“เลือกเอาเถอะระหว่างแต่งเข้าไปเป็นอนุ หรือยอมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แล้วรับเงินไปหนึ่งแสนตำลึงทอง”

ข้าสำนึกได้แล้ว - ๘ ตั้งต้นชีวิตใหม่ โดย รอยยิ้มพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ย้อนยุค,จีน,ตลก,แฟนตาซี,เทพเซียน,จีนโบราณ,ขุนนาง,ย้อนยุค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ข้าสำนึกได้แล้ว

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ย้อนยุค,จีน,ตลก,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

เทพเซียน,จีนโบราณ,ขุนนาง,ย้อนยุค

รายละเอียด

“เลือกเอาเถอะระหว่างแต่งเข้าไปเป็นอนุ หรือยอมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แล้วรับเงินไปหนึ่งแสนตำลึงทอง”

ผู้แต่ง

รอยยิ้มพระจันทร์

เรื่องย่อ

สารบัญ

ข้าสำนึกได้แล้ว-๑ ข้าสำนึกผิดแล้ว,ข้าสำนึกได้แล้ว-๒ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด,ข้าสำนึกได้แล้ว-๓ เข้าใจผิด,ข้าสำนึกได้แล้ว-๔ ไม่อาจดูเบา,ข้าสำนึกได้แล้ว-๕ จับตาดูอย่างใกล้ชิด,ข้าสำนึกได้แล้ว-๖ แทงใจดำ,ข้าสำนึกได้แล้ว-๗ อยู่ยากขึ้นทุกวัน,ข้าสำนึกได้แล้ว-๘ ตั้งต้นชีวิตใหม่,ข้าสำนึกได้แล้ว-๙ ทิ้งความวุ่นวายไว้เบื้องหลัง,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๐ ไหวพริบเป็นเหตุ,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๑ ข้อสันนิษฐาน,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๒ ถ่องแท้เสียที,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๓ มั่นใจในตัวเองสูง,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๔ ไหน้ำส้มแตก,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๕ มีชั้นเชิง,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๖ ล้างสมอง,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๗ ปรับความเข้าใจ,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๘ ชัดเจน,ข้าสำนึกได้แล้ว-๑๙ พิสูจน์ตัวเอง,ข้าสำนึกได้แล้ว-๒๐ งานง่ายๆ,ข้าสำนึกได้แล้ว-๒๑ ความรู้แตกฉาน,ข้าสำนึกได้แล้ว-๒๒ ปมในใจคลี่คลาย,ข้าสำนึกได้แล้ว-๒๓ คลอดบุตร,ข้าสำนึกได้แล้ว-๒๔ บทส่งท้าย

เนื้อหา

๘ ตั้งต้นชีวิตใหม่


บทที่๘ ตั้งต้นชีวิตใหม่




หลังออกจากที่ประชุม ขุนนางเซี่ยก็เร่งมุ่งหน้ากลับไปเก็บสัมภาระที่จำเป็น เพื่อออกเดินทางไปทำภารกิจสำคัญที่เพิ่งจะได้รับมอบหมายในวันนี้


“นายท่านขอรับ เรื่องที่ให้ไป..” องครักษ์ลับที่ถูกใช้ให้นำห่อยาไปตรวจสอบ ยังรายงานไม่ทันจบก็ถูกผู้เป็นนายเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน


“เรื่องไม่สำคัญเอาไว้ก่อน ข้าต้องเร่งเดินทาง” เขากล่าวโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมอง แต่พอนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงกล่าวต่อไปว่า “ อ้อ เจ้ารีบไปตามสหายของเจ้ากลับมาติดตามข้า งานนี้ตึงมือนัก แล้วเจ้าก็ไปสืบราชการลับที่แคว้นหลง ด่วนที่สุดเลยนะ”


“เอ่อ แล้วเรื่องยาบำรุง”


ร่างสูงหันมาทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าก่อนหน้านี้ใช้ให้อีกฝ่ายไปทำอันใดให้ พอได้ยินคำว่ายาบำรุงจึงเข้าใจไปอีกอย่าง “ไร้สาระ ข้าเป็นบุรุษร่างกายแข็งแรง ไยต้องดื่มยาบำรุงพวกนั้นด้วย หรือที่เจ้าเป็นห่วงเพราะแอบชอบข้า อย่าแม้แต่จะคิดข้าหาใช่ชายตัดแขนเสื้อไม่ อย่างไรนมก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับข้า ไปได้แล้ว ก่อนที่ข้าจะไล่เตะเจ้า”


“ หะ ดะ ได้ ขอรับ” องครักษ์หนุ่มอุทานด้วยความตกใจ ก่อนจะตอบรับคำสั่งแล้วรีบเผ่นหนีออกไปจากตรงนั้น เมื่อพ้นเขตอันตรายจึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างปลงๆ พร้อมกับแจ่มชัดแล้วว่า เรื่องยาบำรุงครรภ์ของแม่นางฟางนั้นยังสำคัญไม่มากพอ แล้วก็อย่าได้มาโทษเขาในภายหลังก็แล้วกัน


เมื่อคล้อยหลังผู้ติดตามไปแล้ว มือหนาก็ล้วงของชิ้นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ มันคือซับในของสตรี เป็นสีชมพูอ่อนและมีกลิ่นหอมของดอกไม้


ต้องยอมรับเลยว่าคราแรกเขาคาดโทษว่ามันผืนเล็กและดูน่าเกลียดมาก เพราะยามที่เจ้าของสวมใส่มันแทบจะปิดอะไรไม่มิดเลย มิหนำซ้ำยังเป็นเพียงชิ้นเดียวที่น่าเกลียดที่สุด คงเป็นหนึ่งในแผนการของนางที่คิดจะใช้เจ้าอัปลักษณ์ชิ้นนี้มายั่วยวนให้เขาเกิดกิเลส เขาจำต้องนำมันออกมาทำลาย ทว่ากลิ่นหอมที่ติดบนเนื้อผ้าทำให้เขาตัดใจโยนทิ้งไม่ลง


“กลิ่นถูกใจข้าหรอกนะ อย่าได้ใจจนเกินไป” เขาดุบังทรงในมือ แล้วยกมันขึ้นมาจรดปลายจมูก สูดกลิ่นหอมเข้าปอดลึกๆ จนกระทั่งพอใจแล้วเก็บมันซุกไว้ในอกเป็นอย่างมิดชิด


1เดือนผ่านไป


นายท่านผู้เฒ่าและฮูหยินผู้เฒ่าได้ออกเดินทางไปเยี่ยมเยือนสหายต่างเมือง และจะอยู่ที่นั่นอย่างไม่มีกำหนด เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ตั้งแต่ที่นายท่านฟางยกตำแหน่งผู้นำตระกูลให้แก่บุตรชายคนโตอย่างเสนาบดีฟางหยวนคัง ทุกคนจึงไม่แปลกใจแต่อย่างใดในการหายตัวไปนานๆของสองผู้เฒ่า


เมื่อผู้เป็นท่านปู่ท่านย่าไม่อยู่ที่จวน ฟางเยว่ซินก็ไม่มีเหตุผลให้รั้งอยู่ต่อเช่นเดียวกัน ด้วยรู้ดีว่านางถูกแม่เลี้ยงหมายหัว อีกฝ่ายย่อมหาทางใช้อำนาจในทางมิชอบ ฟางลี่อินก็จะตามมาเข้ามาวุ่นวายในชีวิต ไหนจะเรื่องตั้งท้องไม่มีพ่อ อีกไม่นานต้องมีคนระแคะระคายแล้วนำไปเล่าลือกันด้านนอก จากไปเสียตั้งแต่ยามที่ยังมีโอกาสเป็นดีที่สุด


หญิงสาวอาศัยช่วงเวลาที่บิดาพาครอบครัวไปร่วมงานเลี้ยงในวัง จึงได้ปลอมตัวเป็นชายสวมใส่ชุดมอซอ ปกปิดผิวกายด้วยผงถ่านสีดำ แล้วสะพายห่อผ้าไม่กี่ชุดพร้อมกับตั๋วเงินหลบหนีออกทางประตูหลัง


หลายคนอาจจะคิดว่านางโง่งมที่แบกตั๋วเงินปึกใหญ่ไปไหนมาไหน ทว่านางไม่คิดเช่นนั้น ก่อนการเดินทางไปในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย นางย่อมวางแผนเอาไว้อย่างรอบคอบ รวมถึงได้ไปสอบถามกับทางโรงรับฝากเงินแล้วว่ามีกี่สาขา ตั้งอยู่ที่เมืองอะไรบ้าง ปรากฏว่าเมืองที่นางจะไปลงหลักปักฐานนั้นไม่มี เพราะฉะนั้นมีเงินติดกายย่อมดีกว่ามีเพียงแผ่นป้ายของโรงรับฝากที่ใช้ทำอะไรไม่ได้เลย


นางจะไม่ยอมให้ลูกของนางกับจูจูต้องลำบากไปมากกว่านี้ และนางก็เชื่อด้วยว่าที่ที่อันตรายมากที่สุด ย่อมเป็นที่ที่ปลอดภัยมากที่สุด


เมื่อหลบหนีออกมาสำเร็จ นางกับจูจูก็ได้ไปขึ้นรถม้าที่จุดนัดพบ โดยมีเจ้าของร้านขายเครื่องประดับผู้มีศักดิ์เป็นญาติทางฝั่งมารดาคอยให้การช่วยเหลือ ใช้เวลาเดินทางร่วม2เดือน ในที่สุดพวกนางก็มาถึงเมืองถังซานแห่งแดนเหนือเสียที


ฟางเยว่ซินจ้างค่าจ้างรอบสุดท้ายให้แก่คนที่มาส่ง หลังร่ำลากันพอเป็นพิธีจึงได้เดินจับจูงมือสาวใช้คนสนิทไปต่อแถวเพื่อเข้าเมือง


หลังจากผ่านประตูเข้ามาแล้วจึงสังเกตเห็นได้ว่า เมืองถังซานหาใช่เมืองใหญ่กว่าเมืองที่ผ่านมา แต่กลับมีความเจริญรุ่งเรืองกว่ากันมาก ไม่ว่าจะหันไปทิศทางใดล้วนแต่เจริญหูเจริญตาทั้งสิ้น ผู้คนก็ยิ้มแย้มแจ่มใส นางคิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกจะมาที่นี่ ก่อนอื่นคงต้องหาที่พักชั่วคราวกันก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง


เช้าวันรุ่งขึ้นสองนายบ่าวก็เร่งอาบน้ำแต่งตัว เพื่อไปโรงหมอก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็สอบถามความจากชาวบ้านแถวนั้นเพื่อหาซื้อที่ดินสักผืน ชาวบ้านจึงแนะนำให้ไปติดต่อยังกรมที่ดิน ไปถึงจะมีเจ้าหน้าที่คอยชี้แนะและคอยอำนวยความสะดวกให้ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องดิ้นรนเองให้ยุ่งยาก


ฟางเยว่ซินทำตามที่ชาวบ้านแนะนำ รอเอกสารต่างๆไม่ถึงครึ่งวันนางก็ได้โฉนดบ้านและที่ดินมาอยู่ในมือ


ต่อไปนางจะลองปลูกผักและเลี้ยงไก่ อยู่อย่างพอเพียงกับจูจูและลูกๆของเรา โดยที่ไม่จำเป็นต้องหวังพึ่งพาพวกบุรุษ แต่ถ้าจูจูยังอยากได้นายโลมมาทำสามี นางจะยอมพึ่งพิงสามีของจูจูสักนิดก็แล้วกัน