“เลือกเอาเถอะระหว่างแต่งเข้าไปเป็นอนุ หรือยอมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แล้วรับเงินไปหนึ่งแสนตำลึงทอง”
ชาย-หญิง,ย้อนยุค,จีน,ตลก,แฟนตาซี,เทพเซียน,จีนโบราณ,ขุนนาง,ย้อนยุค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ข้าสำนึกได้แล้ว“เลือกเอาเถอะระหว่างแต่งเข้าไปเป็นอนุ หรือยอมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แล้วรับเงินไปหนึ่งแสนตำลึงทอง”
บทที่๕ จับตาดูอย่างใกล้ชิด
“ระวังไว้ให้ดี ข้าจะจับตามองเจ้ากับคนของเจ้าทุกฝีเก้า”
เซี่ยหลานกระซิบเตือนร่างเล็กเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะส่งนางเข้าไปนั่งในรถม้า ส่วนตนเองก็เดินไปกระโดดขึ้นหลังอาชาสีดำของผู้เป็นสหาย จากนั้นก็ควบหายไปอย่างรวดเร็ว
สองสาวค่อยหายใจหายคอคล่องหน่อย แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมา เพราะ กลัวคนบังคับม้าด้านหน้าจะได้ยินและนำไปรายงานให้ใต้เท้าเซี่ยทราบ เคราะห์กรรมอาจจะมาเยือนถึงที่ซึ่งพวกนางก็ไม่อาจจะเสี่ยงได้
ใกล้จะถึงจวน ฟางเยว่ซินก็บอกให้สารถีหยุดรถม้า อย่างไรพวกตนก็แอบหนีออกมา หากให้ไปส่งถึงหน้าประตูก็กระไรอยู่
คุณของตระกูลเซี่ยก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่สายตาที่มองไปยังร่างอวบอิ่มของจูจู ดูจะล้ำลึกสักหน่อยก็เท่านั้น แต่สาวๆ ไหนเลยจะสังเกตเห็น เพราะมัวแต่ให้ความสนใจซึ่งกันและกัน
“ขอบคุณที่มาส่ง” เยว่ซินกล่าวกับชายที่มาส่ง
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างแปลกใจ แต่พอคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ตนจะต้องหาคำตอบ จึงเพียงพยักหน้าให้ทั้งสองเล็กน้อย ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว
“คุณหนูเดินระวังๆ เจ้าค่ะ”
“จูจู เราปลอมตัวกันขนาดนี้ ลี่อินดูออกได้อย่างไร” เมื่อไม่มีคนนอก ฟางเยว่ซินจึงกล้าเอ่ยปากถามคนสนิทในสิ่งที่ตนสงสัยมาตลอดทาง
ร่างมีน้ำมีนวลอยากจะตะโกนบอกคุณหนูเหลือเกินว่า รูปร่างหน้าตาของคุณหนูมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว อาจตบตาคนอื่นๆ ได้ในระยะไกล แต่ถ้าเป็นในระยะใกล้ อาจจะใช้เวลาพินิจอีกนิดหน่อย หรือถ้าหากเป็นคนในครอบครัวที่เห็นกันอยู่แทบทุกวัน เป็นไปไม่ได้หรอกที่พวกเขาจะถึงขนาด จดจำกันไม่ได้
คุณหนูลี่อิน แม้ไม่ได้สนิทกับคุณหนูของนางนัก แต่ทั้งสองก็เจอหน้าคร่าตากันทุกวัน มาระยะหลังๆ นี่แหละที่ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ จึงไม่แปลกหรอกที่อีกฝ่ายจะจำได้ในทันที
สาวใช้ตัวไม่น้อยถอนหายใจแล้วตอบต่างไปจากที่คิดเล็กน้อย “นางอาจจะสังเกตเห็นพวกเรามาสักระยะแล้วก็ได้เจ้าค่ะ ก่อนจะมั่นใจแล้วเดินตรงมาทัก หรือไม่ ก็ตั้งใจมาหาใต้เท้าเซี่ย แล้วเพิ่งจะสังเกตเห็นคุณหนูเจ้าค่ะ”
ฟางเยว่ซินใจวูบโหวงอย่างไรชอบกลยามที่ได้ยินว่าน้องสาวต่างมารดาตั้งใจเดินเข้ามาหาใต้เท้าเซี่ย เมื่อก่อนนางก็พอจะดูออกว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไรกับฝ่ายชาย และนั่นจึงเป็นแรงผลักดันให้นางเดินหน้าเกี้ยวพาราสีบุรุษอย่างเต็มกำลัง แต่ดูเหมือนยิ่งทำก็ยิ่งแย่ กลายเป็นข้อเปรียบเทียบระหว่างนางกับน้องสาว ครอบครัวของเขาจึงให้ความเอ็นดูฟางลี่อินที่วางตัวดีมากกว่า มีขนมอะไรอร่อยก็มักจะส่งมาให้ที่จวน เด็กสาวคนนั้นก็มักจะนำมาโอ้อวดอยู่เสมอ แล้วนางก็เดือดดาลตกลงไปในหลุมพรางของอีกฝ่ายทุกครั้ง ดังนั้นแล้วในสายตาของคนตระกูลเซี่ย นางจึงดูไม่น่าคบหา แต่ที่ยังสามารถเข้าออกที่นั่นตามใจชอบ ก็เพราะในอดีตมารดาของนางเคยเป็นสหายกับเซี่ยฮูหยิน คนในจวนจึงไม่มีใครกล้ากล่าวว่าไม่เหมาะสม
ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะเมื่อก่อนนางยังไม่ค่อยเข้าใจในความรู้สึกนึกคิดของใครเท่าไหร่ แต่วันนี้ที่นางนั้นสำนึกได้แล้ว จึงไม่คิดกลับไปทำตัวเช่นเดิมอีก อีกไม่นานถ้าอายุครรภ์แข็งแรงมากพอที่จะเดินทางไกล นางก็จะจากไปในทันที ได้แต่หวังว่าใต้เท้าเซี่ยจะมีความสุขที่ไม่มีนางคอยกวนใจ ส่วนท่านพ่อจะได้ไม่ต้องรู้สึกลำบากใจที่มีคนคอยขัดขวางช่วงเวลาแห่งความสุขของครอบครัว
แล้วสุดท้ายก็ขอให้นางกับจูจูสามารถคลอดบุตรได้อย่างปลอดภัยด้วยเถิด…
เสียงม้าร้องจากทิศทางหนึ่ง ทำให้หญิงสาวหลุดจากภวังค์ แต่พอเหลียวหลังกลับไปมองก็ไม่พบสิ่งใด จึงเลิกให้ความสนใจแต่เพียงเท่านั้น
ทางด้านเซี่ยหลานที่ควบม้ามาสมทบกับคนของตน หลังสละม้าให้ผู้อื่นนำกลับไปคืนเจ้าของ เขาก็ได้กระโดดขึ้นไปนั่งบนรถม้าที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว พลางออกคำสั่งเสียงกร้าว พร้อมกับแผ่กลิ่นอายกดดันออกมาข่มขวัญ
“ต่อไปนี้จับตามองพวกนางอย่างใกล้ชิด นางจะต้องมีแผนเข้าหาข้าอีกแน่ เริ่มงานตั้งแต่คืนนี้ ข้าจะมากับเจ้าด้วยข้าไม่ไว้ใจนาง”
“ขอรับ” องครักษ์หนุ่มขานรับพร้อมกับกลอกตาไปมา เจ้านายของเขาทำเหมือนสตรีอ่อนแอทั้งสองนั่น เป็นโจรร้ายที่ทางการหมายหัว แล้วมีค่านำจับให้หลายร้อยตำลึงอย่างนั้นแหละ แต่เอาเถอะจับตามองก็จับตามอง แต่ถ้ามีโอกาสได้จับตัวเมื่อไหร่จะจับให้แน่นเลยคอยดู
แม่นางจูจู ยัยลูกหมูจอมตะกละ
เย็นวันนั้นท่านเสนาบดีก็ได้ส่งคนมาตามฟางเยว่ซินไปที่เรือนใหญ่ เมื่อหญิงสาวไปถึงก็ได้พบกับสายตาหลายคู่ที่มองมาอย่างตำหนิติเตียน นางจึงรู้ได้ในทันทีว่าท่านพ่อเรียกตัวนางมาด้วยเรื่องอันใด
“คารวะทุกคนเจ้าค่ะ” นางทำความเคารพผู้อาวุโสทั้งหลายอย่างรวบรัด เพราะหากจะให้ทำความเคารพทีละคน เวียนหัวตายกันพอดี
“ซินเอ๋อร์อย่าไร้มารยาท” มารดาของฟางลี่อินที่ได้กลายเป็นฮูหยินเอกเอ่ยตำหนิลูกเลี้ยงเสียงหวาน
ฮูหยินผู้เฒ่าตวัดตามองสะใภ้ใหญ่ด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเรียกหลานสาวให้เดินเข้ามาใกล้ตน “มาหาย่า”
ฟางเยว่ซินไม่อิดออด นางเดินไปคุกเข่าลงเบื้องหน้าของผู้เป็นย่า เตรียมรับมือกับทุกปัญหาที่จะเกิดขึ้น
“เงยหน้าแล้วตอบย่า จริงหรือไม่ที่เจ้าแอบตามใต้เท้าเซี่ยไปที่ร้านขายยาสมุนไพร ยังถึงขั้นแสร้งเป็นลมเป็นแล้งให้เขาอุ้มเจ้าไปหาหมออีก”
“ข้าไม่ได้ตามเขาไปเจ้าค่ะ แล้วก็ไม่ได้แสร้งเป็นลมด้วย” นางตวัดตามองไปยังเด็กสาวที่นั่งทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างๆ ท่านพ่อ
“เช่นนั้นพอจะบอกย่าได้หรือไม่ว่าเจ้าไปเจอกับเขาได้อย่างไร” หากเป็นเมื่อก่อนนางอาจจะเชื่อ แต่หลายวันมานี้หลานสาวกำพร้าของนางเก็บตัวเงียบไม่ได้ไปสร้างความวุ่นวายที่ใด ทางเซี่ยฮูหยินเองก็ฝากคนมาถามด้วยเช่นกันว่าเยว่ซินไม่สบายหรือไปที่ใดหรือเปล่า
“ข้าไป….”
“เรียนนายท่าน ใต้เท้าเซี่ยมาขอพบขอรับ”