ระหว่างอาหารจานนี้กับผม คุณอยากกินอะไรมากกว่ากัน
ชาย-ชาย,รัก,ตลก,ครอบครัว,ไทย,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Deliciousระหว่างอาหารจานนี้กับผม คุณอยากกินอะไรมากกว่ากัน
อาหารรสชาติแสนอร่อย โยงใยถึงเรื่องราวประทับใจทั้งความสุข ความหวัง ความเศร้า และความคิดถึง
โดย Chavaroj
หลังจากหม่ำมื้อเช้า แสนเอร็ดอร่อยเสร็จ มีของหวานล้างปากอีกนิดหน่อย นั่นก็คือ ขนมครก ซึ่งแม่ครัวซึ่งออกไปจ่ายตลาดตั้งแต่เช้ามืดซื้อติดมือมาด้วย เห็นว่าน่าจะเป็นเจ้าเก่าแก่ เพราะที่ผมเห็นขายตอนอยู่มหาวิทยาลัยมันไม่ได้เป็นทรงแบบนี้
ขนมครกสมัยใหม่ขอบแป้งจะเลอะ ๆ ใช้กรรไกรตัดให้เหลือขอบแป้งกรอบ ๆ แล้วเจ้าดัง ๆ ก็ประเดหน้าเสียเยอะแยะ ส่วนเจ้าโบราณแบบนี้ขอบของมันจะเรียบสนิท แป้งจะไม่กรอบ แต่นุ่ม ๆ ละมุนลิ้น กลิ่นกะทิกับต้นหอมซอย อันเป็นเอกลักษณ์กัดไปคำนึงนุ่มนิ่ม หวาน ๆ มัน ๆ และฌองก็กินอย่างเอร็ดอร่อย ผมแอบคิดนินทาในใจว่า ถ้าอีฝรั่งเห็นกระบวนการทำ ท่าทางคงนั่งถ่ายรูป ไม่ยอมลุก ดูเพลินไปเลย และอย่าไปบอกใคร ความฝันตอนเด็ก ๆ ของผมก็คืออยากจะเป็นแม่ค้าขายขนมครกนี่ล่ะ เพราะมันดูน่าสนุกดี และตอนไปเก็บค่าแผงที่ตลาด ผมก็มักจะไปนั่งช่วยแม่ค้าขายขนมครกอยู่บ่อย ๆ ช่วยขายมั่งช่วยแคะมั่ง สนุกจะตายไป
"อร่อยมาก ๆ" ฌองเอ่ยปากชม เอานิ้วโป้งกับนิ้วชี้จีบกันแตะที่ริมฝีปาก อันเป็นสัญลักษณ์ถึงความอร่อย
"ขนมครก" ผมบอกชื่อของมัน
"คาโน่มโคร๊กกกก" ฌองพยายามเอ่ยปากเรียกชื่อของมันตามผม ส่วนหลาน ๆ ของผมก็พากันหัวเราะกับสำเนียงแปร่ง ๆ ของฌอง ผู้ซึ่งพยายามจะหัดพูดหัดเรียกภาษาไทย และไม่ว่าไอ้พวกลิงพวกนี้จะบอกให้ฌองพูดอะไร พ่อก็พยายามพูดตามไปหมด เด็ก ๆ ก็เลยชอบใจขำกันใหญ่
หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ ผมคุยกับแม่ครัว และได้รับการไหว้วานให้ไปช่วยตัดมะพร้าวสักทลาย เพื่อจะได้เอามาทำขนมเลี้ยงในวันเกิดพ่อ และให้ดี ก็ตัดไอ้ต้นมะพร้าวที่มันขึ้นเอง อย่างไม่ตั้งใจ ต้นของมันตรงโคนใหญ่ประมาณต้นขา ยังไม่มีลำต้นสีน้ำตาล ๆ ซึ่งผมจะใช้ยอดของมันเพราะแม่ครัวได้รับโจทย์มาว่าให้ทำแกงเขียวหวานใส่ยอดมะพร้าว อันเป็นของขวัญวันเกิดให้พ่อ เพราะเป็นของโปรดของพ่อเลยเชียวล่ะ
"ไม่พอก็ไปซื้อเพิ่มที่ตลาด" ผมบอกกับแม่ครัวบอก และผมกับพวกหลาน ๆ ก็พากันถือมีดอีโต้เดินไปทางด้านหนึ่งของรีสอร์ต ซึ่งเดิมเป็นสวนเก่า จึงได้อานิสงส์คือมีผลไม้ซึ่งปลูกไว้แต่ดั้งเดิม แน่ละ ต้องมีฝรั่งเป็นลูกคู่ และไอ้ตัวเล็กก็โดนอุ้มขึ้นไปขี่คอ ร้องกรี๊ดกร๊าดอย่างน่าสนุก
"เดี๋ยวอาจะตัดต้นมะพร้าว ส่วนมึงกับน้องไปช่วยกันเก็บมะพร้าวเอามาสักสองทลาย เดี๋ยวอาเลือกให้เอง" ผมบอก
"น้าหมึกปอกมะพร้าวให้พวกหนูกินด้วยนะ อยากกินน้ำมะพร้าวหวาน ๆ" ไอ้ตัวเล็กอ้อน
"เออ" ผมรับคำ และปล่อยให้หลานคนโตรับหน้าที่ไปเก็บมะพร้าวไป ต้นมะพร้าวสูง แต่ให้สูงแค่ไหน แต่หลานของผมมันก็ซนจนสามารถปีนขึ้นไปเก็บจนได้ ส่วนตาฝรั่งก็คอยให้กำลังใจไปเท่านั้น ตัวอย่างกะตึก ขืนลองปีนขึ้นไป เนื้อตัวถูกับต้นมะพร้าวได้หนังลอกแน่ ๆ
จะดูถูกไอ้มะพร้าวที่ผมกำลังตัดต้นนี้ไม่ได้เชียว เห็นต้นมันเล็ก ๆ อย่างนี้แต่ก็ตัดยากเอาเรื่องอยู่ ผมใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่ ๆ จนในที่สุดก็ทำได้สำเร็จ เมื่อตัดต้นมันเสร็จก็ต้องลอกทางมะพร้าวยาว ๆ ตัดจนเหลือแต่ยอดอ่อน ๆ ของมัน
"กินมั๊ย?" ผมถามหลาน ๆ และตัดส่วนยอดอันเป็นใบอ่อน ๆ ของมันให้หลาน ๆ แบ่งเอาไปกิน แน่ละฌองก็ลองกินด้วยและทำตาเหลือก พร้อมกับพวกเด็ก ๆ ว่า "อ๊าโหร่ยมาก ๆ"
มะพร้าวที่ผมเลือกนั้น ทะลายหนึ่งเป็นมะพร้าวอ่อน ๆ เดี๋ยวจะปอกกินมันตรงนี้นี่ล่ะ ส่วนอีกทลายเลือกเอากลางอ่อนกลางแก่ เพราะจะแงะเนื้อของมันเอาไปใส่ขนมบัวลอย เมื่อหลานของผมลากมะพร้าวลงมาได้ถึงสามทลาย ไอ้อย่างนี้มันเกินคำสั่ง ผมกับหลานคนโตก็มีหน้าที่ปอกมะพร้าวกันอย่างแข็งขัน แน่นอนไอ้ตัวเล็กได้กินก่อน เพราะความเป็นเด็ก จนท้ายที่สุด ฌองถึงได้กิน และฌองก็แสดงฝีมือ สานใบมะพร้าวเป็นหมวกให้เด็ก ๆ ใส่กัน ส่วนผมสานเป็นปลาตะเพียนเบี้ยว ๆ ได้สองสามตัว
"แบ่งกันกินสิ" ฌองพูดและยื่นมะพร้าวมาให้ผม
"กินก่อนเลย" ผมบอกฌองเขาก็กินแค่นิดหน่อย แล้วยื่นมาให้ผม ผมจะตัดรำคาญก็เลยจิบสองอึกแล้วก็ให้ฌองกินให้หมด
มะพร้าวบ้านผมมันไม่หวานเท่ามะพร้าวน้ำหอมที่สามพรานอย่างที่เขาเล่าลือกัน อันนี้ผมเดาเพราะก็ไม่เคยกินของจริงเหมือนกัน แต่น้ำของมันก็ไม่ได้หวานจัด แต่อาจเพราะความเหนื่อยบวกกับแสงแดดแรง ๆ น้ำอะไรก็ดูจะทำให้ชื่นใจทั้งนั้น จากนั้นก็ใช้ฝีมือฟันลูกมะพร้าวจนแยกเป็นสองซีก แล้วก็ใช้มีดคม ๆ เฉือนเปลือกมะพร้าวอ่อน ๆ นั่นแหละ เฉือนให้บาง ๆ ใช้ต่างช้อนขูดกินเนื้อมะพร้าวอ่อน ๆ ชื่นใจนัก แน่นอนอีกแล้วว่าฝรั่งกินแล้วยิ้มจนตาปิด
ได้มะพร้าวทะลายหนึ่งกับยอดมะพร้าวตามที่ต้องการ พวกเราก็พากันกลับโรงครัว โดยฌองมีหน้าที่แบกทลายมะพร้าวกลับมาด้วย ท่าทางคงหนักเหมือนกัน เพราะเมื่อถึงโรงครัว ฌองเหงื่อแตกซกจนเสื้อเปียก
"ไปอาบน้ำสิ" ผมเอ่ยปากทัก แต่ฌองก็กระซิบกระซาบกับพวกเด็ก ๆ แล้วก็พากันวิ่งหนีหายไปเล่นน้ำทะเลกันซะแล้ว นี่มันเด็กฝรั่งตัวโต ๆ ชัด ๆ แต่จะว่าไป ฌองก็เข้ากับเด็ก ๆ ได้ดีจนผมแปลกใจ นี่ขนาดพูดกันไม่รู้เรื่องนะ ถ้าพูดกันรู้เรื่อง จะขนาดไหน ไอ้หลาน ๆ ของผมก็คงเห็นว่าฌองเป็นของแปลก เลยสนุกที่จะเล่นด้วยและฌองก็ซื่อยอมให้เด็ก ๆ แกล้ง ผมได้แต่มองตามและปรึกษาแม่ครัวไปพลาง ๆ เรื่องงานพรุ่งนี้
จริง ๆ งานเลี้ยงวันเกิดพ่อของผมก็ไม่ได้จัดใหญ่โต เพราะพ่อคงจัดงานใหญ่ที่บ้านอีกรอบ เนื่องจากแขกของพ่อน่ะมีเยอะแยะทั้งพวกนักการเมืองท้องถิ่น และพวกผู้หลักผู้ใหญ่หลายคน แต่พ่ออยากจะมาเที่ยวรีสอร์ต และทำบุญให้เป็นสิริมงคลด้วยกระมัง ที่สำคัญ คงอยากมาดูให้เห็นกับตาว่าเงินหลายสิบล้านที่ลงทุนให้ผมเปิดรีสอร์ตนี่จะไปรอดไหม
ฌองเล่นกับเด็ก ๆ ได้ทั้งวัน ตัวแห้งสลับตัวเปียกอย่างไม่กลัวจะป่วยไข้ แต่ผมก็จนกับเหตุผลที่ฌองเคยบอกไว้ เขาว่าบ้านเขาไม่มีแดดให้เล่นแบบนี้ แถมทะเลก็ไม่ได้ใสและอากาศก็เย็นจัด ใครจะบ้าไปเล่นน้ำเย็น ๆ กันเล่า พอมาเมืองไทย เจอหาดทราย อากาศร้อน ๆ ไม่หนาวเสียดกระดูกเหมือนที่เยอรมัน พ่อก็เลยออกอาการอย่างที่เห็นนี่ล่ะ จะว่าไปผมว่าฌองก็ดำกว่าวันแรกที่เจออยู่เยอะเหมือนกัน แต่นั่นมันยิ่งทำให้อีตาฝรั่งนี่หล่อขึ้นเป็นกอง ผมน่ะได้แต่แอบดู และสารภาพตามตรงว่า เวลาคุยกันผมไม่เคยกล้าบอกหน้าของฌองเลย แต่จะเสมองหูหรือไหล่ของเขามากกว่า ตาของฌองมันแปลก มันเหมือนจะบอกอะไรได้ทั้งหมดและมีอำนาจดึงดูดแปลกประหลาดจนผมไม่กล้ามองตาของเขาตรง ๆ และผมก็คิดว่าถ้าผมมองเข้าไปในดวงตาของเขา ผมคงใจสั่น
เอาล่ะ คิดอะไรเพ้อเจ้อได้แค่ชั่วครู่ แต่งานของผมยังมีอีกพะเรอเกวียน ไหนจะต้องไปนิมนต์พระ เตรียมสถานที่ให้เรียบร้อย แต่ในเมื่อไม่ใช่มีแค่ผมคนเดียว คนงานของเราขยันขันแข็ง แน่ละ ทุกคนรู้ดีว่า งานนี้พ่อมาเอง ยังไงก็ต้องได้รางวัล เพียงแต่จะเล็กหรือจะใหญ่ก็แค่นั้น เพราะพ่อน่ะมักจะชอบแจกโน่นแจกนี่ เหนาะ ๆ งานนี้ผมว่าคนงานน่าจะได้คนละห้าร้อยถึงหนึ่งพัน ส่วนป้าแม่ครัว ผมว่าน่าจะได้เงินพิเศษอย่างต่ำน่าจะสองหรือสามพัน แต่ถ้าแกงเขียวหวานใส่ยอดมะพร้าวด้วยล่ะก็ รับประกันว่าไม่มีขาดทุนเสียละ ส่วนผมในฐานะลูก อดจ๊ะ น่าแปลก กับคนอื่นล่ะพ่อให้เก๊งเก่ง แต่กับอีหมึกล่ะ ไม่ให้เลยสักบาทแฮะ แต่ผมก็ไม่กล้าทวงพ่อหรอกนะ ยิ่งทวงยิ่งไม่ได้ ต้องทำเหมือนไม่ค่อยอยากได้ หรือยิ่งปฏิเสธล่ะยิ่งดี เพราะพ่อชอบเอาชนะ มึงไม่เอาแต่กูจะให้มึงจะทำไม เอากับพ่อสิ
พ่อมาถึงพร้อมกับแม่ละพี่สาวคนที่สามของผมในตอนเย็น แน่ล่ะ ไอ้พวกลิงลากฌองให้ไปรู้จักกับพ่อและแม่ พ่อในฐานะศิษย์เก่าโรงเรียนคริสต์ชื่อดัง ก็สามารถจะพูดคุยสื่อสารกับฌองได้อย่างไม่มีเก้อเขิน พ่อของผมน่ะธรรมดาที่ไหน
ฌองโดนซักประวัติเสียละเอียดยิบราวกับจะรับเข้าทำงาน แต่เจ้าตัวก็ตอบไปยิ้มไป แต่เมื่อถึงคราวฌองถามกลับอีทีนี้พ่อก็คงจะเริ่มปวดหัว ก็เลยหาเรื่องไปเดินตรวจตรารีสอร์ตแทน โดยให้ผมเป็นผู้บรรยาย พ่อจะซักถามโน่นถามนี่ และเอ่ยปากชมว่ารีสอร์ตทำได้สวยถูกใจ พ่อไม่ใช่คนจะชมอะไรง่าย ๆ ขนาดไปเที่ยวฝรั่งเศส พ่อยังบ่น ผมยังจำได้ผมน่ะไม่มีปัญญาไปกับเขาหรอก แต่พ่อน่ะไปได้เพราะแกรวย แกว่าอยากพาแม่ไปฮันนีมูน ผมก็เลยต้องรบกวนอีกัส ให้มันโดดเรียนเพื่อมารับบทไกด์ เห็นอีกัสว่าพ่อให้เงินขวัญถุงอีกัสตั้งสองหมื่น แต่นั่นน่ะมันหลายปีดีดักแล้ว
และเช้าตรู่วันงาน โรงครัวของเราคึกคัก เพราะแม่ก็ลงมาช่วยในครัวด้วย ซึ่งก็ช่วยงานได้แค่เล็ก ๆ น้อย ๆ มานั่งคุมเสียละมากกว่า แต่หน้าที่หลักของแม่คือเป็นผู้ชิม เพราะแม่รู้ใจพ่อว่าพ่อน่ะชอบรสเปรี้ยวหวานเค็มมันอย่างไร แม่ครัวทำกับข้าวเสร็จแล้วก็ต้องให้แม่ชิมเป็นคนตรวจงานคนสุดท้าย กับข้าวนั้นทำถึงเก้าอย่างเพื่อถวายพระ แต่ขนมจีนแกงเขียวหวานไก่ใส่ยอดมะพร้าวนั้นแยกต่างหากสำหรับพวกเรา แต่ถ้าหลวงพ่อหลวงอาอยากกินก็จัดเสริมให้ท่านได้เพราะใช้หม้อแขกใบใหญ่ชนิดไอ้หลานคนเล็กของผมลงไปนอนเล่นได้สบาย ๆ
ฌองคงปวดเนื้อปวดตัวและตื่นมาร่วมงานเอาช่วงสาย ๆ คงมีใครบอกให้แต่งตัวดี ๆ พ่อก็เลยใส่กางเกงแสลคกับเสื้อผ้าฝ้ายที่ดูท่าพ่อคงจะถูกหลอกให้ซื้อตอนไปเที่ยวเชียงใหม่แน่ ๆ แต่เอาเถอะ มันก็ดูสุภาพดีนั่นแหละ
ก่อนเพลพระถูกนิมนต์มาเก้ารูป พิธีทางศาสนาดำเนินไปได้อย่างราบรื่น พี่ ๆ ของผมรวมถึง เขยและสะใภ้มากันครบ ไอ้พวกลิง ๆ เลยต้องเรียบร้อยกว่าปกตินิดหน่อย แต่ไอ้ตัวเล็กอ้อนเก่งถือว่าเป็นหลานคนเล็ก คลานไปนั่งตักพ่อของผมเลยทีเดียวเชียว
จนพระฉันเพลเสร็จ คราวนี้ก็ถูกนิมนต์ให้ไปเจิมและรดน้ำมนต์เพื่อให้เกิดสิริมงคลแก่ที่พักแห่งนี้ จนเมื่อเสร็จงานพ่อก็ไม่ได้อยู่รั้ง แต่ต้องรีบไปทำธุระต่อ เพราะพ่อกับแม่น่ะงานยุ่ง รวมถึงพี่ ๆ ของผมด้วย เหลือแค่พี่สาวคนก่อนหน้าผมที่แกว่าจะอยู่ค้างด้วยสักคืน พรุ่งนี้ถึงจะกลับพร้อมกับพวกลิงทั้งหมด
ผมกับพี่สาวคนนี้ถ้าเทียบกับพี่ ๆ คนอื่นก็น่าจะสนิทกันที่สุดเพราะเกิดห่างกันแค่สองปี เรียกว่าโตมาด้วยกัน รักกันที่สุดแต่ก็ทะเลาะกันมากที่สุด และไอ้หลานตัวเล็กของผมก็คือลูกของหล่อนนี่ล่ะ ทั้งแสบทั้งซน
"อีหมึก ฌองมันหล่อว่ะ มึงไม่จีบมันเรอะ?" พี่สาวของผมกระซิบกระซาบนินทา
"บ้า จีบเจิบอะไร เดี๋ยวเขาก็กลับบ้านเขาแล้ว แล้วมึงดูสภาพกูด้วย" ผมพูดไปค้อนไป ชอบนักเชียวไอ้เรื่องจับคู่ ไอ้เรื่องอยากให้ผมมีแฟนเนี่ย
"มึงมันสเปคฝรั่ง เชื่อกูสิ กูว่าอีฌองมันมองมึงแปลก ๆ เหมือนผัวกูตอนจีบกูใหม่ ๆ ของอย่างนี้คนนอกดูออก" พี่สาวของผมใส่ไฟต่อ
"กูไม่เอ๊า กูไม่ชอบฝรั่ง คุยไม่รู้เรื่อง" ผมทะเลาะกับมันด้วยการกระซิบกระซาบไปมาเพราะฌองนั่งห่างไปแค่สองสามเมตร
"เรื่องอย่างนี้มันต้องคุยกันเยอะที่ไหน มันใช้ภาษาร่างกายโว้ย"
"อยากเอาก็เอาเองสิ" ผมบอกให้พี่สาวอย่างหมั่นไส้
"ถ้าไม่ติดพ่อของไอ้ตัวเล็กนี่กูก็เอาไปแล่ว มันหล่อนะมึ๊ง ล่ำก็ล่ำ แล้วดูตอนมันยิ้มสิ ฟันขาวจั๊ว แล้วตาหวานอย่างกะวิลลี่ แมคอินทอช" พี่สาวของผมพูดถึงดาราที่แม้ตอนนี้จะกลางคนแล้วแต่ก็ยังหล่อระเบิด สมัยเด็ก ๆ เล็ก ๆ ผมดูละครของพี่วิลลี่ตอนนั้นต้องยอมรับว่าแกหล่อจริง ๆ ฌองไม่หล่อขนาดนั้นหรอก แต่ก็ถือว่าดูดีแหละ
จนถึงตอนเย็น ๆ พี่สาวของผมกับพวกหลาน ๆ ก็ชวนกันไปเล่นน้ำทะเลอีก แต่คราวนี้ผมโดนลากไปเล่นน้ำด้วย ห่วงยางใบใหญ่ ๆ ลอยเท้งเต้งโดยมีผมนอนหย่อนตูดอยู่ในนั้น โล่งอกไปทีที่พ่อไม่ได้บ่นอะไรสักนิด แม่ครัวได้ทิปตั้งห้าพัน ส่วนพนักงานได้ทิปคนละพันห้า แสดงว่าพ่ออารมณ์ดีและค่อนข้างถูกใจ แต่ฌองนี่จะรู้ไหมนะ ว่าไอ้ที่ห้อยที่คอน่ะ มันคืออะไร และมูลค่าเท่าไร
พ่อคงชอบใจฌอง ถึงกับแกะพระเครื่องที่คอให้กับอีตาฝรั่งนั่นทีเดียว ถึงจะไม่ใช่องค์โปรดซึ่งมูลค่าเป็นราคาหลาย ๆ ล้าน แต่ผมว่าก็ไม่ใช่พระธรรมดา ๆ เพราะระดับพ่อของผมน่ะ ไม่มีเสียหรอกจะแขวนพระพื้น ๆ ฌองแขวนพระองค์นั้นกับสร้อยที่ทำจากหนังถัก ผมต้องคอยกำชับให้รักษาดี ๆ เพราะเป็นของมีค่า
"อย่าให้หายเชียวนา พ่อโกรธแย่เลย" ผมบอกกับฌอง เมื่อเราสองคนหย่อนตัวในห่วงยางและอยู่ข้าง ๆ กัน
"ผมอยากมีพ่อแบบคุณจัง ท่านดูใจดี" ฌองพูดแล้วก็ยิ้มกว้าง
"พ่อดุจะตาย" ผมแย้ง
"เป็นพ่อลูกกันจริง ๆ ไม่ได้ก็เป็นพ่อตาได้นะ" อีนังพี่สาวของผมแทรกจนผมหน้าแดง ส่วนฌองเอาแต่ถามว่าพี่สาวของผมพูดว่าอะไร
"อย่าไปฟัง พี่สาวของผมพูดไร้สาระน่า" ผมขัดแต่ฌองก็ยังจะซักพี่สาวของผมอีก
"จริงด้วยสินะ" ฌองพูดและหันมายิ้มให้ผม ผมไม่ชอบได้สีหน้าสีตากับรอยยิ้มแบบนี้เลยแฮะ มันทำให้ผมใจสั่นแล้วก็รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรหนัก ๆ ติดอยู่ที่คอชอบกล
คืนนั้นพี่สาวของผมนอนกับลูก ๆ หลาน ๆ ผมก็เลยมานอนด้วย เพราะไม่ได้นอนคุยกันอย่างนี้หลายปีแล้ว เราคุยกันถึงเรื่องตอนเราเด็ก ๆ และหลาน ๆ ก็ฟังกันตาแป๋ว จนย่างเข้าสี่ทุ่มนั่นล่ะ ถึงปิดไฟนอนกัน อันเป็นเวลาเคอร์ฟิลของเด็ก ๆ ผมนอนหลับไปได้สักพักก็เกิดปวดฉี่ แต่ที่เยี่ยมยอดไปกว่านั้น ไอ้ตัวแสบที่นอนติดกับผม เสือกเยี่ยวรดที่นอน ทำให้วุ่นวายต้องลุกมาล้างเนื้อล้างตัว ผมเลยต้องจะต้องกลับไปอาบน้ำแล้วคิดจะนอนที่ห้องนอนของตัวเองเสียเลย
แต่เมื่อเดินผ่านเรือนที่ฌองพัก ไฟยังเปิดสว่างอยู่ ฌองนั่งหน้าโน๊ตบุ๊ค ตรงหน้าระเบียง พอเห็นผมเดินผ่านเจ้าตัวก็ยิ้มและโบกมือให้
"ยังไม่นอนอีกหรือ?" ผมถามและขยับไปยืนคุยกับเขาที่หน้าเรือนพัก
"ผมกำลังนึกถึงเรื่องทำงานเมื่อเช้า มันสนุกดีและเป็นประเพณีที่สวยงาม อ้อ ผมชอบอาหารที่ทำจากมะพร้าวด้วยนะ แกงเขียวหวานใส่กะทิ อร่อยมาก มันอร่อยกว่ากะทิกล่อง ๆ ที่ผมเคยกินตอนอยู่ต่างประเทศ ยอดมะพร้าวก็อร่อย หวาน ๆ มัน ๆ จนผมบรรยายไม่ถูก และขนมอะไรนะที่ใส่เนื้อมะพร้าวด้วยผมว่ามันสุดยอดไปเลย" ฌองคุยจ้อ
"ขนมบัวลอย" ผมตอบและแน่ละ ฌองพยายามออกเสียง คา โน้ม บัว หล๋อย จนผมต้องออกเสียงนำอยู่สองสามที
"คุณจะไปไหน เมื่อหัวค่ำผมเห็นคุณนอนกับหลาน ๆ และพี่สาวแล้วนี่?" ฌองหันมาถามผมอีก
"จะกลับไปนอนที่ห้องของตัวเอง เพราะหลานของผมฉี่รดที่นอนน่ะ ดูสิ เหม็นฉี่หึ่งเลย" ผมบอกและยื่นตัวไปให้ฌองดมใกล้ ๆ
"โอ๊ว" ฌองร้องอุทานและโบกมือไล่ให้ผมไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอน
"กู๊ดไนท์นะ" ผมบอกเขาเมื่อจะเดินจากไป
"กู๊ดไนท์" ฌองบอกและยืนมองจนผมเดินหายลับตา จนผมจะกลับเข้าเรือนพักของตัวเองฌองก็ยังยืนมองผมอยู่ จะมองทำไมกันนะ บ้าจริง
เช้าวันรุ่งขึ้น แน่นอนว่ามันวุ่นวาย แต่มันก็จะอีกครู่เดียวเพราะหลังจากมื้ออาหารนี้จบ พี่สาวของผมและพวกลิงก็จะกลับเข้าไปในตัวเมืองกันหมดแล้ว คราวนี้ล่ะ เงียบจนน่าใจหายเลยเชียว ลูกค้าที่จองห้องพักไว้ก็จะมาในวันพรุ่งนี้ วันนี้จึงมีห้องพักเหลืออยู่แค่ห้องเดียว ซึ่งก็เป็นคุณลุงคุณป้า ท่าทางชอบอยู่เงียบ ๆ แค่คู่เดียว
"เหงาไหม?" ผมถามฌอง หลังจากที่พวกเด็ก ๆ กลับไปแล้ว
"เหงานิดหน่อยครับ แต่ผมจะอาศัยจังหวะนี้ทำงานให้เสร็จสักที จะได้มีสมาธิ" ฌองตอบและผมก็ยิ้มให้กำลังใจเขา ฌองมักจะนั่งขลุกอยู่หน้าโน๊ตบุ๊คนาน ๆ และเมื่อเบื่อหรือเมื่อยก็จะเดินไปเดินมา หรือไปเล่นน้ำทะเลเพียงลำพัง ส่วนผมก็ทำงานของผมไปตามเรื่อง
วันรุ่งขึ้นลูกค้าเข้าพักเป็นที่เรียบร้อย เลยทำเอาผมเหนื่อยนิดหน่อย เพราะต้องคอยจัดแจงให้สมบูรณ์ทุกอย่าง แขกกลุ่มนี้มาด้วยกันสิบกว่าคน เห็นว่าเป็นเพื่อน ๆ สมัยเรียนด้วยกัน และถือโอกาสมาเที่ยวเพื่อรำลึกถึงความหลัง ผมได้แต่มองเขาห่าง ๆ พลางคิดถึงเรื่องราวในวัยเรียนของตัวเองบ้าง เขาน่าจะแก่กว่าผมสักปีสองปี แต่ผมก็จะไม่เข้าไปวุ่นวายกับแขกหรอก ต้องรักษาระยะห่างไว้พอสมควร
คืนนั้นผมนอนไม่หลับเพราะกลุ่มแขกที่กินเหล้าและคุยกันเสียงดัง ผมก็เลยหนีไปเดินเล่นที่ริมชายหาด วันนี้ลมดีชะมัด เย็นจนผมสะท้านนิด ๆ แต่มันก็ทำให้สดชื่นและสบายใจอย่างประหลาด ท้องฟ้าไม่มีเมฆเลย พระจันทร์เหลือเพียงเสี้ยวเล็ก ๆ และนั่นก็เลยทำให้ดวงดาวออกมาเที่ยวเล่นกันจนเต็มท้องฟ้า
"ทำไมออกมาอยู่ตรงนี้" ผมพูดทักเมื่อเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ที่นั่งอยู่ริมชายหาดก่อนหน้าผม ไม่ใช่ใครที่ไหน อีตาฌองเจ้าเก่านั่นเอง
"ผมอยากมานั่งดูดาว" ฌองตอบและทิ้งตัวลงนอนตรงผืนทรายแห้ง ๆ
"วันนี้ดาวเยอะจัง" ผมเปรยและทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ เขา ตาที่มองท้องฟ้า มีแสงดาวดวงน้อยกะพริบลานตา เวิ้งฟ้ากว้างจนเรามองได้ไม่เบื่อเลยสักนิดเดียว
ปราศจากเสียงพูดคุยของผมกับฌอง เรามองดูดาวกันจนอิ่ม และผมก็รู้สักตัวว่าเสียงหัวใจของผมมันเต้นดังชะมัด ผมแอบลองมองเขาด้วยหางตาแต่ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า ผมว่าฌองก็แอบลอบมองผมอยู่เหมือนกัน
พอเห็นผมลุกขึ้นมานั่งฌองก็ขยับเปลี่ยนท่าเป็นนั่งเหมือนกัน คราวนี้สายตาของเราจ้องไปยังปลายผืนท้องทะเล เรือไดหมึกทำหน้าที่ของมันจนเห็นเป็นแสงสีอ่อน ๆ อยู่ไกล ๆ บนผืนน้ำ
"ตอนเด็ก ๆ ผมอยากเป็นชาวประมง" ฌองพูดเหมือนฝัน
"ตอนเด็ก ๆ ผมอยากเป็นแม่ค้าขนมครก" ผมตอบบ้าง เอาละสิ คราวนี้อีฌองซักผมใหญ่ว่า ขนมครกนี่มันดียังไง
"พรุ่งนี้จะพาไปดูก็แล้วกัน ตื่นแต่เช้ามืดไหวไหมล่ะ?" ผมถามและฌองก็พยักหน้ารับ เรานั่งมองความเวิ้งว้างด้วยกันเนิ่นนาน และนาน ๆ จะมีใครหลุดปากเอ่ยพูดอะไรออกมา แต่จนผมมั่นใจว่าเสียงดังน่ารำคาญของพวกแขกที่พักเงียบไปแล้ว ผมก็ชวนฌองกลับไปนอนพักดีกว่า
"อากาศยังเย็นสบายน่านั่งอยู่เลย" ฌองพูดเหมือนไม่อยากจากไปไหน
"ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้า เดี๋ยวผมจะพาคุณไปเที่ยวตลาดไง" ผมพูดแค่นั้นแหละ ฌองก็รีบลุกทันทีทันใด คราวนี้ระหว่างทางที่เราเดินกลับฌองก็เอาแต่ถามว่า ตลาดนั้นมีอะไรขายบ้าง
ผมและฌองหยุดยืนที่หน้าห้องพักของผม ผมหันตัวกลับไปมองเขา พยายามที่จะไม่สบตา แต่มันทำไม่ได้ เพราะตอนนี้ฌองก็เอาแต่จ้องหน้าผมเหมือนกับมีอะไรประหลาดงอกอยู่บนหน้าของผมอย่างนั้นแหละ
"กู๊ดไนท์" ผมบอกและอมยิ้ม
"กู๊ดไนท์ขรับ" ฌองพูดเสียงแปร่ง แต่ด้วยความเร็วของปีศาจ อีฝรั่งบ้าก็ขยับตัวมายืนตรงหน้าผม พูดแล้วก็ไม่พูดเปล่า เสือกยื่นปากมาจุ๊บที่แก้มของผมเบา ๆ เสียด้วย ผมตัวแข็งเหมือนโดนไฟช็อต และฌองก็รีบก้าวเท้าหนี เดินไปได้สองก้าวอีฝรั่งนั่นก็เปลี่ยนเป็นวิ่งจู๊ดกลับห้องพักของตัวเองทันที ส่วนผมพอตั้งสติได้ ก็ยิ้มเสียจนหน้าบานเป็นจานข้าวหมาเสียแล้ว ตายละคืนนี้อีหมึกจะนอนหลับกับเขาไหมเนี่ย