“เลือกเอาเถอะระหว่างแต่งเข้าไปเป็นอนุ หรือยอมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แล้วรับเงินไปหนึ่งแสนตำลึงทอง”
ชาย-หญิง,ย้อนยุค,จีน,ตลก,แฟนตาซี,เทพเซียน,จีนโบราณ,ขุนนาง,ย้อนยุค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ข้าสำนึกได้แล้ว“เลือกเอาเถอะระหว่างแต่งเข้าไปเป็นอนุ หรือยอมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แล้วรับเงินไปหนึ่งแสนตำลึงทอง”
บทที่๔ ไม่อาจดูเบา
เงาร่างสูงปราดเข้ามาขวางหน้า พลางแผ่กลิ่นอายสังหารเข้มข้มข่มขวัญ สองสาวถึงกับหนาวสั่นเย็นนะเยือกไปถึงภายใน และในทันทีที่แหงนหน้ามองเจ้าของร่างสูงใหญ่ สีหน้าที่ไม่สู้ดีอยู่แล้วก็ยิ่งดูแย่และซีดขาวมากยิ่งขึ้น เนื้อตัวยังสั่นเทิ้มแข้งขาร่ำๆ จะทรุดลงกับพื้นให้จงได้
ดวงตาคมกริบมองจ้องร่างบางเขม็ง เพื่อคอยจับสังเกตมารยาสาไถย และลูกไม้ที่คนตรงหน้าจะนำมาใช้ในยามที่เจอะเจอกับตน แล้วก็ให้รู้สึกทึ่งจัดที่นางสามารถแสดงละครเป็นสตรีอ่อนแอได้อย่างแนบเนียน ดูท่าแล้วเขาคงจะดูเบานางจนเกินไปกระมัง ไม่นึกจริงๆ ว่าไม่เจอกันเพียงร่วมเดือน แต่ฝีไม้ลายมือจะพัฒนาไปไกลกว่าสตรีในหอโคมเขียวเสียอีก
เขาล่ะเกลียดสตรีประเภทนี้ที่สุด เสแสร้ง มารยา มากเล่ห์ หรือพวกที่แสร้งปล่อยเพื่อจับเหมือนนาง เขายิ่งรังเกียจจนไม่อยากเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย แต่วันนี้คงต้องฝืนใจตัวเองสักครั้ง จึงเริ่มเปิดบทสนทนาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
ฟังน้ำเสียงและใบหน้ามืดครึ้มราวกับจะฆ่าใครให้ตาย ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความรังเกียจเดียดฉันท์ที่มีต่อกัน ฟางเยว่ซินหวาดผวากระเถิบร่างเข้าหาสาวใช้คนสนิท ตัวสั่นราวกับลูกนกจับไข้
จูจูเห็นใจนายสาวแต่นางก็จนใจที่จะช่วยเหลือ เพราะตนก็มีชนักติดหลังเรื่องที่ร่วมมือกับคุณหนูวางยาใต้เท้าเซี่ย อีกฝ่ายไม่ให้คนลากนางไปโบยให้ตายก็ดีแค่ไหนแล้ว
“ไม่ได้ยินหรืออย่างไร หรือต้องให้ข้าป่าวประกาศความไร้ยางอายของเจ้าตั้งแต่ตรงนี้” เสียงของเขาไม่หนักไม่เบาจนเกินไป เรียกสายตาผู้คนที่เดินอยู่ในระยะใกล้ให้หันมามองด้วยความรู้สึกสงสัยใคร่รู้ แต่เมื่อไม่เห็นมีอะไรจึงเลิกให้ความสนใจไปเอง
หญิงสาวสะดุ้งตกใจ ละล่ำละลักมองหน้าชายหนุ่มอย่างหวาดๆ “ขะ ข้า ขอ โทษ”
นางขอโทษในเรื่องที่เคยรับปากว่าจะไม่มาให้เขาเห็นหน้าอีก เลยไม่รู้ว่าคำพูดของตนกลับทำให้เขาเข้าใจไปอีกอย่าง
“ในที่สุดก็ยอมรับแล้วสินะ”
“…” นางมองเขาอย่างไม่เข้าใจมากนัก แต่เขาคงหมายถึงเรื่องที่นางผิดคำพูดกระมัง จึงได้พยักหน้าเบาๆ ตอบกลับไป คิดไม่ถึงว่าเขาจะโกรธจัด ยืนกัดฟันกรอด แววตาที่มองมาคล้ายจะเรืองแสงได้ ไหนจะเสียงตะคอกนั่นอีก
“ไป!”
“จะ เจ้าค่ะ” นางขานรับด้วยท่าทางลนลาน ดันร่างของคนสนิทให้ก้าวเดินไปข้างหน้า แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมือหนาเอื้อมมาดึงแขนของนาง แล้วดึงรั้งเข้าไปปะทะกับอกแกร่งของเขา
“ไร้ยางอายแล้วยังจะหูตึงอีก ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน”
แต่ข้าไม่มี ร่างเล็กสวนกลับในใจทันควัน ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นยังจำติดตาไม่หาย เกิดว่าเขาโมโหจนหน้ามืดแล้วเผลอลงมือทำอะไรรุนแรนลงไป นางอาจจะตายก่อนได้คลอดลูกกระมัง
เซี่ยหลานอยากจะชื่นชมกับมารยาใสซื่อบริสุทธิ์ของนางอยู่หรอก แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์สุนทรีขนาดนั้น เมื่อนางไม่ยอมตามไปดีๆ เขาจึงตัดสินใจตวัดร่างเล็กขึ้นอุ้ม เดินดุ่มๆ ไปได้ไม่กี่ก้าว ก็มีน้ำเสียงสดใสเรียกเขาเอาไว้เสียก่อน
“ใต้เท้าเซี่ย”
ใต้เท้าหนุ่มรีบปรับสีหน้าและอารมณ์ ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้มาใหม่ โดยที่ยังคงอุ้มฟางเยว่ซินไว้ในอ้อมแขน
“คุณหนูรองฟางกับสหายนั่นเอง” เขากล่าวเสียงเรียบ ไม่ได้ยินดียินร้ายใดๆ ที่ได้เจออีกฝ่าย
แต่ด้วยบุคลิกหน้านิ่งเป็นเอกลักษณ์ เด็กสาวที่มาด้วยกันต่างก้มหน้างุด ลำตัวก็บิดไปมาอย่างขวยเขิน
ท่าทีราวกับไส้เดือนถูกน้ำร้อนลวก สร้างความรำคาญตาให้แก่ชายหนุ่มนัก แต่ด้วยหน้าที่การงานและวุฒิภาวะ เขาจึงไม่ได้แสดงอารมณ์ไม่พอใจให้พวกนางได้เห็น อีกทั้งน้ำเสียงยังฟังดูเป็นปกติจนแยกไม่ออกเลยด้วยซ้ำ
“เอ๊ะ นั่นพี่สาวนี่น่า”
เซี่ยหลานรู้สึกว่ามารยาของฟางเยว่ซินเป็นประโยชน์ก็ตอนนี้ การที่นางท่าทีเป็นว่าหมดสติ ทำให้เขาใช้เป็นข้ออ้างและกล่าวแก้ต่างกับทุกคนได้
ช่างดูเบาไม่ได้เลยจริงๆ
“นางเป็นลม ข้าเลยจะอุ้มนางเข้าไปด้านใน”
“ให้ข้าเรียกคนบังคับรถม้ามาอุ้มนางไปส่งโรงหมอดีกว่าเจ้าค่ะ จะได้ไม่เป็นการรบกวนใต้เท้า” ฟางลี่อินกล่าวเสียงอ่อนเสียงหวาน ด้วยความหวังดี
ฟางเยว่ซินกำหมัดแน่นจนเกร็งไปทั้งร่าง ส่วนชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจในความคิดของเด็กสาวตรงหน้า พลางคิดว่าอีกฝ่ายไม่รู้หรือว่าหากทำเช่นนั้น ต่อไปจะทำให้ผู้อื่นมองพี่สาวตัวเองในทางที่ไม่ดีเอาได้
“ไม่ถือว่ารบกวน”
“แต่ว่า..พี่เยว่ซินกับบ่าวชายคนนั้นสนิทสนมกันดี ไม่น่าจะเป็นอันใดเจ้าค่ะ แล้วเดี๋ยวข้าจะได้พานางกลับจวนพร้อมกันเลย”
หญิงสาวที่กำลังแสร้งหมดสติ ตกใจจนแทบจะกระโดดออกจากอ้อมแขนอันทรงพลัง แล้วไปตบกะบาลนังน้องปากไม่มีหูรูดที่ชอบพูดจาให้ผู้อื่นเข้าใจผิดอยู่เรื่อย ส่วนจูจูนั้นใบ้กินไปชั่วขณะ ยังคิดไม่ออกว่าคุณหนูของตนไปสนิทสนมกับใครตอนไหน ด้านใต้เท้าเซี่ยยิ่งไม่ต้องพูดถึง หน้าตาดุดันจนแทบจะดูไม่ได้อยู่แล้ว
“งั้นข้าจะให้คนของข้าไปส่งนางเองก็แล้วกัน ขอตัวก่อน” ร่างสูงเปลี่ยนใจพานางไปขึ้นรถม้าไร้ตราประทับที่จอดอยู่ไม่ห่างจากหน้าร้านที่ตนยืนอยู่
จูจูจึงลืมตัวว่าตนท้องอยู่ กึ่งเดินกิ่งวิ่งเพื่อให้ทันขึ้นรถม้าของใต้เท้าเซี่ย
ฟางลี่อินหันไปอมยิ้มอย่างมีเลศนัยกับเหล่าสหาย ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านอย่างมีความสุข