มีอันเป็นไป มันแซ่บ มันเป็ มันตัวโฮ่ง ที่เขาว่ามีลูกมันกวนตัวมีผัวมันกวนใจ แต่ความสวยมันเป็นอุปสรรคน่ะคุณน้า แต่บางคนก็ชอบ Sugar Daddy อันนี้มันก็เป็นไปได้ แบบบูรณาการ เราก็ไม่ว่ากัน
ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,รัก,ตลก,ไทย,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โดย Chavaroj
หรีดพร๊อมมมมมม (พร้อมมมมมมมมมมม)
กริ่งกระเด้ง สาม...สี่ กริ่งกระเด้ง เราสิเก่ง ใครมาเบ่ง...กระเด้งออกไป...กริ่งกระเด้ง กระเด้ง กระเด้ง เราสิเก่ง สิเก่ง สิเก่งใครมาเบ่ง มาเบ่ง มาเบ่ง กระเด้งออกไป
รัวมือ สามสี่ หนึ่งสอง หนึ่งสองสาม หนึ่งสอง หนึ่งสองหนึ่ง
เสียงแผดร้องแบบแปดหลอด ตะโกนออกมาจากคอหอยของเจ๊โหน่ง ซึ่งเป็นหัวหน้าหรีดในปีนี้ รองลงมาคืออีเจ๊หน่อย ซึ่งสวยงามเต้นเก่ง แต่ไม่เน้นตะโกนเพราะกลัวหลอดเสียงแตกเดี๋ยวจะแอ๊บเสียงไม่ได้
มีหรีดชะนีอีกสองตัวและ หรีดเก้งน้อยอีกสองตัวก็ไม่ใช่ใครที่ไหน อีหวังกับนังเมืองตัวดีนี่เอง ในฐานะกะเทยลูกเจี๊ยบ ซึ่งมีวี่แววว่าจะเติบโตเป็นกบ เอ่อ...ไม่สิ จะเติบโตเป็นนางหงส์ในอนาคต ก็จะต้องมาซ้อมหรีดเพราะอีกไม่นานก็จะมีงานกีฬาสีแล้ว และในฐานะตุ๊ดเด็กการได้เป็นเชียร์ลีดเดอร์ มันก็เป็นเกียรติ เป็นศักดิ์ศรี ไม่น้อยไปกว่าชายแทร่เป็นนักกีฬาที่ลงแข่งขันกันเลยทีเดียว
ขบวนการนางฟ้าย้ายที่ซ่องสุมจากโต๊ะริมสนามเปตองย้ายไปอยู่ลานเล็ก ๆ หน้าส้วมตึกเรียนสี่ ซึ่งไม่ค่อยมีคนเดินผ่านไปผ่านมา และการฝึกเชียร์หรีดเดอร์นี่มันก็ไม่ใช่แต่ได้สวยงามอย่างเดียวนะเธอ มันแลกมากับการฝึกหนัก ไม่ใช่หนักธรรมดา หนักมาก ๆ เพราะแขนแมนที่ต้องตั้งฉากสวย เอวต้องแอ่น ขาตรงอย่างสง่า ซึ่งเจ๊โบ๋กับเจ๊สมศรีก็ถึงกับลงมาเทรนตุ๊ดลูกอ๊อดด้วยตัวเอง
"อีดอกมือตก ตั้งหรีดดี ๆ"
"เต้นให้พร้อมกันสิอีพวกหอยนี่ซ้อมสามรอบแล้ว"
"อีพวกเหี้ยนี่เต้นยึกยัก ๆ อย่างกะไส้เดือนโดนขี้เถ้า เต้นหรีดนะคะ ไม่ใช่หน้าหมอลำซิ่ง เต้นสวย ๆ สิโว้ย ต้องสง่าคร่า"
ซึ่งหวังเองก็อยากจะด่ากลับอีพวกห่านี่เพราะมึงนั่งอยู่เฉย ๆ ไง แต่กูจะตายแล้วอีดอกทอง ทุกคืนต้องวานให้อีคิดเอายาแก้ปวดมาทาให้ บางคืนฝึกหนัก ถึงกับนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ เพราะกล้ามเนื้อระบมกันเลยเชียวล่ะ แถมแม่ก็บ่นเสียสามวันติด ๆ เพราะต้องเสียอีค่าชุดหรีดห่านี่ตั้งห้าร้อย ซึ่งไม่ได้กลับมาใส่ซ้ำซะด้วยเพราะต้องเช่าเขาเอา
ที่สนุกที่สุดตอนไปเต้นหรีดก็คือข้างสนามบาสเพราะอีพี่เม่นอยู่สีเดียวกับพวกเราซะด้วย งานนี้เต้นกันขาดใจ ยิ่งตอนที่ชู้ดลูกลงห่วงได้ อีหรีดก็ดิ้นตัวแทบหัก ส่วนอีกองเชียร์ก็ตบมือจนมือแทบแตก แน่นอนว่าต้องได้รางวัลเหรียญทอง แต่ที่มีเลิศกว่านั้นก็คืออีตอนที่อีพี่เม่นมันพักเหนื่อย ชายเสื้อนักกีฬาตัวหลวมโคล่งถูกถกขึ้นมาเช็ดเหงื่อจนเห็นซิกแพคแน่น ๆ เป็นลูก ๆ พร้อมกับไรขนอ่อน ๆ ที่เลื้อยหายไปที่ขอบกางเกง แถมมีขอบกางเกงชั้นในสีขาวแพลมขึ้นมาน้อย ๆ ใครเห็นก็กรี๊ด แม้แต่หวังเองยังกรี๊ดเลย ถึงจะไม่ใช่สเปคเท่าไร เพราะหวังไม่ชอบคนมีอายุกว่า แต่คนหล่อระดับเทพ มันก็ต้องมีข้อยกเว้นกันบ้าง
เมื่อสนุกกับกิจกรรมซึ่งหวังชอบเหลือเกิน วันจริง เจ๊วิเวียนมาแต่งหน้าทำผมให้ซะด้วย ซึ่งหวังเองได้สัมผัสการใช้รองพื้นแบบถูกวิธีก็คราวนี้ ไหนจะเฉดดิ้ง ไหนจะการตบแป้งจนหน้าเนียน แต่ที่สนุกกว่าก็คือการนั่งมองเจ๊วิเวียนแต่งหน้าให้คนอื่น ๆ ด้วยโดยเฉพาะชะนีที่ต้องคัดเบ้า
"เจ๊ให้อีหวังมันช่วยเขียนคิ้วมั๊ยมันเขียนเก่งนะ" เจ๊โหน่งบอกกับเจ๊วิเวียนเพราะงานนี้งบมันจำกัดจำเขี่ย ช่างหนึ่งคนต่อคนหกคน เขารับมาทำให้ก็บุญหัวแล้ว เจ๊วิทำท่าอยากจะแปลงกายให้มีมือสักสิบมือ จะได้แต่งหน้าทัน นี่ยังดีว่าผมชะนีใช้รวบเรียบ ๆ นะ
"เออเอาสิดินสอเขียนคิ้วอันนี้นะ" เจ๊วิว่าและวาดคิ้วให้ดูหนึ่งช่าง ส่วนอีกข้างให้หวังมันวาดตาม ซึ่งหวังก็ทำได้ดี๊ดีจนเจ๊วิเอ่ยปากชม
"อีหวังมันมีฝีมือนะเนี่ย ท่าทางจะมีพรสวรรค์" คนพูดก็พูดไปเรื่อย แต่อีคนฟังหัวใจมันพองฟู
"เจ๊พูดจริงหรือพูดเอาใจหนูเนี่ย" หวังมันพูดไปตัวก็บิดเกลียวไป เพราะเขิน
"ไม่จริงมั้งอีดอก จะให้กูบอกว่ามึงฝีมือเหี้ย เขียนคิ้วเหมือนเขียนหมอยมั้งอีผี ไม่ต้องดัดจริต ไปเขียนให้เพื่อนอีกคนโน่น" เอ๊าชมอยู่ดี ๆ ด่ากูเฉย หวังก็เลยไปเขียนคิ้วให้เพื่อนชะนีอีกคน ต่อเมื่อเขียนได้ข้างหนึ่งก็ให้เจ๊วิตรวจงาน
"สวยเขียนปลายให้มันชัดกระดกได้อีกนิดนึงจะได้หวานๆ อย่ากระดกมากอีดอกเดี๋ยวเหมือนหรีดตกกะใจตลอดเวลา" เจ๊วิคอมเม้นต์ และเมื่อเขียนเสร็จสองข้างเจ๊วิก็จิ๊ปากและยกนิ้วโป้งให้ นิ้วโป้งมือนะไม่ใช่นิ้วโป้งตีน
จบงานกีฬาสีที่เหนื่อยชิบหาย แต่ก็สนุกสุด ๆ เหมือนกัน พวกเรากลุ่มสาว ๆ ก็เลยต้องไปเลี้ยงฉลองกันสักหน่อย ไปกันกลุ่มเล็ก ๆ นี่แหละที่บ้านของเจ๊โหน่งที่อยู่กับยายกันแค่สองคน ใกล้โรงเรียนชนิดเดินไปกลับได้ แต่หวังก็สงสัยว่าทำไมอีเจ๊โหน่งบ้านอยู่ใกล้แค่นี้แต่แม่งมาโรงเรียนเอาเกือบเคารพธงชาติโน่น
จริง ๆ ในงานนี้ก็ไม่ได้กินเลี้ยงหรูหรา หรือใหญ่โตอย่างหมูกระทะอะไรหรอกเพราะแต่ละคนก็เป็นนักเรียนไม่ได้มีเงินทองมากมาย ซื้อขนมกันมาคนละถุงคนละห่อแล้วก็เอามาสู่กันกิน ต้มหม้อต้มไฟฟ้าใส่มาม่า มันตรงห้องรับแขกนี่ล่ะ เสียงเม้า เสียงคุยกรี๊ดกร๊าดดังแสบแก้วหู แต่ยายของเจ๊โหน่งก็ไม่ว่าอะไร แถมนั่งดูพวกเราแล้วก็ยิ้ม ๆ ไปด้วย แกว่าสนุกดีครึกครื้นดี ไม่อย่างนั้นบ้านมันเงียบ ไป ๆ มา ๆ บ้านของอีเจ๊โหน่งก็เลยมักจะกลายเป็นแห่งซ่องสุมของพวกกะเทยเด็กไปโดยปริยาย
แต่หวังไม่ค่อยจะได้มาหรอก ต้องนาน ๆ ทีเพราะมีภารกิจที่สำคัญซึ่งมันเป็นเรื่องที่หวังกับอีคิดสุมหัวกันคิดแล้วก็ลงมือทำในที่สุด
เรื่องมันก็มีอยู่ว่า ไอ้ร้านขายผักของแม่น่ะ มีแต่ผักดี ๆ ผักสด ๆ ซึ่งในตอนนั้น มันญี่ปุ่นเพิ่งจะเข้ามา ขายดิบขายดี แม้จะราคาค่อนข้างสูง ไหนจะข้าวโพดหวานซึ่งแม่เคยเอามาต้มให้เรากิน มันก็โคตรจะหวานอร่อยแบบกินแล้วไม่กินข้าวก็ได้ สองพี่น้องไปเล็งที่ไว้แห่งหนึ่งตรงกลางซอยฝั่งตรงข้าม หน้าร้านนวดซึ่งแม่ไปนวดบ่อย ๆ จนสนิทกัน หน้าร้านเขาให้เช่าที่ขายของตอนเย็น ๆ แล้วตรงนั้นก็เป็นดงหมอนวด เป็นทางผ่านสำหรับคนไปทำงานและตอนเลิกงาน ของกินต่าง ๆ จึงขายดี
คิดที่ชอบไปช่วยพ่อกับแม่เก็บของ และบางทีก็ไปช่วยพ่อลงผักด้วย เกิดไอเดียอยากจะขายของเพิ่มเติมจะได้มีรายได้พิเศษไว้ซื้อของสนองตัณหาเล่น จึงชวนน้องสาวคนสวยไปคุยกับป้าเจ้าของร้านนวด พูดคุยซักถามและต่อรองราคา โดยตัดสินใจจะเปิดร้านขายข้าวโพดต้มกันในเย็นวันพุธ แค่อาทิตย์ละหนึ่งวันก่อน เพราะแผงที่มาเช่าประจำหยุดในวันนั้น
"วันเสาร์ วันอาทิตย์ก็ว่างนะ ถ้าอยากจะมาขายก็บอกป้าได้" ป้าเจ้าของร้านนวดแกว่า แต่อีคิดแค่อยากลองดูก่อน งานนี้ถึงกับกู้เงินแม่ซื้อเตาแก๊สใบย่อม ส่วนหม้อต้มหม้อนึ่ง โต๊ะ เขียง มีด ถุง เอาของแม่มาใช้ก่อน ซึ่งแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ออกจะสนับสนุนด้วยซ้ำ
แค่ข้าวโพดต้มธรรมดามันธรรมดาเกินไป คนขี้เกียจน่ะมันมี คิดก็เลยออกไอเดียให้ใช้มีดหั่นไปเลย แล้วลงทุนซื้อน้ำตาลกับมะพร้าวขูด ที่ผสมงาคั่วเล็กน้อย วันแรกลงของไม่เยอะ เอาข้าวโพดลงห้าสิบฝักก่อน ขายฝักละยี่สิบ ต้นทุนฝักละสี่บาทกว่า ขายจากห้าโมงถึงสองทุ่ม แต่ปรากฏว่าขายวันแรก หกโมงกว่า ๆ ข้าวโพดห้าสิบฝักก็ไม่พอขายต้องโทรศัพท์ไปบอกพ่อให้ขนข้าวโพดมาให้อีกหน่อย ต้มไปขายไป ขายดิบขายดี จนสองพี่น้องช่วยกันมือเป็นระวิง หั่นข้าวโพดแทบไม่ทัน ไหนจะคิดเงินไหนจะทอนเงิน คืนนั้นขนของกลับบ้าน เหลือข้าวโพดที่ต้มสุกแล้วและขายไม่หมดสองฝัก แดกเองแม่งซะเลยเอาฤกษ์เอาชัย กลิ่นข้าวโพดต้มที่คิดมันแอบใส่เนยลงไปในน้ำด้วยกลิ่นข้าวโพดพร้อมกับเนยหอม ๆ ฟุ้งไปทั้งซอยใครผ่านมาก็กลืนน้ำลายจนต้องเข้าแถวต่อคิวซื้อกันเชียวล่ะ
"ขายดีจังว่ะอีคิด หายเหนื่อยเลย" หวังออกความเห็นและคิดก็พยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม กลับถึงบ้าน ก็ทำบัญชีกันแบบโง่ ๆ หักโน่นหักนี่ จนคิดมันยื่นเงินให้หวังร้อยห้าสิบ หวังก็ดีใจจนยิ้มปากฉีกแทบถึงรูหู เงินที่เหลือหักคืนแม่ แล้วก็เก็บไว้ทำทุน นี่แค่ขายอาทิตย์ละวันเองนะ
"ขายวันเสาร์วันอาทิตย์ด้วยเลยดีไหมวะ?" หวังปรึกษา
"ใจเย็น ๆ ค่อยเป็นค่อยไป ทำอย่างกะมึงว่างมาก ไหนจะซ้อมหรีด ไหนจะไปเที่ยวบ้านเพื่อน" คิดบ่น เพราะพักหลัง ๆ หวังไล่ให้คิดกลับบ้านคนเดียวบ่อย ๆ
"เออน่า หมดงานหรีดแล้วคราวนี้ก็เป็นไทยแล้วล่ะ" หวังว่าอย่างเซ็ง ๆ และเมื่อหมดงานกีฬาสีคราวนี้สองพี่น้องก็ขายของมันสามวันไปเลย เหนื่อยชิบหายแต่โคตรสนุกและรู้สึกตัวเองร่ำรวยขึ้นมาเป็นอันมาก หวังเองไม่ค่อยเท่าไรเพราะรับเงินส่วนแบ่ง แต่คิดมันต้องหักโน่นหักนี่มากหน่อย เพราะกลัวลืมแล้วจะเข้าเนื้อ
มีเงินใช้คล่องมือ แรก ๆ หวังมันก็เพริดไปเหมือนกัน อะไรไม่เคยมี อะไรไม่เคยใช้ ก็จะขอมีคราวนี้ล่ะ จากลิปสติกซึ่งแถมจากแป้งสปริงซอง ขวัญก็ถึงกับชวนอีเมืองไปซื้อเครื่องสำอางกันถึงเคาน์เตอร์กันเลยเชียวล่ะ ยืนบิดยืนเลือกกันอยู่นาน จนได้ลิปกลอสที่บีเอว่าทาแล้วปากชุ่มฉ่ำ เจือสีชมพูระเรื่อที่ริมฝีปากราวกับกลีบกุหลาบยามเช้าเมื่อต้องกับหยดน้ำค้างทีเดียว
"อีดอกกูว่าทาแล้วมึงไม่ต้องทำปากเจ่อแบบนั้นก็ได้ กลัวคนเขาไม่รู้หรือไง แล้วอย่าทาเยอะ คนเขาจะนึกว่าแดกหมูกรอบมา มันแผลบเชียว" อีเจ๊โบ๋คอมเม้นต์ ซึ่งเมินซะเถอะ หวังไม่สนค่ะ เพราะความสวยนำมาซึ่งความอิจฉา และอีเจ๊โบ๋ที่หน้าเหมือนคางคกถูกรถทับย่อมอิจฉาความงามของหวังจนต้องเอ่ยปากติ ทาลิปกลอสที่ว่าและเผยอปากทั้งวันจนหวังชักจะเมื่อยปากเหมือนกัน แต่ของอย่างนี้ อยากสวยมันก็ต้องอดทนโว้ย เหมือนสมัยก่อนที่ผู้หญิงอยากเอวคอดก็ต้องสวมคลอเซ็ตจนเอวกิ่ว ผลที่ได้คือสวยจนเป็นลม หรือถึงตายห่าก็มีเห็นเขาว่าไว้ว่าเป็นลมตาย
"อีห่าเงินทองได้มาเก็บบ้างไม่ใช่เอาไปใช้สุรุ่ยสุร่ายหมด" คิดมันเตือนเมื่อเห็นหวังเพริดไปกับเงินทองที่รู้สึกว่าจะหาง่ายเหลือเกิน
"แล้วตัวเหอะ ได้เงินมาจะเอาไปทำอะไร?" หวังถามอีคิดซะเลย
"ก็เก็บไว้ แล้วก็กะว่าจะซื้อมือถือสักเครื่องนึง" คิดมันตอบและหวังก็คิดว่ามันก็เข้าที มือถือดี ๆ เดี๋ยวนี้ก็ไม่แพงมาก เครื่องละสามสี่พันก็อยู่แล้ว ทำงานขายของแค่ไม่กี่เดือน ก็น่าจะได้ และหวังก็คิดว่าจะลงทุนซื้อมือถือเหมือนกันเล็ง ๆ ไว้ที่ห้างฝั่งตรงข้ามบ้าน ยามท้อใจก็ไปเดินเฉี่ยวให้เห็นโทรศัพท์รุ่นที่ตัวเองอยากได้ ซึ่งทุก ๆ วันมันก็เข้าใกล้ไปทุกที
ยิ่งคิดซึ่งเก็บเงินเก่งกว่า ใช้เวลาสามเดือนจึงถอยโทรศัพท์มาได้ ลองเอามาเล่นอวดและใจดีลองให้หวังเล่นบ้าง ซึ่งมันเริดอีตรงที่เราเข้าไปดูคลิปโป๊ได้แบบไม่ต้องแอบไม่ต้องซ่อนกันล่ะ อย่ามาดัดจริต ใครไม่เคยดูคลิปโป๊ก็ให้สาบานกันออกมา
กว่าจะเก็บตังค์จนซื้อโทรศัพท์ได้ก็ปิดเทอมโน่น ก็ดีเหมือนกัน ปิดเทอมไม่ได้เจอเพื่อน ๆ พี่ ๆ ก็มีโทรศัพท์เอาไว้เล่นแก้เหงา เอาไว้ดูยูทูบ เอาไว้โพสต์รูปอวดเพื่อน เอาไว้ฟังเพลง ดีจะตาย ตอนนี้ทีวีที่บ้านแทบจะเหงาตายเพราะแต่ละคนมีโทรศัพท์คนละเครื่อง ยามว่างก็เล่นกันไปเงียบ ๆ จนหวังกับคิดนึกสนุก เล่นละครคุณธรรม ทำคลิปลงติ๊กต๊อก หรือทำคลิปเต้นแร้งเต้นกา แบบอาอึ้มแม่ของเฮียตี๋ซะเลย บางทีก็ไปฟีทเจอริ่ง เต้นกับเขาด้วย จนยอดติดตามของสองเด็กชักจะเยอะขึ้นทุกที
"มึงอาอึ้มเขาทำคลิปขายของที่ร้านเขา มึงก็ทำบ้างสิ" หวังยุให้คิดทำ แล้วคิดมันก็บ้ายอ ทำจริง ๆ ซะด้วย ไลฟ์ขายผักแม่งที่แผงนี่แหละ ผักสด ๆ จากสวนที่เนเธอแลนด์ คิดมันก็พูดโอเว่อร์ แต่มันก็ตลกดีจริง ๆ สองพี่น้องเม้าขายของจนแม่ที่ฟังไปก็หัวเราะไป และตอนเย็นที่ไปขายข้าวโพด ก็ไฟล์ขายมันไปด้วยนี่แหละให้คนเขาเห็นว่าร้านของเราขายดิบขายดี และถ้าเป็นวันเสาร์ วันอาทิตย์ ก็จะมีมันญี่ปุ่นที่นึ่งจนได้เนื้อฉ่ำหวานละมุน มาขายด้วย แถมไม่ได้ขายถูก ๆ เพราะรับมาแพง ขายเป็นหัว ๆ มันนี่แหละ ลงทุนซื้อกล่องพลาสติกมาใส่ ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะมันมาเป็นฤดูกาล จนหน้ามันญี่ปุ่นหมด อีคิดก็เลยเอาฟักทองญี่ปุ่นมานึ่งขายซะเลย
"ฟักทองอะไรของมึงวะ?" หวังถามอย่างสงสัย ๆ
"เขาเรียกฟักทองสปาเกตตีอีโง่" คิดบอกและสาธิตการทำให้มันน่ากินให้หวังดูซะเลย ผ่าครึ่งแงะเม็ดออก แล้วก็ใช้ช้อนส้อมขูด ๆ จนมันเป็นเส้น ๆ ขายดีเหมือนกันแต่แพงจนคิดว่าไม่น่าคุ้ม นาน ๆ จะเอามาขายสักที แต่ข้าวโพดหวานซึ่งขายดีอยู่แล้ว วันหนึ่งก็มีเพื่อนคือข้าวโพดข้าวเหนียวซึ่งฝักเป็นสีขาว แม้ฝักจะเล็กกว่าข้าวโพดหวาน แต่มันอร่อยกว่า มันหนึบ ๆ สู้ลิ้น ไม่เหมือนข้าวโพดหวานฝักสีเหลือง ๆ ซึ่งนิ่ม ๆ หอม ๆ แต่ของอย่างนี้มันก็แล้วแต่รสนิยมของคน ใครใคร่แดกอะไรก็แดกตามนั้นแหละค่ะ
จนเมื่อเปิดเทอมใหม่ชั้นมัธยมห้า หวังซึ่งตอนนี้ทำงานพิเศษหาเงินได้เอง และเลื่อนขั้นมาเป็นรุ่นพี่เขาหนึ่งปี ก็รู้สึกว่าตัวเองชักจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมานิดหนึ่ง เช้าวันแรกของการเปิดเทอมหวังก็รีบมาแต่เช้าตรู่ยังเก้าอี้และโต๊ะสนามตัวเดิมซึ่งตั้งอยู่ใต้ร่มไม้ครึ้มริมสนามเปตองและร้านน้ำ
"อีหวัง อีดอก แหกกีมาแต่เช้าเลยน๊า" เสียงอีเมืองทักแต่ไกล
"กะเท๊ยยยยย อีกะเทย" หวังตะโกนเสียงดังสุดคอ
"มึงสิกะเทย"
"มึงสิกะเทย"
"อีดอกมีใบมั๊ย อีปราชิก กูจะแจ้ง"
เถียงกันไปเถียงกันมาด้วยเวิร์ดดิ้งแสนฮิต และตราบใดยังมีกะเทย ก็จะมีมีมนี้ไปอีกนานเท่านาน จนเมืองมันทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ แล้วก็เริ่มเม้าคนโน้นคนนี้กันอย่างออกรส ไม่นานเหล่าก๊วนสาวเทียมก็ค่อย ๆ สุมตัวขึ้นโดยแน่ล่ะปีนี้เจ๊โหน่งกับเจ๊หน่อยเป็นพี่มัธยมหก จึงถูกแต่งตั้งให้เป็นนางฮายิน่าจ่าฝูง และใช้เวลาเพียงสามวัน ตุ๊ดเด็กกระดูกอ่อนมัธยมสี่ก็เข้ามาอยู่ในแก๊งด้วยกันอีกสามตัว เก่าไปใหม่มา สนุกเหมือนเคยและเรื่องราวครั้งเก่า ๆ ไม่ว่าจะวีรกรรมตอนไปเขาชนไก่ หรือตอนกีฬาสี ก็จะเอามาเล่าสู่กันฟังเป็นที่สนุกสนาน
เปิดเทอมใหม่ ไม่ได้จะมีแต่ตุ๊ดตัวใหม่ ๆ ผู้ชายก็มีเหมือนกัน และที่หล่อล่ำท่าทางจะมาแทนอีพี่เม่น ก็คือน้องธเนศ ห้องคิงซะด้วย
"มึงน้องธเนศหล่อจังอ่ะ เห็นเขาว่าเป็นนักบอลด้วยกูอยากโดนน้องเขาเตะว่ะ" หวังเพ้อลม ๆ แล้ง ๆ เด็ก ๆ เนื้อกรุบ ๆ หวังละอยากกิน
"ตีนเขาหนักนะมึง ดูสิ แม่งขึ้นมอสี่แต่เสือกสูงเข้าไปร้อยแปดสิบเซ็นแล้วมั้งนั่น" เมืองกระซิบ
"โอ๊ยเจ๊หวัง อีธเนศน่ะ มันอยู่ห้องเดียวกับหนู ไม่ใช่แค่สูงนะคะ งูก็ใหญ่ยาวค่ะ ยาวอย่างงี่" พูดแล้วอีกัสกะเทยเด็กใส่แว่นกลมหนา ก็เม้าอย่างออกรส ดูท่ามันจะซ้ำรอยเหมือนรอยอดีตยังไงก็ไม่รู้
"หล่อนไปรู้เขาได้ยังไงอีหอย" เมืองมันหมั่นไส้เลยซัก
"ก็ตอนอยู่โรงเรียนเก่า หนูก็อยู่ห้องเดียวกับมันน่ะ มาโรงเรียนใหม่ก็เสือกเจออีเปรตนี่อีก อีเหี้ยนี่หล่อแต่เลว ฟันสาวไปทั่วก็อีพวกชะนีใจแตกแหละเอามาเม้ากันจะตายว่าอีธเนศน่ะมันงูใหญ่งูยาว งูอนาคอนด้าแต่มันเกลียดกะเทย แม่งเคยมีคนไปลวนลามมัน อีธเนศมันกระทืบเอาเลยนะคะจริง ๆ หนูไม่ได้พูดเกินกว่าเหตุ" อีกัสสาธยาย เล่นเอาอีเมืองหัวหด
"เจ๊ชอบคนเลวค่ะ กระทืบเจ๊เลยน้องธเนศขา" หวังมันเพ้อ จนเมืองกับอีกัสค้อนด้วยหางตาและทำปากคว่ำ
"แล้วหล่อ ๆ แต่นิสัยดี ๆ ไม่มีบ้างหรอนังกัส?" เมืองถามรุ่นน้องอีก
"มีค่ะ อีเปาไง มันอยู่ห้องควีน มันหล่อนะ สูงขาวตี๋ใส่แว่น แต่เสียอย่างเดียว มันอ้วน" กัสมันว่าและอีเปาอะไรนั่นก็เดินอ้วน ๆ ผ่านหน้ามาพอดิบพอดี
"อีเปา ๆ มานี่หน่อยดิ๊" อีกัสกวักมือไหว ๆ เรียกไอ้เปาอะไรนั่นที่หน้าแม่งอย่างกะซาลาเปามาใกล้ ๆ
"หวัดดีกัส" เปามันทักหน้ายิ้ม ๆ
คุยอะไรตามประสาคนรู้จักเรื่องการบงการบ้านไม่กี่คำไอ้เปาหมีขาวมันก็เดินจากไป พ้นระยะได้ยินว่าถูกนินทา สามคนก็สุมหัววิพากษ์วิจารณ์ทันที
"ก็หล่อนะ แต่อ้วนไปว่ะ ถ้าผอมลงกว่านี้สักสิบยี่สิบโลนี่คือน้องธเนศแพ้นะยะ" เมืองมันว่า
"กูรักน้องธเนศ" หวังยืนยันกับรักแรกพบ รักแบบตบจูบ รักแบบจำเลยรัก และหวังกำลังจะกลายเป็นโสรยา กักขังฉันเถิดกักขังไป ขังตัวอย่าขังหัวใจดีกว่า อย่าขังหัวใจให้ทรมาน ให้ฉันเศร้าโศกาเหมือนว่าฉันเป็นเช่นดังจำเลย
"เปามันนิสัยดี หนูรู้จักมันที่ไปเรียนพิเศษน่ะ ไม่รังเกียจกะเทยตุ๊ดแต๋ว ไม่รู้มันเป็นเก้งป่าวนะ" กัสมันพูดไปเรื่อยเจื้อย
"เจ๊ชอบหล่อ ๆ เลว ๆ ค่ะ ฝากบอกน้องธเนศด้วย ว่าเจ๊รัก รักมาก รักแบบยอมทุ่มทุน"
"อีดอกเพ้อเจ้อ ไปค่ะไปเข้าแถว เดี๋ยวแม่มึงได้แดกหัว อีดอก" เมืองด่าแล้วก็เก็บข้าวของลงกระเป๋า พร้อมกับลากหัวอีกะเทยใจแตกที่ตกหลุมรักหนุ่มแบดบอยเข้าให้แล้ว คราวนี้ล่ะจะเสียผู้เสียคนกันล่ะ