มีอันเป็นไป มันแซ่บ มันเป็ มันตัวโฮ่ง ที่เขาว่ามีลูกมันกวนตัวมีผัวมันกวนใจ แต่ความสวยมันเป็นอุปสรรคน่ะคุณน้า แต่บางคนก็ชอบ Sugar Daddy อันนี้มันก็เป็นไปได้ แบบบูรณาการ เราก็ไม่ว่ากัน
ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,รัก,ตลก,ไทย,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โดย Chavaroj
คิตตี้ไม่ได้คิดว่าโลกจะหมุนให้คิตตี้กับเฮียะเต๋อมาเจอกันอีก ถึงจันทบุรีจะไม่ใหญ่ แต่ก็ไม่ได้เล็กและคิตตี้ซึ่งตอนเรียนจบจนช่วยพ่อกับแม่ทำงานขายของ ล่วงเลยจนมาช่วยงานลุงกับป้าที่สวนทุเรียน ซึ่งคิตตี้ก็ไม่ได้หนีเที่ยว วัน ๆ อยู่แต่ในสวน แล้วก็ตีรถเข้ากรุงเทพฯ มาช่วยงานพ่อกับแม่สลับกันไป
คิตตี้ประมาทไปหน่อย คิดดูแคลนว่าเมืองจันท์ไม่ค่อยจะเห็นคนหล่อ ๆ ไอ้ที่ตรงสเปค ก็มีลูกมีเมียกันหมดแล้ว เพราะคิตตี้ชอบผู้ใหญ่ ดังนั้นคิตตี้ก็เลยไม่ใคร่จะใส่ใจ จนลืมไปแล้วว่าเคยไปซุกซนจนเจอคนชื่อเฮียะเต๋อคนนั้น
ทุก ๆ ปีที่เมืองจันท์จะมีประเพณีไปไหว้เขาคิฌชกูฏซึ่งจะต้องทำการจอง และเดินทางแสนยากลำบาก คิตตี้ไม่เคยสนใจเรื่องมะ ๆ โม ๆ แล้วด้วยการเดินทางแสนลำบากด้วยแล้ว คิตตี้ไม่คิดจะไปเหยียบเลยเชียวล่ะ เพราะเคยไปแล้วมันเหนื่อยเหลือใจ
แต่จะด้วยนรกชัง หรือสวรรค์แกล้ง ลุงกุ้งไม่สบายแล้วก็ไปบนว่าถ้าหายป่วยจะไปไหว้พระธาตุที่เขาคิฌชกูฏที่ว่า ครั้นบนแล้วก็หายวันหายคืน จนเข้าเทศกาลไหว้พระธาตุกัน คิตตี้ ป้าปู และลุงกุ้งตัวต้นเรื่อง ก็วางแผนกันว่าเห็นทีจะต้องไปไหว้พระธาตุกันสักหนเพื่อให้เป็นสิริมงคล
จองคิวทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งแน่นอนเป็นหน้าที่ของคิตตี้ จะปล่อยให้คนแก่ไปกันโดยลำพัง คิตตี้ก็ใจไม่ดำพอ ก็เลยต้องติดสอยห้อยตามไปกับเขาด้วย คิดไปอีกด้านได้เที่ยวบ้างก็ดีเหมือนกัน เพราะคิตตี้ก็วุ่นแต่กับการทำงานไม่ได้เที่ยวหัวเลยสักนิด ถึงจะลำบากนิดหน่อยก็ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศ
จะเข้าวัดทั้งทีก็เดาะชุดขาวมันทั้งชุดเลย แต่เป็นชุดสีขาวที่ทะมัดทะแมงสักหน่อยเพราะต้องเดินไต่บันไดขึ้นเขาหลายร้อยขั้น น่าแปลกใจว่าถึงเชิงเขาทางขึ้นเจอคนรู้จักหลายคนอยู่เหมือนกัน แต่คิตตี้ไม่รู้จักมักจี่กับเขาหรอก อาจจะเคยเห็นหน้าบ้างยามพาป้าปูไปซื้อของจ่ายตลาดแต่คิตตี้ก็ไม่ได้สนิทกับใครเลย มีแค่บางคนที่คิตตี้อาจจะคุ้น ๆ หน้า
"หลานเรอะ?" เสียงผู้สงสัยถามเอาตรง ๆ และชี้หน้าคิตตี้ซะเลย
"หลานจ๊ะ" ป้าปูตอบรับอย่างพอใจ
"หน้าตาดี หล่อเหมือนลุง" อีตาแก่นั่นชมแล้วก็ชี้ที่อกคิตตี้แล้วก็ชี้ไปที่ลุงกุ้ง เล่นเอาคิตตี้ปากคว่ำแต่ไม่ได้แดกดันอะไรกลับ เพราะนี่กำลังจะไปขึ้นวัดไปไหว้พระ ดังนั้นจะมาทะเลาะกับคนตาแชแม๊ ก็ไม่สมควร คิดซะว่าอโหสิกรรม ให้สัตว์โลกผู้ยากก็แล้วกัน กูสวยขนาดนี้ ถ้าว่ากูสวยเหมือนป้าปูตอนสาว ๆ จะไม่ว่าสักคำ
เอาล่ะ เราจะไม่เอาคำพูดของตาแก่สัปปะรังเคที่ไหนก็ไม่รู้มาทำให้ขุ่นข้องหมองใจ จะไปไหว้พระทั้งทีก็ต้องสวยทั้งกายและใจสินะ คิตตี้ค้อนอีตาบ้านั่นตาเขียว และหันไปประจ๋อประแจ๋กับญาติผู้ใหญ่แทนเห็นจะดีกว่า จริง ๆ เขาคิฌชกูฏเนี่ย คิตตี้ก็เคยมาแล้วสองสามครั้ง เคยมากับอีหวัง กับพ่อแม่ หนนึง มาคนเดียวหนนึง แต่ครั้งนี้เรามาเพื่อแก้บน และคิตตี้ก็คิดว่าคงจะไม่ต้องมาเพื่อแก้บนอีกนะเพราะเหนื่อยค่ะ
จะว่าไปลุงกุ้งก็กลับมาฟื้นตัวหลังจากป่วยไข้ได้ว่องไวมาก มิไยว่าคิตตี้จะปรามลุงกุ้งให้แก้บนปีหน้าก็ได้เอาให้แข็งแรงจริง ๆ เสียก่อน ฉวยเป็นลมตอนปีนเขาใครจะลากลงมา แต่แกก็ดื้อ และยืนยันว่าไหว
"ไหวก็ไหว ไปด้วยกันตั้งหลายคนให้มันรู้ไป" ป้าปูพูดอย่างนักเลง ๆ จริง ๆ เรามีคนงานที่สวนขอติดตามมาเที่ยวด้วยอีกสามคน ก็หวังจะพึ่งพาช่วยกันแบกลุงกุ้งถ้าแกเกิดเป็นลมเป็นแล้ง แต่ลุงกุ้งก็อึดกว่าที่คิด เดินขึ้นเดินลง และมาสว่างเอาตอนเช้า คิตตี้ที่เห็นตัวเล็กอย่างนี้แต่ก็แข็งแรงมาก ๆ เชียวนะ ป้าปูและน้าเที่ยงยิ่งไม่ต้องห่วง เพราะที่ดินด้านหนึ่งของเราก็กินเนื้อที่ด้านหนึ่งของภูเขาเตี้ย ๆ ซึ่งปลูกมังคุด และต้นไผ่ น้าเที่ยงกับป้าปูตอนหน้าฝนเดินขึ้นไปตัดหน่อไม้บ่อย ๆ
แต่ที่จะเหนื่อยก็คือการเบียดเสียดกับผู้คนเสียละมากกว่า และถ้าคิดเสียว่าดีกว่าไม่มีคน เดินแล้วก็เหงากลัวผีจะหลอก คนเยอะ ๆ ก็ดีเหมือนกันแม้ว่าจะเบียดกันสักหน่อย คนทั่วไปจะกลับมาในตอนเช้า ๆ เพราะอยากจะดูพระอาทิตย์ขึ้นบนภูเขา ครอบครัวของคิตตี้ก็เช่นกัน ค่อย ๆ เดินลงมาอย่างใจเย็น เหนื่อยก็นั่งพัก จนในที่สุดก็ถึงด้านล่างกันสักที
ป้าปูกับน้าเที่ยงนั้นลงมาก่อน คิตตี้มีหน้าที่ประคองลุงกุ้งจึงค่อย ๆ ไต่เขาลงมา ส่วนคนงานที่สวนก็เดินประกบหน้าประกบหลัง และเมื่อจะถึงจุดนัดพบ เสียงของป้าปูก็ดังมาแต่ไกล หัวเราะร่าและคุยเสียงดังท่าทางจะเจอกับคนรู้จัก
"เอ้าโน่นมาโน่นแล้วนั่น" ป้าปูพูดเสียงดังและชี้โบ้ชี้เบ๊มาที่คิตตี้กับลุงกุ้ง
"หวัดดีค้าบเฮียะ" คนที่กำลังคุยกับป้าปูหันมายกมือไหว้ลุงกุ้ง คิตตี้จะยกมือไหว้เขา แต่พอเห็นหน้าคิตตี้ก็อ้าปากค้าง นี่มันตาลุงที่เคยเจอกันนี่หว่า ที่สวนสาธารณะแล้ววิ่งหนีโจรน่ะ
"มาด้วยเหมือนกันเรอะเฮียะเต๋อ" ลุงกุ้งทักทายอีตาลุงเต๋อนั่น คิตตี้ได้แต่หลบตา ส่วนไอ้เฮียะเต๋อก็ทำเหมือนไม่รู้จักคิตตี้ซะด้วย ช่างกระอักกระอ่วนชิบเป๋ง เขาอ่อนกว่าลุงกุ้งตั้งเยอะแต่ลุงกลับเรียกเขาเฮียะคิตตี้ล่ะแปลกใจ
แต่โชคดีคุยกันได้แค่แป๊บเดียวก็แยกย้ายกันไป คิตตี้แอบมองตาลุงนั่น และไอ้ลุงนั่นก็มองมาทางคิตตี้แล้วก็อมยิ้มให้ด้วย เท่านั้นไม่พอเสือกยักคิ้วหลิ่วตาใส่คิตตี้ซะด้วยนะ เป็นเชิงว่ารู้กัน
"ใครน่ะลุง?" คิตตี้ถามทันทีเมื่อเดินจากมา
"เฮียะเต๋อลูกชายคนเล็กของกำนันต้อมเจ้าของล้งในเมืองไงเล่า เราค้าขายกับเขาบ่อย ๆ ขายมาตั้งแต่รุ่นเตี่ยเขา ตอนนี้ให้ลูกชายมาดูแลแทน นิสัยดี คุยสนุก โน่นสนิทกับป้าเราเอาทุเรียนไปขายทีไร ชอบทำกับข้าวไปฝากเขา" ลุงกุ้งว่า
มิน่าล่ะ สมัยก่อนน่ะ ขายทุเรียนก็จะเอาไปส่งที่ล้ง คิตตี้เลยไม่เคยเจอะเคยเจอ ก็ไม่แปลกที่คิตตี้จะไม่รู้จัก ยิ่งพอไปถามป้าปูล่ะก็คุยโขมงโฉงเฉง เล่าถึงความดีของตาลุงเต๋อนั่นเป็นการใหญ่
"รู้จักกันมาตั้งแต่เล็ก" ป้าปูเริ่มต้นเมื่อคิตตี้ถามถึงและจบท้ายด้วยคำถามที่ทำเอาคิตตี้หน้าม้าน
"มึงชอบเขาเรอะ?"
"ไม่ชอบหรอก" คิตตี้ตอบเสียงจริงจัง และบ่นในใจว่าโลกมันช่างกลมอะไรอย่างนี้หนอ
โลกมันไม่ใช่แค่กลมอย่างเดียว แต่คนมันถูกโลกเหวี่ยงให้มาเจอกันด้วย วันดีคืนร้าย ทุเรียนซึ่งตัดเรียงไว้ที่โรงเก็บ ก็มีรถมารับถึงที่ คิตตี้ออกจะงงเพราะปกติเราต้องเอาไปส่งที่ล้ง แต่นี่ใจดีมารับเองถึงที่เลยทีเดียว แถมอีตาลุงนั่นก็มากับเขาด้วย คิตตี้รู้ได้เลยว่าอีลุงนั่นไม่ได้แค่ต้องการมารับซื้อทุเรียนแน่ ๆ ตีสนิทกับป้าปู และพยายามชวนคิตตี้คุย ไม่ได้สนใจกองทุเรียนเลยสักนิด ปล่อยให้คนงานจัดการกันไป
จนมื้อเย็นอีตาลุงนั่นก็มานั่งกินข้าวด้วยกันกับพวกเรา ชมอาหารว่าอร่อยไม่ขาดปาก คิตตี้ล่ะก็หมั่นไส้ชะมัด คนอะไรมันจะขี้อวดขี้คุยจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นคิตตี้ก็ขำกับเรื่องบ้าบอที่เขาช่างสรรหามาเล่าได้ไม่หยุดไม่หย่อน
จนได้จังหวะที่เหลือแค่คิตตี้กับเขาแค่ลำพัง เขาก็ขยับตัวมานั่งซะชิดจนเบียด
"เดี๋ยวนี้ยังไปเที่ยวสวนอีกหรือเปล่า?" อีลุงเต๋อมันถามและทำตาเจ้าชู้ใส่
"ไม่ได้ไปแล้ว เคยไปหนเดียวแล้วก็เข็ดเลย" คิตตี้ตอบหน้าแดงเพราะอายหน่อย ๆ
"ดีแล้วอย่าไปเลย เสี่ยง" แน่ะ มาห้ามกูทีมึงก็ไปค่ะ
และหลังจากนั้นถึงไม่มีทุเรียนให้ขาย อีลุงรุงรังนี่ก็ขอมาแดกข้าวฝีมือป้าปูจนได้ คิตตี้ล่ะรำคาญ
และการที่คิตตี้เอาทุเรียนไปขายที่กรุงเทพฯ ก็มีต้นเหตุจากอีตาลุงนี้นี่แหละ แต่คิตตี้ไม่ได้บอกใคร แม้แต่อีหวังคิตตี้ก็ไม่ได้เล่าให้มันฟัง จริง ๆ ก็ดีเหมือนกัน มาขายปลีกแบบนี้กำไรเยอะเป็นเท่าตัว สนุกด้วย ถ้าหวังมันว่างก็มาช่วยกันขาย ช่วยกันแกะมือเป็นระวิง ให้ลุงกุ้งแกคัดทุเรียนสวย ๆ จะได้ขายได้ราคาดี ๆ หน่อย
จริง ๆ ทุเรียนที่สวนของเราก็พิเศษมาก ๆ อยู่แล้วเพราะปลูกอย่างถนอมมากจริง ๆ หยูกยาก็พยายามใช้ให้น้อยที่สุด กินแล้วสบายใจ เวลาขายคิตตี้ก็จะเลือกลูกที่สุกกำลังดีให้ลูกค้า แนะนำได้หมดว่าจะเอากรอบนอกนุ่มใน หรือเนื้อสุกกำลังกิน แต่ถ้าจะเก็บไปแกะเองจะเอาสองวันสามวันคิตตี้ก็ดูเป็นหมดนั่นแหละไม่หลอกลวงลูกค้าให้เขากลับมาด่า อะไรดีคิตตี้ก็บอกว่าดีค่ะ
แต่ถ้าจะถามว่าอีตาลุงเต๋อวนเวียนมาหาคิตตี้บ่อยไหมก็ต้องตอบว่าไม่ถึงขนาดนั้น แต่มักจะมาตอนที่คิตตี้คิดถึงซะทุกที นินทาทีไรเป็นมาทีนั้น
"ทำไมป้าดีกับอีตาเต๋อนั่นจัง?" คิตตี้ถามในที่สุดเพราะเห็นป้าแกใจดีกับตาบ้านั่นเหลือใจ
"ก็เขาเป็นคนดี พ่อเขาก็มีบุญคุณกับบ้านเราอยู่นะ สมัยก่อนตากับยายน่ะได้อาศัยพ่อแม่เฮียะเต๋อบ่อย ๆ ไม่ใช่แค่ตากับยายหรอก ชาวบ้านแถวนี้ใครเดือดร้อนอะไรก็ไปพึ่งกำนันทั้งนั้นแหละ" ป้าปูเกริ่นแล้วก็เล่าถึงวีรกรรมของครอบครัวอีตาลุงเต๋อให้ฟัง จริง ๆ ลุงเต๋อแกอ่อนกว่าป้าปูตั้งหลายปี แต่ที่เรียกเฮียะก็แสดงความนับถือนั่นเอง
"แหมเป็นคนดีซะจริงๆ" คิตตี้ประชดเข้าให้
"เอ๊าดูสิ พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา" ป้าปูพูดแล้วก็หัวเราะลงลูกคอ คิตตี้หันไปตามเสียงรถที่จอดหน้าบ้านเรา
"มาอีกแล้ว" คิตตี้บ่นช่วงนี้คิตตี้อยู่บ้านสวนหลายวันอีตานี่มาหาวันเว้นวันเลยเชียว
"เพิ่งกลับมาเรอะ อาทิตย์ก่อนมาไม่เจอ" อีลุงเต๋อถามคิตตี้และคิตตี้ก็แสยะยิ้มและพยักหน้านิดหน่อย ปล่อยให้ป้าปูคุยกับแขกคนโปรดไป มิน่าล่ะทำกับข้าวเยอะเป็นพิเศษอีตานี่มาขอแดกข้าวเย็นด้วยนี่เล่า บ้านช่องไม่มีข้าวปลาให้กินหรืออย่างไรกันนะ
กินข้าวมื้อเย็นด้วยกันป้าปูกับลุงกุ้งก็หัวเราะกันไป แต่คิตตี้กินข้าวไม่ใคร่ลงเพราะกลัวว่าอีลุงเต๋อจะเอาความลับของคิตตี้มาขยาย ดูไปก็เข้าข่ายวัวสันหลังหวะ แต่แล้วพายุฝนลูกโตก็เสือกตกมาเสียอย่างนั้นไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยสักนิด ชิบหายละ ตรงทางเข้าบ้านเราถ้าฝนตกแล้วน้ำมักจะท่วม อย่างนี้อีรถโหลดต่ำขับออกไปไม่ได้แน่ ๆ
"นอนค้างที่นี่ก็แล้วกัน" ลุงกุ้งออกความเห็น
"โอ๊ยผมเกรงใจ" อีลุงเต๋อพูดเสียงไม่จริงจังนัก ต้องให้ป้าปูกับลุงกุ้งยืนยันแบบแสนเกรงใจกึ่งคะยั้นคะยออีกสองสามรอบก็เลยตกลงนอนค้าง โดยให้นอนค้างที่ห้องนอนของตากับยายที่คิตตี้นอนเป็นประจำนั่นแหละ
"เดี๋ยวคิดไปนอนกับลุง เขาจะได้นอนสบาย ๆ" คิตตี้บอก
"นอนด้วยกันก็ได้"
"นั่นสิ ห้องยายน่ะมันกว้างที่สุดแล้ว ถ้ากลัวนอนไม่สบายมึงก็เอาฟูกมาปูนอนที่พื้นแล้วให้เฮียะเต๋อนอนบนเตียงห้องลุงมึงเล็กกะจิดริด" ป้าปูออกความเห็นและคิตตี้ก็รู้สึกว่าอีลุงเต๋อมันยิ้มตาวาว นี่มันวางแผนมาแน่ ๆ ก็ฟ้าตั้งเค้ามาตั้งแต่บ่าย คิตตี้ดูก็รู้ว่าเย็นนี้ฝนคงตกหนัก ยังเสือกมาหามากินข้าวด้วย
คืนนั้นหลังจากอาบน้ำอาบท่า คิตตี้ก็หาเสื้อผ้าให้อีลุงเต๋อมันใส่
"ใส่ได้ไหมมีแต่กางเกงขาก๊วยที่น่าจะใส่ได้ แต่เสื้อไม่น่าจะใส่ได้นะ" คิตตี้พูดอย่างหมดปัญญา เพราะเสื้อคิตตี้มันมีแต่ไซซ์ S และอีลุงเต๋อมันน่าจะใส่เสื้อไซซ์ XL เพราะตัวอวบ ๆ แต่ไม่ถึงกับอ้วน
"ปกติเฮียะไม่ใส่เสื้อผ้าตอนนอน" อีลุงพูดแล้วก็อมยิ้ม แต่นั่นมันบ้านมึงไงคะ มานอนบ้านคนอื่นต้องใส่ค่ะ แต่คิตตี้ขี้เกียจเถียงคนหน้ามึน ขำเหมือนกันที่อีตาลุงใส่กางเกงขาก๊วยสีบานเย็น มองพุงขาว ๆ กับหน้าอกที่มีขนขึ้นเป็นแผง คิตตี้ก็ได้แต่กลืนน้ำลาย และพยายามไม่มองแผงขนบ้านั่น
"ปิดไฟนอนละนะ" คิตตี้พูดพร้อมกับเดินไปปิดไฟ พอทิ้งตัวลงนอนกับพื้นซึ่งปูฟูกไว้แล้ว อีตาลุงเต๋อก็ขยับตัวมานอนตรงขอบเตียงฝั่งที่คิตตี้นอนอยู่ แล้วก็ชวนคุยโน่นนี่นั่น
ไม่น่าเชื่อว่าคิตตี้จะโดนตก ชวนคุยอยู่ไม่กี่คำ เกิดคุยกันถูกคอขึ้นมาเสียอย่างนั้น ถ้าตัดอคติออกไป อีตาคนผีทะเลนี่ก็เป็นคนคุยตลกจริง ๆ เล่าเรื่องธรรมดา ๆ ให้มันตลกจนคิตตี้หัวเราะจนปวดท้อง วีรกรรมสมัยเด็ก ๆ จนถึงสมัยเป็นวัยรุ่น ตอนนี้แกสามสิบนิด ๆ แก่กว่าคิตตี้สิบปีพอดิบพอดีจึงมีประสบการณ์บ้า ๆ บอ ๆ เยอะกว่า
คิตตี้ที่ชักจะติดลมก็คุยกลับซะด้วย และหลุดเรียกตัวเองว่า "หนู" เพราะอยู่ที่บ้านหรืออยู่ที่สวน คิตตี้ก็จะเป็นหนูคิดของทุก ๆ คนเลยชินปาก
"หนูคิด น่ารักเชียว"
"อย่าล้อ" คิตตี้เสียงเขียว
"เฮียะไม่ได้ล้อนา เรียกตัวเองว่าหนู น่ารักออก" เฮียะเต๋อก็ยังจะเสือกล้อ คิตตี้ก็เลยเงียบใส่แม่งซะเลย
"หนูคิดรู้หรือเปล่าเฮียะเคยไปตามหาหนูอีกนะ วน ๆ เวียน ๆ แถว ๆ อ่อนนุชนั้นน่ะ เข้ากรุงเทพฯ ทีไร ก็ขอไปวนหาสักรอบสองรอบ อยากเจอหนูอีกหน"
"อ่อนนุชมันออกจะใหญ่ จะเจอกันง่าย ๆ อย่างนั้นเลยหรอ?" คิตตี้ถามกลับ อยากจะขำแต่คิดถึงคำพูดของเขาก็อดจะคิดไม่ได้ว่าจะตามหาคิตตี้ทำไมกันหนอ
"เฮียะดีใจนะที่เราได้เจอกันอีก"
"อืม"
"แล้วหนูไม่ดีใจหรอได้เจอเฮียะอีกน่ะ?"
"ก็ดีใจมั้ง" คิตตี้ตอบอย่างเล่นตัว
"เอาล่ะดึกแล้วนอนกันดีกว่า" เฮียะเต๋อตัดบท และขยับตัวไปนอนให้ดี คิตตี้ซึ่งนอนอยู่ในความมืดฟังเสียงหายใจปนเสียงกรนเบา ๆ
คืนแรกนั้นเราไม่ได้มีอะไรล่วงเกินกันเลยสักนิด คิตตี้ซึ่งตื่นมาช่วยงานป้าปูตอนเช้ามืด ปล่อยให้เฮียะเต๋อนอนหลับไปแต่ผู้เดียวจนมื้อเช้าเสร็จนั่นแหละ ลุงกุ้งเดินไปดูอีตรงที่น้ำท่วมขัง เห็นว่าน้ำลดพอที่จะขับรถออกไปได้แล้วแกก็เลยเดินมาแจ้งอย่างดีใจ แถมยังคุยกันว่าเดี๋ยวต้องซื้อหินมาลงตรงนั้นสักสองสามคันรถ
"ไปเรียกเฮียะเต๋อมากินข้าวเช้าไป" ป้าปูสั่งและคิตตี้ก็รับคำ เดินไปยังห้องนอนของตัวเองเมื่อเปิดประตู ก็เจอเฮียะเต๋อยังนอนหลับตาพริ้มอยู่ ท่าทางน่าสบาย
"ตื่นได้แล้วเช้าแล้ว" คิตตี้ปลุกเขาเบา ๆ จนอีตาลุงนั่นลืมตา เมื่อเห็นหน้าคิตตี้เขาก็อมยิ้ม และบิดขี้เกียจหนึ่งกรุบ คิตตี้มองแล้วก็อมยิ้ม จะว่าไปตาลุงนี่ก็เป็นคนดูง่าย ๆ สบาย ๆ ไม่ได้แย่อย่างที่คิตตี้ตีตราไว้ คิดว่าเขาจะสำรวยกว่านี้เพราะเสื้อผ้าเครื่องประดับที่ถมมาใส่ตัวแต่ตอนนี้เนื้อตัวมีแค่กางเกงขาก๊วยสีบานเย็นแค่ตัวเดียวเท่านั้น
"ไปล้างหน้าแปรงฟัน เช้านี้มีข้าวต้มอร่อย ๆ" คิตตี้ที่เริ่มสนิทกับเขาบอกและเขาก็ยิ้มแหย
"แป๊บนึง"
"เอ๊าตื่นแล้วก็รีบลุกสิ" คิตตี้พูดและขมวดคิ้ว
"ก็เพราะมันตื่นไง ขอเวลาเดี๋ยว" พูดแล้วก็ไม่พูดเปล่า อีตาบ้านี่เปิดผ้าห่มที่คลุมพุงอยู่อย่างลวก ๆ เผยให้เห็นอวัยวะที่ตื่นอย่างที่เขาว่า มันดันกางเกงขาก๊วยจนปูดโปน คิตตี้เห็นแล้วก็ตาเหลือกหน้าแดง แล้วก็รีบเดินออกมาจากห้องนอนอย่างว่องไว
เมื่อมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง แต่ครั้งที่สองนั้น คิตตี้ไม่ได้นอนที่พื้นอีกแล้ว แต่นอนมันบนเตียงข้าง ๆ เฮียะเต๋อนั่นแหละ แถมยังดอกทอง เป็นฝ่ายเริ่มต้นความสัมพันธ์ก่อนซะด้วย
ก็กะว่าเขานอนหลับดีแล้ว คิตตี้ก็ขยับตัวไปซะใกล้ ใกล้จนได้ยินเสียงหายใจเลยทีเดียว มือซนที่อยากรู้อยากเห็นแปะมันไปที่แผ่นหน้าท้องซึ่งลามไปด้วยขน ลูบเบา ๆ จนรู้สึกได้ว่าแผ่นหน้าท้องเกร็งนิด ๆ
"ไม่ได้หลับใช่ไหม หนูรู้นะ" คิตตี้กระซิบและเขาก็จับมือของคิตตี้เบา ๆ เพียงแต่จับแล้วก็เลื่อนจนมันไปแตะกับสิ่งที่คิตตี้ฝันถึง
"เชี่ย" คิตตี้ซึ่งจับมันอย่างเต็มไม้เต็มมือถึงกับอุทานในใจ อะไรจะขนาดนั้น และเฮียะเต๋อก็ขยับตัวมากอดคิตตี้และดึงตัวเล็ก ๆ ขึ้นมานอนทับร่างอวบนิ่มของเขา
ริมฝีปากที่จูบอย่างแสนหวาน ถึงจะมืดมิดแต่คิตตี้ก็รู้สึกได้ว่าตาตี่ ๆ ของเขามองคิตตี้อย่างหลงใหล คิตตี้พยายามหลับตาเพื่อจะได้ลิ้มรสของการจูบที่แสนหวาน แต่พอปรือตาขึ้นมามองก็เห็นเขามองคิตตี้ไม่วางตา
"หนูน่ารักจัง" เขาเอ่ยปากชม จะด้วยความจริงใจหรือแค่อยากเอาใจก็ไม่รู้แต่คิตตี้ก็หัวใจพองฟู รสจูบแบบนี้มันเป็นจูบที่คิตตี้ไม่เคยเจอจากที่ไหน คิตตี้บอกไม่ถูกแต่มันช่างแสนดีและวาบหวิวไปถึงหัวใจ
ท่อนเนื้อร้อนฉ่าแผ่พลังความร้อนออกมาจนแผ่นหน้าท้องบาง ๆ ของคิตตี้สัมผัสได้ ผิวเนื้อของเขาละมุนแต่ก็ร้อนรุ่มไม่ต่างกัน คิตตี้ไม่ค่อยอยากจะใช้มือสัมผัสกับเขาเลยเพราะกลัวเขาจะรังเกียจว่าคิตตี้มือสาก แต่มือของเขาต่างหากที่เอาแต่โลมไล้และสัมผัสเนื้อตัวของคิตตี้แทบทุกอณู
สานต่อจากที่เราได้เคยเจอกันในครั้งแรก แต่ครั้งนี้มันบรรยากาศแสนเป็นใจ ห้องนอนที่คุ้นเคย บรรยากาศที่ปลอดภัย และคิตตี้ก็ดูดกินท่อนเนื้อมหัศจรรย์ใหญ่โตจนเต็มปาก จนเขาแตกคาปากของคิตตี้ และอีสาวตัวแสบก็บ้วนน้ำรักใส่กระดาษทิชชู
"เฮียะจะทำอะไร" คิตตี้โวยวายเมื่อเฮียะเต๋อดันตัวของคิตตี้ให้กลับมานอนหงาย และล็อกตัวของคิตตี้ไว้จนดิ้นไปไหนไม่รอด
"ก็เฮียะมีความสุขแล้วก็อยากให้หนูมีความสุขบ้างไง" เฮียเต๋อตอบและแตะปลายลิ้นไปที่หัวนมของคิตตี้ จักจี้ชะมัดแต่มันก็โคตรรู้สึกดี แต่ลิ้นร้อน ๆ ไล่จากหัวนมลงมาเรื่อย ๆ จนถึงแผ่นหน้าท้อง และงูเขียวของคิตตี้ก็ถูกเฮียะเต๋อใช้ปากให้จนได้
"ไม่เอา" คิตตี้ปฏิเสธ พยายามขืนตัวหนีแต่เฮียะเต๋อก็ยังล็อกตัวของคิตตี้ไว้จนแน่น เมื่อยามมีอะไรกับใคร คิตตี้ไม่เคยให้ใครทำให้คิตตี้อย่างนี้เลย ไม่เคยเสร็จด้วยสักหน เพราะรู้สึกแปลก ๆ แต่เฮียะเต๋อกลับดูดมันอย่างดี คิตตี้หมดเรี่ยวแรงไปหมดแล้ว จนมันทะลักระเบิดใส่ปากของเขาคิตตี้พยายามจะขืนดันหัวของเขาออกแต่เขาก็ค้านจนทุกหยาดหยดไหลออกจนหมดสิ้น
"เฮียะบ้วนออกมา" คิตตี้พูดและดึงกระดาษทิชชูออกมา เฮียะเต๋อบ้วนน้ำรักของคิตตี้ใส่กระดาษทิชชูอย่างว่าง่ายและก้มลงมาจูบคิตตี้ต่อ คิตตี้ไม่ได้รังเกียจน้ำคาวข้นของเขา และเขาก็ไม่รังเกียจคิตตี้เหมือนกัน คิตตี้ออกจะแปลกใจกับคนตรงหน้าแต่เราจะเสร็จกันได้แค่นี้ก่อน ได้แค่ภายนอก เพราะคิตตี้ไม่ได้พกถุงยางและเจลหล่อลื่นมา ก็ใครจะคิดจะหวังว่าจะมาเยกับคนอื่นที่บ้านสวนกันเล่า
"ไว้คราวหน้าเฮียะจะเอาถุงมาด้วย" เฮียะเต๋อพูดแบบที่น้ำเสียงบ่งบอกถึงความเสียดาย แต่ไม่เป็นไร คิตตี้ขยับตัวไปหอมแก้มของเขา แล้วก็จูบหวาน ๆ อีกหนึ่งกรุบ ไล่จูบลงมาจนกินงูให้เฮียะเต๋ออีกรอบ
คนเรานี่น๊า ถ้ามันมีเวรมีกรรมกันแล้วมันก็หนีกันไม่พ้น แต่ใครเป็นคนมีกรรม ก็ต้องเดากันเอาเองล่ะค่ะคุณขา