มีอันเป็นไป มันแซ่บ มันเป็ มันตัวโฮ่ง ที่เขาว่ามีลูกมันกวนตัวมีผัวมันกวนใจ แต่ความสวยมันเป็นอุปสรรคน่ะคุณน้า แต่บางคนก็ชอบ Sugar Daddy อันนี้มันก็เป็นไปได้ แบบบูรณาการ เราก็ไม่ว่ากัน
ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,รัก,ตลก,ไทย,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โดย Chavaroj
ถ้าจะถามว่าชีวิตช่วงไหนมีความสุขที่สุด เมื่อหวังถามตัวเองในอนาคต หล่อนก็จะตอบได้ทันทีว่า ก็ช่วงมัธยมปลายนี่แหละ เพราะมันเป็นเวลาแห่งความสุขและสนุกทุกวัน อยากจะนอนหลับไปพร้อมกับคิดว่าพรุ่งนี้จะได้เจอเพื่อน ๆ และตื่นมาตอนเช้า ก็ตื่นเต้นและอยากจะไปเจอ เพื่อน ๆ เจ๊ ๆ เพื่อจะได้เม้ามอยให้สุขใจ
ส่วนไอ้เรื่องการร่ำการเรียนอะไรนั่น หวังเรียนครึ่ง ๆ กลาง ๆ และไม่ได้ใส่ใจอะไรกับมันมาก เรียนเท่าที่ตัวเองจะเรียนไหว และพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ตั้งความหวังอะไร คงคิดว่าไม่พ้นจบมาก็มาขายผักหรือขายของอย่างพ่อกับแม่ล่ะมั้ง
"บ๊ายบาย ตอนเย็นเจอกัน" หวังโบกมือให้คิด และมองจนกว่าเจ้าตัวจะเดินข้ามฝั่งจนเรียบร้อย คิดหันมาโบกมือให้หวังอีกที เดินจนลับตานั่นแหละหวังถึงจะเข้าไปที่โรงเรียน
"อีหวัง อีนี่หล่อนมานี่เร๊ว เหลามาค่ะเหลามา" เสียงเจ๊ ๆ มัธยมห้าเรียกและกวักมือหยอย ๆ
ถ้าเจ๊สมศรีกับเจ๊โบ๋คือตัวแม่ชั้นมัธยมหก เจ๊โหน่งกับเจ๊หน่อย ก็คือคู่ซี้แห่งมัธยมห้า เพียงแต่โชคดีที่ว่า เจ๊โหน่งน่ะเรียนเก่ง ท่าทางคงแก่เรียนใส่แว่นตาหนา ๆ พูดจาเร็วคิดเร็ว และเรียนเก่งมาก ๆ จริง ๆ ส่วนเจ๊หน่อย ก็สวยเกิ๊น ถ้ามีนมผมยาว ก็จะส่งไปประกวดมิสทิฟฟานี่ได้เลยแหละ ที่สำคัญเจ๊หน่อยเริ่มเทคยาคุมแล้ว หัวนมตุ่ย ๆ เริ่มมีจนเจ้าหล่อนบ่นคัดหัวนม แล้วก็สวมยกทรงมาเรียนซะด้วยเอากับหล่อนสิ
แต่ก็ว่าไม่ได้นา พอเทคยาคุมแล้วเจ๊หน่อยก็ผิวเปล่งปลั่งชะมัด หน้าที่หวานอยู่แล้วก็ยิ่งสวยหวานหนักขึ้นไปอีก และเจ๊หน่อยก็ดูจะสวยหวานและมีกิริยาที่สมกับตัวคือไม่ค่อยพูดคำด่าคำอย่างพวกเรา ๆ เรียกว่าคีพลุค แต่ของอย่างนี้มันมองกันด้วยตาเปล่า ๆ ไม่ได้เด้อ
"อีหน่อยน่ะมันแซ่บ มันสวย ตอนไปรด. โอ๊ยไอ้ผู้ชายโรงเรียนอื่นนี่มองกันตาเป็นมันเลยคร่า" เจ๊โหน่งเพื่อนสนิทแฉ
"โอ๊ยเจ๊หน่อยน่ะ เรียบร้อยจะตายพวกผู้ชายไม่ได้เห็นขาอ่อนแม่หรอก" หวังให้ความเห็น
"น้อยไปสิคะมึง มันเก็บได้คืนละสิบกว่าไม้ คนอื่นโดนฝึกตากแดดตัวดำ อีหน่อยโน่นค่ะ ไปนั่งแดกโอเลี้ยงแล้วก็นั่งนวดขาให้จ๋า ฉอเลาะจ่าคะจ๋าขา น่าตบที่สุด" เจ๊โหน่งใส่ความแต่เจ๊หน่อยไม่ยักปฏิเสธสักนิด
"เจ๊หน่อยขยายค่ะ ยังไง?" นังเมืองสู่รู้ถามขึ้นมากลางปล้อง
"ก็ตามนั่นแหละค่ะลูก คนเรามีโอกาสก็ต้องฉวยเก็บไว้ พวกหล่อน ๆ รู้มั๊ย ตอนเข้าค่ายรด. น่ะ ที่เขาชนไก่เขาจะให้พวกเราเข้าพร้อมกับโรงเรียนเทคนิค ไอ้พวกนี้มันมีแต่ผู้ชาย แล้วมันก็กลัดมันสุด ๆ แต่ละคนนะคะ หุ่นล่ำ ๆ ดูแบดบอยนิด ๆ กลิ่นเหงื่อตอนฝึกนี่คือแบบ เจ๊ได้กลิ่นแล้วฟิน" อีเจ๊หน่อยพูดจีบปากจีบคอน่าตบนิด ๆ แต่ก็ทำให้หวังตาโตเพราะไอ้เรื่องเรียนรด. นี่มันก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะน่ากลัวเหมือนกัน ตามประสาลูกผู้หญิงตัวเล็ก ๆ
แน่นอนว่าตราบใดที่ยังไม่ได้ออกกฎหมายยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ทั้ง ๆ ที่อีประเทศนี้ก็ไม่ได้จะไปรบกับใคร เห็นที่ออกข่าวโดนเกณฑ์ทหารไปก็ไปซักกางเกงในเมียนายหรือไม่ก็ไปตัดหญ้าเป็นพื้น หวังรับไม่ด๊าย รับไม่ได้ค่ะ ผิวลูกคุณอย่างนี้ให้ไปฝึกตากแดด ก็ดำคล้ำกร้านกันพอดี ยิ่งต้องอยู่กับพวกผู้ชายพายเรือ หวังซึ่งตัวเล็ก ๆ น่าแกล้ง ก็จะถูกพวกมันข่มเหงต่าง ๆ นานา ร้ายที่สุดก็อาจจะต้องเป็นนางบำเรอกามให้แก่พวกทหารกลัดมันด้วยกัน แค่คิดหวังก็กลัวจนตัวสั่นเสียแล้ว...เพ้อเจ้อไปเองแท้ ๆ
เพราะฉะนั้นการไปเรียน รด. จึงเป็นคำตอบ ซึ่งมันก็ รอ ดอ จริง ๆ นั่นแหละ เพราะมัวแต่กลัว ประการสำคัญคือ การเรียนรด. เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนเมื่อก่อน เพราะกะเทยมันเยอะขึ้น และพวกจ่า ๆ ก็มักจะเอ็นดูพวกเรา อันนี้เท็จจริงอยู่กับผู้เล่าซึ่งก็คือพวกเจ๊ ๆ ที่นั่งเม้าให้ฟังนี่แหละ
ข้อเสียอย่างหนึ่งของการเรียนรด. ก็คือการต้องตัดผมขาวสามด้าน แน่นอนว่ามันขัดอกขัดใจ แต่ในเมื่อเข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ต้องหลิ่วตาตาม และตุ๊ดแต๋วทุกตัวก็มีทรงผมแบบนี้เหมือนกันหมด ก็เลยไม่ค่อยรู้สึกเด๋อเท่าไร
แต่อีผมตรงกลางกบาลก็ขอไว้ให้มันยาวสักหน่อย และให้ดีก็ต้องติดกิ๊บตัวเล็ก ๆ พอให้น่ารัก การไปฝึกนี่ลำบากลำบนตั้งแต่ตอนสมัครเข้ากันไปเลยทีเดียวเพราะแม่งต้องทดสอบร่างกาย ให้วิดพื้น ให้วิ่ง ให้ทำห่าอะไรก็ไม่รู้เหนื่อยชิบหาย แต่หวังและเพื่อน ๆ ก็ผ่านมาได้ และจ่า ๆ ก็ไม่ได้จริงจังกับลูกสาวมากนัก คือเหนื่อยก็พักแล้วก็ให้ทำต่อ แต่อีตอนวิ่งนี่สิ หวังเหนื่อยแทบขาดใจ ได้นังเมืองเพื่อนรักคอยวิ่งฉุดมือ จึงลากหวังเข้าเส้นชัยได้
"เอ๊าวิ่งเสร็จแล้วไปถ่ายรูปเลย" เสียงอีจ่าแก่ ๆ สั่งและไล่พวกเราที่ผ่านการทดสอบร่างกายแล้วให้ขึ้นไปถ่ายรูปทำบัตร ซึ่งอีเหี้ย เหนื่อยจะตายหน้าอย่างเงือก แล้วจะมีใครที่มีบัตรรด. สวยกันได้เล่า ขนาดเจ๊หน่อยที่ว่าสวยจนจะส่งไปประกวดมิสทิฟฟานี่ ถ่ายรูปออกมายังหน้าเหมือนหมาสำลักแฟ๊บ (อันนี้เจ๊โหน่งเป็นคนกล่าวหนูไม่เกี่ยวนะคะเจ๊)
การไปฝึกรด. นี้ก็สนุกดีเหมือนกันเพราะทำให้เราได้เพื่อนใหม่ แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อนชาย แต่เป็นเพื่อนตุ๊ดโรงเรียนอื่น น่าแปลกชะมัดที่ตุ๊ดเด็กอย่างพวกเราพอมองตามันเหมือนผีเห็นผี เดินเข้ามาทักทายและพูดคุยจนเหมือนรู้จักกันมานานได้อย่างไม่ยาก ซึ่งถ้าเป็นไอ้พวกผู้ชายช่างกลน่ะเหรอ เขม่นกันจะตีกันร่ำไป
ถ้าไปเรียน รด. ก็จะเรียนต่อแค่ครึ่งวัน หวังซึ่งไม่ได้รีบไปไหนเพราะต้องรอคิดกลับบ้านพร้อมกัน ก็เลยสิงมันที่โต๊ะกะเทยริมสนามเปตองมันนี่ล่ะ นังเมืองก็อยู่ด้วย เอาการบ้านมานั่งทำให้เสร็จ ซึ่งเอ่อ...จะว่าไปตรง ๆ ก็คือเอาการบ้านมาลอกกันให้เสร็จมากกว่า หรือไม่ก็ไปดูหนุ่ม ๆ เตะบอลหรือเล่นบาสเกตบอลกันให้เป็นอาหารตา
ถ้าจะมีคนถามว่าแล้วอยู่กับนักเรียนเป็นร้อย ๆ ไฉนจึงไม่มีแฟนหรือคนที่แอบชอบ หวังก็จะตอบได้ทันทีว่า ไม่มีทางแน่นอนเพราะแต่ละคนไม่เข้าตาสักคน ไม่ว่าจะห้องตัวเองหรือห้องอื่น ๆ ยิ่งก๊วนกะเทยรวมตัวกันอย่างแข็งแกร่ง และวัน ๆ ก็ขลุกกันอยู่เป็นก๊วนใหญ่ ก็เลยไม่ค่อยจะได้สุงสิงกับพวกชายแทร่ที่เตะบอล หรือเล่นบาส และที่แน่ไปกว่านั้น พวกผู้ชายก็ไม่กล้าเข้ามาจีบใครสักคนในฝูงกะเทยแน่ ๆ เหมือนกัน
แต่ถึงกระนั้นก็มีพี่เม่น ซึ่งเป็นนักบาสโรงเรียนซึ่งหล่อแสนหล่อ แต่ไม่มีใครได้แอ้มและพี่เม่นแกก็ไม่ได้สนใจใคร (มั้ง) และหวังรวมถึงตุ๊ดแต๋วหลายคนก็ชอบพี่เม่นเหมือนเราเป็นแฟนคลับที่ชอบดาราสักคนก็เท่านั้น ถ้ามีแข่งบาส ก็รวมตัวกันไปให้กำลังใจ ส่งเสียงกรี๊ด ๆ จนอาจารย์ต้องออกมายืนเท้ากะเอว แล้วมองพวกเราตาเขียว
และว่ากันว่าพี่เม่นน่ะก็มีเมียแล้ว ไม่สิ มีเมียเรื่อย ๆ ฟันดะแม่งทั้งในโรงเรียนแล้วก็นอกโรงเรียน กิตติศัพท์ความหล่อ ความฮอท ความใหญ่ และความเยเก่ง มีแต่คนเอามาเม๊าโดยเฉพาะเจ๊โบ๋ที่ยืนยันว่าพี่เม่นนั้น งูใหญ่จริง ๆ เป็นงูอนาคอนด้าซะด้วย ไม่ใช่แค่งูเหลือมนะคะคุณขา
"อีดอก เจ๊นึกว่าขาที่สาม ก็ตอนไปฝึกรด. นั่นแหละ มันต้องไปอาบน้ำ แล้วอีพวกผู้ชายมันก็ใส่กางเกงในตัวเดียวอาบไง อีเม่นเสือกใส่กางเกงในสีขาว พอโดนน้ำเห็นหมดไม่ต้องจินตนาการ มึงเอ๊ย ขนาดยังไม่แข็งนะมึง กะด้วยสายตา น่าจะขนาดนี่ ถ้ายาวกูว่าไม่ต่ำกว่าแปดนิ้ว" เจ๊โบ๋พูดแล้วก็ทำมือประกอบไปด้วย เหล่าสะเก็ดก็เอาแต่กลืนน้ำลายและจินตนาการไปต่าง ๆ นานา
อีพี่เม่นนี่ก็ร้าย รู้ว่ากะเทยและชะนีทั้งโรงเรียนแอบชอบ พอเล่นบาสแม่งก็ชอบถอดเสื้อ แล้วคิดดูว่าผู้ชายหล่อ ๆ หุ่นล่ำ ๆ มีซิกแพค มีกล้ามหน้าอกและกล้ามท้อง ยิ่งอีไรขนหน้าท้องที่เป็นไรอ่อน ๆ มันเลื้อยหายเข้าไปตรงเป้ากางเกงนั่นอีกล่ะ ยิ่งพออากาศร้อน ๆ เหงื่อออกเยอะ ๆ กางเกงบาสที่ผ้ามันทิ้งตัว ก็รัดรึงจนเห็นสิ่งที่อยู่ด้านในพองอูมเหมือนยัดข้าวหลามหนองมน
"กูนี่อยากเอาหน้าซุกไปที่เป้าพี่เม่นว่ะ" อีเมืองที่นั่งเชียร์พี่เม่นอยู่ข้าง ๆ พูดเพ้อ ๆ และมองอีพี่เม่นแบบฝัน ๆ อีดอกนี่อาการหนัก
"อีเห็ดสด เหงื่อทั้งนั้น ดมเหงื่ออีมนตรีแทนไปก่อนก็แล้วกัน" หวังว่าและพยักพเยิดหน้าไปที่อีมนตรี ซึ่งเป็นหัวหน้าห้องของตัวเอง หมอนี่ตัวเล็ก ๆ ดำ ๆ ใส่แว่นกลม ๆ หนา ๆ เสียงแหลม ๆ คางเรียว ๆ มองไกล ๆ คล้าย ๆ ค่างแว่นเปียกฝน แต่มนตรีคนนี้มีข้อดีคือเป็นคนมีมิตรจิตมิตรใจ ชอบเป็นผู้นำและช่วยเหลือเพื่อน ๆ หมอนี่อาจเป็นคนพูดมากซักหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นผู้นำที่ดี แต่เมืองกับหวังรู้สึกว่าอีนี่มันมีกลิ่นตุ ๆ แต่ยังไม่อยากจะคอนเฟิร์ม
"อีดอก ให้แม่งมึงดมโน่น อีสัด" อีเมืองหันมาด่า ดูดู๊ มีอย่างที่ไหน เอาพี่เม่นสุดหล่อไปเทียบกับอีมนตรี เหมือนเอาราชสีห์ไปเทียบกับหมาวัดอย่างไรก็อย่างนั้น ไม่ใช่หมาวัดธรรมดา ๆ ด้วยนะ แต่เป็นหมากะทิเลยแหละ
อันว่าก๊วนลูกสาวซึ่งมีครูเหลิมศรีเป็นแม่ครูนั้น ก็มักจะถูกไหว้วานเวลามีงานโรงเรียนไม่จะเทศกาลไหน ๆ ด้วยว่าความเว่อวัง ความอลังการ ความคิดแหวกแนวผิดขนบ ทำให้งานต่าง ๆ เป็นที่เลื่องลือ และพวกเราในฐานะลูกสาวแม่ครูก็มักจะช่วยกันอย่างเต็มอกเต็มใจ รวมไปถึงการแสดงต่าง ๆ ซึ่งจะเต็มใจมากเป็นสองเท่าเพราะงานนี้จะได้แต่งหญิงกันละ
อย่างเช่นงานสงกรานต์ ซึ่งเป็นงานน่าสนุก ป้าเหลิมศรีก็คิดจัดประกวดนางนพมาศ ซึ่งแน่ล่ะ ทั้งหญิงแท้ หญิงเทียมพากันแข่งขันกันเต็มที่ อีเจ๊หน่อย ถูกส่งเข้าประกวด หล่อนจิกวิกใหญ่ฟูกว่าหัวจริงประมาณสี่ห้าเท่า แต่งหน้าอย่างฉ่ำ และได้พี่ช่างทำผมช่างแต่ หม่อมพี่วิเวียน หรือหม่อมพี่วิ หรือจะเรียกว่าเจ๊วิก็สุดแต่ความสนิทสนมกัน
เจ๊วิเวียนนั้นเป็นศิษย์เก่า และเมื่อเปิดร้านทำผมของตัวเอง ถ้าถูกไหว้วานให้มาทำผมแต่งหน้าให้น้อง ๆ เจ๊วิเวียนก็จะมาอย่างตั้งอกตั้งใจ ทั้งยังหาชุด หาพร๊อปให้ด้วยพร้อมสรรพ และหวังก็ถูกจริตกับเจ๊วิเวียนตั้งแต่พบครั้งแรก ที่สำคัญมาในราคามิตรภาพมาก ๆ เผลอ ๆ ขาดทุน แต่งานนี้เสียเงินไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ค่ะ เจ๊วิเวียนกล่าว
"มึงเจ๊วิก็สวย แต่ผัวโคตรแก่ว่ะ" สายลับรายงานมา เพราะเห็นผู้ชายอายุคราวคุณลุงขับรถมาส่งแก แถมยังจุ๊บกันตอนก่อนลงจากรถซะด้วย
"คนมาส่งเจ๊วิเวียนนี่ผัวหรอคะ?" หวังถามเอาตรง ๆ นี่ล่ะ ขี้เกียจมโน ฟังจากเจ้าตัวเลย
"ผัวเจ๊ย่ะ แน่ะ จะหาว่าผัวกูแก่ล่ะสิอีเปรต ว่าไม่ได้นะมึงแก่แต่แข็งแรง ลำหักลำโค่นยังดีนะคะสาว" เจ๊วิเวียนว่าและพวกเราซึ่งกำลังห้อมล้อมอีเจ๊หน่อย ก็พากันหัวเราะกิ๊ก
"อยากสวยเหมือนเจ๊หน่อยบ้างจัง" อีเมืองพูดเพ้อ ๆ และมองเจ๊หน่อยที่ตอนนี้จิกวิกพร้อม จิกขนตาพร้อม สวยเหมือนหญิงแท้ เริดมากกก
"แล้วเจ๊วิเวียนไปเจอผัวได้ยังไงอ่า?" หวังวกเข้าเรื่องอีกเพราะไม่ค่อยจะเชื่อไอ้เรื่องรักแท้ หรือรักแร้ แต่ฟังที่เจ๊วิเวียนพูดถึงผัวก็ท่าทางจะรักกันมาก ยิ่งคุยอวดว่าผัวแกดีอย่างนั้น เอาใจอย่างนี้ ตามประสาเด็กสาววัยขบเผาะ ก็อยากจะรู้ว่าคนเขารักกันได้ยังไง แต่หวังไม่ค่อยอินกับความรักของเจ๊วิเท่าไร ว่ากันแบบตรง ๆ หวังไม่ชอบมีผัวแก่นั่นแหละ
"เขาก็เป็นลูกค้าเก่าเจ๊น่ะ แหมจะบอกให้ว่ากว่าจะเป็นช่างหน้าช่างผมได้ มันก็ยากเหมือนกันนา"
"เจ๊ขาหนูอยากแต่งหน้าคนเก่ง ๆ สวย ๆ ทำผมเก่ง ๆ เหมือนเจ๊บ้างจัง" หวังเสนอตัว แต่เจ๊วิเวียนก็ไม่ได้พูดอะไร ตุ๊ดเด็กกว่าครึ่งประเทศ จะอย่างไรก็หวังจะเป็นช่างหน้าช่างผมกันทั้งนั้น
และท้ายงาน เจ๊หน่อยก็เอามงกุฎไปแดกเป็นที่เรียบร้อย พร้อมด้วยรางวัลขวัญใจมหาชนและรางวัลอื่น ๆ อีก เรียกว่าชะนียังแพ้เอากับแม่สิ
กาลเลยผ่านโดยมีการเรียนรด. เข้ามาเกี่ยวข้องและเมื่อกำหนดต้องไปฝึกที่เขาชนไก่มาถึง พวกเราก็พากันตื่นเต้นเสียจริง ๆ แต่หวังก็แอบกลัวนิด ๆ ด้วยว่าเวลาไปก็จะยกชั้นกันไปเป็นชั้น ๆ หวังจึงมีแต่เพื่อน ๆ รุ่นเดียวกัน โดยไม่มีบารมีคุ้มหัวจากพวกเจ๊ ๆ มาคอยช่วย
"อีดอก มึงกับกูเป็นบัดดี้นอนเต็นท์เดียวกันนะ" อีเมืองกระซิบกระซาบ
"ของมันแน่อยู่แล้วอีดอก" หวังตอบ และก้มหน้างุดลงกับพื้น อาศัยจังหวะนี้ ท่าทางจะอีกนานเพราะจ่าครูฝึกแม่งบ้าน้ำลาย และกะเทยจะอาศัยช่วงเวลานี้เติมแป้งเสียเลยด้วยว่าหน้ามันเป็นสังขยาหมดแล้ว และไอ้พวกเด็กช่างที่มันเหล่มองพวกเรา ก็คงจะหัวเราะเยาะ และเราจะทำให้มันพวกมันมาดูถูกไม่ได้แน่ ๆ
แป้งพัฟขนาดเล็กที่พกอยู่ที่อกเสื้อ ค่อย ๆ ถูกแงะออกมา อีจ่าก็เห่าไป อีกะเทยก็โบ๊ะแป้งกันไป ทั้งหวังทั้งเมือง ค่อย ๆ แตะพัฟนุ่ม ๆ ที่ใบหน้าละมุน จนเมื่อโดนสั่งให้ลุกขึ้นยืน สองสาวก็หน้าผ่องไม่มีเหงื่อไคลผิดกว่าคนอื่น ๆ หันไปมองคนข้าง ๆ ก็หน้าเป็นมันฟันเป็นยาง ดูไม่ด๊าย ดูไม่ได้
และอีตอนช่วงพัก หวังกับอีเมืองสองสาวและเพื่อนสาวต่างโรงเรียนและเพื่อนสาวโรงเรียนเดียวกันแต่อยู่ห้องอื่น ก็มารวมตัวกันกินน้ำอัดลมเย็น ๆ และเม้ามอยต่าง ๆ นานา
"นี่หล่อน ต้นเดือนหน้าก็ไปเขาชนไก่แล้วอ่ะ ตื่นเต้นเนอะ"
"จริงค่ะ" เมืองออกความเห็นและพยักหน้าเห็นด้วย
"งานนี้พวกชั้นไม่ยอมแพ้พวกหล่อนนะยะ ต้องแข่งกันล่าไม้ค่ะ รุ่นพี่ชั้นเล่าว่า ปีกลาย มีคนทำสถิติล่าไม้ได้สูงสุดสิบห้าไม้ค่ะ"
"บ๊า" หวังร้องกรี๊ดเสียงสูง มึงล่าไม้หรือมึงแข่งวิ่งวิบากอีดอก
"ชั้นหวังว่าจะได้สักสองสามไม้ก็พอ แต่ขอหล่อ ๆ โน่นดูอีตาตัวสูง ๆ ตรงโน้นโน่น" เพื่อนสาวต่างโรงเรียนกระซิบกระซาบนินทาแล้วก็บุ้ยใบ้ให้มองหนุ่มหล่อโรงเรียนช่างที่หล่อ ๆ แต่เป็นสไตล์ไทยบ้านซึ่งไม่ใช่สเปคของหวังค่ะ
"เอออีเมือง มึงว่าเป็นเรื่องจริงมั๊ยที่อีพี่เม่นน่ะถูกอีเจ๊สมศรีแดกตอนไปรด." หวังถามเพื่อนเพราะเรื่องเล่าที่อีเจ๊สมศรีสถบสาบานว่ากินงูพี่เม่นมาแล้วจริง ๆ ให้ดิ้นตาย
"อีดอก กะเทยเม้าให้หารร้อย ไอ้เรื่องกินงูนี่กูไม่เชื่อ แต่ถ้าเรื่องแอบเห็นงูอันนี้กูว่าน่าจะเป็นไปได้" เมืองออกความเห็นอีก และสาว ๆ ก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนานถึงเรื่องจะต้องไปเขาชนไก่ ลิสต์รายการกันไปว่าต้องเอาอะไรไปบ้าง ซึ่งกะเทยรุ่นพี่ก็สั่งเสียสืบทอดกันมาเช่น กางเกงในที่ให้ซื้อแบบทิ้งได้เลย เพราะจะไม่ได้มีเวลาซักผ้าซักผ่อน หรือให้เอาผ้าอนามัยสวมที่รองเท้า ไหนจะครีมกันแดดอีกล่ะ สารพัดเรื่อง
"อีคิด ไปรด. น่ากลัวป่าววะ?" หวังถามพี่ในคืนก่อนที่จะต้องออกเดินทาง
"ไม่น่ากลัวหรอก คนไปตั้งเยอะแยะ มึงก็แค่อย่าไปทำอะไรพิเรนทร์ ๆ ก็แล้วกันเช่นไปเยี่ยวแล้วไม่ขอเจ้าที่เจ้าทางอะไรอย่างเนี้ยะ" สองพี่น้องพูดคุยกันจนดึก และเมื่อตื่นตอนเช้าหวังก็แต่งชุดรด. เรียบร้อย ปอยผมตรงหน้าหนีบกิ๊บซ่อนให้ดิบดี ไม่อย่างนั้นจะโดนลงโทษเอา ยังไงปอยผมแค่นี้ก็ต้องถือว่าสวยละวะ ก็ไอ้พวกผู้ชายมันผมเกรียนกันหมด การมีปอยหวานเท่ากับสวยค่ะ
นั่งรถซึ่งปวดหลังชิบหาย และแดดก็ร้อนอย่างกะอยู่นรก พวกเราถูกนั่งให้ตั้งแถว และตามประสาการมีโรงเรียนอื่นอยู่ด้วยกว่าจะตั้งแถวได้แม่งก็โดนสั่งทำโทษกอดคอกันลุกนั่งจนปวดขาไปหมด
"เอาล่ะ ผมจะไม่เดินตรวจนะ แต่ใครรู้ตัวว่ามีอะไรที่ผิดระเบียบเช่นผมยาว หรือเอาของต้องห้ามมา ให้ลุกขึ้น" อีจ่าแก่ ๆ พูดเสียงดุ แล้วแม่งก็มองมาทางนักศึกษาวิชาทหารสาวเนื้อกรุบ ๆ สายตาแม่งเหมือนมีเรด้า จ้องแต่อีพวกนักศึกษาวิชาทหารหญิงซึ่งก้มหน้าก้มตาหลบสายตาหาเรื่องของอีจ่าแก่ ๆ
"ผมให้โอกาสครั้งสุดท้าย ผมจะนับหนึ่งถึงสาม หนึ่ง สอง สาม" อีจ่าพูดแล้วอีตุ๊ดใจหัวใจอ่อนก็เสือกลุกขึ้นยืน
"คุณผิดระเบียบอะไร?" อีจ่าถามเสียงดุจนคนฟังเยี่ยวแทบแตก อีผีนั่นก็เสือกถอดหมวกออกมาจนเห็นผมปอยหวาน
"มีใครผิดระเบียบอีกมั๊ย?" เสียงอีจ่าเค้นอีกและอีเหี้ยนั่นก็เสือกมองไปที่อีเมือง อีดอกนี่ก็โดนสะกดจิต เสือกลุกขึ้นยืนแล้วหันมาทางหวัง
"หล่อนลุกสิ" เอ๊าอีดอก โดนอย่างนี้หวังก็ต้องลุกตาม มึงเสือกพูดซะดังจนทุกคนมองกูเป็นตาเดียว
"ไปตัดผมมมมมมม" เสียงอีจ่าด่าลากเสียงยาวและพวกแก๊งปอยหวานก็กันเดินหน้ายุ่งไปตัดผม ซึ่งแม่งตัดแบบรีบ ๆ แหว่ง ๆ ด้วยอ่ะ หมดกันความสวยของกู
ฝึกหนักมาทั้งวันจนถึงตอนจะนอนพัก ชิบหายละ ไอ้ที่คุยกันไว้ว่าจะมานอนด้วยกัน เสือกโดนจับฉลาก อีเมืองซวยหน่อยโดนไปนอนกับเพื่อนห้องอื่น ยังดีที่ยังเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกัน ส่วนหวังได้นอนกับอีมนตรีหัวหน้าห้อง เอาวะอย่างน้อยมนตรีมันก็เป็นที่พึ่งของเพื่อน ๆ ได้ และเป็นผู้นำที่มีความเอื้ออารี
คืนนั้นไอ้ที่เขาเล่าว่าออกไปล่าม้งล่าไม้ หวังไม่ได้ไปกับเขาหรอก เหนื่อยจะตายห่าแล้วเนื้อตัวก็เหม็นเหงื่ออย่างกับอะไรดี หัวถึงหมอน ก็แทบจะหลับไปเลย คืนที่สองนึกสนุกก็เลยออกไปล่าไม้กับเขาด้วย แต่อีเปรตเมืองอีเหี้ยนี่สงสัยมันคงคิดว่าหวังเป็นชะนีแม่ลูกอ่อน อีเวรนี่เดินติดกับหวังแจ แล้วผู้ชายที่ไหนมันจะกล้าล่ะมึง ท้ายที่สุดก็กินแห้ว แต่ก็ต้องนับว่าเรื่องไปค่ายรด. เขาชนไก่ จะเก็บเอาไปพูดได้อีกนานแสนนาน
"มึง ๆ" หวังซึ่งนั่งมองอะไรไปเรื่อยเปื่อยกับอีเมืองแล้วกระซิบเรียกเพื่อน
"อะไรอีดอก"
"กูมีอะไรจะเล่าให้ฟัง พูดแล้วเหยียบเอาไว้เลยนะ" หวังกระซิบและไอ้การพูดแบบนี้ เมืองก็กระเด้งตัวขึ้นมาทันทีเหมือนโดนไฟจี้ตูด
"เหลาค่ะ"
"กูนอนเต็นท์เดียวกับอีมนตรี มึงว่ามั๊ยว่ามันแปลก ๆ"
"แปลกยังไง?"
"กูว่ามันไม่ใช่ชายแทร่" หวังออกความเห็นอีก
"แถลงไขค่ะ"
"ก็คืนที่สองกูหลับไปแล้ว แล้วดึก ๆ กูปวดเยี่ยว กูก็เลยลุกขึ้นมา ปรากฏว่าอีมนตรีมันไม่อยู่ กูก็ไม่ได้สนใจเดินออกมาเยี่ยว อีทีนี้ อีตรงหลังห้องน้ำที่เขาไปกินกันน่ะมึงกูเห็นเงาตะคุ่ม ๆ เยี่ยวเยิ่วกูนี่หดหมด แล้วกูเห็นอีมนตรีโขกผู้ชาย อีพวกเด็กช่างอ่ะ" หวังกระซิบกระซาบ เมืองตาเหลือก แล้วสองเพื่อนซี้ก็หัวเราะกิ๊ก เงียบ ๆ หงิม ๆ เสือกหยิบชิ้นปลามัน อีพวกออกตัวว่าจะล่าไม้ให้สุด ๆ เสือกนอนหลับไปซะอย่างนั้น กลับมาพร้อมช่องคลอดที่เยื่อพรหมจารีย์ยังปิดสนิทไม่มีอะไรแผ้วพาน เห้อ
"อีดอก อีหัวหน้าสุดท้ายก็เป็นอีเจ๊เหมือนพวกเราหรอกหรอ กูว่าแล้วเชียว มันชอบมาคุยกับมึงแล้วก็กู แต่อย่าไปล้อมันนะ คนเรามันก็คงมีเหตุผลอะไรของมันอ่ะ เผลอ ๆ ว่าไม่ได้นะ ปีหน้าหรือปีโน้น อีผีนั่นอาจจะจิกวิก ผ่านม ผ่ากีก่อนมึงกับกูก็ได้"
"จริงว่ะ แต่เอ๊ะ ไอ้บัดดี้ที่มันนอนเต็นท์เดียวกับมึงนี่มันยังไงกูเห็นมันมองมึงแปลก ๆ" หวังเค้น
"ไม่มี๊" เมืองปฏิเสธเสียงสูง
"อีดอก โกหกขอให้กีเน่า"
"เอ่อ อีดอก มันก็ไม่มีอะไรหรอก กูแค่แอบจับงูมันตอนมันหลับอ่ะ แม่งเสือกสู้มือกูด้วย แต่กูว่ามันไม่รู้ตัวหรอก"
"แน่เหรอ"
"แน่" เมืองรับคำอย่างแข็งแรง
"เอออีดอก ระวังเถอะไปจับเขาโดยที่เขาไม่เต็มใจ จากจับงูจะได้จับตีน"
"สัส" เมืองด่าแล้วสองเพื่อนรักก็หัวเราะกันเสียงขรม แข่งกับบรรดาชายแทร่ที่คุยกันอย่างออกรส ฟังจนหูกูชาไปหมดแล้ว