ระหว่างอาหารจานนี้กับผม คุณอยากกินอะไรมากกว่ากัน

Delicious - 2 ปลาเค็ม โดย Chavaroj @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ตลก,ครอบครัว,ไทย,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Delicious

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ตลก,ครอบครัว,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

Delicious  โดย Chavaroj  @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ระหว่างอาหารจานนี้กับผม คุณอยากกินอะไรมากกว่ากัน

ผู้แต่ง

Chavaroj

เรื่องย่อ

อาหารรสชาติแสนอร่อย โยงใยถึงเรื่องราวประทับใจทั้งความสุข ความหวัง ความเศร้า และความคิดถึง


และรสอร่อยที่เราโปรดปรานก็นำพาเราให้ย้อนนึกถึงความหวังในครั้งอดีตได้ด้วย

เมนูไหนเป็นเมนูโปรดของคุณกันนะ

สารบัญ

Delicious -1 สปาเกตตี,Delicious -2 ปลาเค็ม,Delicious -3 ไก่ต้ม ไก่ย่าง ไก่ทอด,Delicious -4 ไข่เจียว แกงจืด,Delicious -5 แกงคั่วสับปะรดใส่หอยแมลงภู่,Delicious -6 ต้มยำ,Delicious -7 ข้าวเหนียว หมูปิ้ง,Delicious -8 ลาบหมู,Delicious -9 ขนมปังหน้าหมู,Delicious -10 สังขยา,Delicious -11 แอปเปิล,Delicious -12 มะระ,Delicious -13 หัวไชเท้า หัวไชโป๊ว,Delicious -14 ส้มตำ,Delicious -15 กล้วย,Delicious -16 ผักบุ้ง,Delicious -17 มะเขือ,Delicious -18 ซีอิ๊ว,Delicious -19 ปลากระป๋อง,Delicious -20 ขนมจีน,Delicious -21 แตงโม,Delicious -22 ฟักทอง,Delicious -23 แหนม,Delicious -24 ดอกโสน,Delicious -25 ปลาทู,Delicious -25 หมูหวาน,Delicious -26 มะพร้าว,Delicious -27 ทุเรียน ขนุน สาเก,Delicious -29 ขาหมูเยอรมัน,Delicious -30 น้ำพริกไข่ปู

เนื้อหา

2 ปลาเค็ม

โดย  Chavaroj



เช้าวันเสาร์หนึ่งพ่อขับรถมารับกัสเหมือนเคย และนึกครึ้มอย่างไรก็สุดจะเดาพ่อเลยแวะตลาดหนองมนสักนิดสักหน่อย กัสค่อนข้างแปลกใจเพราะนาน ๆ พ่อจะพาแวะ ไม่เหมือนแม่ที่เมื่อได้มีโอกาสมารับกัสทีไรก็ต้องแวะตลาดหนองมนเพื่อซื้อของ และซื้อทีละเยอะ ๆ เสียด้วย แถมมีเจ้าประจำซะอีก 

ถ้าจะถามว่ามีเจ้าประจำตอนไหน ก็ต้องบอกว่าตอนที่มารับมาส่งกัสนี่แหละ ก็ผู้หญิงน่ะเนอะ การซื้อหาของกินเข้าบ้านก็เป็นเรื่องของชอบ ช่วงแรก ๆ แม่ก็เลยชอบมาส่งกัสเป็นประจำ จนช่วงนี้แม่งานยุ่งเลยมักจะเป็นพ่อที่มารับลูกสุดที่รัก

จะขนมนมเนยอะไรก็ตามทีที่มีขายเยอะแยะ แต่กัสน่ะออกจะดีใจที่ได้เห็นพ่อซื้อปลาอินทรีเค็มซึ่งดองอยู่ในน้ำมันพืชขวดโต พ่อเลือกขวดใหญ่ที่สุด เห็นแล้วมองไกล ๆ กัสก็ขนลุกนิด ๆ ด้วยว่ายามว่าง ๆ กัสก็ชอบไปเดินเล่นที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ กัสชอบปลาการ์ตูน ดูได้ไม่เบื่อ ไปจนถึงโซน สัตว์ทะเลและปลาที่ถูกดอง ซึ่งสภาพมันไม่ได้น่าดูเท่าไร ซึ่งมักจะเป็นปลาหายาก 

แต่ไอ้ปลาอินทรีที่ถูกดองในน้ำมันพวกนี้ มันอร่อยเอร็ดเสียเต็มประดา ด้วยว่าถ้าได้ฝีมือของย่าปรุงล่ะก็นะ ไม่ว่าจะเอามาผัดกับผักคะน้า หรือเอามาทำหลนปลาเค็มกินแนมกับผักสดต่าง ๆ หมูสับปลาอินทรี หรือข้าวผัดปลาเค็ม ซึ่งล้วนแต่เป็นเมนูที่คิดถึงทีไรก็น้ำลายไหลเสียทุกที

ถ้าจนแต้มเข้า เอามาทอดมันเฉย ๆ นี่แหละ กินเปล่า ๆ กับข้าวต้ม เข้ากันแสนดิบดี เค็ม ๆ หอม ๆ แต่จะใส่หอมซอย พริกขี้หนูซอย แล้วบีบมะนาวเยอะ ๆ ทำเป็นยำปลาเค็มก็ยิ่งอร่อยสุดใจ

แต่เหรียญมีสองด้าน ปลาเค็มทอดแสนอร่อย แต่ตอนทอดนี่มันช่างแสนทรมาน ถ้าเรากินเองยังพอทำเนา แต่ถ้าเพื่อนบ้านทำล่ะก็ เหม็นจนต้องก่นด่าบรรพบุรุษอีบ้านที่ทำเมนูนี้กันเลยทีเดียวเชียวล่ะ

"เรียนเป็นยังไงบ้าง?" พ่อถามตามประสาคนเป็นครูบาอาจารย์

"สนุกดีจ๊ะ" กัสตอบเลี่ยง ๆ 

จริง ๆ มันก็สนุกแหละกัสไม่ได้โกหกกับพ่อสักนิด แต่ว่ากันซื่อ ๆ กัสไม่ได้ตั้งใจเรียนเหมือนสมัยเรียนมัธยมเลย ด้วยว่าสังคมในมหาวิทยาลัยมันสนุกนัก ทั้งผู้คนและกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีให้กัสได้ทดลองทำ มีอะไรน่าสนุกกัสลงไปช่วยเขาทำเสียหมด เดชะบุญที่กัสเป็นคนหัวดี จำแม่น ก่อนสอบสามวันกัสอ่านตำราอย่างเคร่งเครียด ก็สามารถได้คะแนนสอบออกมาอย่างดีติดท๊อปของห้อง ยังความอิจฉาให้แก่เพื่อน ๆ เป็นยิ่งนัก 

"อีหอยหลอดนี่มึงแขวนพระรอดอะไรยะ กูไม่เห็นมึงเข้าเรียนเล๊ย จะสอบก็มาอ่านหนังสือก่อนแค่สามวัน อ่านทั้งวันทั้งคืน ไม่หลับไม่นอนเหมือนคนแดกยาบ้า เสือกได้คะแนนมากกว่ากูอีก อีห่า" นังหมึกบ่นกับกัสแบบอิจฉานิด ๆ 

"ก็กูสวยอ่ะค่ะ" กัสตอบและอมยิ้มเล็กน้อย ปากก็ดูดกาแฟเย็นโฮกใหญ่ เพราะนี่มันเพิ่งสอบเสร็จ และกัสก็อ่านหนังสือจนถึงตีห้า นอนงีบได้ไม่กี่ชั่วโมงก็โดนปลุกเพื่อมาสอบตอนเช้า และนี่ก็สอบเสร็จแล้ว กัสกะว่าเย็นนี้เรียนเสร็จก็จะไม่อาบน้ำอาบท่า จะนอนแม่งเลยเพื่อชดเชยกับเมื่อคืน ที่แหกตาอ่านตำรา

"กัสก็เข้าเรียนมั่ง จริงอยู่ถึงสอบได้คะแนนดี แต่เข้าเรียนมันก็จะได้อะไรที่มันอาจจะนอกเหนือจากที่ตำรามีนะ" อีหม่อมน้าบอกเหมือนคุณย่าคุณยายบ่นหลานดื้อ ๆ 

"โอ๊ย เจ้าค่ะ ๆ หม่อมน้า คราวหน้ากูจะเข้าเรียนค่ะ หมดกิจกรรมแล้วค่ะ อย่าบ่นเยอะคร่าปวดกบาล" กัสตอบสะบัด ๆ จนหม่อมน้าถอนหายใจแบบเคือง ๆ นิด ๆ แต่คนอย่างหม่อมน้า โกรธเกลียดใครไม่เป็นหรอก 



ตัดภาพมาที่ร้านของย่า แม่ไม่อยู่ไปธุระที่มหาลัย พี่กุ๊กไก่ก็ไม่อยู่ พ่อว่าไปกับแม่ เพราะทั้งสองคนสอนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ก็เลยเหลือแค่ย่ากับคนครัวเก่าแก่ ซึ่งอยู่กับย่ามานานแสนนานจนพวกเราคิดว่าพวกแกเป็นคนในครอบครัวของเราอีกคน

"ย่าจ๋า" กัสอ้อน วิ่งเข้าไปกอดย่า ให้ย่าได้กอดแรง ๆ แล้วถึงได้ยกมือไหว้ ลูกคนเล็กก็อ้อนเก่งแบบนี้ กัสทำได้โดยไม่รู้สึกเขินเลย ผิดกับพี่กุ๊กทั้งสองกุ๊กที่เจอย่าก็แค่ยกมือไหว้แบบธรรมดา ๆ อย่างดีก็แค่ให้ย่าจับมือเขย่าแรง ๆ หรืออาจเพราะพี่กุ๊กไก่เจอย่าบ่อย ๆ ก็เลยไม่ค่อยตื่นเต้นเหมือนเจอกัสซึ่งจากไปเรียนไกลแสนไกลเลยคิดถึงมากสักหน่อย

"ย่าจ๋าพ่อซื้อปลาเค็มมาด้วย" กัสอ้อน อีแบบนี้แสดงว่าอยากกินสินะ ย่ารู้ทัน

"เอามาผัดทำสปาเกตตี้ปลาเค็มดีไหม แล้วตอนเย็นเอามาผัดผักคะน้ากับทำหมูสับปลาเค็ม" ย่าเสนอซึ่งกัสก็ดีอกดีใจถึงกับหอมแก้มย่าสองข้ามสลับกันเลยทีเดียว

"ไปล้างไม้ล้างมือก่อนไป ไม่ต้องมาช่วยย่าในครัวหรอก เกะกะ" ย่าบอกไล่กัสให้ออกไปจากครัวเล็ก ๆ พ่อแกะของที่ซื้อมาเพื่ออวดย่า กัสไปล้างหน้าล้างตาตามที่ย่าสั่ง แล้วก็ไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่หน้าร้าน 

จนมีลูกค้าเข้ามากัสก็เดินเอาเมนูเข้าไปเสนอ และแนะนำว่ารายการอาหารพิเศษสำหรับวันนี้มีอะไรบ้าง

"เห็นย่าบอกว่าวันนี้มื้อเที่ยงมีเป็นเซ็ทขนมจีนน้ำยาปลาช่อนนะครับ ใช้เนื้อปลาช่อนล้วน ๆ เลย กินแนมกับไข่ต้มยางมะตูมแล้วก็ผักสด จะทานเป็นชุดคนเดียวหรือจะเอาแบบเป็นชุดใหญ่ทานสองถึงสามคนก็ได้นะครับ" กัสแนะนำ และลูกค้าก็เลือกชุดเล็กหนึ่งชุด แล้วก็สั่งอาหารอื่น ๆ ที่แกกินเป็นประจำ อีกสามสี่อย่าง 

กัสรับคำสั่งแล้วก็เดินเข้าไปในครัวอย่างว่องไว จากนั้นก็เอาน้ำไปเสิร์ฟลูกค้า จนย่ากดกริ่งเรียก กัสก็เดินถือจานใบโต ๆ ซึ่งมีสปาเกตตีปลาเค็มหน้าตาน่ากินติดมือมาด้วย 

ตรงเคาน์เตอร์แคชเชียร์ มีที่ว่าง ๆ พอให้สั่งโซ้ยตรงนี้ได้แบบสบาย ๆ แบบไม่ประเจิดประเจ้อ กัสจัดการน้ำมะตูมจากในหม้อจนหอม ใส่น้ำแข็งจนเต็ม ในแก้วเยติสีชมพูแปร๊ด มาไว้ข้าง ๆ จานสปาเกตตี้ ย่าแนมไข่ต้มเป็นยางมะตูมซึ่งใช้จัดใส่จานชุดขนมจีน ย่าก็จัดใส่มาในจานให้กัสด้วยหนึ่งซีก น่ารักที่สุด

ไข่ต้มนั้นทำจากไข่เป็ด ไข่แดงเยิ้มเป็นมันสีส้มอมแดงสดใส กัสจัดแจงใช้ช้อนเจาะไปตรงกลางของมันจนไข่แดงเยิ้มลงมาเคล้ากับเส้นสปาเกตตีซึ่งถูกต้มสุกแบบออลดันเต้เหมือนเคย เนื้อปลาเค็มถูกบดมาชิ้นหยาบ ๆ ชนิดที่เคี้ยวแล้วรสเค็มและกลิ่นฟุ้งไปทั้งปาก ใครว่าเหม็นก็เรื่องของมึง แต่สำหรับกัสมันอร่อยที่สุดในโลก ยิ่งมีใบโหระพาใบโต ๆ เคล้ามาด้วย มันเข้ากันที่สุด

ย่าสอนว่าถ้าพวกอาหารทะเล ใส่ใบโหระพาจะยิ่งทำให้อร่อยขึ้นไปอีก อย่างพวกหอยแมลงภู่ที่เขานึ่งนั่นไง ถ้าใส่ต้นตะไคร้กับใบโหระพาลงไปในหม้อนึ่งด้วย หอมฟุ้งแล้วก็ยิ่งทำให้อร่อย

กัสกินเผ็ดเก่ง ย่าก็ใส่พริกแห้งชิ้นโต ๆ มาให้เสียเยอะแยะ กินแล้วไม่มีเลี่ยนเลยแถมเผ็ดนิด ๆ ยิ่งเพิ่มรสชาติขึ้นไปอีก กินไปได้ครึ่งจาน เสียงกริ่งจากครัวดัง กัสก็เลยต้องวางมือ ไปรับกับข้าวจากครัวไปส่งลูกค้า

"น้องกินอะไรน่ะ หอมมาถึงนี่เลย" ลูกค้าถามกัสแล้วก็อมยิ้ม

"สปาเกตตีปลาเค็มน่ะครับ" กัสตอบแล้วก็ยิ้มหวาน ๆ 

"ทำขายด้วยหรอ ไม่เห็นมีในเมนูเลย" ลูกค้าพูดอย่างนี้ก็แสดงว่าลูกค้าประจำกันแน่นอน

"ถ้าคุณลูกค้าอยากกิน ย่าน่าจะทำให้ได้นะครับ" กัสตอบและลูกค้าก็เลือกสั่งเป็นแบบใส่กล่อง นี่ไงกลิ่นปลาเค็มมันทำให้คนน้ำลายสอได้นะ สงสัยเดี๋ยวย่าจะต้องเพิ่มในเมนูอาหารแน่ ๆ 

ย่าน่ะทำอาหารอร่อย พลิกแพลงได้สารพัด และเก่งในการทำอาหารถึงขนาดแค่ลองได้ชิมก็รู้ว่าต้องใส่อะไรบ้าง อาหารไทยทำแบบไม่มีสูตรตายตัว ย่าว่าอย่างนั้น ย่าแค่รู้ว่ามันต้องใส่อะไร ทำไปชิมไป ขาดเค็มก็เพิ่มเกลือ หรือกะปิน้ำปลา ขาดหวานก็เพิ่มน้ำตาล จะน้ำตาลทราย น้ำตาลโตนด ซึ่งทำจากต้นตาล หรือน้ำตาลมะพร้าวหรือที่เรียกว่าน้ำตาลปี๊บ อันนี้ย่ามีเสียทุกอย่าง แถมบอกว่าหวานจากน้ำตาลต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน ซึ่งกัสแทบจะแยกไม่ออก ว่ามันต่างกันยังไง แต่จำความได้ว่าตอนเด็ก ๆ ชอบขโมยน้ำตาลเป็นก้อน ๆ จากในครัวของย่า เอาไปอมเล่นแทนลูกอม แม่รู้เข้าบ่นจนหูชา

แม้แต่รสเปรี้ยว จะเปรี้ยวจากน้ำส้มสายชู เปรี้ยวจากมะนาว หรือเปรี้ยวจากส้มมะขามเปียก ย่าก็ว่ามันเปรี้ยวต่างกันไป 

กัสน่ะกินเก่ง แต่ทำกับข้าวไม่เก่งเล๊ย เรียกว่าไม่ได้พรสวรรค์จากย่ามาเลยสักนิด แต่กัสเองคิดว่าไม่ทำกระทะไหม้ และทำมันสุกได้ก็บุญแล้ว ก็กัสน่ะมีดีแค่หัวดีจำแม่น แต่เรื่องกินอะไรแล้วรู้ว่ามันอร่อยนี่กัสค่อนข้างมั่นใจ 

จะว่าเรื่องมากก็ได้นะ แต่กัสเป็นคนที่จะกินแต่ของอร่อยเท่านั้นถ้าไม่อร่อยกัส ชิมได้คำเดียวกัสก็วางช้อน และไม่กินอีกเลย เรียกว่าไม่กินให้เสียปาก แต่จะเย่อหยิ่งอย่างนี้ได้ก็ต่อเมื่ออยู่กรุงเทพฯ อยู่กับย่าหรอกนะ ถ้าไปเรียน จะไปทำตัวเป็นลูกคุณ โน่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่ได้ ก็เห็นทีว่ากัสจะต้องอดตาย และโดนด่าว่าเรื่องมาก และโดนไล่ให้ไปทำแดกเอง ซึ่งกัสทำได้เสียที่ไหนจึงต้องจำใจก้มหน้าก้มตากินไป พอให้ท้องอิ่ม

ร้านอาหารของย่า ดัดแปลงมาจากบ้านของย่านั่นเอง เนื่องจากเป็นมรดกตกทอดตั้งแต่ที่ดินราคายังถูก จึงพอจะมีที่มีทาง และย่าเมื่อแก่แล้วแต่ก็ยังแข็งแรงดี เมื่อนึกเบื่อก็เลยปรึกษากับพ่อว่าอยากจะทำอะไรขายเล็ก ๆ น้อย ๆ พอแก้เบื่อ 

แรก ๆ ย่าก็ทำกับข้าวสองสามหม้อ แล้วก็ขายอยู่ที่หน้าบ้านตอนเย็น ๆ แรก ๆ ก็ทำหม้อเล็ก ๆ ก่อน เพียงไม่นานเมื่อปากต่อปาก คนก็อุดหนุนย่าจนย่าอยากยึดมันเป็นอาชีพ ทำแก้เบื่อไป ๆ มา ๆ กลายเป็นว่าย่ารวยกว่าใครเพราะเดี๋ยวนี้ย่ามีร้านอาหารเล็ก ๆ ซึ่งมีแต่ลูกค้าประจำ 

ลูกมือของย่าก็เป็นญาติห่าง ๆ ของย่าซึ่งลูกหลานก็หนีไปอยู่กันตามประสาผัวเมีย ย่านึกถึง และสนิทสนมกันจึงเรียกให้มาช่วยทำร้านอาหารด้วยกัน สองคนพี่น้อง ซึ่งรสมือดี ทำอาหารอร่อย โดยเฉพาะอาหารไทย แต่ย่าน่ะทำอาหารดัดแปลง อย่างสปาเกตตีนี่ไง และคนงานอีกคนที่ย่าไว้เนื้อเชื่อใจ บ้านแกอยู่ท้ายซอยมารับจ้างย่าทำงาน 

ปกติจะมีหลานวัยเด็กของลูกจ้างของย่า คอยช่วยวิ่งหยิบโน่นหยิบนี่ ชื่อเจ้าเป๋ง เป็นเด็กชายท่าทางคล่องและล่ก แต่ก็ว่องไว หัวไว และไม่ค่อยทำอะไรให้ถูกบ่น จึงถูกใจย่านัก ชอบให้ค่าขนมบ่อย ๆ 

พ่อซึ่งดูเหมือนจะได้ดีเอ็นเอ ความทำอาหารเก่งมาจากย่า และวันหยุดแบบนี้ก็จะมาช่วยย่าในครัวเป็นพื้น พ่อถ้าอยู่บ้านก็เป็นคนทำกับข้าวเช้าให้พวกเรากิน เพราะแม่ออกตัวว่าถ้าอยากกินข้าวให้อิ่ม ก็เห็นจะต้องกินฝีมือของพ่อ และพ่อก็ทำกับข้าวให้พวกเรากินอย่างเต็มใจ 

ถ้าเป็นสมัยก่อนตอนที่กัสยังเด็ก ๆ พ่อก็มักจะทำอาหารเช้าง่าย ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นข้าวต้ม จะเป็น ข้าวต้มหมู ข้าวต้มไก่ ข้าวต้มกุ้ง ก็ทำไปเถอะ กัสกินได้ไม่บ่นเลย 

หรือจะเป็นข้าวต้มเปล่า ๆ กับเครื่องข้าวต้ม กัสก็ยินดีเหมือนกัน ไข่เค็ม ผักดองยำ ผัดผักบุ้ง และแน่นอนต้องมีปลาเค็ม

กัสจำได้ว่าครั้งแรกของกัส มันยังตราตรึง ตอนนั้นกัสเด็กและกัสถูกปลุกด้วยกลิ่นปลาเค็มที่เหม็นคลุ้งไปจนถึงห้องนอน

"พ่อทำอะไรเนี่ย" กัสบ่นและอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมไปเรียน จนเมื่อพร้อมกันที่โต๊ะอาหาร กัสมองชิ้นปลาชิ้นเท่าฝ่ามือเด็กซึ่งถูกทอดจนเกรียมนิด ๆ มีมะนาวบีบจนได้กลิ่นเปรี้ยวนิด ๆ กัสยื่นหน้าไปดมมันใกล้ ๆ แต่ชักจะแปลกใจที่ตอนนี้มันไม่เหม็นเหมือนตอนทอด  จนแม่บิมันแตกเป็นชิ้น ๆ แล้วก็ตักใส่ชามของกัสนั่นแหละ

"กัสจังลองชิม ปลาเค็มอร่อยนะ" แม่ว่าและกัสผู้เป็นเด็กดีว่าง่ายก็ลองชิมแล้วก็รู้สึกว่ามันอร่อยดีเหมือนกัน แต่กินมากไม่ได้นะ ก็ชื่อมันบอกอยู่แล้วว่าปลาเค็ม กินเปล่า ๆ กินมาก ๆ เค็มจะตาย

จนได้ไปบ้านย่า ย่าก็แสดงฝีมือเอาปลาเค็มมาผัดกับคะน้า ย่าใช้ต้นคะน้าใบโต ๆ กลิ่นคะน้าตอนดิบ ๆ กัสว่ามันเหม็นเขียวไปหน่อย ต่อเมื่อมันสุกแล้วล่ะก็ทีนี้ก็อร่อยเลยล่ะ ยิ่งย่าเอามาหั่นจนเป็นชิ้นใหญ่พอดีคำ ตั้งกระทะจนร้อนฉ่าควันขึ้น กัสแอบเห็นว่าบนจานโต ๆ ที่ย่าเตรียมจะเทใส่กระทะ ย่าใส่กระเทียมสับหยาบ ๆ มากมาย น้ำตาลทราย น้ำมันหอย แล้วย่าก็เหยาะน้ำปลาลงไปอย่างรู้น้ำหนักมือ โรยหน้าด้วยปลาเค็มที่ย่าเอาออกมาจากขวด ยีจนเนื้อของมันแตกเป็นชิ้น ๆ พร้อมกับแกะก้างออกจนหมดแล้ว

เมื่อผักคะน้าเสด็จลงไปในกระทะร้อน ๆ ก็เกิดไฟลุกพรึบ ดูน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับเด็กอย่างกัสจังในตอนนั้น พอผักสลดและสุกหมดทั่วถึง ก็เทใส่จาน น้ำจากผักคะน้าออกมาจนในจานมีน้ำขลุกขลิก ก่อนกินโรยพริกไทยหอม ๆ ข้างหน้าด้วย แค่เอาน้ำขลุกขลิกที่ว่ามาราดข้าวก็อร่อยแล้ว ยิ่งผักที่ถูกผัดจนนุ่มเคี้ยวกร้วม ๆ แม้แต่เฮียกุ๊กที่เป็นคนไม่ค่อยชอบกินผัก ยังเคี้ยวตุ้ย ๆ เลยทีเดียว

ส่วนหมูปลาเค็มนั้น แต่เดิมย่าเอามันมาสับจนละเอียดรวมกับเนื้อปลาเค็มที่ว่า สับผสมกับกระเทียมซึ่งยังเห็นเป็นกลีบโต ๆ สับทั้งเปลือกเลยเชียวล่ะ แต่ย่าคงคิดว่าไม่สะใจ ก็เลยเอากระเทียมที่ปอกเปลือกออกจนหมดแล้ว โปะไปข้างหน้าหมูสับที่แผ่เป็นแผ่น โรยพริกไทยเยอะ ๆ แล้วก็เอาไปนึ่ง พอสุกกลิ่นหอมตุ่ย ๆ ฟุ้งไปทั่ว กินกับข้าวเปล่า ๆ หรือข้าวต้ม กัสกินจนต้องเติมข้าวอีกจานเลยเชียว

แต่ย่าผู้ซึ่งชอบดัดแปลงทำโน่นทำนี่ ก็เอาไอ้หมูสับปลาเค็ม มาเพิ่มแครอทสับละเอียดเพื่อเพิ่มสีสัน แต่ย่าไม่ได้เอาไปนึ่งเหมือนเคย เอามาทอดเป็นก้อน ๆ ถ้าตอนกินจิ้มซอสพริกติดไปด้วยล่ะก็ อร่อยเหมือนขึ้นสวรรค์

"แต่เดิมย่ากินแต่แบบนึ่งนะ กินมาตั้งแต่ปู่ย่าตายายโน่นแม่ของย่าสอนย่าให้ทำ" ย่าเล่าที่มาให้ฟัง แต่กัสว่าจะทอด จะนึ่ง กัสกินได้หมดแหละอร่อยอย่างนี้ล่ะก็

เคยอยู่หนหนึ่งกัสอุตริ อยากกินแต่มันยังเป็นแค่วันพุธกลางสัปดาห์เท่านั้น ให้บังเอิญไปเดินตลาดเจอปลาเค็มที่เขาทอดขาย กัสเห็นมีแบบไม่ทอดขายด้วยก็เลยจัดมาหนึ่งชิ้นโต ๆ ว่าไม่ได้นา ราคาไม่ใช่ถูก ๆ แต่คนมันลองอยากกินเสียแล้ว ยอมเสียเงินค่าขนมเพื่อซื้อปลาเค็มมาเสียเลย นึกขึ้นมาได้ว่าข้างห้องของกัส มีพ่อบุญทุ่มอยู่แล้ว พ่อสายเปย์ ซึ่งถ้ากัสเอ่ยปาก พ่อก็พร้อมจะโอนโดยไม่อิดออด แต่ปัญหาว่าเย็นนี้ไม่ใช่มึงไปกินข้าวที่อื่นมาแล้วล่ะ ขืนเป็นอย่างนั้นได้เก้อกันพอดี 

แต่ไม่เป็นไร อีหมึกกับอีหม่อมน้าก็ยังมี คิดมันนิด ๆ หน่อย ๆ ก็แล้วกันเพราะปกติ สามสาวชอบไปกินข้าวด้วยกันตอนเย็นที่ตลาด ส่วนใหญ่ซื้อแล้วก็เอามากินที่ห้อง ต่อเมื่อขี้เกียจล้างจานก็นั่งกินที่ร้าน แต่คนมันเยอะเบียดและอึดอัด ส่วนใหญ่ก็เลยมากินที่บ้านกัน และถ้ากินด้วยกันก็หารกันนิด ๆ หน่อย ๆ 

กัสเลิกเร็ว รีบกลับมาถึงห้องก่อนใคร หมูบดน่ะมักจะมีติดตู้เย็น รวมไปถึงกระเทียมและหัวหอม ไม่รวมน้ำพริกแห้งชนิดต่าง ๆ ที่เอามาคลุกข้าวยามยากไร้ เพราะเหลือเงินจำกัด เพราะพวกเราไม่ได้ร่ำรวยเป็นเจ้าสัวเหมือนไอ้เปา

กัสพยายามนึกถึงกรรมวิธีที่ย่าทำ มันจะไปยากอะไรกันเนอะ จัดแจงเอาหมูสับที่ซื้อมาสองขีด จัดแจงเอาปลาเค็มมายีและเคล้าเข้ากันด้วยช้อน ชักจะเข้าที

เหยาะน้ำปลานิดเดียวเพราะปลามันเค็มอยู่แล้ว กระเทียมนั้นขี้เกียจสับ แค่แกะเปลือก แล้วก็คลุกกับหมูสับไปเลยก็แล้วกัน เอาล่ะเป็นอันเสร็จพิธี กระทะไฟฟ้าใบเก่งกัสเอามาใส่น้ำแล้วก็เอาฝาปิดจนมันร้อน 

ส่วนเจ้าหมูซึ่งใส่ส่วนผสมลี้ลับเรียบร้อยแล้ว ก็เอาช้อนมาบี้ ๆ ให้มันติดกับชามขนาดกลาง จากนั้นก็เอาไปหย่อนในกระทะ แล้วก็ปิดฝา จากนั้นก็แค่รอเวลา ให้มันสุก สวรรค์รออยู่ตรงหน้า แล้วก็ใกล้เวลาที่อีสองตัวมันจะกลับมาจากการเรียน

กัสใช้เวลานี้เข้าไปอาบน้ำ เพราะทำกับข้าวซึ่งไม่ค่อยจะได้ทำก็เลยรู้สึกร้อนจนเหงื่อตก กำลังเช็ดตัวก็ได้ยินเสียงประตูเปิดและเสียงของอีหมึกกับอีหม่อมน้าโวยวาย

"กัสทำอะไรน่ะ?" เสียงอีหม่อมน้าตะโกน ถ้านับว่าอีหม่อมน้าน้อยครั้งที่จะตะโกน เพราะมันว่าเป็นกิริยาของไพร่ กัสก็เลยชักจะเอะใจ

"อีกัสอีผี อีห่ามึงทำอะไรเนี่ย เหม็นคลุ้งไปทั้งชั้นเลย กลิ่นเหมือนหนูตาย อีเชี่ยยยย" อีหมึกโวยวาย และกัสก็รีบแต่งตัวและเมื่อเปิดประตูห้องน้ำ อีสองตัวก็เท้ากะเอวมองหน้ากัสเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ

"เอ่อ กูทำหมูปลาเค็มน่ะ" กัสตอบและยิ้มแห้ง ๆ รีบเดินหย่ง ๆ ไปปิดสวิตช์กระทะไฟฟ้า และต้องเปิดเมนูพิเศษอวดเสียหน่อย อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นความตั้งใจอันดี

"หน้าตาพอดูได้"

"ก็ดูไม่แย่นะ เราเคยรับประทาน เพราะยายทำให้ตอนเด็ก ๆ" หม่อมน้าสำทับเพื่อให้กำลังใจเพื่อน กัสได้แต่ยิ้มแห้ง

สามสาวออกไปซื้ออาหารเพิ่มอีกนิด ส่วนข้าวสวยกัสหุงไว้พร้อมแล้ว กัสเจออีเปาแต่ไม่กล้าชวนมันมากินเมนูพิเศษด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเปาซึ่งเป็นคนรักเพื่อน ซื้ออาหารแล้วก็ขอมานั่งกินที่ห้องกัสด้วยกัน โดยเจ้าพ่อสายเปย์ ซื้อผัดผักรวมหมูกรอบ แล้วก็แกงจืดเต้าหู้หมูสับ เอามาซดด้วยกันหนึ่งถุงใหญ่ ๆ เจ้าประคู้ณ ขอให้เจริญ ๆ นะพ่อนะ

เปิดประตูห้องมา กลิ่นปลาเค็มยังอวลในห้องอยู่เลย จนเมื่อแกะกับข้าวมานั่งกินด้วยกัน กัสก็กระมิดกระเมี้ยนเอาหมูปลาเค็มค่อย ๆ เอามาวางที่ตรงกลางโต๊ะ เคียงกับแกงจืดแสนน่ากิน แต่โอ้โห กับข้าวกูดูเป็นเหมือนอาหารหมาไปเลย กัสชักจะหวั่นใจ

"ขอลองชิมหน่อยนะ" หม่อมน้าพูดแล้วก็เปิดบิล ซะเลย ตักตรงกระเทียมไปซะด้วย กัสรอลุ้น แต่เมื่อหม่อมน้าตักมันพร้อมข้าวแล้วก็เอาเข้าปาก หล่อนก็ทำตาโต

"ฮึ้ม อร่อย อร่อยดีกัส" หม่อมน้าเอ่ยปากชมเคี้ยวตุ้ย ๆ 

"จริงอ่ะ กูไม่เชื่ออ่ะ หน้าตาอย่างกะอาหารหมา" อีหมึกบ่นแล้วก็จ้วงไปหนึ่งคำ พอเคี้ยวตุ้ย ๆ อีผีนี่ก็โยกหน้าไปมา และกล่าวคำว่าอร่อย เบา ๆ

"เปาลองชิมสิ เราลองทำครั้งแรก ไม่รู้เป็นยังไง" กัสเอ่ยปากชวนและเปาก็ทำกล้า ๆ กลัว ๆ แต่เปามันก็ตักไปชิมแล้วก็ชมว่าอร่อยเหมือนกัน ค่อยโล่งใจหน่อย

ทีนี้ก็ถึงคราวของกัสล่ะ พอลองชิมฝีมือตัวเอง เอ๊ะมันก็อร่อย ไม่แย่เลยนะ ยิ่งกินกับข้าว และซดน้ำแกงจืดเพื่อล้างคอ ก็ถือว่ามื้อนี้ทำให้หายคิดถึง และอยากจะกอดย่าแรง ๆ เลยทีเดียว

เมนูพิเศษของกัสเป็นที่กล่าวขวัญ แต่คืนนั้นสองสาวจะด่ากัสก็ด่าได้ไม่เต็มปาก เพราะกลิ่นปลาเค็มมันฝังไปยังปลอกหมอน และผ้าขนหนูซึ่งผึ่งลมอยู่หน้าห้องน้ำ ในเมื่อกัสทำซะอร่อย อร่อยจนเปาถึงกับเอ่ยปากให้ทำอีก แต่กัสและรูมเมทคู่กรรมก็ลงความเห็นว่าเป็นเมนูที่จะไม่สามารถทำได้อีกแล้ว 

เช้ามาสามสาวช่วยกันถอดปลอกหมอน เอาไปซัก ไม่อย่างนั้นได้นอนไปน้ำลายไหลไป แต่ที่สำคัญกลิ่นมันติดผ้าดี๊ดี ยังดีนะ ที่ตู้เสื้อผ้ามันปิดสนิทจนกลิ่นปลาเค็มมันไม่สามารถเข้าไปติดเสื้อผ้าได้ แต่บาปบุญ ชุดนักศึกษาที่กัสรีดไว้เรียบร้อยแล้วแขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าพอดี วันรุ่งขึ้นกัสเดินไปไหนก็มีแต่คนทำจมูกฟุด ๆ ฟิด ๆ กัสพยายามห่อตัวให้เล็กลีบที่สุดเลยทีเดียว เพราะกลัวเขารู้ว่ากลิ่นยั่วยวนมันระเหยมาจากตัวของกัสนี่เองไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกจ๊า

"ย่าจ๋า กัสอยากกินหมูปลาเค็มทอด วันอาทิตย์ตอนเย็น ๆ ย่าทำให้กัสเอาไปกินที่มหาลัยหน่อยนะจ๊ะ ไม่ต้องเยอะก็ได้" หลานรักอ้อน กอดเอวย่า และเอาคางไปเกยไหล่จนย่าจั๊กจี้

"ย่ะ" ย่าตอบแล้วก็ยื่นมือที่ว่างไปลูบหัวกัส กัสอมยิ้มและคิดว่าคราวนี้กูจะเอาไปหลอกขายอีเปา หึหึ ถ้ามึงเจอปลาเค็มย่ากู เอ๊ย หมูปลาเค็มย่ากู มึงอาจจะทิ้งเจ๊หวัง แล้วมาขอย่ากูเป็นแฟนเลยก็ได้