครั้งนี้มันออกจะเป็นผลดีกว่าในทุกครั้ง เพราะนางจะได้ไม่ต้องออกไปทำเรื่องไร้ยางอายให้ผู้อื่นติฉินนินทาลับหลัง แค่3ปีที่ผ่านมาพามันก็ทำให้ตระกูลฟาง ถูกมองดูไม่ดีในสายตาของทุกคนมากพออยู่แล้ว ต่อไปบุตรชายจะแต่งสตรีใดเข้าจวนก็คงต้องคิดหนัก บุตรสาวคนรองจะออกเรือนก็คงจะยากลำบาก


ย่างเข้าเดือนที่สอง ฟางเยว่ซินเริ่มมีอาการประหลาดเกิดขึ้น ทานอาหารได้น้อยลงและจะชอบวิงเวียนหน้ามืดตาลายในตอนเช้า ส่วนจูจูหิวบ่อย กินทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่กินเท่าไหร่ก็ยังรู้สึกหิวจัดอยู่ดี ราวกับมีอะไรอยู่ในท้อง พวกนางเริ่มเป็นกังวลว่าอาจจะป่วยเป็นโรคร้าย จึงตัดสินใจชวนกันปลอมตัวแอบหนีออกจากจวนในเช้าวันหนึ่ง


ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังโรงหมอที่ห่างไกลออกไปอีกหน่อย เพื่อจะได้เข้าไปตรวจอาการด้านในได้อย่างสะดวก และผลปรากฏออกมาว่า


“ยินดีด้วยแม่นาง พวกเจ้าทั้งสองคนตั้งครรภ์ได้ร่วมเดือนแล้ว”