ระหว่างอาหารจานนี้กับผม คุณอยากกินอะไรมากกว่ากัน

Delicious - 10 สังขยา โดย Chavaroj @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ตลก,ครอบครัว,ไทย,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Delicious

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ตลก,ครอบครัว,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

Delicious  โดย Chavaroj  @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ระหว่างอาหารจานนี้กับผม คุณอยากกินอะไรมากกว่ากัน

ผู้แต่ง

Chavaroj

เรื่องย่อ

อาหารรสชาติแสนอร่อย โยงใยถึงเรื่องราวประทับใจทั้งความสุข ความหวัง ความเศร้า และความคิดถึง


และรสอร่อยที่เราโปรดปรานก็นำพาเราให้ย้อนนึกถึงความหวังในครั้งอดีตได้ด้วย

เมนูไหนเป็นเมนูโปรดของคุณกันนะ

สารบัญ

Delicious -1 สปาเกตตี,Delicious -2 ปลาเค็ม,Delicious -3 ไก่ต้ม ไก่ย่าง ไก่ทอด,Delicious -4 ไข่เจียว แกงจืด,Delicious -5 แกงคั่วสับปะรดใส่หอยแมลงภู่,Delicious -6 ต้มยำ,Delicious -7 ข้าวเหนียว หมูปิ้ง,Delicious -8 ลาบหมู,Delicious -9 ขนมปังหน้าหมู,Delicious -10 สังขยา,Delicious -11 แอปเปิล,Delicious -12 มะระ,Delicious -13 หัวไชเท้า หัวไชโป๊ว,Delicious -14 ส้มตำ,Delicious -15 กล้วย,Delicious -16 ผักบุ้ง,Delicious -17 มะเขือ,Delicious -18 ซีอิ๊ว,Delicious -19 ปลากระป๋อง,Delicious -20 ขนมจีน,Delicious -21 แตงโม,Delicious -22 ฟักทอง,Delicious -23 แหนม,Delicious -24 ดอกโสน,Delicious -25 ปลาทู,Delicious -25 หมูหวาน,Delicious -26 มะพร้าว,Delicious -27 ทุเรียน ขนุน สาเก,Delicious -29 ขาหมูเยอรมัน,Delicious -30 น้ำพริกไข่ปู

เนื้อหา

10 สังขยา

โดย  Chavaroj



เช้านั้นเหมือนทุกทีที่พ่อมาส่ง เยื้องด้านหน้าของโรงเรียนมีแผงขายของกินเยอะแยะ ผมซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งอันนี้เป็นของคาวที่ดีเยี่ยมแต่มองนาฬิกาพลาสติกสีสดเรือนโปรดที่แม่ให้เป็นของขวัญวันเกิด ยังเหลือเวลาอีกเยอะ ผมก็เลยเดินเลยไปอีกหน่อย มีแผงขายขนมไทย ๆ แน่ล่ะขนมโปรดของผมและเด็ก ๆ  ก็คือบรรดาข้าวเหนียวหน้าต่าง ๆ ข้าวเหนียวขาวหรือข้าวเหนียวดำหน้าสังขยา ข้าวเหนียวเหลืองหน้ากุ้ง หรือจะเป็นข้าวเหนียวหน้าปลาแห้ง อันนี้ก็อร่อย  แล้วก็มีพวกขนมทอง ๆ อีกสารพัด ทองหยิบทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน ขนมชั้นเหนียวหนึบอันนี้ผมขอผ่าน วุ้นหลากหลายสีก็สีแปลก ๆ แฮะ ไม่เอาดีกว่า 

แต่จะมีขนมอะไรอีกสารพัดก็เถอะ ผมน่ะชอบกินข้าวเหนียวสังขยามากที่สุด ยิ่งถ้าได้ข้าวเหนียวดำก็ยิ่งอร่อยเพราะมันจะมีกลิ่นเฉพาะ และข้าวที่มีเนื้อสัมผัสต่างจากข้าวเหนียวขาว ถ้ามีก็มักจะหมดก่อนอันอื่นเลย และผมเลือกข้าวเหนียวดำสังขยาอีกอันก็แล้วกัน ข้าวเหนียวพวกนี้ห่อใบตอง กลัดไม้กลัด หนึ่งอันบ้าง สองอันบ้าง หรือบางทีก็กลัดเป็นกากบาท อันนี้เป็นสัญลักษณ์ทำให้คนขายรู้ว่ามันเป็นแบบไหน จะได้หยิบถูกประเภท ต่อเมื่อกาลผ่านมา จากการห่อด้วยใบตองก็กลายเป็นใส่ห่อพลาสติกเพื่อความสะดวกและประหยัดแต่ผมว่ามันขาดเสน่ห์ไปเป็นกองเลย

ไอ้ที่คิดคำนึงอยู่นี่ที่แท้มันก็เป็นแค่ความฝัน ผมรู้ตัวตื่นเพราะปวดฉี่ อากาศมันเย็นนี่ขนาดห่มผ้าตั้งสามผืนแล้วนะ ยิ่งมีเฮียเกี๊ยวที่นอนใกล้ ๆ กัน ก็ยังไม่วายจะหนาว ผมค่อย ๆ ลุกอย่างเงียบงันเพื่อไปฉี่ให้เสร็จ แล้วขากลับก็แวะเปิดเก๊ะในตู้ใส่เสื้อผ้า หยิบถุงเท้าอุ่น ๆ มาสวม จะได้นอนหลับสบาย อยู่ยุโรปก็ต้องทำใจแบบนี้ล่ะ ตรงกันข้ามเลย ถ้าอยู่เมืองไทย เราอาจจะร้อนจนต้องนอนถอดเสื้อ

ที่นี่อากาศมันไม่เหมือนบ้านเราที่เมืองไทย ซึ่งมีแต่ร้อน กับร้อนมาก และร้อนชิบหาย ตามคำด่าของเจ๊หวัง แต่ถ้าร้อนแทบบ้าอาจจะมีคำหยาบคายตามมาทำให้เราหัวเราะ แต่ที่นี่มันยุโรปไง จู่ ๆ เกิดฝนมันอยากจะตก มันก็ตกเสียอย่างนั้น หรือแดดออกอยู่ดี ๆ แต่แล้วก็มีลมหนาว ๆ ชื้น ๆ อย่างวันนี้นี่แหละ กะแล้วเชียวเพราะวันนี้เมฆบาง ๆ ลอยมาตลอดวัน ยังดีไม่มีหิมะหรือลูกเห็บ เพราะนี่มันฤดูใบไม้ผลิแล้ว

ผมขยับตัวค่อย ๆ ขึ้นไปนอนให้เบาที่สุด เฮียเกี๊ยวท่าทางหลับสบาย และผมมองเห็นเงาใบหน้าเฮียเกี๊ยวราง ๆ ในความมืด น่าแปลกที่ผมชอบมองใบหน้าของเขาได้อย่างไม่เบื่อ เฮียเกี๊ยวไม่หล่อเหลาเหมือนไอ้เปาที่หล่อจัดเหมือนพร้อมจะเกิดมาเป็นนายแบบ ตอนนี้มันเป็นนายแบบเสื้อผ้าออกกำลังกายไปเสียแล้ว เพื่อนเรากำลังจะเป็นดารา

แต่เฮียเกี๊ยวหล่ออย่างที่เรียกว่าดูดี ถึงจะไม่ได้มีคิ้วหนาเรียวยาวอย่างไอ้เปา แต่มันก็เป็นคิ้วที่เอียงทำองศาแปลก ๆ เสมอยามเมื่อเฮียเกี๊ยวยิ้มและพูดจา นัยน์ตาตี่ที่โตกว่าไอ้เปา ซึ่งตาปิดเป็นสระอิ เฮียเกี๊ยวมีตาสองชั้นหลบใน แต่จมูกโด่งที่เขาว่าเป็นโหงวเฮ้งที่ดี อันนี้ผมต้องยอมรับว่าจมูกของเฮียเกี๊ยวโด่งได้รูปสวยมาก ๆ และริมฝีปากของเฮียเกี๊ยวที่แม้จะไม่ได้มีฟันขาวเรียงสวยเหมือนไอ้เปา ซึ่งมันบอกว่ามันฟันสวยเพราะมันดัดฟัน แต่ฟันของเฮียเกี๊ยวมันดูดียามเมื่อพูดจาและยิ้มกับหัวเราะเยอะ ๆ 

ผมยื่นมือเบา ๆ ไปแตะที่ปลายจมูกของเขาจนเขาทำจมูกฟึดฟัด และขยับจมูกไปมา ผมกลั้นหัวเราะและค่อย ๆ แตะมันเบา ๆ อีกที เฮียเกี๊ยวก็ทำแบบเดิมอีกตลกชะมัด แต่พอแค่นี้ล่ะ เดี๋ยวเกิดรู้ตัวรู้ว่าโดนแกล้งผมจะโดนถีบตกเตียงเสียก็ไม่รู้ ผมก็เลยนอนมองซีกหน้าของเขาแล้วก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คิดเรื่องงาน คิดถึงเรื่องสนุก ๆ อาหารแสนอร่อย ตึกและรูปปั้นที่อิตาลี 

แต่ผมว่าที่มันสนุกที่สุดก็เพราะผมไปกับเฮียเกี๊ยว ไม่ได้ไปคนเดียวเหมือนที่ผมเคยไปเที่ยวเสมอ ๆ ที่ยุโรปมันดีตรงที่ว่ามีรถไฟความเร็วสูง ทำให้เราไปประเทศติด ๆ กันได้อย่างสบาย ๆ ผมมักจะไปคนเดียว มันก็สนุกแบบไปคนเดียว ผมไปไหนมาไหนคนเดียวเสมอ อาจจะเพราะชินหรือรำคาญที่ต้องไปกับคนอื่น

จะว่าผมเป็นคนอินโทรเวิร์ดก็คงไม่ถึงขั้นนั้น แต่ผมชักจะติดใจการได้ไปเที่ยวกับเฮียเกี๊ยวอีกแล้วล่ะสิ เฮียเกี๊ยวใจดี สปอร์ต นิสัยรวย เอะอะ ๆ พ่อก็จะจ่าย จะเป็นเจ้ามืออยู่ร่ำไป ผมก็รู้สึกว่าตัวเองชักจะเสียนิสัย และถึงแม้ผมจะเด็กกว่าแต่ก็ไม่ได้อยากให้เฮียมาเอาอกเอาใจ เพราะเราไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย

"แฟนอย่างนั้นหรอ?"  ผมถามกับตัวเองเบา ๆ บอกไปก็คงไม่มีใครเชื่อ ในชีวิตของผมไม่เคยคิดอยากมีแฟนกับเขาเลย แน่นอนชีวิตที่นี่ผมอาจจะเคยไปเดทกับใครมาบ้างแต่มันก็จะจบแค่ที่บาร์แห่งไหนสักแห่ง และผมก็จะบอกเขาว่า ผมต้องกลับแล้วเพราะพรุ่งนี้ผมมีงานแต่เช้า หรือมีเรียนเช้าหรือว่าผมบ้างานเกินไป หรือผมจริงจังในการเรียนเกินไปอย่างนั้นหรอ 

"ถ้ามีแฟนเป็นเฮียเกี๊ยวจะเป็นยังไงนะ?" ผมรำพึงเบา ๆ กับตัวเองอีกแล้วก็ตกใจที่ความชอบอยู่คนเดียวของผมมันโดนโยกคลอนเสียแล้วอย่างนั้นหรอ น่าแปลกใจชะมัด ผมเม้มปากแน่น และยื่นมือไปเขี่ยปลายจมูกของเฮียเกี๊ยวอีกที แต่รอบนี้เฮียเกี้ยวสะบัดหน้าไปมา พร้อมกับเอามือปัดลมปัดแล้ง คงนึกฝันว่าโดนแมลงตอมจมูก แต่ไอ้ที่ตามมาก็คือเฮียเกี๊ยวพลิกตัวมานอนตะแคง ยื่นแขนมาโอบผมเสียแน่นแล้วก็ซุกหน้ามาที่หมอนของผมจนใบหน้าเราห่างกันแค่สองมิลลิเมตร

ตายละ หัวใจของผมเต้นแรงจนมันอาจจะดังจนเฮียเกี๊ยวได้ยินแน่ ๆ จะทำยังไงกันดีหนอ ก่อนนอนที่เฮียเกี๊ยวเอาแต่จ้องหน้าผม ก็ทำเอาผมใจสั่นไปทีนึงแล้ว แต่พอผมจ้องกลับ เฮียก็บอกว่า ฝันดี แล้วก็พลิกตัวเปลี่ยนไปนอนหงาย 

กลับมาที่วินาทีนี้ ผมขยับตัวไปข้างหน้าหนึ่งมิลลิเมตร และอีกแค่มิลลิเมตรเดียวจมูกของเราก็จะชนกัน ลมหายอุ่น ๆ ของเฮียชนกับผิวหน้าของผมจนรับรู้ถึงความอุ่นร้อน และผมก็ดับความห่างของผมกับเขาเพียงแค่ยื่นจมูกของผมไปแตะกับเขาเบา ๆ แต่เพียงเสี้ยววินาที ริมฝีปากของเฮียเกี๊ยวก็ยื่นมาสัมผัสกับริมฝีปากของผมอย่างไม่ตั้งใจ เหมือนไฟช็อต เหมือนฟ้าผ่า เหมือนของหนักร่วงหล่นใส่หัว ผมช็อคไปเลย 

เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้น ผมอาบน้ำเตรียมตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รองเท้าผ้าใบที่เหมาะสำหรับระยะทางเดินหลายกิโลเมตร กางเกงยีน ที่เหมาะสำหรับทั้งอากาศเย็นและร้อน ขอให้มาเถอะ เสื้อแขนยาวสีสว่าง และแจ็กเกตอีกตัวเผื่อกันความหนาวและฝน แว่นกันแดด และหมวกแก๊ปใบเก่งของบริษัท 

"เฮียตื่นแล้วหรอ ไปล้างหน้าแปรงฟัน เดี๋ยวจะได้ไปเที่ยวกัน" ผมทัก และเฮียก็ลุกขึ้นมานั่งทำหน้างัวเงียอย่างงง ๆ และมองไปรอบ ๆ ห้อง

"กัสตื่นนานแล้วหรอ?" เฮียเกี๊ยวถามและผมก็รับคำ ตื่นนานอะไรกันเล่า ตั้งแต่ริมฝีปากของเราโดนกันโดยบังเอิญผมก็นอนไม่หลับอีกเลยต่างหาก

"เฮียไม่ต้องรีบ เดี๋ยวกันทำอาหารเช้ารอ" ผมว่าและสวมผ้ากันเปื้อนให้ทะมัดทะแมง เฮียเกี๊ยวไปอาบน้ำ ผมก็จัดแจงเอาขนมปังฝรั่งเศสเอามาหั่นเป็นชิ้น ๆ ทาหน้าด้วยแซนวิสสเปรด ใส่ใบผักกาดแก้วเยอะ ๆ แฮมชินบาง ๆ ฝานและมะเขือเทศลูกโตสีแดงแปร๊ดและปิดท้ายด้วยขนมปังฝรั่งเศสเป็นชั้นสุดท้าย จัดแจงชงน้ำชาร้อน ๆ อีกแก้ว อ้อผมมีนมเหลืออยู่นี่นะ เอามากินให้หมดเลย จัดได้สองแก้วพอดี 

เฮียเกี๊ยวแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ดูทะมัดทะแมง และดูลำลอง คล้าย ๆ กับผม เรานั่งกินอาหารเช้าด้วยกัน เฮียเกี๊ยวถามถึงเทศกาลดอกไม้ว่ามันมีอะไรน่าสนุกบ้าง ผมก็เล่าไปตามความทรงจำที่เคยไปเมื่อสามปีก่อน

เราจะไปโดยไม่ค้างคืน นั่งรถไฟไปใช้เวลาไม่นาน เมื่อถึงงานบรรยากาศมันแสนคึกคัก ผู้คนเดินกันหนาตา เสียงดนตรีสนุก ๆ รวมถึงเสียงพูดคุย เสียงกรีดร้องของเด็ก ๆ เสียงตะโกนขายของ ของบรรดาพ่อค้าแม่ค้า เพียงแต่สินค้าที่ขายส่วนใหญ่จะเป็นต้นไม้ต้นไร่  

เรื่อยไปจนถึงสวนที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงาม เราเดินดูกันได้อย่างไม่รู้เบื่อ และเฮียเกี๊ยวก็ต้องได้รับรางวัลตากล้องอดทนแห่งสมาคม คนชอบถ่ายรูปโดยมีผมเป็นประธานกิตติมศักดิ์ สมาชิกมีผมคนเดียว เฮียเอารางวัลไปเลย ถ่ายได้ไม่บ่น แถมยังมีไอเดียให้ผมลองไปถ่ายมุมนั้นมุมนี้ จนผมชักจะเหนื่อย ๆ เหมือนกันเพราะให้ผมปีนป่าย ตรงโน้นบ้างตรงนี้บ้าง นี่เอาคืนผมหรือเปล่าก็ไม่รู้

จนถึงช่วงบ่ายเริ่มจะหิวนิด ๆ มีร้านฮอทดอกส่งกลิ่นยั่วยวนใจ ก็จัดจัดการกินกันเป็นอาหารกลางวันเสียเลย จากนั้นเราก็เดินต่อจนถึงเย็น

"หิวอาหารไทยหรือยัง?" ผมถามเฮียเกี๊ยวและแกก็ทำตาตื่น

"ที่สุด อยากกินอะไรแซ่บ ๆ แต่เออเฮียกินเผ็ดไม่ค่อยเก่งเท่าไรหรอกนะ" เฮียเกี๊ยวออกตัว และจุดหมายต่อไปก็คือร้านอาหารไทยของป้าสีดา 

เมื่อผมเปิดประตูร้านเข้าไป ลุงปีแอร์ก็เดินเข้ามากอดผมอย่างดีใจ และเสียงของป้าสีดาก็บ่นที่ลุงโวยวายอะไรเสียงดัง แต่พอเห็นหน้าผมเท่านั้นแหละ แกก็วิ่งมากอด พร้อมกับคำถามมากมายจนผมตอบไม่ทัน 

"ผมพาพี่ชายมาเที่ยว ไม่ได้ค้างคืน กินอาหารเย็นเสร็จก็จะกลับปารีสเลย" ผมอธิบายไปด้วยสั่งเมนูแสนอร่อยที่ขึ้นชื่อของร้านไปด้วย ส่วนเฮียเกี๊ยวก็ยิ้มแหย ๆ ให้ลุงปีแอร์ แต่จะคุยภาษาไทยกับป้าสีดาแกก็หนีเข้าครัวไปทำอาหารเสียแล้วผมก็เลยชวนเฮียไปนั่งตรงที่นั่งน่าสบาย ลุงปีแอร์ยังมีแก่ใจ หยิบขวดไวน์ตามมานั่งด้วย หาเรื่องกินไวน์ หรือหาเรื่องดื่มในโอกาสที่ผมมาเยี่ยมกันหนอ

แต่เอาล่ะ จะอะไรก็เถอะ เราเริ่มดื่มนิด ๆ หน่อย ๆ พูดคุยโดยมีผมเป็นล่าม ลุงปีแอร์ออกจะสนุกที่ได้เห็นผมพูดไทยสลับฝรั่งเศส จนอาหารค่อย ๆ ทยอยมา ลุงปีแอร์จึงคุยลดลงแต่ดื่มเยอะขึ้น 

"ฌองจะมาเทศกาลดอกไม้อาทิตย์หน้าแน่ะ ถามหาเธอพอดี จะไปเที่ยวกับฌองไหมเล่า?" ลุงปีแอร์ถาม ผมเม้มปากมองหางตาไปทางเฮียเกี๊ยวและตอบแบ่งรับแบ่งสู้ว่าดูก่อน ทำไมเหมือนเราพูดถึงกิ๊กต่อหน้าแฟนก็ไม่รู้มันแล้วกลัวเขาจะจับได้ก็ไม่รู้ กระอักกระอ่วนใจอย่างไรชอบกล 

"ลุงแกถามอะไรหรอ?" เฮียเกี๊ยวถามอย่างอยากรู้แต่ผมก็บอกไปหลานแกจะเที่ยวอาทิตย์หน้า แต่ไม่ขยายเรื่องของฌองให้เฮียเกี๊ยวฟัง

มื้ออาหารแสนวิเศษจบลง และการจากลาก็มีข้อดีที่ทำให้เราเฝ้ารอการพบเจอกันใหม่ ป้าสีดาใจดีทำอาหารใส่กล่องมาให้ผมเอากลับมากินที่ปารีสด้วย เป็นอาหารแห้งอย่างป่นปลาทู ซึ่งแน่ล่ะ ผมว่าจะมีความสุขไปอีกหลายวัน เอาไปโรยสลัดก็ดี หรือจะนึกครึ้มหุงข้าว โรยป่นปลาทู และจะมีไข่ต้มหรือไข่ดาวสักฟอง เหยาะซีอิ๊วขาวอีกหน่อยแค่นี้ก็เหมือนกลับไปอยู่เมืองไทยได้ง่าย ๆ 

ทริปของผมกับเฮียเกี๊ยวผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับภาพฝัน ในวันเดินทางกลับของเฮียเกี๊ยวผมไปส่งเฮียเกี๊ยวที่สนามบิน ผมอาจจะเศร้าและรู้สึกโหวง ๆ ในหัวใจเลยคิดคำร่ำลาไม่ออกสักคำใกล้เวลาเรียกเข้าไปด้านในเพื่อเตรียมขึ้นเครื่องแล้ว ผมเดินไปส่งเฮียเกี๊ยวได้แค่นี้ เฮียเกี๊ยวดึงผมไปกอดอย่างว่องไว กอดแน่นอย่างที่ผมไม่เคยรู้สึกว่าโดนกอดของใครกอดแน่นเท่านี้ กอดที่เหมือนอยากจะพาผมไปที่ไหน ๆ กับเฮียด้วย 

"เฮียเดินทางปลอดภัยนะ" ผมกล่าวคำลาและอมยิ้ม

"ขอบคุณครับ เมื่อถึงเมืองไทยเฮียจะส่งข้อความมาหานะ อ้อ อย่าลืมที่เฮียพูดเอาไปคิดให้ดีล่ะ" เฮียเกี๊ยวพูดและขยับตัวจะลากกระเป๋าเดินทางเดินจากไป

"เฮียเกี๊ยว" ผมตะโกนจนเฮียเกี๊ยวชะงักเท้า ผมจดจำอะไรแทบไม่ได้ แต่ร่างกายของผมมันทำไปโดยอัตโนมัติ ผมวิ่งไปกอดเฮียเกี๊ยวเหมือนจะรั้งไม่อยากให้เขาไปจากผม ซุกหน้าแน่น ๆ ไปที่แผ่นอก ครั้นพอเงยหน้าขึ้นมาผมก็จูบเขาที่แก้มอย่างรวดเร็ว แต่พอคลายกอด และรู้สึกตัวว่าผมทำบ้าอะไรไปเนี่ย ไอ้บ้ากัสเอ๊ย เฮียเกี๊ยวก็รีบโอบเอวผมแล้วก็จูบผมตรงนั้นเลย

เวลามันเหมือนหยุดนิ่ง ผมมองอะไรไม่เห็นเพราะตาของผมหลับปี๋ รสจูบมันเป็นแบบนี้อย่างนั้นหรอ จูบที่ปากแต่ทำไมมันร้อนวาบไปทั้งตัว และที่ท้องของผมก็รู้สึกเหมือนมีคลื่นทะเลสาดซัดครั้งแล้วครั้งเล่า ผมรู้สึกตัวอีกที เพราะรู้สึกว่ามีไอ้บ้าฝรั่งเศสสักคนจงใจกระแทกผมกับเฮียเกี๊ยว ผมรู้เพราะมันสบถด่าผมแล้วก็มองอย่างกวนตีน นี่ถ้าผมตัวโต ๆ ก็คงกระโดดถีบมันสักที

"เสือก" ผมด่ากลับไปด้วยภาษาฝรั่งเศส แต่เฮียเกี๊ยวกลับหัวเราะขำผม

"เฮียไปแล้วนะครับ ดูแลตัวเองให้ดี ๆ มีอะไรก็โทรหาเฮีย" เฮียเกี๊ยวพูดส่งท้ายและเดินลากกระเป๋าเดินจากไป ส่วนผมก็ได้แต่ยืนเม้มปาก จนไม่เห็นเฮียเกี๊ยวแล้วนั่นแหละ

ผ่านเวลามาหลายอาทิตย์ ผมก็โทรหาเฮียเกี๊ยวเท่าที่ตัวผมจะว่าง หรือเฮียเกี๊ยวจะว่าง ส่วนใหญ่เราจะคุยเรื่องงานกัน เฮียเกี๊ยวคุยอวดเรื่องหนังจระเข้ และสีใหม่ ๆ ที่โรงงานฟอกหนังกำลังพัฒนา ส่วนผมก็ปรึกษาเรื่องงานกับหัวหน้าใหม่ยิ่งวันเขายิ่งกวนประสาทผมเหมือนอยากจะบีบผมยังไงก็ไม่รู้ แต่มันไม่ง่ายนักหรอก ผมทำงานที่นี่มาตั้งหลายปี มีแบกอัพอยู่พอสมควร ผมจะอยู่เป็นหนามตำใจไอ้หมอนั่นไม่ให้มันสมหวังหรอก

วันหยุดวันหนึ่ง ผมเดินลัดเลาะไปซูเปอร์มาเกต และร้านขายของชำ นึกอยากกินอะไรขึ้นมาก็ซื้อ ๆ ทิ้ง ๆ ไว้ว่างแล้วค่อยทำ และจู่ ๆ ผมก็คิดถึงข้าวเหนียวสังขยาขึ้นมาอย่างติดหมัด 

แต่ผมมูนข้าวเหนียวไม่เป็น เอาแต่สังขยาก็แล้วกันวะ อุปกรณ์ก็ไม่อยากเย็น ทำเป็นคัสตาร์ดไปก่อนเนอะกัสเนอะ

เมื่อถึงครัวเล็ก ๆ แต่ครบครัน จัดแจงตอกไข่ใส่ชามอ่าง ผสมน้ำตาลทรายตีจนละเอียดขึ้นฟอง จากนั้นก็เทนมสดลงผสม ถ้าจะให้ไฮโซก็ใส่วานิลลา แต่เรามันยากจน ก็ใส่กลิ่นวานิลลาขวด ๆ ไปก่อน เหยาะนิดหน่อยพอ เดี๋ยวจากหอมจะกลายเป็นเหม็นเสียฉิบ จากนั้นก็เทใส่ชามนำวางบนจานที่หล่อน้ำแล้วไปนึ่งในเตาอบ 

จริง ๆ ควรมีคาราเมลหรือน้ำตาลไหม้ตามสูตรนะ แต่ผมขี้เกียจทำที่สำคัญขี้เกียจล้าง ผมไม่จับเวลาละว่ามันกี่นาทีกะ ๆ เอาแต่มันก็สุกทั่วกัน เอามาผึ่งให้เย็น ใช้มีดบาง ๆ แสนคมกริบเซาะขอบแล้วเอาจานประกบ จากนั้นก็พลิกด้าน เจ้าคัสตาร์ดเนื้อเด้งดึ๋งก็จะทิ้งตัวลงมา ผมมีแยมส้มเหลือก็เอามาโปะตรงหน้า แยมส้มนี่มันเป็นฝรั่งเศสแท้ ๆ ทีเดียวผมพูดกับตัวเอง จัดจานให้สวย ๆ หน่อย เด็ดดอกเดซี่ที่ใส่แจกันเอามาวางประดับแล้วก็ถ่ายรูปเพื่ออัพรูปลงโซเชียล

"เข้าท่า" ผมชมตัวเอง ไม่ต้องรอให้ใครมาชมกันละที่โต๊ะกินอาหารตัวเล็ก ผมนั่งกินมันเงียบ ๆ คนเดียว ชักจะเหงา ผมก็เลยเปิดเพลงจากโทรศัพท์ เพลงรันตามเพลลิสต์ มีทั้งเพลงไทยเพลงสากล และเพลงฝรั่งเศสปนมั่วกันไปหมดแต่มันเพราะทุกเพลงนะเพราะผมเลือกเฉพาะเพลงโปรดของผมทั้งนั้น จนเพลลิสต์รันเพลง La via en rose จนได้ผมหลับตาฟังและค่อย ๆ แปลความหมายของมันอย่างแสนซาบซึ้ง

ครู่เดียวเท่านั้นแหละเฮียเกี๊ยวก็โทรมา คุยโน่นคุยนี่ และถามผมว่าคัสตาร์ดที่ผมทำอร่อยหรือเปล่า ผมเขินจนดึงดอกเดซี่ออกมาดมแล้วก็เขี่ยไปตามหน้าตัวเองด้วย ทำไปทำไมกันนะ เขินอย่างนั้นหรอ

"ไว้เจอกันทำให้เฮียกินด้วยนะ" เฮียเกี๊ยวพูดและผมก็พยักหน้ารับคำ จะทำไปทำไมวะไม่ได้วิดีโอคอลกันสักหน่อย

จนเมื่อวางสาย ผมก็เอานิ้วไล้ไปตามกลีบดอกเดซี่ที่ชูช่อสลอนในแจกันซึ่งทำจากขวดแยมเหลือ ๆ ผมไม่เคยซื้อดอกไม้ประดับห้องเลยสักครั้ง แต่ดูตอนนี้สิ อาทิตย์ละสองครั้งที่ผมจะแวะร้านดอกไม้และซื้อติดไม้ติดมือมาใส่แจกันขวดแยม ล่าสุดก็คือเจ้าช่อดอกเดซี่ที่มันอวดแข่งกันสลอนนี่ไง 

ผมรู้สึกว่าดอกไม้มันทำให้ชีวิตที่เหมือนเครื่องจักรของผมมีสีสันขึ้น สาเหตุที่ผมซื้อดอกไม้ติดห้องก็เพราะคืนนั้นหลังจากที่เรากลับจากดีฌง เมื่อเดินจากป้ายรถเมล์เพื่อกลับมาถึงหอพักของผม มีร้านขายดอกไม้เล็ก ๆ ซึ่งมีช่อดอกไม้สีสวยสารพัดสารพันอยู่มากมายเต็มไปหมด

"ดอกไม้สวยจัง ซื้อสักช่อไหม?" เฮียเกี๊ยวถามและไม่ได้ดูหน้าผมเลยแกรีบซื้อดอกไม้ที่ชูสลอนอยู่ตรงหน้าแล้วก็ยื่นให้ผม

"เฮียนี่มันดอกรักเร่" ผมร้องทัก คนไทยถือเสมอกับเรื่องชื่อเนี่ย รักเร่ก็เร่ร้างรัก ลั่นทมก็ว่าระทมอมทุกข์ ไหนจะพวกผลไม้ ทั้งระกำ พลับ มังคุด ละมุด พุทรา มะเฟืองมะไฟ น้อยหน่า มะตูม มะขวิด ลูกท้อ กระท้อน แต่ลองให้เอามาให้ผมกินน่ะหรอ พ่อจะล่อให้หมดไม่ยักกลัวชื่อของมัน

"ก็อย่าไปเรียกมันว่ารักเร่สิ เรียกมันว่าดาเลีย มันสวยออก เฮียว่าห้องกัสก็แต่งได้น่ารักแต่ขาดสีสันไปหน่อย" เฮียเกี๊ยวว่า และเมื่อถึงห้อง ผมก็มองหาแจกันแต่มันไม่มีเลยสักใบ เห็นขวดแยมที่หมดแล้วกำลังจะทิ้ง ผมก็เลยเอามันไปล้างแล้วก็จัดแจงจัดดอกดาเลียใส่จนเต็ม วงตรงโต๊ะกินข้าว เออแฮะ เข้าที มันทำให้ห้องของผมมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างประหลาด เหมือนกับเฮียเกี๊ยวที่เข้ามาในชีวิตของผมยังไงก็อย่างนั้นเลย

คืนก่อนที่เฮียเกี๊ยวจะกลับ ผมนั่งมองเฮียเกี๊ยวอยู่บนเตียงส่วนเฮียเกี๊ยวก็จัดแจงพับเสื้อผ้า และข้าวของเครื่องใช้เพื่อใส่กระเป๋าเดินทาง

"เฮียไม่มีของฝากคนที่โน่นบ้างหรอ?" ผมถามอย่างสงสัย ก็ตอนผมกลับเมืองไทยคราวก่อน หนึ่งกระเป๋าของผมเต็มไปด้วยของฝาก

"ไม่มีอ่ะก็เฮียเดินทางบ่อย ไม่รู้จะซื้ออะไร แล้วก็ที่สำคัญไม่รู้จะซื้อไปให้ใคร" 

"แฟนไง คนรักอะไรอย่างเนี้ย" ผมแซวแต่เฮียเกี๊ยวก็นิ่งไป เลือกจัดของปิดกระเป๋า แล้วเดินมานั่งที่ขอบเตียงข้าง ๆ ผม 

"กัส" เฮียเกี๊ยวเรียกผม พร้อมกับดึงมือของผมไปจับไว้ผมก็ได้แต่ถามเฮียด้วยสายตาว่าอะไรกันหนอ?

"เฮียอยากบอกกัส เพราะเฮียรู้ว่ากัสชักจะเบื่องาน แต่เฮียแค่ให้ข้อเสนอ ถ้ากัสหมดไฟกับการทำงานที่นี่ ก็มาทำงานกับเฮียนะ เฮียจะยกบริษัทของเฮียให้กันทั้งหมดเลย" เฮียเกี๊ยวบอกแล้วก็อมยิ้ม แต่ดวงตาของเฮียเกี๊ยวมองผมตรงเผง

"เฮียจะให้กัสทำไม?" ผมขมวดคิ้วแต่เมื่อมองหน้าเฮียผมก็ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ทำไมเฮียเกี๊ยวต้องมองผมจริงจังแบบนั้นกันนะ ผมก็เลยหันหน้าหนี

"มองเฮีย" เฮียเกี๊ยวพูดแล้วก็ใช้อีกมือดันใบหน้าของผมจนหันไปประสานสายตากับเฮีย หนีไม่ได้เสียแล้ว

"ก็เฮียอยากให้กัสดูแล กัสเป็นคนเก่งรู้ไหม อีกอย่างเฮียก็ทำงานโคตรเหนื่อย อยากให้มีคนไปดูแลแทนเฮีย ดูแลทั้งเรื่องงาน แล้วก็ดูแลชีวิตเฮียด้วยในฐานะ ...คู่ชีวิต" เฮียเกี๊ยวพูดและผมก็เหมือนโดนฟ้าผ่าอีกแล้ว เห้อกัสเอ๊ยกัส

กลับมาที่วินาทีตรงนี้ ผมยื่นจมูกดอมดมเจ้าดอกเดซี่ที่ตรงหน้า เหมือนยื่นจมูกไปหอมแกล้มใครสักคนที่อยู่แดนไกล กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมันหอมชื่นใจ เดซี่มาจาก Day หรือโยงไปจนถึงพระอาทิตย์ มันไม่เหมือนดอกทานตะวันเพราะเล็กกว่าแต่มันคงจะดีถ้ามีพระอาทิตย์ดวงเล็ก ๆ ที่ให้แสงสว่างแทนดวงเดียวที่ทำให้เราร้อนแทบตาย แต่ในบางทีก็หนาวเหน็บ จะดีแค่ไหนถ้ามีพระอาทิตย์ดวงเล็ก ๆ กระจายไปทั่ว ๆ ให้อากาศอบอุ่น น่าสบายอย่างวันนี้กันนะ ผมมองออกไปทางหน้าต่าง มองกลับเข้ามาในห้อง 

น่าใจหาย ข้าวของเครื่องใช้ของผมถูกจัดเก็บใส่กล่อง ได้ตั้งแปดใบ ผมสะสมอะไรตั้งมากมายขนาดนี้เชียวหรือ เดี๋ยวผมต้องส่งมันกลับไปที่เมืองไทย ที่บ้าน และเดือนหน้าผมถึงจะตามพวกมันกลับไป แต่การกลับไปครั้งนี้ ผมจะไปอยู่ที่นั่นอย่างถาวร ปารีสจะเป็นบ้านเก่า งานที่นี่จะเป็นงานที่รักที่ผมคิดถึงเสมอ รวมถึงผู้คน ถนนหนทางสกปรก ตึกรามบ้านช่องแสนสวย รูปปั้นที่เก่าคร่ำจนราขึ้นแต่ก็สวยมีเสน่ห์ ผู้คนเห็นแก่ตัว แต่บางคนก็จิตใจแสนน่ารัก อาหารแสนอร่อย ไปจนถึงบางเมนูที่แสนพิสดารผมจะไม่ลืมที่นี่เลย 

ที่สำคัญ เฮียเกี๊ยวรอกัสหน่อยนะ เดี๋ยวกัสก็จะไปหา ไม่ต้องใจร้อนมารับกัสล่ะ