ชาย-ชาย,รัก,ตลก,ครอบครัว,ไทย,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โดย Chavaroj
เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน ให้พอดีว่าวันนี้สามสาวดาวเต้นเลิกในเวลาเดียวกัน ก็เลยนัดรวมตัวกันเพื่อจะได้ไปหาซื้อของกินแล้วนำกลับมากินที่ห้องด้วยกัน ที่สำคัญคือมีตลาดนัดให้เดินดูข้าวของให้ครึกครื้นด้วย ในตลาดคึกคักทั้งของกินของใช้ ซื้อไม่ซื้อเดี๋ยวค่อยว่ากัน
ระหว่างทางเดินซึ่งจริง ๆ เดินตรง ๆ แปปเดียวก็ถึง แต่อีหมึกก็ยังจะอุตส่าห์พาพวกเราเดินอ้อม เพื่อจะได้ผ่านสนามฟุตบอล เพื่ออะไรน่ะหรือ? ก็เพื่อจะได้เดินดูผู้ไงล่ะคุณน้า
แน่นอนว่าสนามบอลก็ต้องมีนักบอล และนักบอลที่มีกล้ามเนื้อ ลำหักลำโค่นจากคณะต่าง ๆ กีฬาของชายแทร่ ซึ่งอาจมีชายไม่แท้ร่วมเล่นอยู่ด้วยก็ได้ใครจะไปรู้ แต่อย่างไรก็ดี ถือเสียว่าเหล่าหนุ่ม ๆ ซึ่งวิ่งสู้ฟัดอยู่ในสนามเหล่านี้ก็คือของหวาน....เอ่อไม่ใช่...คืออาหารตาไปพลาง ๆ ก็แล้วกัน
คนโน้นก็หุ่นดี คนนี้ก็หล่อล่ำ คนนั้นนอกจากเรียนเก่งแล้วก็ยังวิ่งเร็ว มีจังหวะการเลี้ยงบอลแบบเท่ ๆ ราวกับเดวิด เบคแฮม จนใครสักตัวในสามสาวนี้อยากจะเป็นวิคตอเรีย อดีตสาวสไปซ์เกิล ซึ่งกัสเกิดไม่ทัน แต่กรุณาอย่าว่าพวกอิฉันเลยที่รู้จักนักบอล หรือนักกีฬาน้อยเต็มที เพราะต่อมกีฬามันไม่พัฒนาโดยเฉพาะเรื่องฟุตบอล ใครเป็นใครรู้จักเสียที่ไหน ถ้าพอจำได้ก็คือคนที่หล่อ ไอ้ตัวดำ ๆ ฝีเท้าจัด ๆ ยังไง ๆ ก็จำชื่อจำหน้าไม่ได้ คุณน้าอย่าว่ากัน ก็ใจมันไม่ได้มัก
แต่ใช่ว่าต่อมกีฬาของสามสาวจะสิ้นไร้หรอกนะ กีฬาที่เก้งกวางชอบก็พอจะมีเหมือนกันเช่นบอลเล่บอล หรือแบดมินตัน แต่มันก็ไม่ได้ดีเด่ขนาดไปลงสนามเล่นกีฬากับเขา อย่างดีก็แค่ดัดจริตทำเป็นวิ่งเพื่อจะได้มีหุ่นอันงาม หรือเพื่อสอดส่ายสายตามองเหล่าหนุ่ม ๆ ก็เท่านั้น และตอนนี้กัสไม่อยู่ในอารมณ์นั้นเท่าไร เพราะอยากไปเดินดูข้าวของและหาของกิน ส่วนอีหอยหลอดหมึกน่ะเดินไปก็พูดถึงผู้ชายคนนั้นคนนี้ แต่ถ้าผู้ชายเข้าหาอีเปรตนี่หนีสุดตัว เรียกว่าใจกากแต่ปากเก่ง ส่วนอีหม่อมน้า อีนี่เงียบ ๆ หงิม ๆ หยิบชิ้นปลามัน ทำเงียบ ๆ ไม่เอะอะแต่จริง ๆ แอบแรด ไม่กล้าพูดหรือแสดงกิริยาใด ๆ แต่กัสเห็นนะว่าอีหม่อมน้ามองผู้ชายตาเป็นมัน ส่วนกัสไม่เคยสนใจใคร สรุปเป็นสาวที่หาผัวไม่ได้ทั้งสามตัวมาจนปีสามเข้าให้แล้ว
แต่มารไม่มีบารมีไม่เกิด กำลังเดินอยู่ดี ๆ ลูกฟุตบอลก็ลอยหวือผ่านหน้าสามสาวไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด
"ว๊ายอี๋แม่แหก/เฮ้ย/ตาเถรยายชี" สามสาวอุทานพร้อมกัน แต่อุทานคนละแบบตามลักษณะนิสัย
"เห้ยขอโทษ ๆ" เสียงทุ้ม ๆ ดังมาพร้อมกับร่างสูงปรี๊ดและตาตี่ ๆ ผนวกกับรอยยิ้มที่ทำให้ปุถุชน โกรธไม่ลง
"ระวังหน่อยสิไอ้เปา" กัสตัดพ้อนิด ๆ ค้อนใส่เพื่อนนิดหน่อย
"มันหลุดตีนน่ะ" เปาอธิบายฟังไม่เข้าท่าเท่าไรเลยหาเรื่องคุยเสไปเรื่องอื่น
"จะไปไหนกันเนี่ย?" เปาถามคำถามและอมยิ้มก็เดินกันเป็นหน้ากระดานแบบนี้ และทิศทางนี้มีคำตอบเดียวคือไปตลาดแต่ก็ต้องถามแหละ
"ไปตลาดน่ะ" หม่อมน้าชิงตอบเปาพยักหน้าหงึก ๆ รับรู้
"เออกัส พรุ่งนี้เจ๊หวังมานะ เห็นบ่นคิดถึงกัสด้วย" เปาพูดต่อและกัสก็ถึงกับยิ้มกว้าง ด้วยว่ากัสเองก็คิดถึงเจ๊หวังเหมือนกัน อยากเม้า อยากเจอตัว พูดคุยให้หายคิดถึง เพราะเจ๊หวังเป็นคนคุยสนุก ตลก ลูกเล่นในการพูดแพรวพราว กับน้อง ๆ ด้วยล่ะก็เจ๊หวังก็แสนจะใจดี ผมทรงแสนเท่นี่เจ๊หวังก็ตัดให้ จำได้ว่าคราวก่อนเจ๊หวังรับปากกัสว่าจะเปลี่ยนสีผมให้เสียด้วยสิ ที่สำคัญฟรีค่ะ ดีสุดอีตรงนี้
"หรอ ๆ ดีจังหม่อมพี่เด็จกี่โมงล่ะ?" กัสถามต่อ
"น่าจะมาถึงสาย ๆ หรือเที่ยง ๆ ล่ะมั้ง เห็นว่ามากับเจ๊คิตตี้" เปาขยายต่อแต่ไอ้พวกหนุ่มโฉดก็ตะโกนให้เปากลับมาอยู่ในสนาม เปาก็เลยต้องขอตัวกลับไปเล่นกีฬาต่อ
สามสาวคุยกันถึงเจ๊หวัง เพราะแกก็พลอยฟ้าพลอยฝนสนิทกับเพื่อนของเปา และกัสไปด้วย อีหมึกนี่ล่ะตัวดี คุยกับเจ๊หวังเข้ากั๊นเข้ากัน เพราะปากไว และชอบพูดทะลึ่งเหมือนกัน ส่วนอีหม่อมน้า ก็ชอบหัวเราะร่วนเป็นไข่เค็ม ยามได้ยินคำพูดประหลาด ๆ จากเจ๊หวัง กัสเองก็สนิทกับเจ๊หวังมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม
ย้อนกลับไปตอนนั้นกัสยังจำได้เลย ที่สนามเปตองข้างร้านขายน้ำและขนมถุง ๆ ก๊วนกะเทยก๊วนใหญ่ มีทั้งสาวมากสาวน้อย นั่งอยู่เต็มโต๊ะ กัสซึ่งเพิ่งเข้าเรียนชั้นมัธยมสี่ ย้ายมากับเพื่อน ๆ หลายคนรวมถึงอีเปาด้วย อีเปาตามประสาชายผู้รักการเล่นกีฬา มาเรียนวันแรก กัสก็เห็นมันไปเล่นฟุตบอลกับเพื่อนในสนามเสียแล้วส่วนกัสนั้นอาภัพในห้องของกัสไม่มีเพื่อนสาวสักคน มีแต่ชะนีและชายแทร่ ก็เลยจะเหงาหน่อย ๆ
แต่กฎของแรงดึงดูดมันทำงานเสมอ หรือคำพระที่ว่าคนที่ศีลเสมอกันมักจะดึงดูดกัน รู้ตัวอีกทีกัสกับเพื่อนสาวชั้นมัธยมสี่แต่มาจากห้องอื่น ก็ไปนั่งจุ้มปุ๊ก หัวเราะเสียงดังกับบรรดารุ่นพี่เก้งกวางสาวน้อยเสียแล้ว เป็นอันหนึ่งอันเดียวกลมเกลียวสัมพันธ์เหมือนรู้จักกันมาแสนนานได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเจ๊หวังก็ดูจะเอ็นดูกัสมากกว่าน้อง ๆ คนอื่นๆ เพราะกัสเป็นคนเส้นตื้น และเวลาฟังเจ๊หวังเม้าอะไร ก็ฟังแบบตั้งใจ อ้าปากหวอเชียวล่ะ
ครั้นถึงวันที่เจ๊หวังมา กัสละแสนดีใจเพราะอาจารย์ยกคลาส เลยเลิกเสียตั้งแต่บ่ายสอง ดี จะได้มีเวลาเม้ากับเจ๊หวังเยอะ ๆ เลยรีบเดินกลับหอพักเสียเลย ไม่เถลไถลไปไหน ครั้นถึงห้องของตัวเอง ประตูห้องของอีเปาเปิดแง้มอยู่เจ๊หวังเปิดเพลงไม่ดังนัก แล้วก็ร้องเพลงตามไปด้วย กัสเคาะประตูก๊อก ๆ และถือวิสาสะ ค่อย ๆ แง้มมันช้า ๆ
"หม่อมพี่ สวัสดีค่ะ มานานแล้วหรอ" กัสทักทายและเจ๊หวังก็ยิ้มกว้างส่งมาให้
"อ้าวอีกัสอีหอยหลอด ทำไมกลับมาไวล่ะยะ"
"อาจารย์ยกคลาสค่ะเจ๊" กัสตอบยิ้ม ๆ เดินเข้ามาในหห้องของเปาได้สองสามก้าว
"เออ ๆ มาเม้ากัน เดี๋ยวเจ๊กำลังทำข้าวมันไก่หล่อนไปเปลี่ยนชุดแล้วมาช่วยเจ๊ไป" เจ๊หวังว่าและกัสก็รีบเข้าห้องไปเปลี่ยนกางเกงเปลี่ยนเสื้อให้มันทะมัดทะแมง ล้างหน้าสักนิดเพราะรำคาญครีมกันแดดที่ทาไว้ตั้งแต่เช้า กัสไม่ได้รักสวยรักงามเหมือนเจ๊หวังขนาดนั้น แต่ครีมกันแดดมันจำเป็น ยิ่งมหาวิทยาลัยของกัสอยู่ติดทะเล ลมแรงแดดแรง จนกัสมีขี้แมงวันขึ้นที่หน้าสองเม็ด และผิวคล้ำลงเป็นกอง เจ๊หวังผู้แสนใจดี ก็เลยเอาครีมกันแดดมาให้ใช้เสียเลย แม่พระของกัส
ครั้นจัดการตัวเองจนเสร็จสรรพ ก็เดินเข้ามาช่วยเจ๊หวังซึ่งกำลังง่วนอยู่กับครัวเล็ก ๆ
"มาให้กัสทำอะไรมั่งคะ" กัสเสนอตัว เจ๊หวังยืนเท้ากะเอว หันซ้ายหันขวา แล้วก็ใช้ให้กัสล้างแตงกวาแล้วก็หั่นแฉลบบาง ๆ จะได้เอาไว้กินกับข้าวมันไก่แก้เลี่ยน ส่วนตัวเจ๊หวังนั้นก็ปอกเปลือกฟักเขียวจะได้ต้มทำน้ำซุป
ไอ้แกงจืดฟักเขียวนี่กัสชอบกินนัก ยิ่งถ้าใส่มะนาวดองด้วยล่ะก็ยิ่งอร่อย ใส่เป็ดด้วยเป็นอะไรที่เข้ากันที่สุด แต่ถ้าต้มเป็นแกงจืดก็เห็นจะไม่มีอะไรเหมาะไปกว่าซี่โครงไก่ ซดน้ำร้อน ๆ ได้รสหวานจากฟัก และซี่โครงไก่หอมสามเกลอแสนชื่นใจแต่ไม่ต้องตำให้ยุ่งยาก โยนใส่หม้อไปเลย แต่ย่าเคยเล่าให้ฟังว่าสมัยโบราณเขาต้มฟักทั้งลูก เวลาที่มีข่าวที่ไหนเกิดจระเข้ออกมาอาละวาดทำร้ายคน นายพรานจำเป็นก็จะพายเรือไปแถว ๆ นั้น ครั้นเห็นเป้าหมายเขาก็จะโยนฟักต้มร้อน ๆ ลงไปในน้ำ ตามสัญชาตญาณของจระเข้ มันจะรีบงับ แล้วจระเข้โชคร้ายก็ตาย เพราะฟักไปร้อนลวกในท้อง ฟังแล้วน่าสยองหน่อย ๆ
"ย่าเกิดทันหรอจ๊ะ?" กัสเย้า
"เกิดไม่ทันร๊อก แต่ย่าเคยไปเที่ยวฟาร์มจระเข้จ๊ะ แต่ยายของย่าเล่าให้ฟังนะเรื่องนี้" ย่าเฉลย แต่ทีเด็ดก็คือย่าเล่าว่า พอฆ่าจระเข้เสร็จก็เอามาชำแหละ แบ่งกันกินกัสล่ะขนลุก เนื้อจระเข้หรอ อึ๊ย กินกันเข้าไปได้ยังไง
ครั้นถึงตอนเย็น เจ๊หวัง ไอ้ต้าวตาขีดเปาผัวเจ๊หวังเจ้าของห้องก็กลับมา และสะเก็ดอีกสามตัวคือ กัส อีหมึกและอีหม่อมน้า ซึ่งทำตัวเหมือนเปรตมาขอส่วนบุญก็ประจำที่ ข้าวมันจานโต โปะหน้าด้วยไก่ต้ม เจ๊หวังซื้อไก่มาตั้งมากมาย ทั้งแบบไก่ทั้งตัว และสะโพกไก่ อกไก่ ที่พ่อค้าเขาแยกไว้ต่างหาก เนื่องจากผัวต๋า จะได้กินได้สะดวกไม่ต้องหั่นให้ยุ่งยาก
อีเปาจะแดกก็ต้องลอกหนังออกให้หมด กินข้าวมันนิดเดียว เพราะมันต้องลดคาร์บ กลัวกลับไปอ้วนเหมือนตอนมัธยมต้น หนังไก่ก็เลยเป็นอานิสงส์แก่กัสนี่เอง จะว่าอุปาทานหรือเปล่าก็ไม่ทราบ กัสว่าข้าวมันไก่เจ๊หวังอร่อยไม่หยอก แต่ทำกินกันเองน่ะดี แต่ทำขายไม่ดี เจ๊งกะบ๊งแน่ ๆ เพราะใส่เครื่องเต็มที่ เพราะนอกจากไก่ตัวโต ๆ เจ๊หวังยังมีพวกเครื่องในให้กินด้วย ทั้งกึ๋นและตับ แล้วก็เลือดไก่ เรียกว่าลาภปากของกัสกับผองเพื่อนแท้ ๆ
"อร่อยค่ะเจ๊" กัสเอ่ยปากชมเคี้ยวตุ้ย ๆ ไปด้วย
"แน่สิยะ กูขโมยสูตรอีป้าสมใจมาเชียวนา" เจ๊หวังคุยอวด สมใจไหนกัสก็ไม่รู้แต่คงมีฝีมืออยู่แหละ หรือมันอร่อยเพราะกัสช่วยทำเสียก็ไม่รู้ ถึงกัสจะไม่ได้มีรสมือเหมือนพ่อและย่า แต่กัสที่วิ่งเล่นในครัวและโดนย่าใช้งานบ่อย ๆ ก็เลยพอจะทำอะไรเป็นอยู่บ้าง อย่างปอกกระเทียม หั่นพริก อะไรพวกนี้กัสทำได้สบายมาก แม้ว่าจะบ่นว่าเมื่อยมือก็เถอะ
น้ำจิ้มข้าวมันไก่คือสูตรเด็ด เจ๊หวังว่าข้าวมันไก่จะอร่อยหรือไม่อร่อยก็อีตรงนี้แหละ แต่กัสไม่ได้อยู่ในกระบวนการทำ รู้แค่ว่ามีเต้าเจี้ยว น้ำส้ม น้ำตาลนิดหน่อย มีขิงสับละเอียด ส่วนพริกอันนี้ใครชอบเผ็ดมากน้อยก็ใส่ตามอัธยาศัย
ไก่เหลืออีกพะเรอเกวียน เรียกว่าอีเปาแดกไก่จนเป็นเก๊าได้แน่ ๆ แต่ไม่ต้องห่วง มีกัสและผองเพื่อนช่วยแดก เปาไม่เป็นเก๊าแน่ ๆ ค่ะกัสและเพื่อน ๆ สัญญา และเมื่อกินมื้อแสนอร่อยเสร็จ เจ๊หวังก็เอ่ยปากจะทำผมให้เหล่าสะเก็ด
"อีกัสทำสีผมด้วยมะ?" เจ๊หวังถามและรื้อกระเป๋าพร้อมกับหยิบสีย้อมผมขึ้นมาอวด
"สีอะไรคะเจ๊?" จะทำสีน่ะมันก็น่าสนุกอยู่หรอก แต่กัสก็ไม่กล้าทำสีแรง ๆ เหมือนสีบนหัวเจ๊หวัง และหัวอีเปาตอนปิดเทอม ที่กัสเคยเห็นอีเปาถูกย้อมผมจนหัวของมันเป็นสีเขียวสะท้อนแสง เดชะบุญอีเปามันหล่อแบบอปป้า ขืนหน้าเหมือนคนงานพม่า ก็คงดูไม่จืดเหมือนกัน
"สีน้ำตาลคาราเมล" เจ๊หวังตอบ และร้านเสริมสวยย่อย ๆ ก็กำเนิดขึ้น ผลบุญลามมาถึงอีหมึกด้วย อีผีนี่ระริกระรี้ใหญ่เพราะไม่เคยทำสีผมเลยสักหน ส่วนอีหม่อมน้า พวกเราต้องไซโคหล่อน ทั้งขู่ทั้งปลอบเจ้าหล่อนอยู่เป็นนาน อีคนหัวโบราณนี่ถึงยอมทำสีผมเพราะโอกาสไม่ได้มีบ่อย ๆ และผมคนเรามันก็ยาวเข้าทุกวัน ไม่ถูกอกถูกใจหรือยามต้องกลับตำหนีกลับวังหลัง หล่อนก็ค่อยไปตัดผมก็ได้จะเป็นไรไป อีหม่อมน้าก็เลยยอมผมแต่ก็ทำหน้าหวั่น ๆ อยู่ดี
ผ่านเวลาซึ่งเจ๊หวังบริหารได้ดีเริด ถึงจะทำไปด่าไป และสามสาวก็มีทรงผมทรงใหม่ และสีผมสีใหม่ เก๋ไก๋เสียไม่มี กัสมองตัวเองในกระจก แล้วก็ถูกอกถูกใจ เจ๊หวังน่ะไม่ได้ทำให้ฟรี ๆ หรอก แต่ก็ไม่ได้เก็บตัง แกเฉลยว่าทำสีผมเพื่อฝึกมือ ที่สำคัญไลฟ์สดไปด้วย ว่าไม่ได้ อีเจ๊ของน้องกัสคนนี้กัสทำนายไว้ว่าในอนาคตจะต้องเป็นอินฟลูคนดังแน่ ๆ เพราะคนคอมเม้นต์ถล่มทลาย
จนเมื่อถึงวันเสาร์ที่จะต้องกลับบ้าน กัสล่ะตื่นเต้นอยากอวดทรงผมและสีผมให้คนที่บ้านจะแย่ แถมคนที่มารับกัสกลับเป็นแม่ แม่ซึ่งเป็นสาวเปรี้ยว สาวเท่ และมีหัวขบถนิด ๆ เห็นแล้วก็ชอบใจ พ่อคงไม่ว่าอะไร ยิ่งย่าล่ะก็เห็นกัสทำอะไรก็ว่าดี แต่ไอ้พี่กุ๊กไก่ผู้ซึ่งหัวโบราณคล้าย ๆ อีหม่อมน้านี่ล่ะคงจะบ่นไม่ใช่น้อย
"ไปทำที่ไหนล่ะนี่ สวยดี ทรงผมก็ดี" แม่เอ่ยปากชม
"รุ่นพี่เปาเขาทำให้น่ะแม่ ทำฟรีด้วยนะ" กัสขิงใส่แม่ซะเลย
แต่แม่ขับรถกลับบ้านก่อนไม่ยักกะไปร้านของย่า แม่ต้องการสมาธิ เลยจะทำงานที่บ้านคนเดียว และบ่นว่าบ้านชักจะรก ๆ กัสก็เลยขี่จักรยานไปบ้านย่าเสียเลย บ้านของกัสและบ้านของย่าอยู่ถัดไปแค่ซอยเดียว มีทางลัดตรงกลางซอยด้วย ใช้เวลาไม่นานห้าถึงหกนาทีก็ถึง
แน่เสียเหลือเกินว่ากัสอวดสีผมให้ย่าดู และย่าก็เอ่ยปากชมหลานรัก ส่วนพ่อก็ยิ้มแต่ไม่พูดอะไร ระหว่างทางกลับแม่กับกัสแวะกินข้าวกันมาแล้ว กัสก็เลยรอกินข้าวเย็นไปเลยดีกว่า เพราะยังอิ่ม จัดแจงหาผ้ากันเปื้อนมาผูกให้เรียบร้อย จะได้ช่วยงานพ่อกับย่า
"กัสจังมาช่วยย่าย่างไก่หน่อยลูก" ย่าเอ่ยปากและกัสก็แสนยินดี ไก่ย่างของย่านั้นหอมหวน ด้วยว่าหมักเครื่องเทศลี้ลับซึ่งกัสไม่รู้ว่ามันมีอะไรบ้างแต่พ่อน่ะรู้แน่ ๆ เพราะเคยทำไก่ย่างให้พวกเรากินเหมือนกัน
ระหว่างย่าง ควันและกลิ่นหอม ๆ ก็ฟุ้งไปจนกัสที่คิดว่าตัวเองอิ่มแล้วก็ยังอดกลืนน้ำลายเสียไม่ได้ ไก่ย่างนั้นต้องหมั่นพลิกให้ดี ให้สุกเสมอกัน จะให้ดีต้องย่างไปทาน้ำหมักไป ให้หอมหวนและน้ำหมักซึมเข้าเนื้อ ย่าไม่หวงเครื่อง ไม่อย่างนั้นกับข้าวก็ไม่อร่อย กัสชอบกลิ่นเครื่องเทศ ซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นสามเกลอ ที่ย่าชอบใช้ให้กัสเป็นคนตำ กระเทียม รากผักชี พริกไทย แล้วก็ซีอิ๊ว แต่ย่าจะแอบใส่อะไรลงไปอีกกัสก็ไม่เห็นกับตาแต่มันอร่อยเหลือใจ พลิกไก่ไป พลิกไก่มา กัสก็นึกถึงตอนตัวเองเป็นเฟรชชี่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ตอนรับน้อง ซึ่งเป็นรับน้องแบบไม่โหดเหมือนสมัยก่อน ๆ มีกิจกรรมให้เต้นตลก ๆ และร้องเพลงเป็นพื้น กัสถูกลากให้ออกมาเต้นที่ด้านหน้า อีหมึกอีกตัว และแน่นอนมีอีหม่อมน้าด้วย รวมถึงเพื่อนเก้งอีกหลายชีวิต เพราะรอบนี้เป็นรอบของคนตาผี เอาเก้งสาวออกมาเต้นให้สนุกสนานกัน
"ไก่ย่างถูกเผา ไก่ย่างถูกเผา มันจะถูกไม้เสียบ มันจะถูกไม้เสียบ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริง ๆ ร้อนจริง ๆ ร้อนจริง ๆ"
แน่ล่ะ ใครก็ต้องรู้จักเพลงนี้ กัสกับอีหมึกวาดลวดลายเสียเต็มที่ ส่วนอีหม่อมน้า บิดแบบตัวเกร็ง ๆ ราวกับเป็นบาดทะยัก และทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ กัสสงสารมันในตอนนั้น เลยไปเต้นข้าง ๆ มัน มันจะได้ไม่เก้อ รวมถึงอีหมึกที่เต้นกระหนาบอีหม่อมน้า เหมือนกัน เลยทำให้เราสามตัวเกิดถูกชะตากัน ซักถามชื่อแซ่และคณะ จนนัดแนะมากินข้าวด้วยกัน และเริ่มสนิทกันมากขึ้นทุกที จนในวันหนึ่งกัสซึ่งแสนอึดอัดใจกับบรรดาชายแทร่ก็เลยเอ่ยปากชวนเพื่อนสาวอีกสองตัวมาเช่าห้องด้วยกันเสียเลย นับเนื่องไปแล้วก็สามปีเข้าให้แล้ว ช่างว่องไวเสียจริง
เมนูพิเศษของย่าวันนี้ ย่าทำไก่ย่างส้มตำ เพราะมันเข้ากันที่สุด และมีลูกค้ารอกินกันทีเดียว กัสแทบไม่ต้องแนะนำ แถมลูกค้าประจำเสียอีกกลับถามว่าวันนี้มีไก่ย่างส้มตำใช่ไหม
บางคนก็สั่งส้มตำไทย บ้างก็สั่งตำลาว ตลอดไปจนถึงตำป่า แต่สำหรับกัส ตำไทยกับไก่ย่างเข้ากันที่สุด ไก่ย่างของย่าไม่หวานเจื้อยเหมือนบางเจ้า แต่อมหวานนิด ๆ และมีรสเค็มนำ หอมเครื่องเทศทุกคำที่กัด และถ้าได้ส้มตำแบบสามรสด้วยล่ะก็เข้ากันอย่างกับอะไรดี กินกับข้าวเหนียวและผักสด ๆ ก็เข้ากัน บางคนยักเยื้องกินกับขนมจีน แต่กัสว่ากินกับข้าวเหนียวจะเข้ากันมากกว่า
และเย็นนั้นกัสก็ได้อานิสงส์ ได้กินไก่ย่างส้มตำกับเขาด้วย กัสกินกับส้มตำไทยนั่นแหละมีไข่ต้มเพิ่มอีกฟอง กินคนเดียวไม่แบ่งใคร ไปแอบนั่งกินหลังร้านไม่อยากเสียอารมณ์ ขาดตอนกิน แต่ก็ต้องรีบกินแล้วก็กลับมาทำงาน
แต่ไอ้ที่แสนดีก็คือตอนขากลับไปเรียน แม่ไปส่งกัสอีกแล้ว เพราะเหตุผลว่าแม่เครียดอยากขับรถชมวิวอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่กัสออกจะปลื้มใจกับกล่องใบย่อม ๆ ตรงหน้าตัก เพราะบรรจุไก่ทอดชิ้นโต ๆ หลายชิ้น พ่อทอดให้ตั้งแต่เช้ามืด หมักตั้งแต่เมื่อคืน ข้าวเหนียวเดี๋ยวไปซื้อเอาที่หน้ามหาลัย ทีเด็ดคือน้ำจิ้มแจ่วฝีมือย่า ซึ่งจิ้มกับอะไรก็อร่อย
ได้ไก่ทอดร้อน ๆ ข้าวเหนียวนุ่ม ๆ กับน้ำจิ้มแจ่วรสเข้มข้น จะตัดเลี่ยนด้วยแตงกวาหรือถั่วฝักยาวก็เข้าทีแต่กัสไม่มีเวลาขนาดนั้น กินมันแค่ไก่ย่างข้าวเหนียวและน้ำจิ้มนี่แหละ ถึงมหาลัยก่อนเข้าเรียนคลาสแรกตั้งสี่สิบห้านาที กัสนั่งรอตรงที่ประจำอันเป็นที่รู้กัน ส่งข้อความหาสหาย คนแรกที่มาถึงคืออีเปา เพราะมันมาวิ่งตั้งแต่เช้ามืด พ่อโจ้ไก่ทอดโดยแทบไม่แตะข้าวเหนียว ส่วนนังหมึกกับอีหม่อมน้า เดินเร็ว ๆ มาร่วมกันกินอาหารเช้าด้วยกัน
"อร่อยจังมึง" หมึกเอ่ยปากชม
"ใช่ ๆ อร่อยมาก ๆ ยิ่งน้ำจิ้มแจ่วนี่รับประทานกับไก่ย่างเข้ากันชะมัด" อีหม่อมน้าก็ขอร่วมชมกับเขาด้วย
กัสไม่เอ่ยปากพูดอะไรเพราะมัวแต่เคี้ยวตุ้ย ๆ มีของดีมันก็ต้องอวด คนเดินผ่านไปผ่านมา ก็มองพวกกัสกันทั้งนั้น แต่กัสไม่ได้สนใจ
พวกนั้นจะมองว่าพวกกัสเสียงดัง หรือบางคนอาจจะอยากกินไก่ทอดด้วยก็ไม่รู้ หรือไม่แน่ พวกนั้นอาจจะมองพวกกัสที่มีสีผมสวย ๆ ไม่ดำ ๆ ด้าน ๆ เหมือนคนอื่นก็เป็นได้ แต่กัสขอโฟกัสไก่ทอดตรงหน้านี้ก่อน กัสชอบกินไก่เพราะมันกินง่ายดี จะไก่ต้ม ไก่ย่าง หรือไก่ทอด ขอแค่อย่าเป็นไก่สด ที่ต้องลากไปกินในน้ำก็เป็นเพราะกัสเป็นคนไม่ใช่ตัวเหี้ยนี่คะ