“เลือกเอาเถอะระหว่างแต่งเข้าไปเป็นอนุ หรือยอมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แล้วรับเงินไปหนึ่งแสนตำลึงทอง”

ข้าสำนึกได้แล้ว - ๗ อยู่ยากขึ้นทุกวัน โดย รอยยิ้มพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ย้อนยุค,จีน,ตลก,แฟนตาซี,เทพเซียน,จีนโบราณ,ขุนนาง,ย้อนยุค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ข้าสำนึกได้แล้ว

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ย้อนยุค,จีน,ตลก,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

เทพเซียน,จีนโบราณ,ขุนนาง,ย้อนยุค

รายละเอียด

ข้าสำนึกได้แล้ว โดย รอยยิ้มพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

“เลือกเอาเถอะระหว่างแต่งเข้าไปเป็นอนุ หรือยอมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แล้วรับเงินไปหนึ่งแสนตำลึงทอง”

ผู้แต่ง

รอยยิ้มพระจันทร์

เรื่องย่อ

สารบัญ

ข้าสำนึกได้แล้ว-๑ ข้าสำนึกผิดแล้ว,ข้าสำนึกได้แล้ว-๒ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด,ข้าสำนึกได้แล้ว-๓ เข้าใจผิด,ข้าสำนึกได้แล้ว-๔ ไม่อาจดูเบา,ข้าสำนึกได้แล้ว-๕ จับตาดูอย่างใกล้ชิด,ข้าสำนึกได้แล้ว-๖ แทงใจดำ,ข้าสำนึกได้แล้ว-๗ อยู่ยากขึ้นทุกวัน,ข้าสำนึกได้แล้ว-๘ ตั้งต้นชีวิตใหม่,ข้าสำนึกได้แล้ว-๙ ทิ้งความวุ่นวายไว้เบื้องหลัง,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๐ ไหวพริบเป็นเหตุ,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๑ ข้อสันนิษฐาน,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๒ ถ่องแท้เสียที,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๓ มั่นใจในตัวเองสูง,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๔ ไหน้ำส้มแตก,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๕ มีชั้นเชิง,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๖ ล้างสมอง,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๗ ปรับความเข้าใจ,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๘ ชัดเจน,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๙ พิสูจน์ตัวเอง,ข้าสำนึกได้แล้ว-๒๐ งานง่ายๆ,ข้าสำนึกได้แล้ว-๒๑ ความรู้แตกฉาน,ข้าสำนึกได้แล้ว-๒๒ ปมในใจคลี่คลาย,ข้าสำนึกได้แล้ว-๒๓ คลอดบุตร,ข้าสำนึกได้แล้ว-๒๔ บทส่งท้าย

เนื้อหา

๗ อยู่ยากขึ้นทุกวัน


บทที่๗ อยู่ยากขึ้นทุกวัน




เช้าวันรุ่งขึ้น ฟางเยว่ซินก็ได้ข่าวว่า เมื่อวานท่านพ่อถูกสั่งให้ไปคุกเข่าสำนึกผิดที่หอบรรพชน 2ชั่วยาม ส่วนมารดาเลี้ยงถูกท่านย่าสั่งกักบริเวณ1เดือน คัดตำราคุณธรรม จริยธรรมหนึ่งพันจบ พร้อมกับลดเบี้ยหวัดลงครึ่งหนึ่ง เป็นระยะเวลาถึง1ปีเต็ม ส่วนฟางลี่อินพูดจาเลอะเลือนทำให้พี่สาวเช่นนางเสียหาย จึงถูกสั่งห้ามออกนอกจวนเป็นเวลา7วัน พร้อมทั้งถูกระงับค่าใช้จ่ายภายในเรือนที่เกินความจำเป็นอย่างไม่มีกำหนด


ส่วนตัวนางเองจะได้รับเงินปลอบขวัญและเงินชดเชยที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจำนวนหนึ่ง และในวันนี้เพียงวันเดียวยังสามารถใช้จ่ายได้อย่างไม่จำกัดอีกด้วย เพียงแจ้งทางร้านให้นำใบคิดเงินมาเก็บที่จวน ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ท่านพ่อบ้าน ซึ่งนางก็กำลังคิดหาวิธีที่จะกอบโกยผลประโยชน์ให้ได้มากที่สุด จะได้เป็นทุนรอนในยามที่หนีออกจากจวนแห่งนี้ เพราะหนทางข้างหน้านางรู้ดีว่าไม่ได้ราบรื่น ทั้งสถานที่แปลกใหม่และลูกที่กำลังจะคลอดออกมา ล้วนต้องมีค่าใช้จ่ายด้วยกันทั้งสิ้น แล้วจำนวนมันก็ไม่ใช่น้อยๆเสียด้วย


“คุณหนูยามาแล้วเจ้าค่ะ”


หญิงสาวเลิกคิดเรื่องอื่น หันไปสนใจถ้วยยาที่อยู่ในมือของจูจูแทน


“ของเจ้าเล่า”


“บ่าวเก็บไว้แล้วเจ้าค่ะคุณหนู”


“แน่นะ”


“เจ้าค่ะ ท่านรีบดื่มเถิดเดี๋ยวจะเย็นเสียก่อน เร็วๆเจ้าค่ะ” ร่างอวบอิ่มยืนยันเสียงหนักแน่นพลางคะยั้นคะยอให้ผู้เป็นนายดื่มยาในถ้วยให้หมดไวๆ ด้วยความเป็นห่วง


ฟางเยว่ซินก็ไม่ทำให้ผิดหวัง นางรับยามาดื่มรวดเดียว ตามด้วยขนมดอกกุ้ย1ชิ้นแก้รสชาติขมฝาดที่ติดอยู่บริเวณปลายลิ้น


“จิบน้ำอุ่นๆสักหน่อยเจ้าค่ะ”


“อืม”


ร่างสูงในชุดสีดำสนิทเคลื่อนกายมาแอบอยู่หลังเสาอย่างเงียบเชียบ พร้อมโผล่ใบหน้าออกมาเพียงครึ่งซีก จ้องมองไปที่เจ้าของเรือนอย่างไม่วางตา หัวคิ้วดกดำขมวดเข้าหากันจนดูยุ่งเหยิงไปหมด นางช่างแสดงได้อย่างแนบเนียนเหลือเกิน คงเป็นเพราะมั่นใจว่าเขาจะส่งคนมาจับตามองทุกฝีก้าวเหมือนอย่างที่พูดเอาไว้ ถึงได้ลงทุนดื่มยาตั้งแต่ตอนเช้าๆ จะว่าไปเมื่อวานพวกนางก็ลงทุนซื้อห่อยามาถือไว้ตั้งมากมาย กลิ่นไม่คล้ายยาลดไข้ที่เขานำมาให้ แล้วมันคือยาอันใดกัน


เขาสงสัยได้ไม่นาน เมื่อเห็นร่างบางลุกจากที่นั่ง จึงเตรียมความพร้อมที่จะติดตามไปในทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นห้องส้วม ห้องอาบน้ำ ที่แยกห่างจากกันโดยมีฉากไม้กั้นกลางเอาไว้ หรือจะเป็นห้องแต่งตัว ในห้องนอน ตามจุดต่างๆของเรือน จนกระทั่งพวกนางออกไปข้างนอก เขาจึงให้คนแอบนำห่อยาที่พวกนางซุกซ่อนเอาไว้ในหีบใบเก่าออกไปตรวจสอบห่อหนึ่ง แล้วสั่งให้องครักษ์อีกคนติดตามฟางเยว่ซินกับสาวใช้ไปอย่างลับๆ


ราวๆ1ชั่วยาม ฟางเยว่ซินก็ได้กลับมาที่เรือนพร้อมด้วยตั๋วเงินอีกปึกใหญ่ ก่อนหน้านั้นนางได้ไปขออนุญาตท่านปู่ท่านย่าเพื่อออกไปหาซื้อของในตลาด เมื่อได้รับอนุญาตสถานที่แรกที่นางจะไปก็คือร้านขายเครื่องประดับ เจ้าของร้านมีศักดิ์เป็นญาติทางฝ่ายมารดา ในสมัยที่ท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่ได้พานางมาเลือกชมสินค้าที่นี่บ่อยๆ จึงสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง


ยามไปถึงนางก็ได้แจ้งเจตจำนงไปตามตรง อีกฝ่ายก็ไม่ถามอันใดให้มากความ เขียนใบรายการสินค้าใส่ราคาเกินจริงหลายเท่าขึ้นมา แล้วให้นางลงชื่อเป็นลายลักษณ์อักษร จากนั้นก็ให้คนนำใบคิดเงินไปที่สกุลฟาง ส่วนอีกฝ่ายก็หยิบเงินของตนเองปึกใหญ่ออกมามอบให้นางอย่างไม่ลังเล


ออกจากร้านขายเครื่องประดับ นางก็ไปต่อที่ร้านขายพวกประทินผิวของสตรี ร้านนี้ค่อนข้างจะมีชื่อเสียง เจ้าของร้านเป็นคนที่นางรู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี เพราะแต่ก่อนนางเข้าออกที่นี่เป็นว่าเล่น ไปถึงนางก็แจ้งเจตจำนงเช่นเดิม ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ต่างจากร้านแรก ยามกลับจวนนางจึงมีเงินเป็นปึกใหญ่เก็บไว้กับตัว


“จูจู เจ้าเห็นบังทรงตัวโปรดของข้าหรือไม่ เมื่อเช้าข้าถอดวางไว้ในตะกร้าสาน มันหายไปได้อย่างไรกัน” หลังจากนั่งพักให้หายเหนื่อย หญิงสาวก็กลับเข้าไปในพลัดเปลี่ยนชุดในห้องแต่งตัวเพื่อที่จะอาบน้ำชำระร่างกาย จึงได้เห็นว่าของดังกล่าวที่ใส่ไว้ในตะกร้าได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย


“หายไปหรือเจ้าคะ”


“ใช่”


“แล้วทรัพย์สินอื่นๆมีหายไปด้วยหรือไม่เจ้าคะ”


ฟางเยว่ซินส่ายหน้า สินเจ้าสาวของนางและสินเดิมของท่านแม่นางได้ทยอยนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินทีละเล็กทีละน้อย เพราะกลัวนับแม่เลี้ยงยักยอก จนปัจจุบันนี้เหลือเพียงแพรพรรณเนื้อดีไม่กี่พับ ส่วนเงินที่ได้นางได้นำไปฝากเก็บเอาไว้ที่โรงรับฝากที่น่าเชื่อถือ จึงไม่รู้สึกกังวลใจในเรื่องนี้


“เช่นนั้นคงก็เป็นโจรโรคจิตแล้วล่ะเจ้าค่ะ โจรที่ไหนจะขโมยซับในของสตรีโดยไม่แตะต้องของมีค่า”


“ระ โรคจิตหรือ” หญิงสาวยกมือทาบอก เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้ นับวันโลกนี้ช่างอยู่ยากขึ้นที


“น่าจะใช่แน่ๆเจ้าค่ะ หรืออาจจะมีใครกลั่นแกล้งท่าน แต่ถ้ามันลงมือขโมยของพวกนี้มันก็ได้ชื่อว่าเป็นคนวิตถารทั้งนั้นแหละเจ้าค่ะ” จูจูพูดด้วยความโมโห ก่นด่าสาปแช่งคนโรคจิตไปต่างๆนานาน


“เช่นนั้นเรารีบไปตรวจนับในตู้เสื้อผ้ากันเถอะว่ามีชิ้นไหนหายไปบ้างหรือไม่ ต่อไปข้าคงต้องหากุญแจมาคล้องไว้แล้วล่ะ”


“เจ้าค่ะคุณหนู”


อีกด้านหนึ่ง เสียงจามติดๆกันหลายครั้ง เรียกสายตาของทุกคนในที่ประชุมให้มองมาที่คนๆเดียวอย่างพร้อมเพรียงกัน ขุนนางหนุ่มจึงตีหน้าขึงขังพร้อมถลึงตากลับไป จนคนที่มองต้องรีบละสายตาในทันที