มีอันเป็นไป มันแซ่บ มันเป็ มันตัวโฮ่ง ที่เขาว่ามีลูกมันกวนตัวมีผัวมันกวนใจ แต่ความสวยมันเป็นอุปสรรคน่ะคุณน้า แต่บางคนก็ชอบ Sugar Daddy อันนี้มันก็เป็นไปได้ แบบบูรณาการ เราก็ไม่ว่ากัน
ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,รัก,ตลก,ไทย,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โดย Chavaroj
เช้ามืดแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นจะมัวมาอ้อยอิ่งอยู่ไม่ได้หรอก เพราะไม่อย่างนั้นต้องทนเสียงบ่นเสียงด่าของอีคิตตี้ที่นับวันยิ่งแสดงสายเลือดของยายปลาคือบ่นเก่งที่หนึ่ง ด่าก็เก่งไม่เป็นรองใครจะเป็นรองก็เห็นจะมีแต่ยายปลานั่นแหละเพราะเป็นแม่ลูกกัน
"หล่อนไม่ลืมอะไรแล้วนะยะ" คิตตี้มันหันมาถามน้องเสียงแว๊ด ๆ
"อือไม่มีอะไรหรอกมั้งถ้าลืมก็ยืมมึง หรือไม่ก็ซื้อใหม่" หวังตอบ ไอ้ของที่สำคัญน่ะมันคือโทรศัพท์มือถือ สายชาร์จและที่สำคัญรองลงมาคือพาวเวอร์แบงก์ เผื่อไอ้ต้าวเปามันโทรมาแล้วแบตหมด เป็นอันว่าจะงอนกันเสียเปล่า ๆ ปลี้ ๆ หวังก็เลยคิดว่าต้องเตรียมไอ้ของพวกนี้ตั้งแต่เมื่อคืน นี่ยังไม่นับรวมถึงเสื้อผ้าอีกสองสามชุดที่จะเอาไว้ใส่ที่บ้านสวน แล้วกะจะทิ้งไว้ที่โน่นเลยดูท่าถ้าทุเรียนขายดีคิตตี้มันคงไปรับมาขายจนหมดฤดูแน่ ๆ
หน้าที่ของหวังคือต้องนั่งรถไปเป็นเพื่อนอีคิตตี้มันแต่เช้ามืด จะหลับบ้างก็ไม่เป็นไร แต่เพื่อความปลอดภัยก็ชวนมันคุยโน่นคุยนี่ คิตตี้มันก็คงจะชินเสียแล้วเพราะงานที่ทำทุกวันก็คือการตื่นตั้งแต่ตีสามไปตลาดเพื่อไปรับผัก นี่ออกกันมาตีสี่ นับว่าคิตตี้มันเมตตาน้องมากแล้ว
การไปครั้งนี้จุดประสงค์ก็คือเพื่อไปรับทุเรียนจากที่สวนมาขาย ป้าปูใจดีตัดและคัดไว้ให้แล้ว ส่วนเรื่องเงินก็ให้ขายให้หมดเสียก่อนแล้วค่อยเอาเงินมาใช้ให้ป้าปูกับลุงกุ้งแก ทุเรียนโลละร้อยกว่าบาท คิตตี้หัวการค้ามันกะว่าจะเอาไปขายตรงที่ขายข้าวโพดต้มนั่นแหละ ช่วยกันแกะช่วยกันขายสองคนพี่น้อง ขี้คร้านจะแกะไม่ทัน ช่วงนี้ก็จะหยุดขายข้าวโพดไปก่อน เพราะทุเรียนได้กำไรเป็นกอบเป็นกำกว่าแน่ ๆ ขนาดทุเรียนลูกย่อม ๆ ยังลูกละเป็นร้อย ๆ ถ้าลูกโต ๆ เนื้อหนา ๆ ลูกละเป็นพันก็มี แต่ลูกค้าก็ไม่ต่อรองเลยเพราะทุเรียนที่เอามาขายคัดมาแต่เนื้อดีเนื้อหนึ่ง ซื้อแล้วคุ้มค่า
จะดีจะชั่วทั้งสองก็เป็นลูกหลานคนจันท์ วิ่งเล่นในสวนทุเรียนมาตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก ทุเรียนสุกแก่แค่ไหนแค่ดูก็รู้แล้ว ยิ่งทักษะในการปอกทุเรียนด้วยล่ะก็ ทั้งสองพี่น้องก็แทบจะสูสีกันเลยเชียว เคยปอกทุเรียนแข่งกันด้วยซ้ำ ตอนที่ทุเรียนมันหง่อมจัดเพราะเก็บไม่ทัน เลยต้องมาช่วยกันแกะเพื่อทำทุเรียนกวน ไม่ต้องเอาไม้มาตีป๊อก ๆ เพื่อฟังเสียงก้อง ๆ ของมัน ใช้ประสบการณ์จากการดูก็เหลือจะพอ
นึกเบื่อขึ้นมาบางทีป้าปูแกก็ใช้ให้สองพี่น้องไปเก็บทุเรียนที่ยังไม่สุกดี เอามาหั่นแล้วก็ทอดกรอบ ให้หลานเอาไว้กินที่บ้านอ่อนนุชแก้คิดถึง หรือไม่ก็เก็บทุเรียนอ่อน ๆ ที่ไม่รักดีตกลงมาก่อนเวลา เอามาทำแกงคั่วทุเรียนอร่อยจะตายไป ถ้าไม่ใช่ลูกหลานคนบ้านสวนให้ตายก็ไม่มีบุญได้กิน
ในสวนของที่บ้าน มีผลไม้เยอะแยะ สุดจะนับหวาดไหว อย่างระกำที่เปรี้ยวแสนเปรี้ยว ป้าปูก็ยักย้ายเอามาทำน้ำพริกระกำ กินกันจนข้าวขอดหม้อขอดไห หวังรู้สึกได้เลยว่ากลับจากจันทบุรีทีไรน้ำหนักตัวขึ้นท่าจะหลายกิโล
แวะพักที่ปั๊มข้างทางใกล้จะถึงจันทบุรีแล้ว แวะกินกาแฟเย็น เดินยืดเส้นยืดสายและถ่ายหนักถ่ายเบาให้เรียบร้อย จะได้เดินทางกันต่อ
"เดี๋ยวกูขับรถต่อให้ก็ได้ ตรงนี้รถไม่เยอะ จะได้ฝึกขับรถไปด้วยในตัว" หวังอาสา เพราะจริง ๆ ทุกปิดเทอมก็ลงมาขับรถชักเข้าชักออกในสวนหลายทีแล้ว จะได้ออกถนนใหญ่ก็มีบ้างแต่หวังก็ไม่ค่อยชำนาญด้วยว่าไม่ค่อยได้ฝึกนั่นเอง
"ลองก็ได้" คิตตี้ซึ่งอยากพักเหมือนกันอนุญาต เพราะพระอาทิตย์ขึ้นสว่างที่ขอบฟ้าแล้ว แสงเรื่อ ๆ สีส้มอมเหลืองค่อย ๆ ส่องสว่างให้ถนนกระจ่างชัด สองพี่น้องขับรถกันไป ร้องเพลงกันไป แน่นอนว่าต้องเป็นเพลงดีว่า ที่โปรดหน่อยก็คือเพลงของนิวจิ๋ว หวังเป็นนิวและคิตตี้เป็นจิ๋ว แต่สารภาพตรง ๆ แยกเสียงกันไม่ค่อยได้หรอก แย่งร้องกันมั่งสลับกันมั่งแต่มันก็สนุกดี ปิดท้ายด้วยเพลงเมล่อน และฟ้ารักพ่อเพลงโปรดของอีคิดมัน
ผ่านถนนเส้นในเมือง คิตตี้มันก็โทรศัพท์ไปบอกป้าปูว่าใกล้จะถึงแล้ว เสียงดังออกมาจากลำโพงท่าทางแกดีใจตื่นเต้นใหญ่ เพราะป้าปูแกรักหลานและคิดถึงหลานจะแย่
"เดี๋ยวก็ถึงแล้วจ้าป้าจ๋า" คิตตี้ว่าและพยายามตัดบท ป้าปูแกคุยอวดว่าทำกับข้าวไว้ให้กินหลายอย่าง หมูต้มใบชะมวงละหนึ่ง ไม่กินก็คือมาไม่ถึง แล้วยังพวกอาหารทะเลที่เราจับเองจากทะเลข้างบ้านอีกล่ะ ปลาหมึกกะตอยตัวเล็ก ๆ เอามาผัดแล้วทำน้ำเชื่อมขลุกขลิก ถ้าโชคดีได้เคี้ยวไปเจออีตัวมีไข่ด้วยล่ะก็อร่อยเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ไหนจะผักสด ๆ อีกพะเรอเกวียน สองพี่น้องลูกเจ้าของแผงผักก็ต้องกินผักเก่งสิ ไม่อย่างนั้นยายปลาคงตัดออกจากกองมรดกเป็นแน่แท้
ถึงบ้านสวนเอาตอนฟ้าสว่างพอดี จอดรถปุ๊บป้าปูก็วิ่งแจ้นออกมารับขวัญหลานรัก กอดเสียเต็มแรง ดูเอาเถอะ เมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ ยังเคยอุ้มเข้ากะเอว มาตอนนี้หลานโตเป็นสาวแล้ว กอดกันกลม หัวของป้าปูอยู่แค่หัวไหล่ของหลานทั้งสองคน
"โอ๊ยอีหนัว ขับรถกันมาเหนื่อยมั๊ยลูก มา ๆ เข้ามาในบ้านล้างหน้าล้างตาเสียก่อน จะนอนพักสักแปปแล้วค่อยกินข้าวหรือจะกินเลยก็ว่ามาฮิ" ป้าปูแกพูดไม่หยุดมือก็ลูบหลังลูบไหล่หลานรักทั้งสองคนไปด้วย
"ยังไม่นอนดีกว่าจ๊ะป้า นอนมันตอนบ่ายสักชั่วโมงก็พอ พอดีหนูกินกาแฟมาตอนเช้ามืดแล้วด้วยเลยยังตาสว่าง" คิตตี้ว่า และสามป้าหลานก็พากันเดินเข้าไปในบ้านก่อน ทักทายกับลุงกุ้งและน้าเที่ยงที่หวังสาบานได้เลยว่าไม่เคยได้ยินน้าเที่ยงแกพูดกันยาวกว่าสามสี่คำในหนึ่งประโยค แกจะตอบรับ ใช่ไม่ใช่เสียเป็นส่วนมาบางทีไม่ตอบใช้พยักหน้าหรือส่ายหน้าเอา ก็เหมาะกับป้าปูที่แกพูดได้ไม่หยุดทั้งวัน คนนึงฟังคนนึงพูด จะได้ไม่แย่งกัน
"ลุงแข็งแรงดีแล้ว" หวังพูดล้อ ก็ดูลุงกระฉับกระเฉงไม่มีทีท่าของอาการป่วย
"หายดีแล้วฮี่ ทุเรียนนี่ลุงก็ปีนไปเก็บเอง ช่วยกันเก็บ ปีนี้ทุเรียนเยอะ จ้างคนมาเก็บอีกสามคนด้วยซ้ำฮิ" ลุงกุ้งแกพูดอย่างใจดี ทุเรียนพวกนี้จริง ๆ ล้งเขามารับ แต่คิตตี้ไม่รู้ไปอ้อนอีท่าไหน ป้าปูก็เลยยอมให้หลานมาแบ่งเอาไปขาย จะว่าไปเราเอาไปขายปลีกได้กำไรกว่าเยอะ แต่ชาวสวนไม่ได้มีเวลาขนาดนั้น ขาย ๆ มันส่งไป จะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่น
"นั่งคุยกันไปก่อนหรือจะกินข้าวเลยก็ได้ป้าไปตักบาตรแปปนึง"
"ให้พวกหนูไปด้วย" ทั้งสองพี่น้องว่าแล้วก็ตามป้าปูไปตักบาตรที่หน้าบ้าน แถวนี้มีแต่สวนแต่ละบ้านก็ห่าง ๆ กันหลวงพ่อก็เลยต้องนั่งซ้อนรถสามล้อที่ต่อพ่วงข้าง มีตาชุมคอยเป็นพลขับให้ตาชุมนี้เป็นคนกว้างขวางนัก จริง ๆ แกก็ค่อนข้างจะมีฐานะแต่แกชอบทำโน่นทำนี่ บ้านแกขุดพลอยขาย รวยแล้วไม่ต้องกระเสือกกระสน เลยหางานทำสนุก ๆ แล้วก็ได้บุญด้วยก็คือเป็นคนขับรถให้หลวงพ่อตระเวนไปรับบาตรตามบ้านของชาวบ้าน
"เอ๊ามากับใครล่ะนั่นยายปู" ตาชุมทักถาม
"หลานน่ะจ๊ะ"
"อะไรไอ้ที่แกเคยเอามาเที่ยวเล่นในตลาดเมื่อวันก่อนน่ะรึทำไมโตมันเร็วอย่างนี้เผลอหน่อยเดียวโตเป็นหนุ่มหมดแล้วฮิ"
"โตเป็นสาวค่ะลุง" คิตตี้มันปากไว พาเอาพวกเราหัวเราะกันจะแย่แม้แต่หลวงพ่อยังพลอยขำไปด้วยเลย
"แหม๊ะ มาหาว่าเป็นหนุ่ม มองมาร้อยเมตรก็รู้ละว่าเป็นหลานสาวยังมาว่าเป็นหนุ่มพูดมาได้ตาแก่นี่" คิตตี้มันบ่นขิงบ่นข่า
"ยังดีนะไม่เรียกไอ้ทิด เมื่อวันก่อนหนูไปขึ้นรถสองแถวจะไปร้านเสริมสวย แหมยายป้าคนนึงถามทาง ถามว่าสองแถวคันนี้มันไปเส้นไหนล่ะไอ้ทิด หนูนี่ไปไม่ถูกเลยป้า" หวังเสริม เลยพากันหัวเราะจะตาย เพราะหวังมันเลียนแบบท่าทางยายป้าคนนั้นด้วยแถมทำเสียงซะน่าตลก
กลับมาถึงบ้าน ก็ต้องกินข้าวกันก่อนล่ะ เดี๋ยวจะได้ทำงานทำการ กับข้าวเช้าแสนอร่อย หวังกินซะพุงกางไม่ลืมจะถ่ายรูปเมนูอาหารที่คนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะคนจีนแบบไอ้ต้าวเปาไม่เคยกินแน่ ๆ เจ็ดโมงกว่าแล้วเปายังไม่ตื่นล่ะมั้ง เมื่อคืนกว่าจะนอนก็เห็นว่าราว ๆ ตีสอง จะอ่านหนังสืออะไรกันนักกันหนาแล้วนี่เก้าโมงก็ต้องไปเรียนพิเศษอีก หวังส่งข้อความเป็นระยะ ๆ รายงานว่าตัวเองกำลังทำอะไร ถ่ายรูปด้วยเพื่อเป็นหลักฐาน เปามันจะได้ไม่คิดถึงมาก
กินข้าวเสร็จ ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อยเลือกชุดที่ทะมัดทะแมงเพราะต้องเข้าสวน จริง ๆ ก็ไม่ได้จริงจังนักเรียกว่าเข้าสวนเอาสนุก ช่วยเก็บทุเรียนเป็นหลัก และมังคุดเป็นรอง มังคุดหลายสิบต้นถูกโค่นไปหวังล่ะเสียดายแต่ลุงกุ้งแกว่าทุเรียนมันทำกำไรได้มากกว่า ยิ่งต้นเงาะไม่ต้องพูดถึง เหลือติดสวนไว้แค่ห้าต้นเท่านั้น
"โลนึงเขามารับโลละสามบาท เก็บแทบตาย สุดท้ายได้กำไรไม่กี่ร้อยเลยฟันแม่งทิ้งเสียเลยเจ็บใจ" ป้าปูแกอธิบาย
เอาเถอะอย่างน้อยก็ยังเหลือเจ้าเงาะที่หวังชอบกินอยู่ตั้งห้าต้น เห็นไว ๆ ว่ามีลูกสีแดงจัดเสียด้วย ขายไม่ดีแต่กินดี เงาะสวนเราเนื้อฉ่ำหวานร่อนไม่ติดเมล็ด หวังล่ะเกลียดนักอีตรงเสี้ยนที่มันชอบติดเนื้อ ข้อดีอย่างหนึ่งก็คือพอต้นเงาะเหลือน้อยก็ไม่ต้องพ่นยา กินเงาะได้อย่างสบายใจว่าจะไม่มียาฆ่าแมลงเป็นของแถม แต่ก็ต้องลุ้นเอาว่าจะมีหนอนตัวน้อย ๆ ติดมาด้วยหรือเปล่า เอามีดฝานมันซะลูกไหนกินได้ก็กิน กินไม่ได้ก็โยนทิ้งไปอย่าไปคิดให้เป็นปัญหา
เข้าสวนครึ่งวันจนถึงตอนเที่ยง ๆ ก็กินข้าวในปิ่นโต กับข้าวก็เหลือจากเมื่อเช้านั่นแหละ แล้วก็ค่อยปีนไปเก็บเงาะมากินล้างปาก เปาวิดีโอคอลมาพอดี เห็นสภาพของหวังเจ้าตัวก็ได้แต่หัวเราะ หวังแนะนำเปาให้รู้จักทุก ๆ คน
"ใครล่ะเนี่ย?" ป้าปูแกถามและมองด้วยหางตา
"ผัว..เอ๊ยแฟนของหวังคร๊าบบบ" เปาตอบและหัวเราะนิด ๆ
"แหมมันขาวแท้ ๆ เป็นลูกเจ๊กเรอะเรา" ป้าปูแกขี้สงสัย
"เอ่อก็คงจะอย่างนั้นแหละครับ ป๊ากับม๊าเป็นจีนที่เกิดที่ไทยแต่อากงมาจากซัวเถาเลยครับ" เปามันตอบอีท่าไหนก็ไม่รู้ป้าปูหัวเราะร่วนเป็นไข่เค็ม
"ชอบกินทุเรียนกับมังคุดหรือเปล่าล่ะพ่อ เดี๋ยวให้อีหวังมันเอาไปให้กิน ทุเรียนสวนป้าอร่อยนา กินแล้วเผลอ ๆ อยากมากินถึงสวนฮิ" ป้าปูชวนคุย
"ชอบสิครับ ใครจะไม่ชอบ ผมเคยกินแล้ว เจ๊หวังเคยเอามาแกะให้กินที่โรงเรียน ถูกใจกันใหญ่" เปามันคุยเรื่อยเจื้อยไป ๆ มา ๆ กลายเป็นว่าเปามันคุยกับป้าปูมากกว่าหวังเสียอีก
"ป้าจ๋าพอแล้วให้เขากินข้าวไปเดี๋ยวเขาต้องไปเรียนต่อ" หวังตัดบทและขอโทรศัพท์ของตนเองคืน
"เออว่าง ๆ ก็มาเที่ยวบ้านป้านะ เดี๋ยวป้าทำของอร่อย ๆ ให้กิน ข้างบ้านป้ามีทะเลด้วยนะ มาสิ สนุก" ไม่วายป้าปูจะขอตบท้าย เปามันก็ดันสัญญิงสัญญาว่าจะมาซะด้วย
"เตงกินให้เสร็จแล้วรีบไปเรียน ตั้งใจเรียนนะ"
"ครับ คิดถึงเตงนะ" หวังมันว่ายิ่งเปิดลำโพงแบบนี้ คนอื่นฟังแล้วก็ได้แต่อมยิ้มและหันมองไปทางอื่นส่วนหวังเขินจะตาย เลยเสไปเก็บมังคุดที่ลูกสุกจนเป็นสีม่วงเข้ม ๆ มากินซะเลยแก้เขิน
จนถึงช่วงเย็น ๆ ปล่อยให้คนอื่นเขาเข้าสวนกันไป หวังตามป้าปูกลับมาบ้านช่วยทำกับข้าวดีกว่า เพราะร้อนเต็มที อากาศมันอบ ๆ ฝนตกเปาะแปะ แทนที่จะเย็นกลับอ้าวจนหวังต้องกินน้ำใส่น้ำแข็ง
"ไอ้หมอนั่นเป็นคนดีหรือเปล่า ดูท่าจะเด็กกว่าเราด้วยหนิ"
"ดีสิป้า เปามันเรียนเก่ง เล่นกีฬาก็เก่ง เด็กกว่าปีนึง หวังมอหก เปามอห้า" หวังอธิบายแต่ไม่ได้บอกนะว่าอายุห่างกันสองสามปีเพราะเปามันเรียนเร็วส่วนหวังเรียนช้า
"ก็ค่อย ๆ ดูกันไป" ป้าปูแกพูดอย่างปลง ๆ แล้วก็ไม่ซักไม่ถามเรื่องนี้ให้ตะขิดตะขวงใจกันอีก สองป้าหลานคุยกันกะหนุงกะหนิง ทำกับข้าวกลิ่นหอมฟุ้งไปไกล นี่ทำงานกันอยู่ในสวนเกิดได้กลิ่นแกงของป้าคงท้องร้องประท้วงแน่ ๆ ไหนจะปลาทอดที่ป้าปูแกว่าน้าเที่ยงไปจับได้เลยเอามาทำแดดเดียว ปลาเคล้าเกลือทอดร้อน ๆ เนื้อยังฉ่ำเดี๋ยวเอามากินกับน้ำปลาพริกกระเทียมที่ป้าปูเดาะใส่ลูกตะลิงปลิงฝานให้ได้รสเปรี้ยวเข้าไปด้วย คนบ้านนี้ไม่อ้วนก็เพราะทำงานหนักกันทุกวัน ขืนกิน ๆ นอน ๆ มีหวังอ้วนตายแน่ ๆ เพราะมีกับข้าวอร่อย ๆ กินกันทุกมื้อ จริง ๆ ลุงกุ้งแกว่าถ้าอยู่กันสามคนก็กินกับข้าวธรรมดา ๆ นี่แหละ แห้งอย่างน้ำอย่าง แต่นี่หลานมาเยี่ยมป้าปูเลยจัดชุดใหญ่ไฟกะพริบ
กับข้าวเสร็จแล้ว ไม่มีอะไรให้ต้องช่วย หวังก็เลยเดินตีนเปล่า ๆ ไปที่ชายทะเล ถ่ายรูป ถ่ายคลิปเสียหลายคลิป ลงโซเชียลแล้วก็ไม่ลืมจะส่งไปอวดเปาแล้วก็เพื่อน ๆ ด้วย จนเปาวิดีโอคอลมาหา ก็เลยได้คุยกันโดยมีฉากหลังเป็นทะเลเสียเลย
"บรรยากาศดีจัง เค้าอยากไปเที่ยวกับเตงจัง" เปาเพ้อนั่งมองโทรศัพท์อมยิ้มแก้มแทบแตก
"ไว้ค่อยมาให้ปิดเทอมก่อนสิ วันนี้เรียนยากมั๊ย?"
"ยากครับ แต่จำได้ แต่การบ้านต้องทำอีกหลายข้อเลย" เปาบ่นปนอ้อน ยกปึกกระดาษการบ้านให้หวังดู หวังเห็นก็ถึงกับแลบลิ้นออกมา
คุยกันอยู่ครู่หนึ่ง คิตตี้ก็ตะโกนเรียก หวังก็ตะโกนรับ
"คิตตี้มันเรียกให้ไปกินข้าวน่ะ" หวังรายงาน
"งั้นเตงไปกินข้าวไปคิดถึงนะครับ" โอ๊ยหวังจะละลายแล้ว เสียงหล่อ ๆ เอาแต่พร่ำบอกว่าคิดถึงเนี่ย และหวังก็บอกคิดถึงเปาเหมือนกัน คิดถึงกันไปคิดถึงกันมาน่าหมั่นไส้ชะมัด
กินข้าวเสร็จก็ไม่ใช่จะได้พักหรอกนะ งานการมีเยอะ ป้าปูแกไม่ค่อยยอมปล่อยให้มือของแกว่างหรอก หาอะไรในสวนมาทำไปเรื่อย จากครั้งก่อนที่คิตตี้มาเยี่ยมก็จัดการซื้อโทรศัพท์มาให้แล้วก็สอนให้พวกผู้ใหญ่รู้จักยูทูป ก็ได้ไอ้นี่แหละเปิดดู เปิดฟังแก้เหงา ดูลิเกล่ะเป็นพื้น ฟังเพลงเก่า ๆ ยุคแปดศูนย์ นึกครึ้มขึ้นมาก็เปิดธรรมะเสียเลย ทีวงทีวีแทบจะเป็นหมัน ฝุ่นจับ สงสารมันเหมือนกันแต่ช่วยไม่ได้ช่องทีวีไม่พัฒนาคอนเท้นต์ให้ทันยุคสมัยเอง ก็เมื่อกี้ลุงกุ้งแกนึกครึ้มเปิดทีวี ละครยังฉายไอ้เรื่องที่เขาแย่งผัวแย่งเมียกันอยู่เลย
"ป้าจ๋ารู้จักเน็ตฟลิกซ์มั๊ย?" หวังรำคาญเลยต้องถาม
"รู้สิ แต่ไม่ดูหรอกนะ กลัวติด เดี๋ยวไม่เป็นอันทำงานทำการกันพอดี ดูยูทูปนี่ก็พอฮิ" ป้าแกว่ามือก็ทำงานอยู่ง่วนไป กว่าจะเข้านอนกันจริง ๆ ก็ปาเข้าไปสี่ทุ่ม ใครว่าคนบ้านนอกนอนไว แต่ก็คงจะไม่ใช่คนบ้านนี้ยกเว้นน้าเที่ยงที่นอนตั้งแต่หัวค่ำ ซึ่งก็เข้าใจได้เพราะแกทำงานใช้แรงหนักที่สุด กินข้าวอิ่ม ๆ หัวถึงหมอนก็หลับสบายไปเลย และวันนี้ป้าปูที่แสนคิดถึงหลานก็อาสาจะมานอนด้วยเป็นเพื่อน
ห้องนอนเก่าของตายายปิดไว้แต่ก็ทำความสะอาดอยู่เสมอ ข้าวของของตากับยายอย่างพวกเสื้อผ้าก็บริจาคหรือเอาไปใช้หมดแล้ว เหลือพวกของเอาไว้ดูต่างหน้า เสื่อเมืองจันท์ผืนใหญ่ถูกเอามาปูตรงพื้นห้อง ทับด้วยผ้าผวยอีกชั้น กลิ่นหอมปนอับนิด ๆ ของเสื่อลอยคลุ้ง แต่ฟูกและผ้าห่มหอมแดดเพราะป้าปูแกเอาไปตากแดดเสียตั้งแต่เมื่อวาน แต่พอโดนพัดลมซึ่งเปิดพัดวีให้สบายก็เลยกลายเป็นกลิ่นหอมอ่อน ๆ ไป
หน้าต่างซึ่งติดมุ้งลวดและเหล็กดัด เปิดเผยให้อากาศจากด้านนอกไหลเวียนเข้ามา แต่อย่าหวังว่าจะได้เห็นอะไรเพราะรอบบ้านร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้สารพัดสารพันชนิด ป้าหลานคุยโน่นคุยนี่กันอย่างสนุก กว่าจะได้นอนก็เกือบจะสองยาม คิตตี้กะเอาไว้ว่าจะกลับกรุงเทพฯ กันตอนเช้าราว ๆ หกโมงเจ็ดโมง ถึงบ้านเอาช่วงสาย ๆ แล้วจะได้นอนพักสักหน่อย หวังเองก็สงสารพี่ชายเหมือนกัน คิตตี้ตั้งแต่ทำงานก็ดูจะมองอะไรเป็นเงินเป็นทองไปหมด ก็อย่างว่าล่ะนะ เราไม่ได้ร่ำรวย แม้จะไม่ปากกัดตีนถีบเหมือนก่อน แต่ช่องทางไหนพอจะเป็นโอกาส คิตตี้มันก็ลงมือทำทั้งนั้น
ฟังป้าเล่านิทานสัปดน จนหัวเราะกันจะตายสุดท้ายก็หลับไปจนได้ รู้ตัวตื่นเอาก็เมื่อตอนได้กลิ่นอาหารหอม ๆ และเสียงนาฬิกาปลุกที่คิตตี้มันตั้งไว้
"ไปล้างหน้าล้างตาไป ไม่ต้องอาบน้ำหรอกอากาศเย็น ๆ" คิตตี้ว่าไล่ให้หวังไปล้างหน้าล้างตาก่อน แล้วสองพี่น้องก็มาพร้อมเพื่อจะได้กินข้าวเช้าด้วยกัน เพราะป้าปูแกยืนยันหัวเด็ดตีนขาดก็ต้องกินข้าวเช้าก่อน
"ป้าตื่นตั้งแต่กี่โมงเนี่ย" หวังมองแล้วก็ท้อใจ ต้องตื่นกี่โมงกันนะถึงทำกับข้าวไว้ตั้งห้าหกอย่าง อย่างนี้
"ตื่นมะตอนตีสามป้าแก่แล้วนอนไม่ค่อยหลับ ลุกมาเยี่ยวแล้วก็นอนไม่หลับเลยขี้เกียจนอนตื่นมาทำกับข้าวเลยดีกว่า นี่ป้าห่อใส่กล่องให้พวกมึงเอาไปกินที่บ้านด้วย" ป้าปูจะยังไงก็เป็นป้าปูน่ารักจนหวังอยากจะหอมแก้มสักสี่ห้าทีถ้าไม่กลัวว่าน้าเที่ยงแกจะเขิน
ร่ำลาอาลัยกันอยู่สักพักสองพี่น้องก็ต้องกลับพระนคร แก้มเกือบจะช้ำเพราะป้าปูหอมแก้มเหมือนเราเป็นเด็ก ๆ แต่เราก็หัวเราะชอบใจ โตจนจะมีผัวอยู่มะรอมมะร่อ ป้าปูก็ยังทำเหมือนเราเป็นเด็กเจ็ดขวบในวันก่อนที่แสนซนอยู่ดี แต่หวังก็รักแกชะมัด รัดลุงกุ้งแล้วก็น้าเที่ยงด้วยแต่รักป้าปูมากกว่าคนอื่นหน่อยนึง
คิตตี้ดูกระตือรือร้น ถึงกับร้องเพลงคลอไปด้วยเชียว ท่าทางอีนี่มันจะวาดหวังไว้เยอะ แถมคำนวณซะด้วยว่าถ้าขายทุเรียนหมดคันรถนี่น่าจะได้เงินหลายหมื่น แถมร่ายค่าใช้จ่ายอย่างพวกค่ารถ ค่าน้ำมัน แบ่งเสร็จสรรพว่าจะให้ลุงกับป้าเท่าไร ให้พ่อเท่าไร ให้หวังเท่าไร
"ไม่ต้องให้กูก็ได้" หวังไม่วายจะตัดพ้อหวังมาเที่ยวแทบไม่ได้ทำอะไรเลยเหมือนมาเล่นสนุกซะละมากกว่า
"เอาไปเถอะ เงินทองเก็บไว้ไม่เน่าไม่เสีย" คิตตี้มันว่าก็ไม่อยากจะเถียงมัน ความเป็นพี่อ่ะเนอะ ยังไงก็ชอบเสียสละและให้น้อง
ถึงบ้านแล้วเปาวิดีโอคอลมาสั้น ๆ ตอนก่อนเข้าเรียนพิเศษ หวังกับคิตตี้ช่วยกันลำเลียงผลไม้อื่น ๆ ที่ติดรถมาด้วยอย่างมังคุดและเงาะ มีเยอะนักเดี๋ยวคงเอาไปแจกจ่ายแบ่งคนอื่นกันบ้างล่ะ หวังว่าจะเอามังคุดกับเงาะไปฝากที่ร้านพี่วิเวียน อยู่ซักครึ่งวันแล้วตอนเย็น ๆ รีบกลับมาช่วยคิตตี้มันขายทุเรียน คิดแล้วก็น่าสนุกไม่หยอก เล่นแข่งกันปอกทุเรียน คิตตี้เตรียมอุปกรณ์พร้อมแล้ว ทั้งกล่องใส่ทุเรียนทั้งกระดาษที่ใช้ห่อ ที่สำคัญคือเครื่องคิดเลขเครื่องโต ๆ เพราะหวังคิดเลขไม่เก่ง แถมกล่องใส่ทุเรียนก็เล่นกล่องอย่างสวยท่าทางใบละหลายบาทซะด้วย คิตตี้มันใจป้ำแฮะ
แต่ตอนนี้หวังขอนอนพักสักหนึ่งชั่วโมงเพราะตื่นตั้งแต่เช้ามืด หวังยังไม่แกร่งเหมือนคิตตี้ที่พออาบน้ำอาบท่าเสร็จก็เดินไปช่วยพ่อกับแม่ขายของต่อได้เลย อีนี่มันคนเหล็กชัด ๆ
"เค้านอนพักแปปนึงนะ เดี๋ยวเที่ยง ๆ ถึงไปร้านทำผมแล้วตอนเย็นถึงไปขายทุเรียน" หวังรายงานและถ่ายรูปตัวเองนอนหลับส่งไปให้ไอ้ต้าวเปา ชั่วไม่กี่วินาทีเปาก็ส่งสติ๊กเกอร์เป็นรูปหมีจูบเป็นรูปหัวใจมาให้หวังก็อมยิ้มและทิ้งตัวนอนเปลือกตาปิดสนิทและดำดิ่งลงในห้วงนิทราอย่างสบายอารมณ์ พัดลมพัดหึ่ง ๆ พอได้ลมโชย หวังทิ้งตัวนอนที่โซฟาหน้าบ้าน คิดถึงป้าปู คิดถึงลุงกุ้ง คิดถึงน้าเที่ยง คิดถึงอาหารอร่อย ๆ คิดถึงที่นอนนุ่มกับกลิ่นเสื่อจันทบูรณ์หอม ๆ คิดถึงเงาร่มไม้ในสวน คิดถึงการปีนต้นไม้ไปเก็บผลไม้ คิดถึงกลิ่นทะเล กับหาดทรายแล้วก็น้ำใสแจ๋ว แต่ไอ้ตอนที่อยู่กับเหตุการณ์ตรงนั้นหวังเอาแต่คิดถึงเปา ความคิดถึงมันสนุกตรงนี้นี่เอง ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ไอ้ความคิดถึงก็จะมาหาแต่เช้า จะได้กอดให้หายคิดถึงแล้วก็จะหอมแก้มสักสองที ให้หายคิดถึง