“เลือกเอาเถอะระหว่างแต่งเข้าไปเป็นอนุ หรือยอมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แล้วรับเงินไปหนึ่งแสนตำลึงทอง”
ชาย-หญิง,ย้อนยุค,จีน,ตลก,แฟนตาซี,เทพเซียน,จีนโบราณ,ขุนนาง,ย้อนยุค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ข้าสำนึกได้แล้ว“เลือกเอาเถอะระหว่างแต่งเข้าไปเป็นอนุ หรือยอมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แล้วรับเงินไปหนึ่งแสนตำลึงทอง”
บทที่๓ เข้าใจผิด
สองสาวเดินออกมาจากโรงหมอด้วยหัวใจอันหนักอึ้ง หนักเสียยิ่งกว่าห่อยาจำนวนไม่น้อยที่ถืออยู่ในมือเสียอีก เมื่อเดินใกล้จะถึงเขตคนพลุกพล่าน จูจูจึงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ เอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“คุณหนูเราจะทำอย่างไรกันดีเจ้าคะ”
ลำพังสาวใช้เช่นนางเรื่องท้องไม่มีพ่อไม่มีใครให้ความสนใจมากนัก อย่างมากก็แค่ถูกลงโทษ หรืออาจจะถูกขายออกไปก็เท่านั้น ต่างกับคุณหนูใหญ่ที่เป็นถึงบุตรีของขุนนาง หากมีข่าวการตั้งครรภ์หลุดออกไปในขณะที่ยังไม่ได้ออกเรือน จะทำให้เป็นที่ติฉินนินทา และทั้งตระกูลก็จะเสื่อมเสียชื่อเสียง หากเลวร้ายหน่อยก็จะถูกบังคับให้ดื่มยาขับเลือดและส่งไปแต่งงานเป็นอนุของจวนเศรษฐี หรือไม่ก็จะถูกโบยจนแท้งลูกแล้วขับออกจากตระกูล หากดีหน่อยก็อาจจะแค่ถูกส่งไปอยู่ที่อื่นสักพัก รอจนคลอดลูกแล้วค่อยเรียกตัวกลับมาแต่งงานกับชายชราถุงเงินหนัก เพราะพวกคนแก่ไม้ใกล้ฝั่งย่อมไม่ถือสาหากว่าอนุที่รับมาจะมีลูกติดสักกี่มากน้อย
ฟางเยว่ซินถอนหายใจ ไม่ใช่ว่านางจะไม่รู้ถึงความกังวลของคนสนิท เพราะนางเองก็เป็นกังวลในเรื่องนี้เหมือนกัน จึงไม่สามารถบอกได้ว่าสมควรจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไรต่อไปดี โดยที่จะไม่ทำให้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อทุกฝ่าย
เห็นนายสาวยืนเงียบไปนาน จูจูจึงเสนอความคิดด้วยน้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ “หรือว่าเราสมควร..” หาบุรุษมาทำสามีสักคน ประโยคหลังไม่ทันจะได้พูดออกไป เสียงติดจะเกรี้ยวกราดก็สวนขึ้นมาทันควัน
“เรื่องทำแท้งตัดทิ้งไปได้เลย”
จูจูถึงกับลนลานรีบโบกไม้โบกมือและกล่าวปฏิเสธเสียงหลง “ไม่ใช่เจ้าค่ะ บ่าวไม่ได้หมายความ เช่นนั้น บ่าวก็ไม่เคยคิดจะทำร้ายเขา เพียงแค่ เพียงแค่”
ฟังน้ำเสียงลนลานของคนพูด ทำให้คิ้วดกดำของฟางเยว่ซินต้องขมวดเข้าหากัน ก่อนจะหันไปถามเจ้าตัวด้วยความฉงน “อย่างไร”
ร่างอวบอิ่มไม่ต่างจากเจ้านายสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ แล้วตัดสินใจพูดในสิ่งที่คิดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่หนักไม่เบาจนเกินไป “บ่าวหมายถึง เราควรหาบุรุษมาแต่งงานเจ้าค่ะ”
“ว่าไงนะ..หาบุรุษมาแต่งงานน่ะหรือ” หญิงสาวทวนคำพูดของสาวใช้คนสนิทเสียงดัง ก่อนจะรีบเอามืออุดปากของตนเอง พลางกระพริบตาปริบๆ อย่างไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี ทว่าพอได้ใคร่ครวญไปตามคำพูดของคนตรงหน้าก็รู้สึกว่าเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย แต่.. ถ้าหากถูกจับได้ว่าตั้งท้องลูกของคนอื่น มันจะไม่กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตให้อับอายขายขี้หน้ากว่านี้หรอกหรือ ไม่เพียงฝ่ายหญิงจะถูกประณามว่าต่ำช้า คนในครอบครัวก็จะพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย เทียบกับการหลบหนีไปอยู่ที่อื่น อยู่ในที่ที่ไม่มีใครเคยรู้จักมันน่าจะดีกว่ากันเยอะ
“ใช่เจ้าค่ะ” จูจูกล่าวยืนยันคำพูดพร้อมกับพยักหน้าหงึกๆ
ร่างสมส่วนเอามือออกจากปาก แล้วจ้องหน้าสาวใช้เขม็ง แม้จะไม่เห็นด้วยแต่ก็อดถามออกไปไม่ได้อยู่ดี “แต่เราจะไปหาบุรุษมาแต่งงานได้จากที่ไหนเล่า คุณชายเล่านั้นแค่ได้ยินชื่อข้าก็พากันเบือนหน้าหนีแล้ว”
“หอนายโลมเจ้าค่ะ ไปซื้อตัวพวกเขามาแต่งงาน แล้ว..แล้วก็ย้ายกันไปอยู่ที่อื่น อย่างน้อยลูกของเราก็จะได้มีพ่อ ตะ..แต่ว่า ค่าตัวของพวกเขาไม่ใช่ถูกๆ บ่าวจะยอมควักเงินที่เก็บหอมรอมริบมาหลายปี ถ้าหากคุณหนูยอมตกลงเจ้าค่ะ”
ฟางเยว่ซินอ้าปากค้าง ใครกันนะที่เอาความคิดนี้มาใส่หัวน้อยๆ ของจูจู แต่มันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ สตรีที่เป็นหม้ายหากว่ามีฐานะดีหน่อยก็มักจะซื้อตัวนายโลมมาอยู่กินเป็นสามีภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แม้แต่คุณหนูบางคนที่เลยวัยแต่งงานไปแล้ว ทางครอบครัวก็ยินดีหาซื้อชายหนุ่มมาแต่งกับบุตรของตนเอง หรือแม้แต่บุรุษด้วยกันก็สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะแคว้นหนิงค่อนข้างให้อิสระในเรื่องคู่ครอง ไม่ได้กีดกันในความรักของคนเพศเดียวกัน
เอ…หรือว่านางจะทำอย่างนั้นดีไหมนะ
ร่างระหงรีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไป ก่อนจะบ้าจี้คล้อยตามคำพูดของจูจูไปมากกว่านั้น แต่เอาเถอะถ้าหากคนของนางจะทำอย่างที่กล่าวมาจริงๆ นางก็พร้อมที่จะสนับสนุน
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ลองดูเถอะ”
“เจ้าค่ะ”
ร่างสูงที่หันไปเห็นสองสาวด้วยความบังเอิญจากทางหน้าต่างชั้นสองของร้านขายสมุนไพร ถึงกับหัวเราะเบาๆ ในลำคอแล้วจึงหันไปหยอกล้อผู้เป็นสหายด้วยน้ำเสียงรื่นเริงว่า
“จุ๊ๆๆ เจ้าเนี่ยนะเสน่ห์แรงยังไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ”
“อะไร” ชายหนุ่มถามเสียงห้วนพร้อมกับกระแทกจอกสุราลงกับโต๊ะด้วยความไม่สบอารมณ์นัก
“ดูนั่นสิ” เขาพยักพเยิดหน้าไปทางหน้าต่างบานดังกล่าว
ใต้เท้าเซี่ยดูสีหน้ามีลับลมคมในของสหายแล้วเกิดความรำคาญ จึงลุกขึ้นไปยืนมองให้กับตาว่ามีอะไรอยู่ตรงนั้นกันแน่ ทันทีที่ได้เห็นร่างสมส่วนในชุดบุรุษสีซีด เขาก็จดจำได้ในทันทีว่าคนที่ยืนอยู่คือผู้ใด
กรามแกร่งบดเข้าหากันจนขึ้นสันนูน คิดไว้แล้วเชียวว่าคำพูดของนางเชื่อถือมิได้ กระทั่งแอบมาพบสหายที่ร้านขายสมุนไพรเล็กๆ อย่างลับๆ สายข่าวของนางก็ยังสืบจนรู้จน จึงทำให้นางมาปรากฏตัวถึงที่นี่ แล้วแสร้งทำทีว่ามาซื้อขายสมุนไพร หึ…เขาไม่น่าถอนคำสั่งให้เลิกจับตามองพวกนางเลยจริงๆ หาไม่แล้วคนของเขาสามารถสะกัดกั้นสายข่าวของคุณหนูฟางเอาไว้ได้ และเขาก็จะได้ไม่ต้องพบเจอกับสตรีเช่นนางในวันนี้
ไม่ได้การคงต้องพาสตรีผู้นี้ไปตักเตือนหน่อยแล้ว คิดได้อย่างนั้นจึงรีบหุนหันพลันแล่นออกไปในทันที
“อ้าวเฮ้ย เซี่ยหลาน นั่นเจ้าจะไปที่ใด”