มีอันเป็นไป มันแซ่บ มันเป็ มันตัวโฮ่ง ที่เขาว่ามีลูกมันกวนตัวมีผัวมันกวนใจ แต่ความสวยมันเป็นอุปสรรคน่ะคุณน้า แต่บางคนก็ชอบ Sugar Daddy อันนี้มันก็เป็นไปได้ แบบบูรณาการ เราก็ไม่ว่ากัน
ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,รัก,ตลก,ไทย,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โดย Chavaroj
อากาศยามเช้ามืดเย็นเยียบ ยิ่งในบ้านสวนที่ครึ้มไปด้วยไม้ผลสารพัดชนิดแบบนี้ ทั้งเย็นทั้งชื้นทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นก็นอนสบาย และหายใจได้อย่างโล่งจมูก ขอให้ใส่เสื้ออุ่น ๆ หนา ๆ ก็เห็นจะพอ
ห้องนอนสีขาวซึ่งลุงกุ้งลงทุนสร้างให้หลานรักใหม่ ใหญ่พอ ๆ กับห้องของตาและยายทีเดียว แต่ดูใหม่กว่าเพราะทาสีขาวดูสว่างสะอาดตา ตัวห้องเป็นกึ่งไม้กึ่งปูน คือด้านล่างเป็นปูนก่ออย่างดี และด้านบนเป็นไม้ เพื่อให้เย็นและไม่อมความชื้น ลุงกุ้งว่าของแกอย่างนั้น
คิตตี้น่ะไม่ได้ชอบความคิดนี้เลยเพราะเสียดายเงิน "เปลืองเงินเปล่า ๆ ลุงหนูนอนห้องของตากับยายก็ได้" คิตตี้ประท้วง แต่ถึงอย่างนั้น ก็แพ้คนออกเงินอยู่ดี
"ก็เผื่อพ่อกับแม่แล้วก็หวังมันมาพร้อม ๆ กันจะไปนอนเบียดกันได้ยังไงกันเล่า โต ๆ กันแล้ว อีกอย่างห้องนอนทำใหม่ทำห้องน้ำเล็ก ๆ ไว้ด้วยเลย จะได้ไม่ต้องเดินเข้าเดินออกให้เสียเวลา" ลุงกุ้งว่าอย่างนั้น แล้วแกก็มีโปรเจ็คทำห้องน้ำที่ติดกับห้องนอนสำหรับห้องของแก แล้วก็ของป้าปูไปพร้อม ๆ กันเลย
"แก่แล้วลุกมาเยี่ยวตอนกลางคืนบ่อย ๆ ทำห้องน้ำมันติดกับห้องนอนนี่แหละสบายดีฮิ" ป้าปูสมทบ
ดังนั้นคิตตี้ก็เลยมีห้องนอนใหม่เอี่ยมอ่อง ผนังทั้งสี่ด้านทาสีขาวและลุงกุ้งยังให้คนงานทำชั้นสำหรับวางของเสียเลย ของสะสมจำนวนมากมายของคิตตี้ก็เลยขนมาไว้ที่นี่ส่วนใหญ่ก็คือตุ๊กตาแมวสีขาว และของกระจุกกระจิกเป็นที่ระลึกของแมวคิตตี้มากมาย หวังมันมานอนค้าง ประชดประชันว่าระวังมดจะขึ้นห้องเพราะหวานเหลือใจ
คนบ้านนอกตื่นกันตั้งแต่เช้ามืดเสมอ ๆ เพราะความเคยชินประการหนึ่ง ประกอบกับตื่นแต่เช้าเพื่อจะได้เตรียมลงไปทำงานในสวนในเรือก งานในสวนนั้นมีให้ทำไม่รู้จักหมดจักสิ้น แต่ลุงกุ้งที่รักในการทำสวนอย่างจริง ๆ จัง ๆ แกดูจะมีความสุขยามได้ลงสวน เหมือนถ้ากรีดเลือดของแกออกมาน่าจะไม่ได้เป็นสีแดงเหมือนใครเขา อาจจะเป็นสีเขียวเพราะมีคลอโรฟิลล์เหมือนต้นไม้เสียกระมัง
คิตตี้เองก็ต้องลงไปในช่วยงานในสวนด้วยเหมือนกัน ถึงจะไม่ได้ลงไม้ลงมือนักแต่ก็จัดเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการคุมคนงานให้ทำงาน คิตตี้มีสมุดจดว่าช่วงไหนของปีจะต้องทำอะไรบ้าง โชคดีเหลือเกินว่าวิทยาการทางการเกษตรนั้น ไม่ต้องไปหาร่ำเรียนในโรงเรียนอีกแล้ว เรียนมันจริง ๆ จากการลงมือทำประการหนึ่ง และเรียนรู้จากยูทูปคนที่ทำการเกษตรจากต่างประเทศ
หนึ่งในนั้นก็คือการเกษตรจากประเทศญี่ปุ่น และอิสราเอล คิตตี้ชอบดูนัก เพราะอยากศึกษาว่าเป็นเกษตรกรเหมือนกัน แต่ทำไมที่บ้านเขามันถึงได้รวยเอา ๆ แต่ของไทยเรา จนเอา ๆ โดยเฉพาะชาวนา ทั้ง ๆ ที่คนไทยทุกคนกินข้าวทุก ๆ วัน แต่ทำไมชาวนาถึงไม่มีใครร่ำรวยกันหนอ
สวนผลไม้ของลุงกุ้งเริ่มมีไม้ผลอื่น ๆ มาแซมบ้าง เนื่องจากทุเรียนนั้นเป็นไม้ที่รากไม่ลึก การมีต้นไม้อื่นที่รากชอนไชได้ลึก จึงเป็นเหมือนพี่เลี้ยงช่วยประคองต้นทุเรียนได้ กระท้อน และสละพันธุ์เนินวง สละเนื้ออร่อยที่แสนขายดีปลูกไม่พอขายเลย เคยลองปลูกพริกไทยแต่ลุงกุ้งบ่นเรื่องการใช้แรงงานในการดูแลที่มากไป เลยปลูกแค่พอมีกินมีใช้มีแจก และทุเรียนมันไม่ได้ออกทั้งปี ปลูกผลไม้อื่น ๆ ให้มีผลผลิตได้เรื่อย ๆ
ผลไม้ล่าสุดที่คิตตี้ยุให้ลุงปลูกเพราะที่เหลือคือแก้วมังกร เนื่องจากบริเวณปลายที่ดินตรงนั้นแล้งนัก แต่ดินดี เสียแค่น้ำไปไม่ถึงและเนื้อดินปนทรายค่อนข้างมาก แก้วมังกรมันทนแล้งดีนัก ประกอบกับเนื้อดินที่ร่วนซุย ปีล่าสุดให้ผลผลิตที่ดีมาก แก้วมังกรลูกโตเนื้อหวานฉ่ำขายดิบขายดี มีคนมารับไปขายไม่ต้องไปขายเอง ลุงกุ้งว่าแม้จะโดนกดราคามากหน่อยแต่ก็หยวน ๆ เพราะถือว่าทุเรียนเป็นผลไม้หลักของสวน
สวนผลไม้นั้นแยกส่วนหนึ่งเป็นแปลงผัก คิตตี้ผู้ชอบการเพาะปลูก ถึงกับทำแปลงปลูกผักทีเดียว เลือกผักชนิดที่แพงมีราคา ไม่เอาผักกาดซึ่งปลูกง่ายและดาษดื่น หนึ่งในนั้นก็คือผักคะน้าเคลหลายสายพันธุ์ ถูกปลูกเป็นแถวเป็นแนว ไม่ใช่แต่จะปลูกเพื่อกินใบ และส่งขายร้านอาหารเพื่อสุขภาพแค่อย่างเดียว ฝีมือของน้าเที่ยง คนมือเย็น ขยายผักเคลพวกนี้ใส่ถุงใส่กระถางขายได้อีกเป็นกอบเป็นกำ เอาไปวางขายริมถนนหน้าสวน คนซื้อไปทีละมาก ๆ แต่ก็เห็นกลับมาซื้อใหม่พร้อมกับตัดพ้อว่าพอเอาไปปลูกเองก็ตายบ้างหรือไม่ก็ไม่งาม ไม่เหมือนตอนซื้อจากสวนไปใหม่ ๆ แม้ว่าจะอัดปุ๋ยจำนวนมากแล้วก็ตาม
ถ้าอยากจะได้เยอะ ๆ บางครั้งถึงกับต้องจองคิวกันเลยเชียวล่ะ คิตตี้น่ะเป็นหัวหอกและมีหน้าที่หาพืชแปลก ๆ มาให้น้าเที่ยงปลูก คิตตี้ปลูกก็ได้ไม่งามเท่านี้น่าสงสัยนักว่าน้าเที่ยงแกมีเคล็ดลับอะไร ถามแก แกก็ยิ้ม ๆ ตอบว่าไม่มีอะไรเสียทุกทีจนคิตตี้เลิกถาม
แต่ดูเหมือนสายเลือดด้านการเพาะปลูกในตัวของคิตตี้จะพอมีอยู่บ้าง ดอกไม้สวย ๆ หลายต้นคิตตี้ปลูกเพาะมันตั้งแต่ยังเป็นเมล็ด ดอกไม้สีสวยสารพัดสายพันธุ์ ที่บานในสวน คิตตี้เห็นแล้วก็ใจฟู เงินฟุ่มเฟือยอย่างหนึ่งที่คิตตี้ยอมจ่ายก็เพื่อดอกไม้พวกนี้นี่เอง เพราะบางต้นต้องสั่งมาจากเมืองนอกเมืองนา
คิตตี้ที่เฝ้ารอดอกไม้บาน เดินเร็ว ๆ เมื่อพระอาทิตย์เริ่มยอแสง ยังไม่สว่างดี แต่คิตตี้ก็ตื่นเต้นที่สุด เพราะดอกไฮยาซิน ซึ่งคิตตี้สั่งซื้อหัวของมันมาปลูก ตอนกลับกรุงเทพฯ ช่อดอกของมันเริ่มแทงออกมา และคิตตี้กะวันเวลาว่าตอนนี้ดอกของมันคงบานสวยเต็มที่แล้วอย่างแน่นอน
ด้วยว่าเป็นดอกไม้แสนพิเศษของคิตตี้ จึงไม่ได้ปลูกลงดินในแปลงปลูกดอกไม้ ตลอดแปลงตอนนี้ดอกสารพัดสีของดอกคอสมอส หรือดอกดาวกระจายฝรั่ง ซึ่งมีสารพัดสารพันสี ตั้งแต่สีขาว สีชมพูอ่อนไปจนถึงชมพูแก่ และไล่ไปจนถึงดอกสีแดงก่ำจนเกือบเข้มนั่นเชียว ดอกคอสมอสน่ะเป็นดอกไม้โปรดของคิตตี้ต้นเหตุก็มาจากดอกดาวกระจายแบบบ้าน ๆ สีเหลือง ๆ ส้ม ๆ นี่แหละ
ตอนยังเด็ก น้าเที่ยงเก็บเมล็ดดอกดาวกระจายเอาปลูกไว้ข้าง ๆ บ้าน คิตตี้ผู้รักดอกไม้และธรรมชาติชอบอกชอบใจ จนป้าปูเก็บเมล็ดของมันใส่กระดาษห่อเป็นอย่างดีเอามาให้
"เอาไปปลูกที่บ้านสิลูก มันปลูกง่าย เห็นแล้วจะได้คิดถึงป้าไงฮิ" ป้าปูพูดและคิตตี้ก็เอาไปปลูกที่บ้านจริง ๆ ไอ้ดอกดาวกระจายพวกนี้ก็อึดจริง ๆ ขนาดคิตตี้มีเวลารดน้ำบ้างไม่มีบ้าง แต่มันก็ออกดอกสีเหลืองสวยสดให้คิตตี้ได้ชื่นใจความประทับใจเล็ก ๆ นี้ส่งผลให้คิตตี้เป็นคนชอบปลูกดอกไม้ไปเสียแล้ว และเมื่อเห็นว่าดอกคอสมอสมันมีหลากสีคิตตี้ก็ซื้อเมล็ดของมันมาปลูกจนเป็นแปลงสวยงามอย่างที่เห็นนี่แหละ ป้าปูเดินมาตัดดอกของมันไหว้พระตอนวันพระบ่อย ๆ คิตตี้เองก็ชอบตัดช่อดอกยาว ๆ ไปใส่แจกันในห้องนอน ถึงมันจะบานแค่ไม่กี่วันก็เถอะ
"บานแล้วสวยจังนะเจ้าหนู" คิตตี้เอ่ยปากชมและใช้ปลายนิ้วหยาบกร้าน ไล้ไปเบา ๆ ที่กลีบดอกที่ม้วนตัวงอจนเต็มช่อ สีม่วงจัดของดอกไฮยาซินมันสวยนัก และที่ระเบียงหน้าต่างห้องนอนของคิตตี้ก็มีที่พอให้วางกระถางต้นไม้ได้เสียด้วย คิตตี้หยิบกระถางดอกไฮยาซินสองกระถางพร้อมถาดรองไปตั้งไว้ในห้องนอน ผ้าม่านสีขาวผืนบางปลิวพลิ้วน้อย ๆ เมื่อลมทะเลพัดเข้ามาในห้อง เหมือนคิตตี้จะได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไฮยาซินเสียด้วยกระมัง
คิตตี้ขึ้นไปขดตัวนั่งกอดเข่าเจ่าจุก เหม่อมองกระถางดอกไฮยาซินสองกระถางนั้นและคิดเหม่อลอยไปถึงไหนต่อไหน ลมพัดเบา ๆ จนกระดิ่งกระเบื้องส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง คิตตี้ฟังแล้วก็สูดหายใจแรง ๆ ด้านข้างหน้าต่างมีโต๊ะเล็ก ๆ ซึ่งคิตตี้จะเอาไว้นั่งทำอะไรกระจุกกระจิก อาจจะใช้วางเครื่องสำอางนิด ๆ หน่อย ๆ คิตตี้ไม่สำอางเท่าอีหวัง เครื่องประทินโฉมที่มีก็แค่ครีมกันแดดและไนท์ครีมเพียงเท่านี้ หวังมันให้มาใช้และบังคับให้คิตตี้สัญญาว่าจะใช้เช้าเย็นด้วย
ถัดมาหน่อยเป็นกระจกบานไม่ใหญ่นัก ข้าง ๆ กระจกมีกรอบรูปเล็กขนาดฝ่ามือ ในนั้นมีรูปคิตตี้กำลังยืนยิ้ม เป็นยิ้มกว้าง และดูแสนมีความสุข แต่ในรูปนั้นจะมีคิตตี้คนเดียวก็หาไม่ มีชายหนุ่มอีกคนเขานั่งอยู่บนเก้าอี้ ยิ้มกว้างให้เหมือนกัน คิตตี้เสตาไปมองรูปใบนั้น เหม่อมองเหมือนนึกถึงเรื่องราวครั้งเก่า "พี่ซัน" คิตตี้รำพึงชื่อของคนในรูปออกมาเบา ๆ แล้วจึงเหลียวมองไปที่กระถางดอกไฮยาซินที่เบ่งบานรับแสงอาทิตย์
ถ้าจะถามว่าทำไมคิตตี้ถึงมานั่งโรแมนติกอยู่อย่างนี้ กับดอกไฮยาซิน ก็ต้องย้อนไปถึงตำนานของดอกไม้นี้สักหน่อย เทพปกรณัมของกรีก เล่ากันมาว่า
ครั้งหนึ่งเทพอพอลโล เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ ถูกพระบิดาคือ เทพเจ้าซุส เทพแห่งสายฟ้า ลงโทษด้วยการส่งให้ลงมาที่โลกมนุษย์ และในวันหนึ่งเทพอพอลโลได้ค้นพบว่า สิ่งที่เป็นประกายยิ่งกว่าแสงตะวันของเขา ก็คือ ไฮยาซินทัส เจ้าชายแห่งเมืองสปาต้า ผู้หน้าตางดงามราวกับรูปปั้นที่ถูกสร้างสรรค์โดยฝีมือของเทพเจ้า
ทันทีทันใดที่ทั้งสองได้สบตากัน ความรักก็ได้ก่อตัวขึ้นทันที และยิ่งวันความรักของทั้งสองคนก็ยิ่งมากขึ้น แต่ความหล่อเหลาของเจ้าชายไฮยาซินทัส นั้นไม่ได้มีแต่เทพอพอลโลผู้เดียวที่จะตกหลุมรักเขาไม่
เทพเซฟฟิรัส เทพเจ้าแห่งสายลมตะวันตก ก็หลงรักเจ้าชายไฮยาซินทัสเจ้าชายรูปงามนี้เช่นกัน แต่ไฮยาซินทัสก็พบว่าตนได้มอบหัวใจรักทั้งหมดให้กับเทพอพอลโลไปหมดแล้วจึงไม่อาจจะรับรักกับเทพเซฟฟิรัสได้อีก ความรักที่ไม่สมหวังเปลี่ยนเป็นความแค้น และความโกรธแค้นของทวยเทพก็รุนแรงร้ายกาจ
วันหนึ่งเทพอพอลโลและเจ้าชายไฮยาซินทัสได้ออกไปเล่นขว้างจักรด้วยกัน เทพเซฟฟิรัสซึ่งมีจิตริษยาจึงคิดแผนการชั่วร้ายออกมา เขาส่งกระแสลมในขณะที่เทพอพอลโลขว้างจักรไปทางไฮยาซินทัส ส่งผลให้จักรนั้นกระแทกเข้าที่หัวของเจ้าชายหนุ่มอย่างแรง และไฮยาซินทัสได้สิ้นลมด้วยฝีมือของชายคนรัก
อพอลโลเทพเจ้าแห่งแสงอาทิตย์ แต่ถึงกระนั้นพระองค์ก็เป็นเทพแห่งการรักษาอีกด้วย แต่ดูเหมือนมนต์ตราใด ๆ ก็ไม่อาจนำพาดวงวิญญาณของเจ้าชายไฮยาซินทัสกลับมาจากยมโลกได้เลย พระองค์เฝ้าแต่โทษตัวเอง และน้ำตาของพระองค์ก็หลั่งไหลอาบแก้ม หยดน้ำตาลไหลไม่หยุด จนตกลงบนร่างของไฮยาซินทัสที่อยู่ในอ้อมกอดของเทพเจ้าผู้เศร้าโศก
หยดน้ำตาของเทพเจ้าผสานกับเลือดของคนรัก ค่อย ๆ ไหลหยาดหยดลงไปทันทีที่มันสัมผัสกับผืนดิน ก็ปรากฏดอก ไฮยาซิน ผลิบานขึ้นมา และดอกไฮยาซินก็ได้กลายเป็นตัวแทนของความรักของเทพเจ้าแห่งแสงตะวัน
คิตตี้ยิ้มน้อย ๆ เมื่อมองกลีบดอกสีม่วงสดนั้น และคิดถึงคนที่ทำให้คิตตี้เคยสัญญาว่าจะรักกับเขา แต่เขาก็มาจากคิตตี้ไป จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ทิ้งไว้ให้คิตตี้เฝ้าแต่คิดถึง วันเวลาผ่านมาจนคิตตี้เข้มแข็งแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยห่างจากหัวใจของคิตตี้ได้เลยสักที
ตอนชั้นมัธยมหก มีครูฝึกสอนมาสอนที่โรงเรียนของคิตตี้ ครูพี่ซัน คือคนที่คิตตี้เห็นแล้วก็ต้องถึงกับตะลึงตาค้าง เพราะถ้าจะถามว่าผู้ชายในฝันของคิตตี้เป็นเช่นไร ก็ต้องตอบว่าครูพี่ซันนี่แหละ
พี่ซันแกเป็นคนใต้เชื้อสายเป็นคนชุมพรทางแม่ ส่วนพ่อของพี่ซันเป็นคนกรุงเทพฯ นี่แหละ แต่พี่ซันยามเมื่อพูดกับคิตตี้ไม่มีติดสำเนียงทองแดงเลยแม้แต่น้อย
"พี่โตที่กรุงเทพฯ นี่นา ไปบ้านที่ชุมพรก็อยู่แค่ช่วงปิดเทอม จริง ๆ ก็ต้องนับว่าเป็นคนกรุงเทพฯ นั่นแหละ" พี่ซันว่าและคิตตี้ก็นั่งอมยิ้ม มองใบหน้าของเขา ผมหยักศกน้อย ๆ ดำขลับ กรอบหน้าคม ๆ อันประกอบด้วยเครื่องหน้าเข้มยิ่งขับให้พี่ซันหล่อเหลาคมคายขึ้นไปอีก คิ้วเรียวได้รูปเสียแต่บางไปนิดสำหรับผู้ชาย ตาหวานซึ้งขนตาเป็นแพ จมูกโด่งจัดได้รูป และริมฝีปากหยักหนาแต่ริมฝีปากนี้ก็เป็นริมฝีปากที่น่าจูบที่สุด
คิตตี้แอบจีบครูพี่ซันเงียบ ๆ ไม่กระโตกกระตาก แกพักที่หอพักไม่ไกลจากบ้านของคิตตี้กี่มากน้อย คิตตี้มักจะเอาข้าวโพดหรือผักสดไปฝากแกบ่อย ๆ ตอนเลิกขายของ
"ขอบใจนะ แต่ไม่ต้องเอามาให้พี่ก็ได้ ของซื้อของขายไม่ใช่เหรอ วันนี้ขายดีไหม?" ครูพี่ซันถามอย่างใจดี ความเหนื่อยยากจากการขายข้าวโพดต้มหายเป็นปลิดทิ้ง คิตตี้มารยา เอาการบ้านมาให้พี่ซันสอน รู้กันอยู่ในใจสองคนว่าต่างคนต่างก็แอบชอบกัน แต่มโนธรรมในใจของชายหนุ่มบอกว่า จะมารุ่มร่ามกับนักเรียนของตัวเองไม่ได้
แต่คิตตี้ก็ร้าย และอ่อยเหยื่ออย่างถึงที่สุดเหมือนกัน ก็ใจมันปรารถนา และหัวใจก็ตรงกันขนาดนั้น ในที่สุดคิตตี้กับพี่ซันก็ลงเอยกันจนได้ที่ห้องพักเล็ก ๆ ของพี่ซันนั่นแหละ
จากที่เคยหลงรักพี่บอย ตอนนั้นคิตตี้คิดว่ามันเป็นความหลง และความเขลา แต่เมื่อได้พี่ซันมาครองคู่ พี่ซันรักคิตตี้จริง ๆ จัง ๆ ถึงกับเอ่ยปากบอกว่าถ้าเขาฝึกงานจบและได้ทำงานเมื่อไร จะมารับคิตตี้ไปอยู่ด้วย จะส่งเสียให้คิตตี้เรียน จะทำอะไรที่คิตตี้คิดอยากทำ สร้างฝันสร้างวิมานสวยหรู ฝันหวานจนคิตตี้คิดว่าถ้ามันเป็นฝันคิตตี้ก็ไม่อยากจะตื่น
ความรักของพี่ซันมาพร้อมกับการกระทำและการแสดงออก แน่ล่ะที่โรงเรียนทั้งสองคนจะมาแสดงออกไม่ได้ คิตตี้น่ะไม่มีปัญหา เพราะเป็นอีแรดอยู่แล้ว แต่คิตตี้อยากให้เกียรติครูพี่ซัน และไม่อยากให้ใครมาครหา สาว ๆ เพื่อนของคิตตี้ทอดสะพานให้ครูพี่ซันเยอะจะตายแต่สุดท้ายคิตตี้คนนี้ต่างหากที่ได้หัวใจรักของครูพี่ซันมาครอบครอง
ยามอยู่ที่ห้องด้วยกันสองคน และยามเสพสมเนื้อตัวของกันและกัน นี่คือคนที่ทำให้คิตตี้รู้ว่าการมีอะไรกันด้วยความรักมันเป็นอย่างไร ทุกรอยจูบที่ประทับที่ริมฝีปากและเนื้อตัว มันเบาแต่รุ่มร้อน การกอดที่แสดงออกถึงความปรารถนาแต่กระนั้นก็ไม่เคยกอดรัดจนคิตตี้เจ็บและอึดอัด
ยิ่งยามพี่ซันสอดใส่เข้ามาในตัวของคิตตี้มันช่างแสนดี อ่อนโยน ล้ำลึก หวานล้ำ รสชาติของการร่วมรักมันช่างแสนดี ต่างจากของไอ้เหี้ยพี่บอยที่แม่งตะกละตะกลาม หยาบคาย เห็นแก่ตัว และไร้ลีลา
"ถ้าเจ็บบอกพี่นะครับ"
"มีความสุขมั๊ย?"
"พี่รักคิดนะครับ"
ถ้อยคำรักและแสดงออกถึงความห่วงใย จะพร่ำพูดออกมาอย่างจริงใจยามเมื่อร่วมรักกัน คิตตี้แทบจะไม่เคยเจ็บ ไม่ใช่พี่ซันอาวุธเล็กหรอกนะ ขนาด54 และการขลิบมาแล้วมันไม่ธรรมดาเลย แต่คิตตี้มีความสุข ล่องลอย และอยากจะทำสิ่งนี้กับพี่ซันไปเรื่อย ๆ แบบไม่ต้องพัก ทั้งกายทั้งใจ คิตตี้มอบให้พี่ซันหมดแล้ว และพี่ซันเองก็ดูจะไม่ต่างกัน
แต่วันที่มาพรากจากคนทั้งคู่ ก็มาโดยที่คิตตี้ไม่ได้ตั้งตัว คืนนั้นคิตตี้กลับถึงบ้านไวกว่าทุกวัน ไม่ออกไปเถลไถล ขายของเสร็จก็รีบกลับบ้าน เพราะพี่ซันแจ้งว่าคืนนี้พี่ซันต้องไปฉลองวันเกิดกับเพื่อน ๆ ที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ซึ่งมาฝึกสอนที่โรงเรียนของคิตตี้และโรงเรียนของอีหวังอีกสองคนรวมเป็นสี่คน
พี่ซันส่งข้อความมาบอกให้คิตตี้เข้านอนไว ๆ และส่งรูปของตัวเองในวงสนทนา มีเหล้าอยู่ด้วย แต่คิตตี้รู้ว่าพี่ซันเป็นคนไม่กินเหล้า คิตตี้ก็ไม่ได้ว่าอะไร ดีเสียอีก พี่ซันบ่นว่าเหงาเพราะไม่ค่อยได้เจอเพื่อน ๆ บ่อย ๆ
คืนนั้นคิตตี้เข้านอนและฝันร้าย คิตตี้ฝันว่าพี่ซันมายืนเรียกคิตตี้อยู่หน้าบ้าน และคิตตี้จะพยายามให้พี่ซันเข้ามาในบ้าน พี่ซันก็เอาแต่นิ่งและยืนร้องไห้
"พี่ต้องไปแล้ว แต่พี่จะคิดถึงคิดเสมอนะครับ รักษาสุขภาพให้ดี อย่านอนดึก อย่าดื้อกับพ่อแม่" พี่ซันพูดแล้วก็มีน้ำตาไหลออกมาอีกพรั่งพรู
"พี่ซันร้องไห้ทำไม?" คิตตี้เอาแต่ถาม และเมื่อจะเปิดประตูหน้าบ้านไปหาพี่ซัน เขาก็เดินจากไปแล้ว คิตตี้เดินตามและเอาแต่ตะโกนเรียก พี่ซันก็ไม่ยอมหันมา คิตตี้เร่งฝีเท้าจนท้ายที่สุด คิตตี้ต้องเป็นฝ่ายวิ่งตาม พี่ซันเหมือนเดินช้า ๆ แต่คิตตี้วิ่งจนเหนื่อยแทบตายก็ตามพี่ซันไม่ทัน
เมื่อตื่นมาในตอนเช้ามืด คิตตี้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม คิตตี้ใจหายอย่างไรชอบกล นี่มันตีสี่กว่า ๆ พ่อกับแม่ออกไปตลาดแล้ว คิตตี้หันไปดูอีหวังที่หลับอุตุ ไม่อยากจะนอนต่อเพราะใจไม่ดี คิตตี้ก็เลยอาบน้ำ แต่งตัวและเดินไปหาพ่อกับแม่ที่ร้านดีกว่า เดี๋ยวหวังมันตื่นก็ตามมาที่ร้านเอง
"คิดเป็นอะไรลูกหน้าซีด ๆ" พ่อถามและคิตตี้ก็อมยิ้มและไม่ได้ตอบอะไร เอาแต่ทำงานยกผักไปเรียงบนแผงช่วยแม่ จนหวังมันตามมา สองพี่น้องก็ไปหาข้าวเช้ากินด้วยกัน
"ทำไมวันนี้แดกน้อย ไม่อร่อยเหรอ หมูทอดของโปรดมึงนี่?" หวังมันถามคิตตี้ได้แต่อมยิ้มตักหมูทอดให้หวังมันกินแทน เดินไปด้วยกันที่โรงเรียนและวันนี้แปลกนัก คิตตี้ไม่อยากจะเดินข้ามฝั่งได้แต่ยืนอยู่หน้าโรงเรียนของหวังจนเพื่อนร่วมห้องมาเจอถึงได้ชวนคิตตี้ให้เดินข้ามฝั่งไปด้วยกัน
"พวกมึง ๆ มีข่าวใหญ่ เมื่อกี้กูเอาสมุดการบ้านไปส่งครู ได้ยินที่ห้องพักครูเขาพูดกันว่า ครูฝึกสอน รถคว่ำ"
"ไม่จริง" คิตตี้พูดเสียงดังจนเกือบเป็นตะโกน แต่เมื่อพูดออกมาแล้วคิตตี้ก็ได้แต่ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นเพราะหมดเรี่ยวแรง
"ไม่จริง ๆ พี่ซันต้องปลอดภัย พี่ซันต้องไม่เป็นอะไร" คิตตี้เอาแต่พร่ำพูดกับตัวเองเบาราวกับเสียงยุง เมื่อเช้าคิตตี้ทั้งส่งข้อความทั้งโทรหา พี่ซันก็ไม่อ่าน ไม่รับสาย คิตตี้ได้แต่ภาวนาว่าฝันร้ายของคิตตี้นั้นจะเป็นเพียงแค่ฝัน
จนครูใหญ่ประกาศข่าวร้ายตอนเข้าแถวหน้าเสาธง ข่าวที่คิตตี้แทบจะล้มทั้งยืน แต่คิตตี้ได้แค่น้ำตาไหลพราก มีเพื่อนของคิตตี้สองสามคนที่สนิทกับครูพี่ซันและครูฝึกสอนอีกคนร้องไห้เหมือนกัน แต่คิตตี้ไม่โวยวาย แต่น้ำตามันไหลมาเองไม่ยอมหยุด คิตตี้ไม่มีสถานะตัวตนยามเมื่ออยู่กับพี่ซันที่อื่น คิตตี้เป็นแฟนกับพี่ซันเมื่ออยู่กับเขาในห้อง อยู่กันสองคนเท่านั้น มันเป็นความรักที่แฝงมากับความลับ
คิตตี้ตระหนักขึ้นมาว่า คิตตี้รู้จักเรื่องราวของครูพี่ซันน้อยเหลือเกิน ไม่ว่าจะเรื่องครอบครัวของพี่ซัน หรือเรื่องราวอื่น ๆ คิตตี้แทบไม่ได้รู้จักเลยสักนิด และงานศพของครูพี่ซัน คิตตี้ก็ไม่ได้ไปร่วมงานด้วยซ้ำ เพราะศพถูกนำไปทำพิธีกรรมทางศาสนาที่บ้านเกิดของแกที่ชุมพร
จนวันหนึ่งคิตตี้ได้ฟังตำนานของดอกไฮยาซิน เรื่องราวนี้มันช่างกระแทกใจ การแยกจากกันของคนรักเพราะความตาย คนที่ทำให้คิตตี้หัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยรักมากที่สุด และเป็นคนเดียวกันที่ทำให้คิตตี้พังเพราะเขาตายจากไป
โชคดีว่าคิตตี้ยังเด็กนัก เรื่องราวอื่น ๆ มีให้คิตตี้ได้คิดได้ทำจนลืมเรื่องเศร้าของพี่ซัน แต่คิตตี้ไม่เคยลืมความรักของพี่ซัน มันจะคงอยู่ตลอดไป ชัดเจนบ้างบางเบาบ้าง แต่คิตตี้จะไม่มีวันลืมได้เลย
"คิดเอ๊ย มากินข้าวมาลูกมา" เสียงป้าปูตะโกนจนคิตตี้หลุดจากภวังค์
"จ๊ะป้าไปเดี๋ยวนี้แหละ" คิตตี้ตอบรับเสียงใส เดินไปจากห้องและก่อนที่จะปิดประตูห้องลง คิตตี้ก็ขอมองดอกไฮยาซินอีกรอบ ดอกสีม่วงเข้มของมันสวยสดใสนัก คิตตี้อมยิ้ม ยิ้มให้กับมัน ยิ้มให้กับตัวเอง คิตตี้ยังมีลมหายใจ และตราบใดที่ยังมีชีวิต คิตตี้ก็จะทำมันทุกวันให้ผ่านไปอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้