ระหว่างอาหารจานนี้กับผม คุณอยากกินอะไรมากกว่ากัน
ชาย-ชาย,รัก,ตลก,ครอบครัว,ไทย,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Deliciousระหว่างอาหารจานนี้กับผม คุณอยากกินอะไรมากกว่ากัน
อาหารรสชาติแสนอร่อย โยงใยถึงเรื่องราวประทับใจทั้งความสุข ความหวัง ความเศร้า และความคิดถึง
โดย Chavaroj
สายจนแดดแยงตาหันไปมองนาฬิกาที่ข้างฝาก็บอกเวลาแปดโมงเช้าซะแล้ว ก็เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปตีสอง นอนหกชั่วโมงก็เหลือแหล่ ผมก็เลยบิดตัวเพื่อขับไล่ความง่วงเหงา ใช้มือตบแก้มตัวเองเบา ๆ สองสามที แล้วก็ฮึดขึ้นมานั่งที่ข้างเตียง หันไปมองที่นอนข้าง ๆ ก็เห็นว่าว่างเปล่า ก็เลยพับผ้าห่มของตัวเองให้เข้าที่ แล้วก็ลุกไปล้างหน้าล้างตาแล้วจึงเดินไปล็อบบี้ของรีสอร์ต ซึ่งติดกับโซนห้องอาหาร
"ตื่นแล้วเหรอมึง?" เสียงใสทักทาย และเมื่อผมทิ้งตัวลงไปนั่ง อีกัสเพื่อนรักก็เอ่ยปากชมว่ากาแฟของที่นี่หอม และรสชาติดี
"ใช้สายพันธุ์จากดอยแม่อะไรสักแม่นึงเลยนะมึง" ผมโอ้อวด
"กับข้าวเช้าอร่อย" เสียงอีน้าพูดตาม
"อร่อยก็กินเยอะ ๆ ว่าแต่ผัวของพวกมึงล่ะ?" ผมถามและยื่นหน้าหันมองซ้ายมองขวา
"เฮียเกี๊ยวกำลังตามมา ส่วนเฮียกุ๊กไปเดินเล่นที่ชายหาดกับหลาน ๆ โน่นไงเดินมากันแล้วนั่น" อีกัสบอกและผมก็ยิ้มให้เพื่อนรักทั้งสองคน เดินไปตักข้าวต้มแสนอร่อยมานั่งโซ้ยด้วยกัน
ก็วันพรุ่งนี้มันตรงกับวันเกิดของผม เพื่อน ๆ ก็เลยถือโอกาสมาถล่ม...เอ่อ ...มาแสดงความยินดี และมาพบเจอกันเพราะนาน ๆ จะหาเวลาว่างได้ตรงกันอย่างนี้ มาก็ไม่มาตัวเปล่า เอาผัวและหลาน ๆ มากันซะด้วย ซึ่งก็ดีสนุกดี ผมคิดเอาไว้อย่างนั้น
"น้าหมึกขา ที่นี่สวยจัง หนูชอบที่นี่จังเลยค่ะ" นั่นไง หลานสาวของอีกัสกับอีน้าเจื้อยแจ้วมาประจบ ส่วนเจ้าหลานชายกลัวน้อยหน้าก็ตะโกนเร่า ๆ ว่า "ผมก็ชอบเหมือนกัน"
"ชอบก็มาบ่อย ๆ สิลูก ไป ๆ หิวกันหรือยัง ไปตักข้าวต้มมากิน ข้าวต้มของน้าหมึกอร่อยนะลูก" ผมไล่เด็กแฝดให้ไปตักข้าวต้มซึ่งอีน้าก็เดินจูงหลานไปด้วยกัน เฮียกุ๊กพี่ชายอีกัสผัวอีน้า พยักพเยิดหน้าให้ผมแล้วก็เดินไปตักข้าวต้มกับหลาน ๆ แล้วก็เอามานั่งกินที่โต๊ะยาวด้วยกัน
"เฮียรีบมาได้แล้ว กัสตักข้าวต้มให้เฮียแล้วจะเย็นหมดแล้วเนี่ย" เสียงอีกัสบ่นผัว ซึ่งเฮียเกี๊ยวเมื่อได้ยินเสียงเมียรักเรียกแบบนี้ ก็รีบสาวเท้ามานั่งข้าง ๆ ก็เป็นอันว่าครบองค์ประชุมเสียที....
"ผัวมึงล่ะ?" กัสมันถามผมก็เลยทำเบ้ปาก
"ผัวเผอมีที่ไหน โสดค่ะ" ผมบอกกับมันจนทั้งอีกัสทั้งอีน้า เบ้ปากใส่ผม
"สาธุใครพูดอะไรไว้ก็ขอให้เป็นไปตามปากนะ" อีน้าพูดจนผมขยับตัวมานั่งหลังตรง
"มันออกไปตั้งแต่เช้ามืดโน่น ไปผสมเกสงเกสรอะไรลูกมันโน่นแหละ เดี๋ยวก็คงมา" ผมบอกและพยายามจะไม่ใส่ใจ ก็มันเป็นอย่างนี้มาเนิ่นนานจนผมชินเสียแล้วนี่นะ นานจนหลานแฝดทั้งสองคนเข้าเรียนชั้นประถมสองจะขึ้นประถมสามเข้าไปแล้วเนี่ย
"เออหมึก ไว้พาเฮียไปเที่ยวสวนกล้วยไม้ของฌองบ้างสิ เห็นว่ามีแต่กล้วยไม้สวย ๆ ไม่ใช่หรือ?" เฮียเกี๊ยวพูดขึ้นมาบ้าง
"หมึกก็ไม่ค่อยรู้หรอกเฮีย วัน ๆ เห็นมันขลุกแต่ที่สวนนั่นแหละ ไว้เถอะ แม่จะแอบเอายาฆ่าหญ้าไปราดให้หมดเลย" ผมชักจะพื้นเสีย พูดถึงผัวแล้วก็อารมณ์บ่จอย
"อย่าไปทำอย่างนั้นนา กล้วยไม้เขาต้นละตั้งเท่าไร เอาน่า คนเรารักชอบอะไรก็จะทุ่มเทอย่างนั้นแหละ" เฮียกุ๊กพูดแทรกมาบ้าง ผมเลยค้อนให้สักที เกลียดนักเชียวคนเข้าข้างอีฌองเนี่ย
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา เสียงอีแก่มอเตอร์ไซค์คันเก่าที่ผมบ่นว่าจะโละไปขายเซียงกงตั้งนานแล้ว แต่จนบัดนี้มันก็ยังถูกใช้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และคนขับก็เป็นฝรั่งซึ่งเป็นฝรั่งแต่ตัว ก็ดูพ่อสินั่น แต่งตัวมองเผิน ๆ เหมือนคนงานในสวนสักคน กางเกงขาก๊วยสีกรม กับเสื้อยืดแล้วก็เสื้อเชิ้ตแขนยาวลายตาราง กับหมวกปีกสีเหลืองแปร๋น ขี่รถหน้าเริดมาโน่น
พ่อตัวดีเอารถไปจอดที่จอดรถ แล้วก็เดินยิ้มร่ามาแต่ไกล พูดทักทายทุกคนแล้วก็เดินมาหอมแก้มผมหนึ่งที
"ตามสบายหน่าคร๊าบ"
"นี่ใจคอจะไม่กลับมากินข้าวเช้าหรือไง" ผมบ่นเมื่อพ่อตัวดีก้มลงมานั่งยอง ๆ เอาคางเกยบนบ่าของผมพร้อมกับรวบแขนทั้งสองข้างมาโอบกอดผมจนแน่น
"มาแล่ว ๆ ขร่าบ" อีตาฌองแก้ตัว ทำยักไหล่ หอมแก้มผมหนึ่งทีแล้วจึงเดินไปตักข้าวต้มมานั่งกินด้วยกัน พร้อมกันนั้นก็วางแปะถุงขนมลงบนโต๊ะ พ่อแวะตลาดมาแล้วสินะ ซื้ออะไรมาบ้างเนี่ย ผมขมวดคิ้วพร้อมกับแหวก ๆ ดูกองถุงพลาสติก ซึ่งดูเผิน ๆ จะมีถุงใส่น้ำเต้าหู้ ขนมครก ปาท่องโก๋ ข้าวเหนียวหมูปิ้ง สาคูไส้หมูหรือข้าวเกรียบปากหม้อก็ไม่แน่ใจ เพราะมันห่อด้วยใบตอง แต่ต้องเป็นอะไรสักอย่างเพราะมีต้นผักชีกับผักกาดหอมซุกอยู่ในถุงนั้น แล้วก็อะไรอีกสองอย่าง
"กินด๊วยกันขร่าบ" ฌองเชื้อเชิญให้ทุกคนกินของที่เขาซื้อมา เจ้าเด็กแฝดดูท่าจะตื่นเต้นกับสาคูไส้หมู น่าเอ็นดู
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกัสจึงเดินขอตัวลุกไปโทรศัพท์ข้าง ๆ เมื่อกลับมานั่ง ก็หันมาคุยกับผม
"อีเปากับเจ๊หวังบอกจะมาด้วยแต่คงมาถึงบ่าย ๆ เห็นเจ๊หวังบอกว่าให้จองห้องของเจ๊คิตตี้ด้วย กูว่าวันนี้มึงน่าจะได้แหวนสักวงแหละ ผัวเจ๊คิตตี้เค้าชอบแจกแหวน" อีกัสพูดแล้วก็หัวเราะกิ๊กกั๊ก ส่วนผมก็ได้แต่อมยิ้มและมองแหวนทองคำที่ฝังเพชรเม็ดเล็ก ๆ ที่นิ้วนางข้างซ้ายของตัวเอง
หม่ำอาหารเช้าไปคุยกันไป ทะเลาะกันไป เถียงกันไป เพราะมันก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่สมัยเราเป็นเด็กวัยรุ่น แต่ผมถูกปรามไม่ให้พูดคำหยาบคายเพราะมีเยาวชนอยู่ที่นี่ด้วย เมื่อคืนอีสองตัวนี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ผมนอนดึก ก็นั่งเม้ากันเพราะนาน ๆ จะได้เจอกันสักที ยิ่งอีกัสเอาไวน์ติดมือมาด้วย ก็เลยคุยกันอย่างลื่นไหลจนเลยเถิด
ชักจะสาย ตอนนี้ใครอยากจะไปเที่ยวก็ไป หรือใครอยากจะนอนพักและเล่นน้ำในสระว่ายน้ำก็ไม่ว่า สระว่ายน้ำตื้น ๆ ที่มีเงาของร่มไม้ ทำให้จะแดดแรงแค่ไหนก็เล่นน้ำได้ ผมขอตัวไปทำงาน จนบ่าย ๆ นั่นล่ะ เจ๊หวังกับเปาก็มาถึง โดยมีเจ๊คิตตี้ติดรถมาด้วย
"อ้าวผัวเจ๊คิตตี้ไม่มาด้วยหรอหรือจะตามมาทีหลัง?" ผมถามและเจ๊หวังก็บุ้ยใบ้ปาก ไม่ให้ผมพูดถึง
"อีคิตตี้มันทะเลาะกับผัวน่ะ เดี๋ยวคงมีงอนง้อกัน ยังไงก็จัดห้องให้มันด้วยห้องนึง อ้อนี่เจ๊เอาผลไม้มาฝากค่ะ อยู่หลังรถ เดี๋ยวให้คนงานไปขนมา มีทั้งทุเรียน เงาะ สละ เอามาเยอะแยะ" เจ๊หวังผู้แสนใจดีพูดและผมก็ยื่นกุญแจห้องให้พร้อมกับให้เด็กคนงานช่วยกันไปขนกระเป๋าพาแขกผู้มีเกียรติไปพักยังห้องพัก
งานเลี้ยงฉลองจะจัดขึ้นตอนเย็น ๆ แน่นอนว่าเสียงดังได้เพราะในช่วงห้าปีนี้กิจการค่อนข้างดี ผมก็เลยสามารถขยายห้องพักได้อีกสิบหลังปลูกต้นไม้กั้นเสียงไว้ทำให้ค่อนข้างเป็นสัดเป็นส่วน ส่วนอีผัวตัวดีก็คงวน ๆ เวียน ๆ อยู่ในนี้แหละ จนบ่ายถึงจะหายหัวไปสวนกล้วยไม้ใหม่ เอาเถอะเรื่องของเขา ก็เขารักของเขานี่นะ ผมก็ทำเป็นบ่นไปอย่างนั้นแหละ
จนถึงช่วงเย็น ฌองกลับมาเร็วกว่าทุกที เข้าครัวไปช่วยแม่ครัวและคนงานทำอาหาร ผมแสนหมั่นไส้ ก็เลยเดินไปดูว่าพ่อโฉมเอกที่ผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผตอนนี้ชักจะลงพุงนิด ๆ กำลังวุ่นวายอะไรที่ในครัว
"เดี๋ยวผ๊มจะตำหน่ามพริกไข่ปูห้ายกิน" ฌองพูดแล้วก็ยิ้มกว้าง
"จ๊ะ" ผมรับคำ แล้วก็หอมแก้มเพื่อแสดงความขอบคุณผัวสุดที่รักหนึ่งที บรรดาแม่ครัวกับคนงานอมยิ้มและพากันหลบตา ก็นาน ๆ ฌองจะน่ารักอย่างนี้ ฌองทำตัวน่ารักไม่บ่อย แค่วันละเจ็ดแปดครั้งเท่านั้นเอง
ตั้งแต่ตอนนั้นที่เราแยกจากกันฌองกลับไปเยอรมันบ้านเกิด เพื่อจะไปร่ำเรียนปริญญาเอกให้จบ ซึ่งผมก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าจะเรียนไปทำไมในเมื่อเรียนแล้วก็แทบจะไม่ได้ใช้ ผมเห็นฌองแต่งหล่อครึ่งตัว กล่าวคือท่อนบนเป็นสูท ผูกไทด์ หวีผมเรียบแปล้ แต่ท่อนล่างคือกางเกงขาก๊วย ฌองสอนหนังสือออนไลน์กับทางมหาวิทยาลัยที่ฌองเรียนจบมานั่นแหละ ปีละหน ที่เขาจะต้องกลับไปสะสางงานที่เยอรมัน ซึ่งบางครั้งก็ลากผมหนีบติดมือไปด้วย
"อีกัสอีน้า บ้านอีฌองมันเป็นปราสาทเลยนะมึง" ผมที่ไปบ้านฌองที่เยอรมันครั้งแรก เมื่อมีโอกาสรีบนินทาและวิดีโอคอลให้อีสองเพื่อนรักได้รู้เรื่อง
ฌองนั้นเป็นลูกหลานท่านเคาต์อะไรสักท่านนี่แหละ ผมก็ออกเสียงไม่ถูก ปราสาทหลังนี้เดิมทีเป็นของน้าของฌอง ต่อเมื่อน้าของเขาตายลง ไม่มีทายาท ฌองก็เลยส้มหล่น ได้เป็นเจ้าของปราสาท ดูคล้าย ๆ จะเป็นเจ้าชายเลยทีเดียว แถมรูปเขียนของคุณทวดที่แขวนอยู่ตรงโถงก็ท่านก็มีเค้าหน้าคล้าย ๆ ฌองอยู่ไม่น้อย
"ผมว่าจะขายมัน เพราะค่าใช้จ่ายในการดูแลเยอะเกินไป อีกอย่างผมก็จะไปใช้ชีวิตอยู่กับคุณที่เมืองไทยอยู่แล้วที่นี่ทำให้ผมเป็นภาระ" ฌองบอกและผมก็ว่าไงว่าตามกัน ก็มันของของเขานี่นะ
นึกแล้วก็ไม่เข้าใจ ไปอยู่เยอรมันเกือบสองเดือน ผมล่ะคิดถึงเมืองไทยแทบแย่ อีกัสมาอยู่ฝรั่งเศสทั้งมาเรียนทั้งมาทำงานอยู่ได้ยังไงของมึงเป็นปี ๆ
ไอ้เรื่องความสวยตื่นตาตื่นใจของบ้านเมืองน่ะมันแน่อยู่แล้ว แต่พออยู่ไปนาน ๆ มันก็ชักจะเบื่อ ๆ ผมที่ชินกับสวนและต้นไม้ แต่ที่นี่มันมีแต่ตึก อ้อ ผมกับฌองเช่าคอนโดอยู่กันในเมือง ไอ้ปราสาทนั่นน่ะ คือแค่แวะไปดูเฉย ๆ จ้างให้ก็ไม่เอาหรอกเพราะมันต้องขับรถออกไปนอกเมืองตั้งสองชั่วโมง โคตรเหงา ที่สำคัญกลัวผีโคตรเหง้าของเขามาหลอกเพราะบรรยากาศมันแสนวังเวง
แต่ที่หนักใจที่สุดก็คือเรื่องอาหาร อาหารเยอรมันมีแต่มัน ๆ มิน่าล่ะ ฌองได้ลองอาหารไทยถึงได้ติดอกติดใจ ก็มันแซ่บครบทุกรสขนาดนี้
กว่าปราสาทจะขายได้ก็ใช้เวลาตั้งปี ฌองก็บินไป ๆ มา ๆ เมื่อมาอยู่เมืองไทย ฌองก็มีงานเขียนอะไรของเขานั่นแหละ จนพ่อก็ขวนขวาย ไปหากล้วยไม้จากในป่าเอามาปลูก แรก ๆ ก็ปลูกโตมั่งตายมั่ง แต่ระดับโปรเฟสเซอร์ฌองเสียแล้ว ลองพ่อได้บ้าคลั่งอะไร ก็ต้องเอาให้สุด
พ่อดูท่าจะชอบใจลูกเขยคนนี้มาก ถึงขนาดให้ที่ฌองสิบไร่เพื่อจะได้ทำฟาร์มกล้วยไม้ ส่วนใหญ่จะเป็นกล้วยไม้แคทลียา และกล้วยไม้ตัดดอกที่ตลาดชอบ แต่ฌองไปเหนือกว่านั้น พ่อปลูกกล้วยไม้หายาก อย่างพวกรองเท้านารี ผมเคยแวะไปดูก็ชื่นชมว่ามันสวยจริง ๆ นั่นแหละ แต่ชมมากไม่ได้ ไม่อย่างนั้นพ่อได้อธิบายสายพันธุ์และกรรมวิธีการเลี้ยงราวกับผมเป็นนักศึกษาของเขา ไอ้ที่ดินที่ว่าก็คือพ่อให้เพื่อเป็นของรับขวัญลูกเขย
ผมไม่ค่อยรู้เรื่องการค้าการขายของฌองหรอก แต่อุ่นใจว่าจะไม่โดนหลอกเพราะพี่ชายของผมมาช่วยดูแลเรื่องการค้าขายให้ แถมพี่ชายยังชมฌองว่าผสมพันธุ์กล้วยไม้เก่งจนได้กล้วยไม้สวยแปลก เป็นที่ชื่นชอบของตลาดกับนักสะสมกล้วยไม้หายากซะด้วย
อยู่ไทยมาเสียหลายปีก็ปรับนิสัยให้เป็นไทย ๆ มากขึ้น ความเถรตรงคล้ายจะคงเดิมเพราะมันคงฝังอยู่ในดีเอ็นเอของชาวเยอรมันแบบเขา รวมไปถึงความขี้สงสัยความช่างซักช่างถาม
เช่น ผัดกับทอด ปิ้งกับย่าง แกงกับต้ม มันต่างกันอย่างไร ซึ่งตอบได้ก็ตอบ ตอบไม่ได้ก็ไม่ตอบ แถมถ้ามาถามผิดเวลาเดี๋ยวผมจะด่ากลับให้เปิดเปิง เซ้าซี้เก่ง
สามปีแรกฌองยังไม่ได้กลับมาอยู่เมืองไทยแต่จะมาช่วงปลายปี ครั้งละสามเดือน ผมพาฌองไปหาพ่อกับแม่ และฌองก็บอกว่าจะอยู่กับผม เพราะเรารักกัน ผมล่ะกลัวแทบตาย แต่ฌองก็ยิ้มสู้และพ่อกับแม่รวมถึงพี่ ๆ ของผมก็กลับไม่ว่าอะไรสักนิด
ปีที่สี่ฌองถึงย้ายมาอยู่ที่นี่เต็มตัว และดูท่าความเป็นไทย ๆ อย่างที่คนไทยหลายคนจะไทยน้อยกว่านี้ก็ถูกบรรจุใส่หัวพ่อฝรั่งคนนี้เต็มที่ เริ่มจากเบียร์ที่กินเหมือนน้ำ พ่อก็หันมาซดเหล้าขาว หรือยาดองแทน ซึ่งอันนี้มักจะมีโกรธกันเพราะผมไม่ค่อยชอบเวลาฌองเมา อีนี่เมาแล้วเรื้อนแถมหื่นที่สุด
ฌองชอบใส่เสื้อเชิ้ตราคาถูก ๆ ตัวโคล่ง ๆ กับกางเกงขาก๊วย ใส่รองเท้าแตะช้างดาว และถ้าเข้าสวนก็จะใส่รองเท้าบู๊ท ฌองเลี้ยงไก่ชนหลายตัว แต่ผมคาดโทษไว้ว่าห้ามเอาไปตีไก่เด็ดขาดเพราะสงสารมัน แต่คนงานชอบแอบมารายงานกับผมว่า ไก่ชนของฌองนั้นตีเก่ง ดุแถมอึด ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ บางครั้งชีวิตคู่มันก็ต้องเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสียบ้าง
ฌองนั้นดูเหมือนจะมีพรสวรรค์ในการทำอาหาร ไม่ว่าจะอาหารไทยหรืออาหารเยอรมัน แต่ในเมื่อมาอยู่ไทย ฌองก็ชอบเรียนรู้ที่จะทำอาหารไทยให้เก่ง ๆ ก็คิดดูเอาเถอะ น้ำพริกกะปิ น้ำพริกแมงดา สารพัดน้ำพริกฌองทำได้หมด แถมชอบกินน้ำพริกแบบเผ็ด ๆ เสียด้วย
ผมคิดอะไรของผมอยู่เพลิน ๆ ได้ยินเสียงของฌองคุยอยู่ในครัว หัวเราะกันจ้าละหวั่น และที่ริมชายหาด คนงานจุดเตาปิ้งอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว
"ไปอีหมึก ไปที่ชายหาดกันย่ะ" เสียงเจ๊หวังเดินออกมาจากห้องพัก แวะมาเรียกผม ผมก็เลยเดินตามแกไป
"เจ๊หวัง ผัวเจ๊คิตตี้มาแล้วนี่ เห็นรถสปอร์ตคันสีแดงมาจอด ใช่ป่ะ?" ผมกระซิบกระซาบถาม
"เออ มันอย่างนี้แหละ พอมาถึงก็ปิดห้องเงียบเลย คงง้อกันอยู่ไม่ต้องไปสนใจพวกมันหรอก ไปโน่นไปเขาไปกันครบหมดแล้ว ว่าแต่มีอะไรกินบ้างยะ อย่าลืมเอาผลไม้เจ๊ออกมากิน แบ่งพวกคนงานด้วย เจ๊เอามาเผื่อกินกันไม่หมดหรอก" เจ๊หวังที่เดินเกี่ยวแขนของผมไปเม้าไป
"ก็พวกอาหารทะเลนั่นแหละ แต่จะกินข้าวก็มีนะ ให้แม่ครัวทำกับข้าวเผื่อไว้แล้วอ้อแล้วก็ฌองตำน้ำพริกไข่ปูไว้หม้อเบ้อเริ่ม ทีเด็ดเขาล่ะ" ผมได้โอกาสก็ต้องอวยผัวสักหน่อย
"ท่าจะอร่อย เพราะคนตำใช้สากไซซ์พิเศษหนิ" เจ๊หวังผู้แสนลามก ชอบพูดสองแง่สองง่าม แต่มันก็สนุกดีนั่นแหละ เพราะทำเอาเราสองคนหัวเราะครืน
ลมทะเลพัดพอสบาย กลิ่นอาหารทะเล ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ถูกปิ้งจนหอมฟุ้ง พิเศษคือมีแมงดาด้วยตัวใหญ่ ๆ ไข่แมงดานั้นกินอร่อยที่สุด เห็นในตลาดเขากินแมงดากันตัวเท่าฝ่ามือจะไปพออะไร นี่แมงดาที่ผมได้ตัวเท่าจาน ไข่แน่น ๆ ต้องดูดี ๆ เพราะมันมีแมงดาอีสายพันธุ์ที่เรียกว่า เหรา อันนั้นกินแล้วตุย
ไข่แมงดาที่สุก เป็นมันย่อง เวลากินก็เอามาเคล้ากับน้ำยำรสจัดจ้าน ฌองสวมวิญญาณเชฟ ใช้มีดคม ๆ เลาะเปลือกและแกะไข่แมงดาใส่จาน บริการแขกสุดชีวิต
"ผัวหาบเมียคอนเนาะ" อีกัสเย้า
"ฌองมันชอบของมัน กินให้อร่อย ๆ เถอะ คนทำจะได้ดีใจ" ผมบอกทุกคน และรับหน้าที่บริการในฐานะเจ้าของที่ ผมสั่งให้เปิดเพลงสนุก ๆ และให้คนงานมากินด้วยกันกับพวกเราเพื่อเลี้ยงฉลอง ใครติดงานก็ให้ผลัดกันตักอาหารไปกินได้เลย แต่ห้ามเด็ดขาดเรื่องเหล้า ซึ่งผมรู้แหละว่าห้ามไม่ได้หรอก แต่เหมือนผัวนั่นแหละ เอาหูไปนาเอาตาไปไร่บ้าง แต่อย่าเสือกเมาจนเสียงานก็แล้วกันไม่อย่างนั้นแม่ถลกหนังหัว
กำลังคุยกันเพลิน ๆ เจ๊คิตตี้ก็เดินมาโดยมีผัวของแกเฮียเต๋อโอบเอวมา ทั้งสองคนทำหน้าเพลีย ๆ เป็นอันว่ารู้กันว่าง้อจนหายงอนแล้ว
ที่โต๊ะเครื่องดื่ม มีทั้งน้ำหวาน น้ำอัดลม เบียร์ ไวน์ และพวกเราก็เลือกจะดื่มไวน์กันมากกว่าเพราะอีกัสอวดว่าเป็นของดีมาจากฝรั่งเศสเลยทีเดียว ก็เฮียเกี๊ยวถึงกับลงทุนไปหุ้นทำสวนอุ่น และผลิตไวน์เองด้วย เหตุผลนั้นสำคัญมากคือเมียชมว่าไวน์ที่นี่อร่อยจนอยากจะกินอีก
เวลาสำคัญมาถึง เค้กหน้าตาน่ากินที่มีเทียนเล่มเล็ก ๆ ยาว ๆ ปักอยู่มาถึง ทุกคนร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้ผม ซึ่งผมบอกแล้วว่าไม่ต้องหรอก และตอนเป่าเทียนหลานแฝดก็กระซิบกระซาบบอกบทให้ผมอธิษฐานก่อนที่จะเป่า
"อีเวรเป่าดี ๆ ไม่ใช่น้ำลายมึงตกลงไปในเค้กนะ" อีกัสเอ่ยปากพูดเบา ๆ
ชักจะดี ๆ เพราะว่ากันไปหลายแก้ว เพลงรักแสนโรแมนติก ที่อีกัสมันเจ้ากี้เจ้าการ เป็นเพลงฝรั่งเศส เปิดดังขึ้น โน่นแน่ะ มันจูงมือเอาเฮียเกี๊ยวไปเต้นรำอีกแล้ว โรแมนติกไม่เกรงใจใคร
"ไปเต้นรำกันนะครับ" ฌองหันมาบอกกับผมและดึงมือของผมให้เดินตามเขาไป ตรงชายหาดที่ไม่ไกลกันนัก เสียงเพลงยังคงดังมาถึง ด้านหนึ่งเป็นอีกัสกับผัวที่เต้นกันอย่างซึ้ง ๆ ฌองดึงผมมากอด ผมซุกหน้าไปแนบที่อกของเขา กลิ่นกายที่เคยฉุนเฉียวไปด้วยกลิ่นนมกลิ่นเนยไม่มีอีกแล้ว ถ้าจะมีก็เห็นจะเป็นกลิ่นกะปิน้ำปลา ซึ่งผมชินกับมันมากว่า
เราเคลื่อนเท้าไปเบา ๆ ฌองเอาแต่ก้มหน้าลงมาหอมแก้มผมบ้าง จูบขมับของผมบ้าง ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าชอบทำที่สุด
"อยากได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิด" ฌองถามผมเป็นภาษาอังกฤษ
"ไม่อยากได้อะไรเลย ผมมีทุกอย่างแล้ว" ผมกระซิบตอบเขาเสียงอู้อี้จากในซอกอก
"ผมก็ไม่มีอะไรให้หมึกเลย ผมมีแต่ตัว อยากได้ตัวผมไปไหมเล่า จะกินผมก็ได้นะผมอร่อยมากนะ" ฌองกระซิบล้อจนผมอมยิ้มขึ้นมามองหน้าเขา
ดวงตาสีอ่อนจ้องมองจนผมเคลิบเคลิ้ม ดวงตาที่แม้ว่าเวลาจะผ่านมากี่ปี เขาก็จะมองผมอย่างหลงใหลอย่างนี้เสียทุกครั้ง ฌองยื่นหน้ามาจูบที่ปลายจมูกรั้น ๆ ของผมและเราก็จูบกัน เป็นจูบที่มีกลิ่นอวนของสารพัดอาหาร กลิ่นน้ำพริกไข่ปู กลิ่นกุ้งย่างกับน้ำจิ้มซีฟู้ด กลิ่นเบียร์ กลิ่นไวน์ และที่เริดที่สุดก็คือกลิ่นทุเรียนหมอนทองจากสวนของเจ๊คิตตี้ซึ่งอีฌองกินไปเสียสี่เม็ด เอาเถอะ เขาก็คงได้กลิ่นอาหารอย่างเดียวกับที่ผมรู้สึกนั่นแหละ ผมชินเสียแล้ว และมันก็ยังคงรู้สึกดีและวาบหวามทุกครั้งไปสิน่า
"โอ๊ย เลี่ยน" เสียงเจ๊หวังโวยวาย เพราะเราเปิดเพลงหวาน ๆ ของต่างประเทศติดกันสามเพลงแล้ว ดังนั้นต่อจากนี้เจ๊หวังจะรับหน้าที่ดีเจ เพราะเพลงถูกเปิดจากเพลลิสต์ของแก เพลงลูกทุ่งสารพัดซึ่งผมกับฌองคลายอ้อมกอด และเปลี่ยนมาดิ้นกันอย่างสุดมัน
ไม่ว่าจะเพลงของแม่ผึ้งพุ่มพวง ดวงจันทร์ ฮายอาภาพร ยุ้ยญาติเยอะ และสารพัดนักร้อง จนตอนนี้เพลง ขอใจเธอและเบอร์โทร ก็ทำเอาผมเต้นไม่ไหวแล้วเพราะเหนื่อยจนต้องปลีกตัวมานั่งที่เก่า
"มีความสุขมาก ๆ นะมึง สุขสันต์วันเกิด" อีน้าพูดพร้อมกับยื่นกล่องของขวัญมาให้
"อ่ะนี่ของกู เพื่อนรัก" อีกัสพูดและหยิบกระเป๋าหนังใบโตยื่นมาให้
"ขอบคุณพวกมึงมาก ๆ นะ" ผมกล่าวขอบคุณพวกมันและเราสามคนก็กอดกันกลม
"เอ้าให้ของขวัญตัดหน้าเจ๊ไปแล้วหรอ นี่ของขวัญวันเกิดจากเจ๊ ชุดสกินแคร์ชุดใหญ่" เจ๊หวังพูดพร้อมกับหยิบตะกร้าใบโต ๆ ซึ่งมีขวดพลาสติกรูปทรงสวย ๆ หลายขวดผมยกมือไหว้ และกล่าวขอบคุณ
"เอ้านี่ของขวัญวันเกิดจากเจ๊กับเฮียะ" เจ๊คิตตี้เดินมาหาผมแล้วก็ยื่นกล่องของขวัญใบเล็กเท่ากำปั้นให้ ผมเปิดดูก็เป็นสร้อยข้อมือ ฝังพลอยสีสวยชะมัด ผมได้แต่ขอบคุณแล้วขอบคุณอีก
ดึกดื่นจนต้องเริ่มแยกย้าย คู่แรกที่ต้องไปก็คืออีน้ากับเฮียกุ๊กเพราะต้องพาหลานเข้านอน จนปิดงานผมก็ยืนช่วยคนงานเก็บของ ส่วนฌองผมกลัวเขาจะเหนื่อยก็เลยไล่ให้เจ้าตัวไปนอนก่อนได้เลยเพราะวาดลวดลายเสียเต็มที่ก็ตั้งแต่เพลงกระแซะ ดังขึ้นจนถึงเพลงจบ ฌองก็เต้นไม่หยุดไม่พักเลย
ตีหนึ่งกว่า ๆ ผมถึงจะกลับถึงห้องพัก ฌองหลับไปแล้ว ผมกลัวเขาจะตื่นก็เลยต้องทำอะไรให้เบาที่สุด อาบน้ำแต่งตัวซึ่งก็ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เจ๊หวังเอามาให้นั่นแหละ กลิ่นหอมดีเสียด้วย ไม่ลืมที่จะเอาครีมมาสก์หน้ามาทาเสียหน่อย แกว่าทำแล้วหน้าใสกิ๊ง ใช้ดี๊ดี เจ๊หวังโฆษณาไว้อย่างนั้น
ทิ้งตัวลงนอนปุ๊บฌองก็ยื่นแขนมาโอบเอวผมทันที
"ขอโทษนอนต่อ ๆ เถอะ" ผมบอกเขาและฌองก็กอดผมแรงขึ้นพร้อมกับยื่นจมูกมาหอมแก้ม
"น้ำพริกไข่ปูของผมอร่อยไหม?" ดูดู๊ จะนอนแล้วยังมาถาม
"อร่อยคร้าบ" ผมตอบเอาใจ เพราะกลิ่นลมหายใจของเขามันเจือด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์สารพัดชนิดที่ตีกัน
"หมึกรู้ไหมมีอย่างอื่นที่อร่อยกว่านั้นอีกนะ" ฌองกระซิบที่ข้างหู
"อะไรน๊า?"
"ผมนี่ไง" ฌองบอกและยื่นริมฝีปากมาจูบผมอย่างเร่าร้อน อย่าบอกนะว่าจะให้ผมกินทั้งตัวเป็นของขวัญวันเกิดจริง ๆ น่ะอีตาบ้า