มีอันเป็นไป มันแซ่บ มันเป็ มันตัวโฮ่ง ที่เขาว่ามีลูกมันกวนตัวมีผัวมันกวนใจ แต่ความสวยมันเป็นอุปสรรคน่ะคุณน้า แต่บางคนก็ชอบ Sugar Daddy อันนี้มันก็เป็นไปได้ แบบบูรณาการ เราก็ไม่ว่ากัน
ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,รัก,ตลก,ไทย,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โดย Chavaroj
หน้าแล้งผ่านเข้ามาอีกครา บรรดาดอกไม้ดอกไร่ที่คิตตี้ปลูกต่างก็พากันเหี่ยวแห้งทรุดโทรมไปหมดสิ้นเกือบทั้งแปลง แต่คิตตี้ก็ไม่ได้เสียอกเสียใจหรอก เพราะมันเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่หน้าที่ตอนนี้ของคิตตี้ก็คือ เก็บเมล็ดพันธุ์ของพวกมัน โดยเฉพาะดอกดาวกระจายซึ่งพวกมันเคยชูดอกสลอนทั้งสีส้มแสด สีส้มอ่อน ๆ สีเหลืองไล่ไปจนถึงสีเหลืองอ่อนจัดจนเกือบขาว มีทั้งแบบดอกซ้อนและดอกลา (ดอกที่มีกลีบชั้นเดียว)
เก็บเมล็ดที่แห้งคาต้นใส่ขวดแก้ว ได้ใบโต ๆ จนเกือบเต็มไม่ลืมที่จะใส่ซองที่บรรจุเม็ดดูดความชื้น แล้วก็เอาไปเก็บไว้ในตู้เย็น ต่อเมื่อใกล้หน้าฝนคราวหน้าถึงจะเอาออกมาปลูกเพื่อจะได้เชยชมดอกไม้สวย ๆ ซึ่งเป็นความประทับใจแรกของคิตตี้ ดอกไม้ชนิดแรกที่คิตตี้ปลูก ความประทับใจแรก สำหรับคิตตี้มันงดงามเสมอ
แต่อดจะเสียดายสักหน่อยที่บรรดาดอกคอสมอส หรือดอกบานไม่รู้โรยฝรั่งซึ่งมีสีสันเยอะไปยิ่งกว่า สีสวยหวานกว่า แต่เมล็ดของพวกมัน ไม่สามารถนำมาขยายพืชขยายพันธุ์ต่อได้ ด้วยว่าบริษัทที่ขายเมล็ดได้ทำการอะไรบางอย่างกับพวกมันทำให้พวกมันเป็นหมัน ดอกบ้านสล้างจนโรยแล้วก็จบกันด้วยว่าเป็นไม้ล้มลุก คิตตี้เข้าใจหัวอกคนค้าขาย ฉวยมีดอกไม้ซึ่งออกลูกออกหลานได้ไม่สิ้นสุด ก็ไม่ต้องขายของกันพอดี
แต่บางทีคิตตี้ก็แอบขวางเหมือนกัน เพราะอย่างดอกดาวกระจายที่คิตตี้เก็บเมล็ดของพวกมันใส่โหลเพื่อจะเอาไว้ปลูกฤดูกาลหน้า ถ้าคิตตี้ไม่เก็บงำ ปล่อยมันทิ้งไว้ให้ตกกับพื้นแล้วภาวนาให้ฝนใหม่ จะทำให้ดอกไม้พื้น ๆ พวกนี้ขึ้นล่ะก็ บางครั้งมันก็ไม่ได้ขึ้นให้สมใจเหมือนกัน ด้วยไม่มีคนใส่ใจ แต่บางทีเมล็ดที่รอดหูรอดตามันก็ขึ้นเองจนโตใหญ่ เหมือนดวงของคนเรานี่แหละไอ้ที่ตั้งใจกลับไม่ได้ ไอ้ที่ไม่ได้ตั้งใจกลับงดงามเสียอย่างนั้น
ก็เหมือนทุเรียนนี่ไง ขายทั้งพูมีเมล็ดติดไป คิตตี้ก็ไม่เคยกลัวว่าเขาจะเอาเมล็ดของมันไปปลูกแล้ววันหนึ่งลูกค้าก็จะมีต้นทุเรียนเป็นของตัวเอง จนทุเรียนออกดอกออกผลคราวนี้คิตตี้ก็ไม่ต้องขายทุเรียนกันล่ะ
อันนี้มันความคิดเพ้อบ้าบอเพราะว่างมากไปก็แค่นั้น ก็ขนาดทำสวนทุเรียนอย่างนี้ ได้ชื่อว่ามีคนมือเย็นซึ่งปลูกทุเรียนเก่งที่สุดอย่างน้าเที่ยง บางครั้งมีปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ ทุเรียนซึ่งกำลังแตกกิ่งแตกยอดงาม ๆ ก็ตุยได้เหมือนกันทั้ง ๆ ที่เมื่อวันก่อนยังงามดีอยู่แท้ ๆ
แต่เราก็จะไม่บ่นท้อต่อโชคชะตา ตายก็หามาปลูกใหม่ก็แค่นั้น เพียงแต่คราวนี้ก็ศึกษาสักหน่อยว่าไอ้สาเหตุที่ทำให้ทุเรียนที่กำลังโตวันโตคืนมันตายเนื่องจากอะไร ส่วนใหญ่ก็เกิดจากโรคแมลง ที่หลายสิบไร่คนเพียงหยิบมือยังไงก็ดูไม่ทั่วถึงกันหรอก หลาย ๆ ครั้งการแก้ไขจึงเกิดขึ้นหลังจากมีความเสียหายเกิดขึ้นไปแล้ว
หลังจากคิตตี้เอาขวดเมล็ดพืชไปเก็บก็แต่งตัวทะมัดทะแมง กางเกงยีนขายาวซึ่งใส่จนซีดเก่า เสื้อยืดตัวเก่าใส่จนนิ่มสบายและเสื้อเชิ้ตลายตา ๆ (ซื้อเพราะมันถูกและเนื้อบางระบายอากาศได้ดี ชาวสวนจึงชอบใส่) มีหมวกปีกกว้างใส่หัวอีกหนึ่งใบ หมดสภาพคิตตี้สาวน้อยน่ารักที่ปกติจะแต่งตัวตะมุตะมิด้วยสีขาวกับสีชมพูเป็นพื้นไปเลยทีเดียว มองเผิน ๆ ก็แค่เห็นชายหนุ่มตัวน้อย ๆ เดินแต๊ด ๆ เข้าไปในสวนท่าทางขมีขมัน
เสียงเอะอะโวยวาย เสียงสั่งการ ดังแว่วจนคิตตี้ต้องเร่งฝีเท้าโดยไว มาเก็บทุเรียนกัน ก็ไม่ใช่แต่ว่าตาจะมองแค่ลูกทุเรียนเท่านั้น คนงานต้องคอยสอดส่องดูด้วยว่ากิ่งทุเรียนมันมีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นบ้างหรือไม่ หนอนเจาะเมล็ดทุเรียนเอย มอดเจาะลำต้นเอย ด้วงหนวดยาวเอย แล้วก็พวกเพลี้ยต่าง ๆ อีก ซึ่งแน่นอนเราคงไม่ใช้วิธีสวดมนต์ไล่พวกมันไปเหมือนรัฐบาลใช้ยามเมื่อเกิดภัยที่หนักหนาเกินมือ เราจะใช้สารเคมีบ้าง ใช้มือจัดการบ้าง อย่างเลื่อยวงเดือนอันถนัดมือ ซึ่งคิตตี้กำลังถืออยู่นี่อย่างไร
คิตตี้ปีนขึ้นต้นทุเรียนอย่างคล่องแคล่ว ดีว่าต้นของมันมักจะเป็นกิ่งโปร่ง ๆ ไม่เหมือนมังคุดซึ่งทั้งกิ่งทั้งใบแน่นไปหมดจึงปีนง่าย เพียงแต่ต้องจับกิ่งของมันและหยั่งเท้าให้ดี ๆ สักหน่อย คิตตี้เห็นเป้าหมายซึ่งคนงานบอกไว้แต่เมื่อเช้า กิ่งทุเรียนขนาดเท่าต้นแขนผู้ใหญ่ ซึ่งมีร่องรอยของขี้หนอนพูนออกมาที่ปากทางซึ่งเป็นรูเล็ก ๆ มองให้ทั่วกะขนาดให้ดี แล้วก็ใช้เลื่อยค่อย ๆ เลื่อยมันอย่างใจเย็น เลื่อยเสร็จแล้วก็เอาปูนแดงมาทาเพื่อป้องกันเชื้อรา แต่แค่นี้ก็ไม่ใช่จบกรรมวิธี กิ่งที่ถูกเลื่อยทิ้ง ก็ต้องลากเอาไปกองไว้ ทิ้งให้แห้งสักนิด แล้วจะเผาเอาทำฟืนหรือทำถ่านก็ว่ากันไป แต่ต้องทำลายไม่อย่างนั้นก็จะมีแมลงร้ายมารบกวนไม่สิ้นสุด
ผีเสื้อกลางคืนคือตัวต้นเหตุ กลางดึกในบริเวณสวนจึงต้องวางหลอดไฟเพื่อล่อแมลงด้วย และใช้เพื่อให้แสงสว่างยามเดินทางได้ด้วยเหมือนกัน ซึ่งปกติมืดค่ำก็ไม่ค่อยจะมีใครไปไหนหรอก เผื่อไว้อย่างนั้น
อีกด้าน ลุงกุ้ง น้าเที่ยงและคนงานอีกสี่ห้าคน กำลังเก็บทุเรียนกันอยู่ คิตตี้เมื่อจบงานก็เดินไปสมทบ ใส่ถุงมือหนารับทุเรียนที่ถูกเก็บไว้แล้วขึ้นมาเรียงใส่รถเข็น จากนั้นคิตตี้ก็เข็นรถซึ่งอัดแน่นด้วยทุเรียนสูงปริ่มขอบรถ หนักไม่ใช่เล่น แต่คิตตี้ซึ่งเล็กพริกขี้หนู ก็เข็นมันด้วยตัวคนเดียวไปจนถึงข้างบ้าน แล้วก็หยิบทุเรียนถ่ายจากรถลงไปวางไว้กับกองทุเรียนซึ่งขนมาวางไว้ก่อนหน้านี้ การวางก็ต้องค่อย ๆ เรียงไม่ใช่ว่าเปลือกมันหนาแล้วจะวางยังไงก็ได้ ลูกไหนที่หน้าตาดีเนื้อดี ชนิดเนื้อหนึ่ง ถูกตาต้องใจคิตตี้ก็กองไว้อีกด้าน เพื่อจะเอาไปขายปลีกที่กรุงเทพฯ ซึ่งราคาจะพิเศษสักหน่อยเพราะคัดมาอย่างดี
อีกกองซึ่งจะสุกในไม่กี่วัน ก็แยกไว้กองหนึ่ง และกองใหญ่ที่สุดซึ่งเดี๋ยวล้งจะมารับในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นวันนี้ต้องรีบเก็บทุเรียนอย่างว่องไวที่สุด นี่ก็เก็บได้ไปเยอะแล้ว คาดว่าเย็นนี้ก็คงเก็บได้จนหมด
ต่อเมื่อแยกทุเรียนเสร็จ ก็เข็นรถเปล่า ๆ พร้อมกับถังน้ำซึ่งใส่น้ำแข็งเย็นฉ่ำ เพื่อจะได้ดื่มกินกันแก้เหนื่อย งานทำสวนที่ดีต้องมีผลผลิตให้ได้เก็บหมุนเวียนกันไปตลอดทั้งปี ไม่ใช่จะใช้ทุเรียนเป็นหลัก ไม่มีทุเรียนก็ไม่มีผลผลิตอย่างนั้นมันไม่ได้แน่ ๆ ยิ่งเลี้ยงคนงานตั้งหลายคน แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็งานล้นมือไม่มีเวลาให้ได้ว่างเลย ตื่นขึ้นมากินข้าวให้อิ่มหนำ แล้วก็ลงสวนเพื่อทำงาน พักเที่ยงก็กินข้าวนอนพักสักแปปแล้วก็ทำงานต่อ จนเย็นย่ำก็พักเหนื่อยอาบน้ำอาบท่ากินข้าวกินปลากัน เวียนวนอย่างนี้ชั่วนาตาปี แต่มันก็มีความสุข สนุก และรู้สึกปลอดภัยตราบใดที่ยังอยู่ในสวนทุเรียนแห่งนี้
และตราบใดที่เรามีต้นไม้มีน้ำ มีผลผลิต คนงานก็อุ่นใจว่ามีงานทำมีที่ซุกหัวนอนสบาย ๆ มีเงินเก็บ มีเงินส่งทางบ้าน พวกคนงานถูกเลี้ยงดูเหมือนญาติมิตร ส่วนใหญ่เป็นคนต่างด้าวเพราะขยันและไม่เรื่องมาก เคยมีเหมือนกันที่มีชาวบ้านแถวนี้มาขอทำงาน แต่ทำได้ไม่นานก็ออกไปแถมผิดใจกันอีก ซึ่งเหตุผลก็พอจะรู้ ๆ กันอยู่
จนถึงช่วงเย็นย่ำ คิตตี้ซึ่งหนีงานในสวนมาช่วยป้าปูทำครัวตั้งแต่เย็น ๆ ได้ยินเสียงคนงานที่ช่วยกันแยกทุเรียนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ทุเรียนกองมหึมาสูงท่วมหัว และเมื่อเสร็จงาน ลุงกุ้งกับน้าเที่ยงก็พากันเดินเช็ดเหงื่อเข้ามา และคนงานคนหนึ่งก็เดินยิ้ม ๆ ตามมาเหมือนกัน
ป้าปูชี้ให้คนงานยกหม้อแกงส้มหม้อโต ๆ ให้เขาเอาไปสู่กันกินที่เรือนคนงาน ส่วนข้าวสวยหุงร้อน ๆ เมียของคนงานยกไปแล้วก่อนหน้านี้ แกเดินหายไปแล้วก็กลับมารับปลาทอดตัวขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กเอาไปสู่กันกินอีกรอบ บ้านเราเลี้ยงข้าวคนงานด้วย แต่ถ้าเขาอยากจะกินอะไรเพิ่มเติม เมียคนงานก็จะทำกับข้าวเพิ่มก็แล้วแต่เขา ส่วนใหญ่ก็เก็บผักหญ้าเอามาต้ม ตำน้ำพริกเพิ่มอีกหน่อย ก็กินกันเอร็ดอร่อย ผักในสวนขึ้นเองเก็บไม่ทัน ทั้งตำลึง ทั้งผักเสี้ยน และสารพัดผัก บางทีทำงานอยู่ในสวนนึกสนุกเก็บผักเพลินเอาบ่อย ๆ ก็มี ผลคือตอนเย็นแกงจืดตำลึงใส่หมูบะช่อแสนเอร็ดอร่อย
บ้านของคิตตี้เองก็ไม่ได้กินของหรูหราอะไร กินแบบเดียวกับคนงานนั่นแหละ แต่อาจจะมีเนื้อปลาหรือพวกกุ้งหอยปูปลาเพิ่มอีกหน่อย ซึ่งไม่ได้ซื้อหาแต่อย่างใด น้าเที่ยงคนเก่ง มักจะใช้เวลาตอนดึก ๆ ดื่น ๆ กับไฟสักดวงไปหาของทะเลมาเตรียมไว้ให้พวกเรากิน หรือบางทีนึกสนุก พวกเราสี่คนก็ลงเรือไปตกหมึกกันในทะเล น้าเที่ยงที่ว่ายน้ำเก่งเหมือนปลา นึกสนุกบางทีแกก็กระโดดลงทะเลมืดครึ้ม แล้วก็จับปลาจับปูตัวโต ๆ โยนขึ้นมาบนเรือ ซึ่งมันเกิดขึ้นบ่อยจนพวกเราไม่ได้แปลกใจอะไรแล้ว
"พรุ่งนี้เฮียะเต๋อจะมาเองใช่ไหม?" ป้าปูถามเสียงเรียบ ๆ
"จ๊ะ" คิตตี้ตอบ และทำหน้าเฉยเมย ตั้งหน้าตั้งตากินข้าว แต่แอบเห็นว่าป้าปูมองค้อนด้วยสายตา และเบ้ปากใส่คิตตี้นิดหน่อย
เฮียะเต๋อน่ะ เป็นเจ้าของล้งซึ่งเป็นล้งของคนไทย เหลืออยู่ไม่กี่เจ้า ด้วยว่าสนิทสนมกับครอบครัวของลุงกุ้งตั้งแต่รุ่นพ่อของแก จนพ่อแกซึ่งแก่เฒ่า ยกกิจการให้ลูก ๆ ไปดูแลเกือบจะหมดสิ้น แต่ล้งผลไม้นั้น เฮียะเต๋อเป็นคนดูแลเป็นหลักเพราะพี่สาวหรือเจ๊ ๆ ของแกไม่เอาด้วยว่าเป็นงานหนัก
ทุเรียนเป็นตัน ๆ ไม่ใช่ว่าจะทำกันครึ่งวันแล้วเสร็จง่าย ๆ การมารับทุเรียนครั้งหนึ่ง ก็เล่นเอาเกือบเสียเวลาไปทั้งวัน แต่ไอ้ที่ทิ้งตัวอยู่สวนของลุงกุ้งแบบนี้ เพราะเฮียะเต๋อกับคิตตี้ค่อนข้างสนิทกัน ออกจะสนิทกันเกินไปซะด้วย สนิทเกินไปจนคิตตี้หวั่นใจ
คิตตี้เจอเฮียะเต๋อครั้งแรกก็หลายปีมาแล้ว เจอตอนแกมารับทุเรียนนี่แหละ ออกจะหมั่นไส้เพราะท่าทางและการแต่งเนื้อแต่งตัว ก็แกมีเชื้อจีน ถึงจะกรำแดดจนผิวเริ่มเป็นสีแทน แต่ก็ดูออกว่าเป็นคนผิวขาวจัด ท่าทางโวยวายเสียงดังเพราะต้องสั่งงานคนงาน เสียงดังน่ารำคาญนัก ยิ่งการแต่งตัวล่ะก็คิตตี้ล่ะอยากให้โดนปล้นสักทีเถอะ สร้อยทองที่คอ เส้นเท้านิ้วก้อย แล้วยังแหวนทองซึ่งประดับพลอยสีเม็ดโต ๆ ล่อซะแปดนิ้ว ไม่ได้ใส่ที่นิ้วโป้งสองนิ้วเท่านั้น มีกระเป๋าหนีบใบหนาที่มักจะหนีบตรงจักแร้และในกระเป๋าก็มักจะมีแบงก์พันปึกหนา ๆ
มาเปลี่ยนไปเป็นบางลงเพราะเดี๋ยวนี้โอนเงินผ่านแอปโทรศัพท์ได้ หรือบางทีก็เป็นสมุดเช็ค แต่ระดับเฮียะเต๋อซะแล้วเงินสดดีกว่า นับเงินกันจนเมื่อยมือไปเลย และชาวสวนก็ดูจะชอบใจที่ได้เงินสด ๆ มากกว่าอย่างอื่น
เฮียะเต๋อน่ะอายุสามสิบปลาย ๆ ใกล้จะเหยียบสี่สิบปีนี้หรือปีหน้าคิตตี้ก็ไม่ได้ถาม แต่หน้าของเฮียเต๋อน่ะ ยังดูเหมือนคนสามสิบสี่สามสิบห้า ด้วยว่าคนร่ำคนรวยก็คงได้บำรุงของดี ๆ ยิ่งไม่ต้องทำงานตรากตรำ เดินไปเดินมามีคนกางร่มให้ซะด้วย ราวกับกลัวว่าถ้าโดนแดดแล้วจะละลาย เสื้อผ้าสีสดตาอยู่เสมอ กับกางเกงตัวโคร่งเนื้อพลิ้วบางเบา จริตอมหวานนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้สาวแตกเหมือนคิตตี้ แต่ถึงอย่างนั้นเฮียะเต๋อก็เป็นคนที่เรียกได้ว่ามีอำนาจ เป็นอำนาจของคนที่เกิดมาแล้วมันมีขึ้นมาเอง อำนาจอันได้มาแต่อำนาจเงิน และอิทธิพลของครอบครัวอันสะสมมาหลายชั่วคน แต่ก็ไม่ได้มีใครเกลียดเฮียะเต๋อหรอก มีแต่ความเกรงใจมากกว่า และส่วนใหญ่ออกจะรักใคร่ชอบพอ
คนงานของล้งเฮียะเต๋อมาถึงตอนสาย ๆ ง่วนกับการชั่งน้ำหนัก และโยนทุเรียนขึ้นไปเรียงบนรถคันโต เพลแล้วจนแดดชักจะร้อน แม้จะมีลมแล้ง กับต้นไม้ดกครึ้ม แต่ก็ยังอบอ้าวหน่อย ๆ อยู่ดี รถราคาหลายล้านจอดที่ว่าง ๆ ด้านหนึ่ง คนขับรถซึ่งคงจะรับหน้าที่อื่น ๆ ให้เฮียะเต๋อด้วยเช่นเลขา คนถือร่ม คนคอยไปซื้อโอเลี้ยง และสุดแต่เฮียะเต๋อผู้แสนเอาแต่ใจคิดจะสั่ง ดีบ้างร้ายบ้าง แสนพิสดารอย่างคนที่ไม่ค่อยจะมีอะไรจะทำเลยอยากทำเรื่องบ๊อง ๆ เพื่อแก้เบื่อ แล้วตาเลขาของแกก็ออกจะเป็นคนล้น ๆ สักหน่อย นายสั่งก็กุลีกุจอทำตามไม่มีขัดไม่มีเถียงสักคำเอากับพ่อสิ
ประตูเปิดออก คนขับหน้าตาเด๋อด๋าแต่สู้งาน ก็รีบกางร่มให้ทันที เฮียะเต๋อเดินลงมาพร้อมกับแว่นกันแดดอันโต คิตตี้เห็นแล้วก็อมยิ้มแสนจะขำ อย่างนี้หรือเปล่าหนอที่เขาเรียกว่า เศรษฐีบ้านนอก จริง ๆ เฮียะเต๋อไม่ใช่คนเรื่องมากหรอก ทำเรื่องมากเอาสนุก และชอบทำตัวอย่างที่เขาเรียกว่า "โอเว่อร์" ไปอย่างนั้นเอง
เดินมาโดยมีคนกางร่มให้ เฮียะเต๋อก็บ่นให้เลขากางร่มดี ๆ เพราะนิ้วตีนโดนแดด จนเข้ามาในเขตชายคาบ้าน ร่มถูกพับ แว่นตาถูกถอดออกและพับเก็บใส่กระเป๋าที่หน้าอก คิตตี้อมยิ้มให้ แต่เฮียะเต๋อก็เดินเลยคิตตี้ไป ไปไหว้ทักทายลุงกุ้ง และเดินเลยเข้าไปในบ้านเพื่อไปไหว้ป้าปู เสียงพูดคุยทักทายดังม๊าก ไม่รู้สองคนนี้สนิทอะไรกันมากมาย คิตตี้ว่าปกติป้าปูเสียงดังคุยเก่ง แต่อีเฮียะเต๋อ ก็น่าจะมีเลเวลความคุยเก่งสูสี คนคุยเก่งกับคนคุยดังมาเจอกัน ฟังไกล ๆ นึกว่าแม่ค้าทะเลาะกัน ถ้าไม่ติดว่ามีเสียงหัวเราะดังมาเป็นระยะ ๆ ด้วยล่ะก็นะ
คนงานก็ทำหน้าที่ของเขาไป เฮียะเต๋อมีหน้าที่แค่จ่ายเงินก็เท่านั้น คิตตี้ไม่อยากสนใจ เดินเข้าสวนไปช่วยน้าเที่ยงดีกว่า จนเย็นโน่นแหละถึงจะกลับมาบ้าน ภาพที่เห็นก็คือ เฮียเต๋อที่นับเงินฟ่อนโต ๆ และป้าปูที่นับเงินกับเขาเหมือนกัน เงินหลายแสนใช้เวลานับไม่ใช่น้อย ๆ
"คิดเอ๊ยมาช่วยป้านับหน่อยฮิ" ป้าปูคงเหนื่อยใจ เลยให้คิตตี้มาช่วยนับแทน นับเกินไม่เป็นไร ฉวยนับขาดขาดทุนกันพอดี คิตตี้ก็เลยขอตัวไปล้างมือล้างหน้าสักนิด ถอดเสื้อแขนยาวออกและเปลี่ยนกางเกงเป็นกางเกงขาสั้น สั้นแบบสั้นม๊ากมาก สั้นกุ๊ด เพราะสบายตัวดี แล้วก็ลงมานั่งแทนที่ป้าปู ซึ่งแกว่าแกจะไปทำกับข้าวกับปลากันต่อ
นับเงินจนเสร็จ คิตตี้แสนหมั่นไส้รำคาญสายตาของอีเฮียะเต๋อชะมัด เพราะแม่งสายตาที่มองขาขาว ๆ ของคิตตี้มันช่างโลมเลีย หมั่นไส้แม่ง คิตตี้ก็แกล้งแหกขาจนเห็นไปถึงไหน ๆ อีเฮียะเต๋อตาเหลือกไปเลยทีเดียว อยากดูนักแม่ก็แหกกีให้ดูซะเลย เอากับแม่สิ นังคิตตี้มันสู้คนค่ะคุณขา
นับเงินเสร็จ แต่กับข้าวยังไม่เสร็จ ป้าปูซึ่งแกเอ่ยปากชวนเฮียะเต๋อให้กินข้าวเย็นด้วยกัน ก็อย่างนี้ทุกที กับข้าวมากมายราวกับเลี้ยงพระ แต่มีเมียคนงานไปช่วยเป็นลูกมือ คิตตี้มีหน้าที่ต้อนรับแขกคนสำคัญที่สุดคนนี้ต่างหาก จึงไม่ได้รับอนุญาตให้มาช่วยงานในครัว
"ไปเดินเล่นกัน" เบื่อขึ้นมา คิตตี้ก็เลยชวนเฮียะเต๋อไปเดินเล่นริมทะเลหลังจากนับเงินฟ่อนโตเสร็จ ซึ่งอีเฮียะเต๋อก็พยักหน้ารับอย่างยินดี แถมบอกเลขาของแกว่าไม่ต้องตามมาซะด้วย กลับไล่ให้ไปช่วยงานในครัวเสียนี่
"ปีนี้ทุเรียนน้อยนะ" เฮียะเต๋อเอ่ยปากพูด คิตตี้ก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ จริง ๆ มันก็ไม่น้อยไปกว่าปีกลายหรอก แต่คิตตี้ไลฟ์ขายด้วย เอาไปขายปลีกด้วย ก็เลยเหลือส่งล้งให้เฮียะเต๋อน้อยกว่าเดิม
"เย็นนี้มีปลาหมึกต้มหวานด้วยนะ" คิตตี้เปลี่ยนหัวข้อการคุย
"ปลาหมึกจับเองหรือเปล่า?"
"จับเองสิ คิดก็ไปกับเขาด้วย ได้ปลาหมึกกล้วยตัวโตเท่านี่" คิตตี้พูดแล้วก็ยกแขนขึ้นมาให้ดู ปลาหมึกกล้วยสด ๆ ตัวโต ๆ ได้มาแล้วก็รีบน๊อกน้ำแข็ง เอามาทำกับข้าวเนื้อจึงเด้งลิ้นชะมัดและแทบจะไม่มีกลิ่นคาวเลย ยิ่งเอามาต้มให้ถึงเครื่อง กัดไปแต่ละคำอร่อยอย่างกับขึ้นสวรรค์ ป้าปูจะใส่สามเกลอกับข่าลงไปเพิ่มอีกนิดหน่อย ทำให้หอมขึ้นไปอีกยามเมื่อได้กิน ของโปรดของเฮียะเต๋อเลยเชียวล่ะ ป้าปูรู้ว่าเฮียะเต๋อจะมาจึงชอบทำเตรียมไว้ให้เสมอ ๆ
"ดีจริง" เฮียะเต๋อเอ่ยปากชมทำหน้าดีใจ และถามไถ่คิตตี้เรื่องสัพเพเหระ แกเองก็เล่าเรื่องของแกไปด้วยซึ่งคิตตี้ก็ฟังมั่งไม่ได้ฟังมั่ง ก็คิตตี้ไม่ได้เป็นคนกว้างขวางเท่าเฮียะเต๋อ ออกไปจากสวนก็แทบจะไม่รู้จักใคร
ผิดกับเฮียะเต๋อซึ่งเป็นลูกคนใหญ่คนโต ปู่ของแกเป็นถึงกำนัน งานบุญงานวัดหรืองานขอแรงอะไรก็เถอะ ก็ได้อาศัยบ้านของเฮียะเต๋อนี่แหละเป็นกำลังสำคัญ ทั้งกำลังเงินและกำลังคน คนงานของแกเยอะแยะ เกณฑ์มาช่วยงานเหมือนงานพวกนี้เป็นงานของแก
"เศรษฐีใจบุญไงเล่าฮิ" ป้าปูเคยเอ่ยปากชม เพราะคิตตี้หมั่นไส้ แต่พอรู้ว่าเป็นอย่างนี้กันทั้งบ้าน ไม่ใช่แค่เฮียะเต๋อหรอกนะ พี่สาว พี่ชาย ลุงป้าน้าอา ของแก มีงานอะไรขอให้บอกเถอะ จนเรียกได้ว่าไปทางไหนในเมืองจันทร์ ก็ต้องเห็นนามสกุลของเฮียะเต๋อหราไปทั่วเลยทีเดียว
"คืนนี้อยากจะมาตกปลาบ้าง" เฮียะเต๋อพูดและทำหน้ากะร่อยกะหริบใส่
"ก็ตกสิเฮียะ บ้านเฮียะก็ติดทะเลหนิ" คิตตี้พูด ขอบทะเลบ้านคิตตี้ มีภูเขาลูกย่อม ๆ กั้นไว้ ถัดไปก็เป็นที่ดินของบ้านเฮียะเต๋อนี่แหละ บางทีคิตตี้ยังเห็นเฮียะเต๋อขับเรือแล่นผ่านทะเลข้างบ้านของคิตตี้เลย
"ทะเลฝั่งโน้นไม่ค่อยมีปลา สู้ฝั่งนี้ไม่ได้" เฮียะเต๋อพูดแล้วก็เดินมาจับมือของคิตตี้
"งั้นอยากได้อะไรเดี๋ยวให้น้าเที่ยงจับให้ พรุ่งนี้มะรืนนี้เดี๋ยวให้เด็กเอาไปส่งให้" คิตตี้พูดหันหน้าไปทางอื่น พยายามดึงแขนของตัวเองออกมา แต่เฮียเต๋อก็ยิ่งจับมือของคิตตี้จนแน่น
"ไม่เอาจะจับปลาที่นี่ฮิ" เฮียเต๋อพูดแล้วก็กระชากมือของคิตตี้จนตัวเซ ร่างผอมบางปลิวไปปะทะร่างล่ำ ๆ เฮียะเต๋อตัวไม่ได้สูงมาก อวบนิด ๆ อย่างผู้มีอันจะกินและไม่เคยรับรู้คำว่าหิว มือของเฮียเต๋อกอดเอวของคิตตี้อย่างเอาแต่ใจ แม้ว่าคิตตี้จะขมวดคิ้วทำหน้าดุใส่ แต่เฮียะเต๋อก็ไม่ได้สะดุ้งสะเทือน ยื่นจมูกมาหอมแก้ม แล้วก็อมยิ้ม
"คิดตัวเหม็นเหงื่อน่าเฮียะ คิดยังไม่ได้อาบน้ำเลย" คิตตี้พูดและพยายามสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดเอาแต่ใจ
"ไม่เห็นเหม็นเลย หอมออก หอมเหงื่อ" เฮียะเต๋อพูด แล้วก็ยื่นหน้ามาหอมแก้มคิตตี้อีกข้าง คิตตี้พยายามโวยวาย ดิ้นเร่าให้หลุดจากอ้อมกอดแข็งขืน แต่สุดท้าย คนเอาแต่ใจก็ชนะ ริมฝีปากของเฮียเต๋อที่เคยยิ้มหยามคิตตี้เหมือนผู้ใหญ่มันเขี้ยวเด็ก แต่สุดท้ายก็จูบจนแนบแน่น จูบแบบที่ทำให้รู้ว่าโหยหิว และปรารถนาคนตรงหน้า คนในอ้อมกอด คิตตี้ที่บัดนี้หมดสิ้นเรี่ยวแรงและความหยิ่งถือดี กลับกอดเอวของเฮียะเต๋อกลับคืน เนิ่นนานจนใบหน้าทั้งสองแยกจากกัน
"หนูคิดอย่าดื้อกับเฮียะสิ" เฮียเต๋อกระซิบเบา แต่มือที่อัดแน่นไปด้วยแหวนพราวกลับตีไปที่ก้นแน่นจนเกิดเสียงดัง คิตตี้สะท้านเจ็บจนกลับมาทำหน้าดื้อ ถือดีนัก เฮียะเต๋อก็เลยตีตูดคิตตี้อีกรอบ แล้วก็ยื่นมือไปบีบขยำรุนแรง แล้วก็ก้มลงมาจูบคิตตี้อย่างเร่าร้อนอีก
"เฮียะ" คิตตี้เรียกคนใจร้ายเบา ๆ
"คืนนี้เฮียะขอนอนด้วยนะ" หนุ่มใหญ่พูดพร้อมหยักยิ้ม คิตตี้ไม่ตอบรับ แต่ยื่นริมฝีปากไปจูบแทนคำตอบ ก้นที่ถูกขยำแรง และนิ้วร้ายที่ล้วงเข้าไปในกางเกง กดเข้าไปที่จุดกระสัน เขี่ยมันเบา ๆ อย่างรู้มือ คิตตี้คิดว่าขาของคิตตี้มันเหมือนลอยหายไปในอากาศ และที่หยัดยืนอยู่ได้ก็เพราะโดนเฮียเต๋อกอดจนแน่น แน่นจนเหมือนร่างทั้งสองประสานเป็นร่างเดียวกันทีเดียว