มีอันเป็นไป มันแซ่บ มันเป็ มันตัวโฮ่ง ที่เขาว่ามีลูกมันกวนตัวมีผัวมันกวนใจ แต่ความสวยมันเป็นอุปสรรคน่ะคุณน้า แต่บางคนก็ชอบ Sugar Daddy อันนี้มันก็เป็นไปได้ แบบบูรณาการ เราก็ไม่ว่ากัน

วาสนาของตาตี่ II - 16 แล้วทุกอย่างจะดีเอง สาธุ โดย Chavaroj @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,รัก,ตลก,ไทย,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วาสนาของตาตี่ II

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,รัก,ตลก,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

วาสนาของตาตี่ II โดย Chavaroj  @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

มีอันเป็นไป มันแซ่บ มันเป็ มันตัวโฮ่ง ที่เขาว่ามีลูกมันกวนตัวมีผัวมันกวนใจ แต่ความสวยมันเป็นอุปสรรคน่ะคุณน้า แต่บางคนก็ชอบ Sugar Daddy อันนี้มันก็เป็นไปได้ แบบบูรณาการ เราก็ไม่ว่ากัน

ผู้แต่ง

Chavaroj

เรื่องย่อ

หวังหรือ สมหวัง หรืออีหวัง และถ้าร้ายสักหน่อยก็คือ อีดอกหวัง สุดแต่ว่าคนที่เรียกจะเป็นใคร ซึ่งเป็นนังเอก เป็นอีตัวต้นเรื่องของ วาสนาของตาตี่ภาคสองนี้


แต่สำหรับผัวเด็กสุดหล่อ จะเรียกหวังว่า "เตง" ซึ่งน่าหมั่นไส้จริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้น ไอ้ผัวเด็กที่ว่าก็ช่างคลั่งรักตามอกตามใจและเปย์สุด ๆ ไม่รู้ว่าอีผีนี่มีอะไรดี 

แต่ถ้าอยากจะรู้ก็ต้องลองมาอ่านกัน เรื่องนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในตลาดอ่อนนุช ซึ่งแน่นอนว่าต้องแซ่บ ต้องเสว และต้องฮา แต่จะขอสัปดนกว่าภาคหนึ่งนิดหน่อยเพราะคนแต่งอยากระบายความอึดอัด

นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับเพศ ความรุนแรง และการใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสม

ผู้อ่านที่อายุต่ำกว่า 18 ปีโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

รักคุณผู้อ่านฝากกดติดตามกดหัวใจกดสติ๊กเกอร์ เป็นกำลังใจให้ด้วยแต่อย่ากดด่ามานะคะ ไรท์หัวใจอ่อนแอ

สารบัญ

วาสนาของตาตี่ II-1 ตาปลายายแมวและครอบครัวสุขสันต์,วาสนาของตาตี่ II-2 ไอดอล,วาสนาของตาตี่ II-3 เพื่อน ๆ พี่ ๆ,วาสนาของตาตี่ II-4 เพื่อน ๆ พี่ ๆ 2,วาสนาของตาตี่ II-5 เพื่อน ๆ พี่ ๆ 3,วาสนาของตาตี่ II-6 ความฝันความหวัง,วาสนาของตาตี่ II-7 ไอ้ต้าวตาขีด,วาสนาของตาตี่ II-8 เชื่อมจิต เชื่อมใจ,วาสนาของตาตี่ II-9 มันเป็นเรื่องของฮอร์โมน,วาสนาของตาตี่ II-10 ไอ้ความคิดถึง,วาสนาของตาตี่ II-11 Sex Education ,วาสนาของตาตี่ II-12 วันนี้ที่รอคอย,วาสนาของตาตี่ II-13 เสียสาวที่สวนหอม,วาสนาของตาตี่ II-14 Holiday ,วาสนาของตาตี่ II-15 Love Distance ,วาสนาของตาตี่ II-16 แล้วทุกอย่างจะดีเอง สาธุ,วาสนาของตาตี่ II-17 ไอ้ต้าวความสุข,วาสนาของตาตี่ II-18 คิตตี้ กับความลับบริษัท,วาสนาของตาตี่ II-19 ไม่รู้จัก ไม่รู้จักเธอ,วาสนาของตาตี่ II-20 ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ 2,วาสนาของตาตี่ II-21 ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ 3,วาสนาของตาตี่ II-22 ก่อนจะปังก็เคยพังมาก่อน,วาสนาของตาตี่ II-23 ก่อนจะปังก็เคยพังมาก่อน 2,วาสนาของตาตี่ II-24 ก่อนจะปัง ก็เคยพังมาก่อน 3,วาสนาของตาตี่ II-25 FWB,วาสนาของตาตี่ II-27 FWB 2,วาสนาของตาตี่ II-26 FWB 3,วาสนาของตาตี่ II-28 หนีไม่พ้น,วาสนาของตาตี่ II-30 จุดอิ่มตัว

เนื้อหา

16 แล้วทุกอย่างจะดีเอง สาธุ

โดย Chavaroj

"แล้วทุกอย่างจะดีเอง" หวังพร่ำคำพูดนี้ซ้ำ ๆ ราวกับจะบอกใครสักคน และคนคนนั้นก็คือตัวของหล่อนเองนั่นแหละค่ะ พูดเหมือนกล่อมตัวเองให้เชื่อสิ่งที่กล่าวออกไป พูดออกมาอย่างค่อนข้างไร้สติ เหมือนนกแก้วนกขุนทอง เพราะตอนนี้หวังนอยด์จะแย่ เหตุก็เพราะตัวของหวังกับเปา ทั้งสองในช่วงนี้ความสัมพันธ์มันดูเหินห่าง มันดูแยกจาก และคล้ายจะไม่รักกันยังไงก็ไม่รู้ มันเหมือนจะเบื่อ ๆ อยาก ๆ หวังเองก็บอกไม่ถูก

ส่งข้อความไปก็ไม่ค่อยจะตอบ โทรหาก็ไม่ค่อยรับหรือถ้ารับก็คุยได้แค่แป๊บเดียวก็ต้องตัดสาย ยิ่งการได้มาเจอหน้ากันก็เรียกได้ว่ายากเย็นและครั้งสุดท้ายที่ได้เอากันหวังก็แทบจะลืมมันไปแล้ว ว่ามันเคยฟินเพียงใด

"กีกูคงหยากไย่ขึ้น ถ้าโดนเอาคงเหมือนเปิดซิงแน่ ๆ เยื่อพรหมจรรย์คงกลับมาประสานกันจนเกิดเป็นพังผืดแล้ว" หวังบ่นกับตัวเอง นี่ขนาดเศร้านะ ก็ยังจะปากหมาพูดจาสัปดี้สัปดน ก็หวังมันก็เป็นของหวังอย่างนี้

ไอ้ที่บ่น ๆ ว่าเหมือนจะแยกกันกับไอ้ต้าวความรักน่ะ จะโทษเปาสุดหล่อแต่ผู้เดียวก็ไม่ได้ ในทำนองกลับกันเปาเองมันจะปฏิสัมพันธ์กับหวังแต่ละที ก็เจอปัญหาเดียวกันนี่แหละ

สาเหตุไม่ใช่อะไร เปามุ่งมั่นเรียนเพราะใกล้จะจบเต็มทนและหวังก็งานยุ่ง ยุ่งอย่างกะหมอย...มันว่าของมันอย่างนั้น ใจหนึ่งก็ยังรัก แต่ใจหนึ่งก็ยังเจ็บ แต่เจ็บอีตรงที่ว่าหวังรู้สึกว่าความรักของตัวเองมันน้อยลงหรือไร ถึงได้ไม่ค่อยจะโฟกัสกับเปาเหมือนอย่างเคย หรือเพราะเบื่อ 

"ไม่เบื่อหรอก เจอหน้ากันก็คุยกันดี๊ดี เอากันเยกันฉ่ำ แต่ปัญหาคือเวลาไม่ตรงกัน" หวังปรึกษากับเจ๊วิเวียน

"ก็รักทางไกลก็อย่างนี้แหละ อีกอย่างหล่อนได้ผัวเด็กมันก็ต้องเอาอกเอาใจเขา อย่างนี้ไงล่ะ เจ๊ถึงเลือกมีผัวแก่ เหมือนได้ผัวแล้วก็ได้พ่อมาอีกคน ตามใจเราอย่างกะเทวดาตัวน้อย ๆ" เจ๊วิให้คำปรึกษาขณะที่ทั้งสองคนนั่งรถไปด้วยกัน หวังฟังก็เออออ ไม่เถียงแต่ก็ไม่ได้เห็นด้วย ก็หวังชอบเด็ก กินเด็กแล้วมันเป็นอมตะ ได้ผัวแก่แล้วหวังกลัวจะได้กลิ่นแก่ค่ะ แต่พูดอย่างนี้เจ๊วิตบล้างน้ำแน่ ๆ 

"แล้วตกลงเลิกกันหรอ หรือเกิดหล่อนหรือผัวหล่อนไปมีใครใหม่ล่ะ?" เจ๊วิถามเหมือนเอาส้นตีนซึ่งใส่รองเท้าส้นเข้มเหยียบไปกลางหัวใจของหวัง เจ็บจี๊ด...เหมือนจะตายทั้ง ๆ ที่ยังหายใจ

"หนูก็ยังไม่รู้เหมือนกันค่ะเจ๊" หวังตอบด้วยหัวใจด้านชา เจ็บแปลบ ใครจะอยากเลิกกันเล่า เพียงแต่ตอนนี้มันงานเยอะมาก ๆ แล้วหวังก็ต้องกอบโกย และหวังก็สนุกกับงานที่สุดในชีวิตก็คือช่วงนี้ แถมเปามันก็ดูคล้ายจะเย็นชาลงจนหวังก็อยากจะลองเย็นชากลับ และนี่ล่าสุดสามวันเข้าไปแล้วที่หวังไม่ได้ยินเสียงของเปาจากเครื่องมือสื่อสารเลย แต่ข้อความที่ส่งถึงกันก็มีบ้าง แต่มันแห้งแล้งนัก เริ่มจากตอนเช้าก็ตื่นหรือยัง หรืออรุณสวัสดิ์ด้วยสติ๊กเกอร์อันเดิม ตอนเที่ยงก็หม่ำอะไรหรือยัง และตอนค่ำ ๆ ก็ส่งข้อความราตรีสวัสดิ์ และสติ๊กเกอร์กู๊ดไนท์อันเดิม ๆ อีก และสติ๊กเกอร์คิดถึงอย่างแกน ๆ

ถามว่าถ้าเปามันมีคนใหม่จริง ๆ ไปซะเลยหวังอาจจะสบายใจกว่านี้ก็ได้ เพราะมันจะได้จบ ๆ ไม่คาราคาซัง หวังคงร้องไห้เป็นบ้าเป็นบอสักสามสี่วัน และคงขอลาไปเลียแผลใจที่โรงแรมเงียบ ๆ บรรยากาศสวย ๆ ที่ไหนสักแห่งอยู่กับตัวเอง ระลึกถึงความรัก และความสัมพันธ์กันตั้งแต่ยังนุ่งกางเกงนักเรียนขาสั้น ความสัมพันธ์ตอนเยกันครั้งแรก คิดถึงตอนนี้แล้วก็ปวดมวนท้องตุ๊บ ๆ คล้าย ๆ มดลูกมันบีบรัดเพราะเป็นเมนส์อย่างไรก็อย่างนั้น...ถ้าอีหวังจะมีกับเขา

แต่อย่างที่เขามักพูดกัน ลักกี้อินเกม จะไม่ลักกี้อินเลิฟ ความรักไม่รุ่งแต่ตอนนี้ งานของหวังรุ่งเหลือเกิน และในอีกไม่กี่นานข้างหน้า หวังจะดังชนิดที่คนทั้งประเทศได้รู้จัก ซึ่งเราจะเล่าไปเรื่อย ๆ ให้คนได้หมั่นไส้นาง

รถจอดที่สตูดิโอ ซึ่งใช้ถ่ายทำรายการ ดาราสาวส้มโอ อารยัน บี ฮากู๊ดส์ ดาราสาวลูกครึ่ง ซึ่งกำลังมาแรง ยิ่งย้ายจากช่องล้านสี มาสังกัดช่องหมื่นสี ความดังของเจ้าหล่อนก็กลับดังมากขึ้นเนื่องจากช่องล้านสีดาราชะนีเยอะเหลือเกินจนเวียนหัว ตบตีเพื่อจะแย่งบทดี ๆ ประกบคู่กับพระเอกดัง ๆ หล่อนเกิดเบื่อการแย่งชิงขึ้นมา ดาราสาวซึ่งหมดสัญญาพอดีก็เลยย้ายไปซบอกที่อีกช่องหนึ่ง ซึ่งข้อดีของช่องนี้ก็คือ มักจะปั้นดาราชายมากกว่า เธอเข้ามาก็ได้ประกบกับพระเอกดัง แถมบทก็ปัง ปังจริง ๆ ไม่ปังปิ๊นาด หรือปังคุง

"ได้พี่หวานจ๋อยเป็นผู้จัดการน่ะสิ ส้มโอถึงมาถึงตรงนี้ได้" ดาราสาวส้มโอมักบอกกับใครต่อใคร เธอกับผู้จัดการคู่บุญที่แต่ก่อนเป็นพนักงานขายเครื่องสำอาง เกิดถูกอกถูกใจกันก็เลยให้ผู้จัดการส่วนตัวลาออกจากอาชีพ ไม่ต้องขายต้องเขินหลอกเอาเงินเธออีกแล้ว เธอชอบเธอรักก็เลยให้มาเป็นผู้จัดการส่วนตัวซะเลย 

แล้วพี่หวานจ๋อยนี่แหละ มาทำผมเป็นลูกค้าประจำร้านเจ๊วิ ก็เลยสนิทกัน รู้เช่นเห็นชาติ รู้ฝีมือ ก็เลยมักจะเรียกเจ๊วิมาทำผมให้ดาราสาวคู่บุญ แล้วก็มีหวังติดสอยห้อยตามมาช่วยแต่งหน้า จนสนิทสนมกันเหมือนรู้จักกันมาหลายสิบปี 

ส้มโอนี้หล่อนเป็นคนตรง ๆ ออกจะห้าว ๆ ด้วยซ้ำ ขัดกับใบหน้าลูกครึ่งสวยหวาน และอื่นใดก็คือ ส้มโอรักในความจริตกะเทย เพราะจริงใจนัก เธอรักเจ๊หวานจ๋อย ก็เลยพลอยรักมาถึงเจ๊วิเวียนแล้วก็หวังด้วย เพราะพูดจาเหมือนสนิทกันมาตั้งแต่เกิดทั้ง ๆ ที่จะรู้จักกันจริง ๆ แค่ปีกว่า ๆ เท่านั้นเอง

ออกรายการทีวีสัมภาษณ์ชีวิตของเธอ ซึ่งกำลังเป็นข่าวกับทายาทหนุ่มเจ้าของโรงงานปลากระป๋องมูลค่าหมื่นล้าน ซึ่งคู่ของเธอก็น่าแปลก ปกติพวกลูกเศรษฐีก็มักจะคบกันดาราสาวสวย แล้วก็แยกร้างรากันไปในเวลาอันไม่นาน แต่กับส้มโอ เขาคบมานานมากจนมีโครงการจะแต่งงานแต่งการกันในไม่ช้านี้แล้ว 

"เจ๊วิกับหวังไปแต่งหน้าทำผมให้ส้มโอด้วยนะ ไม่ไปล่ะมีโกรธกันตายเลย" ส้มโอกระซิบกระซาบ จนเจ๊วิกับหวังน่ะ ร้องกรี๊ด ๆ ดีใจไปกับเธอ แน่นอนว่างานแต่งงานนี้ดังไปทั่วเมืองไทย ชุดแต่งงานเอยซึ่งเป็นชุดแบรนด์เนมซึ่งส้มโอต้องบินไปตัดถึงต่างประเทศ สินสอดและงานแต่งสุดหรู บรรยากาศในงาน แขกเหรื่อซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นดารา คนในวงการบันเทิง แม้แต่คนในวงการการเมืองก็มา เอากับเขาสิ และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือช่างหน้าช่างผมนี่แหละ เพราะลุคของเจ้าสาวมันอลังการเสียจริง ๆ สวยเหมือนลืมหายใจ

"ส้มโอเขาเป็นคนสวยอยู่แล้ว ก็แค่แต่งให้ตรงกับความชอบของน้องเขาค่ะ" เจ๊วิให้สัมภาษณ์ หวังได้แต่ยืนอมยิ้ม ไม่กล้าไปสัมภาษณ์กับเขาหรอก

"จริง ๆ พี่เป็นสไตล์ลิสต์ แต่คนทำน่ะคือน้องหวัง โน่นค่ะคนโน้น" เจ๊วิว่าแล้วก็กวักมือเรียกหวังให้มาเข้าซีนด้วย จนนักข่าวถามถึงเรื่องทรงผมแสนสวยของเจ้าสาว

"ก็ทำไม่ยากหรอกค่ะ คือฟิตติ้งกันมาหลายรอบแล้ว แล้วสุขภาพผมคุณส้มโอก็ดีมาก ๆ ทำย้อนยุคเป็นยุคแปดศูนย์แต่ไม่ให้เชย เพราะพี่ส้มโอเธอชอบแบบนี้น่ะค่ะ" หวังตอบสัมภาษณ์เสียงสั่นหน่อย ๆ ด้วยตื่นเต้นจะแย่ และเมื่อข่าวการให้สัมภาษณ์ของตัวเองออกทีวีแม้ว่าจะนิดหน่อยจนใครก็คงไม่ได้ใส่ใจจำ แต่หวังก็รู้สึกว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดี

หลังงานแต่งงาน และได้ออกทีวุ่งทีวีกับเขา หวังก็รู้สึกอหังการขึ้นมานิด ๆ เรทค่าตัวขึ้นมาอีกหน่อย ก็ระดับช่างทำผมให้ส้มโอเชียวนะ ไม่ใช่ช่างกะโหลกกะลาไก่กาม้าไม้อีกแล้ว และอีกไม่กี่เดือนต่อมา เจ๊วิก็เดินยิ้ม ๆ มาบอกให้หวังเตรียมตัวไปทำพาสสปอร์ต เพราะส้มโอ เจ๊หวานจ๋อยและพี่วิเวียนลงความเห็นกันแล้วว่าจะให้หวังไปเมืองคาน ประเทศฝรั่งเศส ในฐานะช่างหน้าช่างผม เพราะเจ๊วิออกตัวว่าตัวเองแก่แล้วไม่ชอบไปไหน ให้หวังไปก็เชื่อมือได้เหมือนกัน แต่หวังว่าเจ๊วิติดผัวมากว่า

"การฟิตติ้งชุดเราจะไปฟิตติ้งชุดที่โน่นเลย ชุดที่ใส่ก็ประมาณนี้พี่ส่งไฟล์รูปไปให้แล้ว หวังก็คิดเอาแล้วกันว่าจะทำลุคให้ออกมาแบบไหน เลือกมาสักสามแบบสเก็ชต์มาแล้วให้ส้มโอเลือกอีกที ไปสามวันก็ทำมาเก้าลุคนะ" พี่หวานจ๋อยบรีฟงาน หวังมือไม้สั่นจดตามที่พี่หวานจ๋อยบอก และรับรูปเสื้อผ้า จากห้องเสื้อดัง ที่ด้านหนึ่งของสตูดิโอเจ๊วิ หวังหนีไปทำสมาธิเงียบ ๆ ดูรูปเสื้อผ้าที่ส้มโอต้องสวมใส่แล้วก็จินตนาการการแต่งหน้า และทรงผมให้รับกัน วาดรูปตามที่ในมองเห็น เจ๊หวานจ๋อยให้ทำชุดละสามลุค แต่หวังให้ไปเลยลุคละห้าแบบค่ะ เอาให้เลือกแบบไม่ต้องเผื่อ หวังเผื่อมาให้หมดแล้ว รวมถึงหน้าผมสำหรับชุดธรรมดา ๆ เพื่อทำวล๊อกไปลงช่องยูทูปของพี่หวานจ๋อยด้วย ซึ่งมักเป็นภาพเบื้องหลังการทำงานของพี่ส้มโอดาราสาว

ก่อนวันไปจริง ๆ ก็มาลองแต่งหน้าทำผม เพราะไม่อยากจะให้มีอะไรผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวกันเชียวล่ะ 

"เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม เครื่องสำอางเดี๋ยวเจ๊ยกมาให้ใหม่ทั้งชุด ของสปอนเซอร์ ตอนทำคลิปหนูพรีเซ้นต์ด้วยนะลูก" เจ๊หวานจ๋อยบอก และหวังก็ออกจะตื่นเต้นเพราะเครื่องสำอางชุดใหญ่ซึ่งจะได้เป็นสปอนเซอร์ชุดนี้ราคาแพงมาก ๆ แถมเจ๊หวานจ๋อยยังใจดีบอกว่าแต่งเสร็จแล้วหวังก็เอาไปใช้ได้เลยและจะให้ดี ก็เอามาแต่งให้ส้มโอนี่แหละ 

"จะทำให้สุดฝีมือฝีตีนเลยค่ะเจ๊" หวังพูดพร้อมกับยกกำปั้นขึ้นมาแบบมุ่งมั่น

"สุดฝีมือก็พอย่ะ" ส้มโอได้ยินพอดี๊พอดีก็เลยเดินเข้ามาบอก หวังเขินไปเลยแล้วทุกคนก็หัวเราะกัน

จนถึงวันเดินทาง หวังซึ่งส่งข้อความไปบอกเปาแล้วว่าหวังกำลังจะเดินทางไปเมืองคานแล้วนะ แต่เปาก็ยังไม่ได้หืออือ จนทุกคนเรียกให้หวังลากกระเป๋าตามพี่หวานจ๋อยไปนั่นแหละ หวังก็เลยถอนหายใจและเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ๊วิไม่ยอมไปทริปนี้ด้วย เนื่องจากเงินสปอนเซอร์มันจำกัดการลดจำนวนคนให้ไปน้อยที่สุดจึงเป็นสิ่งสำคัญ แค่นี้ก็ปาเข้าไปตั้งหลายคนแล้ว และหวังยังเด็ก แข็งแรง และเก่ง ทำได้ทั้งแต่หน้าทำผม แถมยังช่วยหอบช่วยหิ้ว แบกหามก็ได้ด้วย หวังมันเล็กพริกขี้หนู ถูกใจเจ๊หวานจ๋อยไปเลยเพราะเหมือนได้ลูกหาบมาอีกหนึ่งคน

แต่ก่อนจะขึ้นเครื่องเปาก็วิดีโอคอลมา หน้าของเปาโทรมหน่อย ๆ ตาบวมคล้ำ เหมือนไม่ได้นอน หนวดก็ไม่ได้โกน รู้ได้เลยว่ายุ่งกับการเรียนถึงที่สุดเพราะต้องทำวิจัยอะไรของเขาด้วย และหวังภาวนาว่าขอให้เปาอย่าป่วยเลยสภาพมันเหมือนคนใกล้ป่วย เปาเป็นคนแข็งแรง แต่ป่วยแต่ละทีหวังไม่ได้หลับไม่ได้นอนไปสองสามวันเต็ม ๆ

"เตงเดินทางปลอดภัยนะครับ คิดถึงเตงนะ" เปาพูดเสียงแหบ ๆ นี่คงไม่ค่อยสบายด้วยแน่ ๆ

"จ๊ะ คิดถึงเตงนะ" หวังตอบกลับ

"รักนะครับ" เปาพูดและพยายามฝืนยิ้มแต่เจ๊หวานจ๋อยก็เร่งแล้ว หวังก็บอกรักกับเปาเบา ๆ และยื่นปากไปจุ๊บที่หน้าจอพร้อมกับรีบบอกลา ขึ้นเครื่องบินแล้วหวังก็ตื่นเต้นชะมัด เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ก็เพิ่งจะเคยขึ้นเครื่องจริง ๆ กับเขานี่แหละ ใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมงเพราะไปเมืองคานไม่ใช่ไปเมืองกาญ (กาญจนบุรี) หวังหลับไปหลายตื่น จนในที่สุดก็ถึงเมืองคานเสียที

วุ่นวายอยู่อีกพักใหญ่ ๆ กว่าจะได้โหลดของเข้าโรงแรม แต่ก็ไม่ใช่จะได้นอนพักเลยนะจ๊ะ โน่นค่ะ หวังโดนลากไปพร้อมกับทีมงานไปลองฟิตติ้งชุดที่ห้องเสื้อเขาเตรียมไว้ให้แล้ว สรุปมีการเปลี่ยนชุดนิดหน่อย เพราะชุดที่เลือกเสือกไปซ้ำกับดาราสาวอีกคน เราคนไทยคอนเน็กชั่นน้อยกว่านังดาราสาวจากฮ่องกงคนนั้น ชุดที่เด่นที่สุดกลับตกไปอยู่ในมือของนาง และส้มโอกลับได้ชุดรองลงมา มันสวยแหละแต่เรียบไปหน่อย เจ๊หวานจ๋อยทำหน้าเซ็งไปเลยแต่เราก็ทำอะไรไม่ได้แล้วเพราะที่นี่มันเมืองคานไม่ใช่ประตูน้ำ ที่จะได้ไปเลือกที่อื่นได้ง่าย ๆ แถมทำสัญญากับสปอนเซอร์แล้วซะอีก ผีถึงป่าช้ายังไงก็ต้องฝัง

"ชุดนี้ก็สวยนะคะ มันเรียบแต่ใส่แล้วดูโก้ หนูว่าแต่งหน้าให้ฉ่ำ แต่งผมให้อลังไปเลย หนูว่างานนี้พี่ส้มโอจะเกิดเลยล่ะ" หวังพูดกับเจ๊หวานจ๋อย และหวังก็มั่นใจอย่างนั้นจริง ๆ ยิ่งเห็นตอนส้มโอลองสวมชุดราตรีสีโอวัลตินเรียบ ๆ ตัวนั้น มันเป็นชุดราตรียาว เกาะอก ผ้าลูกไม้ละเอียดยิบ ทรงสอบเข้ารูป แถมหางปลายาวยิ่งทำให้ดูสง่า ในหัวของหวังประมวลภาพ ทรงผมได้ถึงหกแบบ และหวังก็ว่าชุดที่เรียบแบบนี้จริง ๆ เข้าทางของหวังเลยต่างหาก ไอ้ชุดซึ่งทีแรกจะใส่แล้วโดนฉกไป หวังไม่ชอบใจเท่าชุดนี้ด้วยซ้ำ เพราะมันเยอะไปใส่แล้วเด่นกว่าคนใส่ 

และแน่นอนว่าการทำงานหนักย่อมให้ผลตอบแทนที่หวานฉ่ำ ข่าวดาราสาวสวยภรรยาทายาทธุรกิจพันล้าน เพิ่งวิวาห์กัน และมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์เครื่องสำอางเดินพรมแดงในเมืองคาน หล่อนมากับลุคสวยเรียบโก้ และตอนโดนถ่ายรูปก็ได้รับแสงแฟลชจนหวังกลัวว่าส้มโอน่าจะตาบอดไปเลยก็ได้ มันวูบวาบนักและถ่ายรูปนานมาก ๆ และถ้าหวังไม่ได้มีอคติลำเอียงเกินไป ยายดาราฮ่องกงคนนั้นที่ตัดหน้าชุดสุดสวยไปใส่ มันเป็นอย่างที่หวังคิดไว้ไม่มีผิด สวยน่ะมันก็สวยอยู่หรอก แต่มันผิดฝาผิดตัว อย่างไรชอบกล ดูล้น ดูเกิน ไม่โก้ เพราะชุดมันกลบคนใส่จนคนพูดถึงแต่ชุดไม่พูดถึงคนใส่กับผลงานเลยสักนิด

เสร็จงานแล้ว หวังอยากจะทิ้งตัวลงนอนเพราะเหนื่อยเหมือนไปออกรบ ทั้งเจ๊หวานจ๋อยแล้วก็ส้มโอก็ไม่ต่างกัน เมื่อจบงาน ก็ขอนอนพักยาว ๆ และเจ๊หวานจ๋อยก็บอกข่าวดีว่าส้มโอยอมควักกระเป๋าให้เราได้อยู่พักผ่อนกันอีกหนึ่งวันเต็ม ๆ ให้หายเหนื่อย หวังน่ะตามประสาเด็กกว่าเขา เขาลากไปไหนก็ติดสอยห้อยตามไปด้วย ไปดูบ้านเมือง ไปช้อปปิ้งซึ่งหวังก็ซื้อของติดไม้ติดมือมาพอสมควร แต่ไม่มีสักชิ้นที่หวังจะซื้อให้ตัวเอง เพราะหวังมีความสุขตอนเห็นหน้าคนรับของฝากก็เพียงพอแล้ว 

ตลอดเวลาที่อยู่คานหวังไม่ได้คุยกับเปาเลยสักคำ เพราะทำงานตั้งแต่เช้าจรดค่ำ นอนก็นอนโรงแรมซึ่งไม่ได้ใหญ่โต ก็หวังไม่ใช่ดารา และทีมงานก็ต้องประหยัดงบ แต่โรงแรมที่หวังนอนพักก็ไม่ถึงกับแย่ และหวังก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรมากไปกว่าขอให้ไม่มีผี เท่านั้นก็พอ โชคดีที่หวังมีเวลาว่างในวันที่สอง ขอยืมโทรศัพท์ของทีมงานคนไทยซึ่งมาอาศัยอยู่ที่เมืองคานวิดีโอคอลคุยกับเปา ซึ่งเปาก็ไม่รับ นึกถึงใครอีกไม่ได้ก็เลยโทรหานังกัส อดีตลูกสมุนซึ่งไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับเปานั่นเอง

"เจ๊...โอ๊ยหนูติดต่อเจ๊ไม่ได้" กัสโวยวาย

"เปาเป็นอะไรโทรไปไม่รับ" หวังรีบซัก

"ก็นี่แหละที่หนูจะบอก เปามันเข้าโรงพยาบาลเป็นไข้หวัดใหญ่ แต่เจ๊ไม่ต้องห่วง อาการดีขึ้นแล้วนอนทั้งวัน" กัสรายงาน พอรู้อย่างนี้หวังแทบไม่มีกะจิตกะใจจะทำงาน แต่ไอ้เรื่องบีบคั้นข้างหน้ามันทำให้หวังต้องเลิกคิดอะไรร้าย ๆ เปาถึงโรงพยาบาลแล้ว และเพื่อนสาวทั้งหลายลูกน้องของหวังก็คอยดูแลเอาใจใส่ให้ไม่ขาดตกบกพร่อง หวังฝากฝังกับกัสไว้แล้ว และมันก็ว่าเปามันเป็นแค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอก ยิ่งโรงพยาบาลก็เป็นโรงพยาบาลซึ่งติดกับมหาวิทยาลัย เปามันป่วยเพราะได้รับเชื้อโรคและพักผ่อนน้อยก็แค่นั้นเอง

ใจของหวังไม่อยากเที่ยวไม่อยากพักผ่อนอะไรทั้งนั้น แต่จากเมืองคานกลับไทย ไม่ใช่จะโบกรถตุ๊ก ๆ กลับได้และตั๋วเครื่องบินก็ซื้อเตรียมเอาไว้แล้ว กังวลใจไปก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะเราไม่ใช่หมอ หวังปลอบใจตัวเองไปอย่างนั้น ถ้าหวังไม่ปลอบใจตัวเองอย่างนี้ สติคงแตกและเป็นบ้าเพราะความเป็นห่วงเปาไปแล้วแน่ ๆ 

"หล่อนเป็นอะไร งานเสร็จแล้วสนุกหน่อยสิยะ" เจ๊หวานจ๋อยซึ่งเอ็นดูหวังเหมือนลูกสาว เห็นหวังไม่ค่อยยิ้มแย้มก็เลยทักถาม

"ไม่มีอะไรหรอกค่ะเจ๊"

"มีสิหน้าหล่อนเหมือนตูด แต่ก่อนร่อนชะไร ระริกระรี้เหมือนปลากระดี่ได้แก้ว"

"ปลากะหรี่ได้น้ำค่ะ" หวังแก้

"อีดอกปลากระดี่ไม่ใช่ปลากะหรี่" แก้กันไปแก้กันพอพอได้ขำราวกับคณะตลก หวังค่อยมีรอยยิ้มออกมาได้หน่อย

"หนูห่วงผัวน่ะค่ะ ตอนขึ้นเครื่องไม่รู้ว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ มารู้เอาวันที่สอง" หวังตอบเบา ๆ กลัวเจ๊หวานจ๋อยจะด่าที่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงาน

"กูก็นึกว่าเรื่องอะไรอีผี ไข้หวัดใหญ่ไม่ใช่มะเร็ง ไม่ตายวันนี้พรุ่งนี้หรอกค่ะ พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว ทำใจดี ๆ ผัวหล่อนชั้นเคยเห็น เป็นนักกีฬาไม่ใช่หรอยะ เคยมาแคสโฆษณาบ่อย ๆ ด้วย" เจ๊หวานจ๋อยมันต้องอย่างนี้ เรด้าดี๊ดี โดยเฉพาะผู้ชายหล่อ ๆ เจ๊หวานจ๋อยมองตาไม่กะพริบเลยเชียวล่ะ เคยเจอกันตอนเปาให้หวังไปเป็นเพื่อนเพื่อแคสโฆษณา แล้วเปาก็ได้ซะด้วย แต่งานตอนนั้นหวังไปในฐานะเพื่อน (แฟน) ไม่ได้ออกตัวว่าเป็นช่างแต่งหน้าช่างทำผม เลยพอจะเคยเห็นกันกับเจ๊หวานจ๋อย

"เจ๊จำแม่น" หวังเอ่ยปากชม

"จะจำแม่นกว่านี้อีกถ้าได้กิน ยิ่งกลิ่นนี่ยิ่งแม่นค่ะ บางทีได้กลิ่นผู้ชาย จำได้เลยว่าใครจะมา" เจ๊หวานจ๋อยบอก และหวังก็ได้เม้ามอยจนคลายทุกข์ไปได้ตั้งเยอะ ส่วนเจ๊ส้มโอดาราคนสวยน่ะหรอ ผัวของหล่อนทนคิดถึงเมียไม่ไหว บินตามมาแล้วก็จะพากันอยู่เที่ยวอีกอาทิตย์นึง ส่วนหวังกับเจ๊หวานจ๋อยและทีมงานกลับกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรวันพรุ่งนี้ค่ะ จะได้ไม่ต้องเป็นก้างขวางคอเขา

จนถึงวันกลับ หวังไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อบนเครื่อง นึกภาวนาให้ถึงเมืองไทยเร็ว ๆ แต่ใจที่มันพะวงจะยิ่งทำให้เวลายิ่งเนิ่นนาน เจ๊หวานจ๋อยเลยให้หวังลองจิบสปาร์คกิ้งไวน์สักหน่อย จะได้หลับสบาย ไม่ต้องคิดมาก 

"ไม่เอาค่ะเจ๊ ไม่เอ๊าไม่เอา หนูกินไม่เป็น สุราเมระยะ มัชชะประมาทัฏฐานา เวระมะณี สิขาปะทัง สะมา ทิยามิ สุราเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้ ข้าพเจ้าของดเว้น จากการดื่มสุรา และองมึนเมาต่าง ๆ" หวังปฏิเสธ

"เรื่องของมึง" เจ๊หวานจ๋อยตอบและเบ้ปากใส่เป็นสระอิ แต่พอคุณสจ๊วตหนุ่มรูปหล่อ หล่อแบบวัวตายควายล้มซึ่งเจ๊หวานจ๋อยกำลังจะจีบให้มาเป็นดาราในสังกัด เห็นเขาคุยกันคงรู้จักกันประมาณหนึ่งก็เลยพลอยสนิทมาถึงหวังด้วย

"ไม่ดื่มสักหน่อยหรือครับ?" คุณสจ๊วตว่าและหวังซึ่งก็เป็นโรคแพ้ผู้ชาย จริงอยู่หวังชอบผู้ชายเด็กกว่าตี๋ ๆ ขาว ๆ แต่คุณเบ๊นซ์คนนั้นหล่อแบบไทย ๆ หน้าคมตาคมจมูกคมและยิ้มฟันขาว ก็ทำให้หวังใจสั่นได้เหมือนกัน และเมื่อคนหล่อระดับนี้ให้ไมตรีด้วยการยื่นแก้วไวน์หวังก็เลยจำใจรับไว้และกระดกเข้าปาก

ได้ผลเหมือนกัน หวังหลับยาวจนมาตื่นเอาตอนใกล้ถึงเมืองไทยแล้ว ปวดเยี่ยวกีแทบระเบิด เดินเข้าไปฉี่ที่ห้องน้ำ และสวนออกมาเจอกับคุณสจ๊วตสุดหล่อ

"รีบไปนั่งแล้วคาดเข็มขัดนะครับ เดี๋ยวก็ถึงบ้านเราแล้ว" 

"ค่ะ" หวังตอบเบา ๆ และรู้สึกยินดีกับไมตรีที่เขาให้มา แต่มันก็จะจบแค่ตรงนี้เวลานี้ หวังรู้ดีว่าหวังไม่อาจมีหัวใจไปรักใครอื่นได้อีกแล้วนอกจากไอ้ต้าวเปาคนดี ความกังวลยังคงมีอยู่ไม่น้อยไปกว่าเดิม แต่ถ้าถึงเมืองไทย หวังจะตรงปรี่ไปหาเปาเป็นคนแรกเลยเชียวล่ะ

จนเครื่องกำลังทะยานใกล้จะจอดหวังก็ตื่นเต้นจนออกนอกหน้า เจ๊หวานจ๋อยยื่นมือมาจับมือของหวังเบา ๆ 

"อีหนู แล้วทุกอย่างจะดีเอง" 

"ค่ะเจ๊ แล้วทุกอย่างจะดีเองค่ะ" หวังตอบเจ๊หวานจ๋อย และพร่ำพูดคำนี้เหมือนสวดมนต์ ถ้าเหยียบเมืองไทยปุ๊บหวังจะรีบไปหาเปา แล้วทุกอย่างจะดีเองนะ หวังสัญญาค่ะ