จับจิตจับใจ รักใคร่ นะเมตตา นะหลงใหล นะคร่ำครวญ จงรักกู หลงกู รักกู หลงกู

๕ สัมผัสคืนสยอง - คืนที่ 11 ตอนพิเศษ เสียงเรียกซ้ำ (ออริจินัล) โดย MAEWDAMTONEDARK @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ดาร์ค,เรื่องสั้น,ไทย,พล็อตสร้างกระแส,หลอน,หักมุม,หึงโหด,ฆาตกรรม,ฆาตกรรมหักมุม,คลั่งรัก,ขนหัวลุก,เล่นของ,จบในตอน,แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง,อีโรติก,18+,เรื่องสั้น,ผี,ไสยศาสตร์,แก้แค้น,สยองขวัญ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

๕ สัมผัสคืนสยอง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ดาร์ค,เรื่องสั้น,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,หลอน,หักมุม,หึงโหด,ฆาตกรรม,ฆาตกรรมหักมุม,คลั่งรัก,ขนหัวลุก,เล่นของ,จบในตอน,แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง,อีโรติก,18+,เรื่องสั้น,ผี,ไสยศาสตร์,แก้แค้น,สยองขวัญ

รายละเอียด

จับจิตจับใจ รักใคร่ นะเมตตา นะหลงใหล นะคร่ำครวญ จงรักกู หลงกู รักกู หลงกู

ผู้แต่ง

MAEWDAMTONEDARK

เรื่องย่อ

รายชื่อตอน


รูป | หลอนพระธุดงค์

เขาว่ากันว่า..พระเดินธุดงค์นั้นเป็นคนมีบุญบารมีสูง อย่าขัดอานิสงส์



กลิ่น | ผ้าสามสีมรณะ

เขาว่ากัน..ผ้าสามสีมีไว้ผูกกับต้นไม้เก่าเพื่อบูชาเทวดา นางไม้ และผีสาง อย่าลบหลู่! {ความเชื่อ}



เสียง | เสียงเรียกซ้ำ

เขาว่ากันว่า..ถ้าได้ยินเสียงเรียกชื่อตอนกลางคืน อย่าขานรับ! {ตำนานจริง อิน จัน มั่น คง}



รส | แรงรัก 🔞+

เขาว่ากันว่า..คนเล่นของ อย่าลืมรักษากฎ {ไสยศาสตร์}



สัมผัส | ลิ้มรสรอยสวาท 🔞+

เขาว่ากันว่า..ชาวพุทธควรรักษาศีลห้า โดยเฉพาะศีลข้อสาม อย่าทำ!



#ได้รับแรงบันดาลใจจากประสบการณ์จริงจากคนรอบตัว


©️ขอสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๓๗

ห้ามคัดลอก ปลอมแปลง ดัดแปลง ทำซ้ำ หรือสแกนเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของหนังสือเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นทางใดก็ตาม

รวมถึงปกนิยายและภาพประกอบทั้งหมด โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ หากผู้ใดกระทำดังกล่าวข้างต้นหรือละเมิดลิขสิทธิ์จะได้รับโทษสูงสุดตามกฎหมาย


มีอีบุ๊กแล้วนะครับ

ฝากอุดหนุนและแวะไปให้กำลังใจกันด้วยนะครับ

๕ สัมผัสคืนสยอง or Click





ช่องทางการติดตามแมวดำเจ้าป่า 

Twitter @MaewDamToneDark or Click

Fanpage : MaewDamToneDark or Click

สารบัญ

๕ สัมผัสคืนสยอง-คืนที่ 1 หลอนพระธุดงค์,๕ สัมผัสคืนสยอง-คืนที่ 2 ผ้าสามสีมรณะ,๕ สัมผัสคืนสยอง-คืนที่ 3 เสียงเรียกซ้ำครั้งที่ 1,๕ สัมผัสคืนสยอง-คืนที่ 4 เสียงเรียกซ้ำครั้งที่ 2,๕ สัมผัสคืนสยอง-คืนที่ 5 แรงรัก (18+),๕ สัมผัสคืนสยอง-คืนที่ 6 แรงรัก NC 18+,๕ สัมผัสคืนสยอง-คืนที่ 7 ลิ้มรสรอยสวาท (NC🔞+),๕ สัมผัสคืนสยอง-คืนที่ 8 ลิ้มรสรอยสวาท (NC🔞++),๕ สัมผัสคืนสยอง-คืนที่ 9 ลิ้มรสรอยสวาท (NC🔞+++),๕ สัมผัสคืนสยอง-คืนที่ 10 ลิ้มรสรอยสวาท (NC🔞++++),๕ สัมผัสคืนสยอง-คืนที่ 11 ตอนพิเศษ เสียงเรียกซ้ำ (ออริจินัล)

เนื้อหา

คืนที่ 11 ตอนพิเศษ เสียงเรียกซ้ำ (ออริจินัล)

เสียงผิวปากอย่างสุนทรียะในท่วงทำนองของโอ้ เด็กหนุ่มที่พึ่งเรียนจบชั้นมัธยมปลายดังขึ้น ในขณะที่มือหนากำยำเอื้อมไปเปิดประตูตู้เก็บของพลางควานหาซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้นมา

เขาพลิกซองบะหมี่เพื่อดูว่าเป็นรสชาติอะไร เมื่อเห็นว่าเป็นรสต้มยำกุ้ง โอ้ก็ไม่รีรอที่จะรีบหันหลังไปกดปุ่มเพื่อตั้งเวลาอุณหภูมิความร้อนของกาต้มน้ำที่ตั้งอยู่บนเตาไฟฟ้าอัตโนมัติ

ขณะที่รอน้ำเดือด เพื่อไม่ให้เสียเวลา โอ้เลือกเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ตัวโปรดที่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ พลางรีบหยิบเฮดโฟนไร้สายขึ้นมาฟังเพลงแล้วกดแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดเพื่อเล่นเกมต่อช่วงที่กดหยุดค้างเอาไว้ก่อนหน้านี้



…กรี๊งงง



…กรี๊งงง



เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ หมาก เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขาคือชื่อปลายสายที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ทำเอาใบหน้าของเด็กหนุ่มฉายแววฉงนทันทีที่เห็น

โอ้ดึงเฮดโฟนออกจากหู รีบหยิบโทรศัพท์ของตนเองที่วางอยู่ข้างเมาส์ขึ้นมาแล้วกดรับสาย ก่อนจะรีบนำมาแนบหูเพื่อเริ่มต้นกล่าวเย้าหยอกปลายสายด้วยน้ำเสียงประชดประชัน



“มึงจะโทรมาทำไมเนี่ย ตัวมึงอยู่ใกล้ ๆ แค่นี้เอง แค่เดินลงมาคุยกับกูชั้นล่าง มันลำบากขนาดนั้นเลยหรือไงครับคุณหมาก”



[อ่าว ไอโอ้! กวนตีนกูแล้วนะ]

ปลายสายรีบตอบสวนกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แต่แฝงร่องรอยสะกดกลั้นอารมณ์เย้าหยอกเอาไว้ร่วมด้วย

[กูรุ่นพี่มึงนะ แก่กว่ามึงเกือบสิบปี เดี๋ยวนี้หัดปีนเกลียวใหญ่แล้วนะมึงเนี่ย]



“โธ่! รู้จักกันมาเกือบสิบปี ผมก็เรียกคุณหมากว่ากูมึงมาโดยตลอด ถ้าคุณหมากจะให้ผมเรียกว่าพี่หมากเอาตอนนี้ ผมคิดว่ามันน่าจะกระดากปากเกินกว่าจะเรียกได้แล้วล่ะครับ”

โอ้ยังคงกล่าวเย้าหยอกเพื่อนสนิท ในขณะที่ดวงตายังคงจับจ้องเกมบนหน้าจอคอมพิวเตอร์

เมื่อเขาเริ่มรู้สึกเล่นเกมไม่ถนัดมือ จึงรีบเปลี่ยนท่าถือโทรศัพท์เป็นนำมาแนบไว้ระหว่างไหล่กับหูของตนเองแทน

“แล้วนี่..สรุปมึงโทรมามีอะไร มึงมีอะไรก็รีบ ๆ พูด กูกำลังเล่นเกมอยู่ ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วน กูขึ้นไปตบบ้องหูนะครับคุณหมาก”



[ก็แม่มึงอ่ะดิ มาวอแวกูไม่เลิกเลย มึงไม่ได้บอกแม่มึงหรอวะว่าวันนี้กูจะขอมานอนด้วย กูเห็นแม่มึงมาเคาะประตูห้องนอนหลายทีแล้ว กูขอพูดตรง ๆ เลยนะว่าเสียงเคาะประตูของแม่มึงทำกูนอนไม่หลับโว้ย]



“ตลกแล้วมึงอ่ะ มุกนี้ไม่ผ่านว่ะ กูไม่ขำเว้ย กูว่ามึงสมองเบลอเพราะทำงานหนักมากเกินไปแล้วแหละ มึงควรเอาเวลาที่พูดเรื่องไร้สาระกลับไปนอนพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้มึงต้องเดินทางไกลแต่เช้าด้วยหนิ”



[กูพูดจริง ๆ นะ ไอโอ้ แม่มึงมาวอแวตั้งแต่กูเริ่มเข้ามานอนที่ห้องนอนมึงแล้ว กูตะโกนบอกว่ามึงอยู่ข้างล่างแต่เหมือนแม่มึงจะไม่ได้ยินกูพูด]

หมากถอนหายใจ

[ตอนนี้คือกูเหนื่อยมาก กูขี้เกียจลุกไปอธิบายกับแม่มึงว่ะ มึงช่วยรีบไปเคลียร์กับแม่มึงที เผื่อแม่มึงจะเข้าใจผิดคิดว่ากูเป็นมึง]



โอ้เริ่มชักสีหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะพ่นลมหายใจอุ่นออกมาแรง ๆ ด้วยความเบื่อหน่าย เมื่อคิดว่าตนเองกำลังถูกหมากก่อกวนตามนิสัยขี้แกล้งของเพื่อนสนิท

“มึงฟังกูนะไอหมาก ตอนนี้..มีแค่มึงกับกูที่อยู่ในบ้านหลังนี้ ดังนั้นกูไม่ตลก ถ้ามึงจะมาเล่นมุกหลอกผีกับกู อีกอย่าง..” ยังไม่ทันที่โอ้จะกล่าวจบ หมากกลับรีบพูดกล่าวแทรกเสียงแข็งทันควัน



[กูไม่ได้เล่นมุกอะไรทั้งนั้น กูเหนื่อย กูง่วง กูจะแกล้งมึงเพื่ออะไร แม่มึงอาจจะกลับบ้านมาตอนที่มึงไม่ทันสังเกตก็ได้ ทีมึงไปไหนมาไหน มึงก็ไม่ได้บอกแม่มึงทุกเรื่องหนิ]

หมากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

[เฮ้ย เสียงแม่มึงเคาะประตูห้องดังอีกแล้ว! ถ้ามึงไม่เชื่อกู มึงก็ลองฟังเอง]



"..."

โอ้รีบกดหยุดเกมคอมพิวเตอร์ทันทีหลังจากถูกเพื่อนสนิทท้าทายพลางขยับตัวนั่งในท่าที่สบายมากขึ้นเพื่อตั้งใจฟังเสียงปริศนาที่หมากเอ่ยถึง แต่กลับมีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ

เขาไม่ได้ยินเสียงใดนอกจากเสียงลมหายใจถี่ของหมากเท่านั้น



ตี๊ดดด

เสียงกาต้มน้ำร้อนดังขึ้นเมื่ออุณหภูมิความร้อนสูงเกินกว่าเกณฑ์กำหนด ส่งผลให้เตาไฟฟ้าเริ่มส่งเสียงแจ้งเตือนตามมาเช่นเดียวกัน

โอ้สะดุ้งโหยงจนเกือบทำโทรศัพท์หลุดจากมือเพราะมัวแต่ใจจดใจจ่ออยู่กับปลายสายจึงไม่ทันได้ยินเสียงอื่นรอบข้าง ครั้นเมื่อได้สติเขาก็รีบวิ่งไปกดปิดปุ่มเตาไฟฟ้าทันที

โชคดีที่ไม่มีอะไรเสียหายจากความสะเพร่าของเขา โอ้ถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะคิดว่าตนเองเกือบจะทำครัวพังเสียแล้ว

เมื่อจัดการปัญหาตรงนี้ได้เสร็จ โอ้ก็รีบยกมือถือขึ้นมาดูหน้าจอ เขาเริ่มต้นขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าหมากได้วางสายไปแล้วและเลือกที่จะส่งข้อความทิ้งเอาไว้ให้เขาอ่านแทน



หมาก: แม่มึงเคาะประตูไม่หยุดเลยรอบนี้ เดี๋ยวกูเคลียร์กับแม่มึงเองดีกว่า มึงเล่นเกมไป



ข้อความที่หมากได้เขียนเอาไว้ด้วยท่าทีจริงจัง ทำเอาตัวของโอ้ถึงกับต้องแสดงท่าทีประหลาดใจและเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี

หัวใจของโอ้เริ่มเต้นสั่นระรัว ขนแขนเริ่มลุกชันอย่างไม่มีสาเหตุ โอ้เริ่มรู้สึกสับสนกับคำพูดของเพื่อนสนิท

มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่หมากจะกำลังพูดคุยอยู่กับแม่ของเขา ที่สำคัญคือ..โอ้มั่นใจมากเลยว่า มีแค่เขากับหมากเท่านั้นที่ตอนนี้อยู่ในบ้านหลังนี้ !



โอ้ตัดสินใจรีบโทรกลับไปหาหมากเพราะเขาไม่มีความกล้ามากพอที่จะเดินขึ้นไปชั้นสอง หมากต้องแกล้งเขาอยู่เป็นแน่ เพราะหมากเป็นเพียงเพื่อนคนเดียวที่รู้ว่าตัวของเขานั้นกลัวเรื่องผีสางจนขึ้นสมอง

ทว่า..หมากกลับไม่ยอมรับสายของเขา



ทำให้โอ้ที่กำลังนั่งนิ่งตัวแข็งทื่อกลับยิ่งรู้สึกวิตกกังวล เขาอุตส่าห์ทำใจได้แล้วเรื่องที่เขาต้องอาศัยอยู่บ้านหลังนี้เพียงลำพัง แต่ดูเหมือนการกลั่นแกล้งของหมากจะทำให้โอ้กลับมากลัวอีกครั้ง

โอ้ตัดสินใจรีบเปิดเข้าไปที่หน้าข้อความล่าสุดของหมากพร้อมกดบันทึกเสียงเพื่อบอกในสิ่งที่เขาต้องการพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ



“มึงฟังกูนะไอหมาก ช่วงที่มึงไปทำงานต่างประเทศ แม่กูพึ่งเสียไปได้ 7 วัน กูตั้งใจว่าจะบอกมึงแต่เห็นมึงพึ่งอกหักมาแถมทำงานก็หนักอีก กูเลยตั้งใจว่าจะค่อยบอกตอนมึงพร้อม”

โอ้นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “กูไม่ตลกนะเว้ยที่มึงแกล้งกันด้วยวิธีนี้ มึงหยุดแกล้งกูได้แล้วนะ ถ้าเกิดกูหัวใจวายตายขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ มึงก็รู้ดีหนิว่ากูกลัวเรื่องพวกนี้”



..กริ้งงง



..กริ้งงง



ทันทีที่โอ้พูดจบ หมากกลับโทรมาหาเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว โอ้จ้องมองหน้าจอมือถือของตนเองด้วยหัวใจที่เต้นรัวแต่ก็แสร้งใจดีสู้เสือ เขารวบรวมความกล้าทั้งหมดแล้วรีบกดรับสาย

“มึงเลิกแกล้งกูได้แล้วไอหมาก กูไม่ชอบ!”



[กู...]

หมากลากเสียงพลางเงียบไปครู่หนึ่ง 

[กูหยอกเล่นหน่า]



หมากกล่าวขณะที่หัวเราะคิกคักในลำคอด้วยน้ำเสียงถูกอกถูกใจ



“ไอเวร! มึงหลอกกู มันใช่เรื่องเอามาล้อเล่นมั้ยวะ นั่นแม่กูเลยนะเว้ย” โอ้พูดอย่างหัวเสีย



[โอ๋ ๆ กูขอโทษได้ไหมล่ะ]

หมากทำเสียงเศร้าสลดอย่างสำนึกผิด

[เรื่องแม่มึง กูก็พึ่งรู้ข่าวจากคนอื่นตอนกูบินกลับไทยมาเมื่อตอนเย็นนี้แหละ เพราะแบบนี้ไงกูถึงรีบเดินทางมาหามึงเนี่ย แล้วมึงจะปิดบังกูไปอีกนานแค่ไหนวะ ถ้ากูไม่อำเรื่องแม่มึง กูก็ไม่ได้ยินจากปากมึงสักที ทำไมต้องให้กูรู้เรื่องนี้จากปากคนอื่นก่อนวะ กูเพื่อนสนิทมึงนะ มีอะไรก็บอกตรง ๆ ถ้ากูรู้ข่าว กูก็พร้อมซื้อตั๋วเดินทางกลับไทยมาช่วยจัดงานศพแม่มึงอยู่แล้ว]



“ไม่ใช่กูไม่อยากเล่า แต่ตอนนั้นกูกำลังเสียใจอยู่ แถมมึงก็ดูยุ่ง ๆ อยู่ด้วยช่วงนั้น ขนาดวันนี้มึงเดินทางกลับมาไทย เดี๋ยวพรุ่งนี้มึงก็ต้องบินไปต่างประเทศต่อแต่เช้าอีก กูไม่กล้ารบกวนมึงหรอก”



[อืม…]

หมากพูดเสียงลากยาว

[แล้วมึงมีเรื่องอะไรปิดบังกูอีกไหม?]



“ก็ไม่มีนะ” โอ้พูดขณะที่พยายามนึกทบทวน “ทำไมจู่ ๆ ถึงถามแบบนั้นวะ”



[ช่างเถอะ ถ้าไม่มีอะไรก็ดีแล้วแหละ]

หมากตอบพลางนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

[พอพูดเรื่องอกหักแม่งก็เจ็บจี๊ด กูคงข่มตานอนหลับต่อไม่ได้ละ ไหน ๆ กูก็ตั้งใจมาหามึง งั้นคืนนี้กูโต้รุ่งอยู่เป็นเพื่อนมึงละกัน ฝากมึงต้มมาม่าเผื่อกูที กูมีเรื่องอยากปรึกษาและอยากถามมึงหลายเรื่องเลย แต่เดี๋ยวไว้ค่อยคุยกัน แค่นี้แหละ เดี๋ยวกูจะลงไปละ]



เมื่อกล่าวจบ หมากก็ตัดสายทิ้งทันที โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายกำลังเดือดดาลมากขนาดไหน ทำให้โอ้ที่ยังหัวเสียไม่เลิกถึงกับต้องวางมือถือลงบนเคาน์เตอร์ครัวพลางข่มอารมณ์โกรธที่คุกรุ่นอยู่ภายใน

ถึงแม้ว่าเขาจะถูกหมากแกล้งอำทุกครั้งที่พบเจอกันจนกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ดูเหมือนครั้งนี้..มันจะมากเกินไปสำหรับเขา

โอ้สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง อย่างไรเสียหมากก็ไม่ใช่เพื่อนที่เลวร้ายอะไร หากไม่นับข้อเสียเรื่องนี้

หมากถือเป็นทั้งรุ่นพี่และเพื่อนที่ไว้ใจ คอยสนับสนุนเขาหลายอย่าง เมื่อใจของเขาสงบลงโอ้จึงเริ่มตระเตรียมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกชามรอเพื่อนของเขาลงมาจากชั้นสอง



ขณะที่เขากำลังมัวแต่สนใจอยู่กับชามบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กลับมีเสียงโทรเข้าดังขึ้นอีกครั้ง

โอ้รีบหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดรับสายทันทีเพราะคิดว่าเป็นหมาก แต่กลับต้องขมวดคิ้วอย่างสงสัย เมื่อพบว่าปลายสายเป็นเสียงของผู้หญิง ซึ่งเป็นเสียงของหวาน แฟนเก่าของหมาก



[ฮัลโหลโอ้ ทำไมพึ่งรับสาย หวานโทรหาโอ้ไม่รู้กี่สายแล้วนะ]

ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน



โอ้รีบดึงมือถือออกจากหูพลางปัดหน้าจอมือถือเพื่อตรวจเช็กว่าหวานนั้นโทรมาหาเขาตอนไหน ทั้งที่เขาพึ่งจะเห็นเบอร์โทรของหวานโทรเข้ามาวันนี้เป็นครั้งแรก

แต่เมื่อตรวจเช็กอย่างถี่ถ้วนกลับพบว่าปลายสายนั้นโทรเข้ามาหาเขาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงสองทุ่มจนถึงตอนนี้มากกว่าสิบสาย น่าแปลกที่เขาไม่ทันสังเกตเห็น ทั้งที่จับมือถืออยู่ตลอดเวลา

“โทษทีอะ มือถือเรามันไม่แจ้งเตือนเลย สงสัยมือถือเรามันไม่อัปเดต” โอ้รีบอธิบาย “แล้วหวานมีอะไรหรอ โทรมาทำไมดึกดื่น จะขอคุยกับหมากหรอ ตอนนี้มันกำลังเดินลงมา ถ้าอยากคุยเดี๋ยวจะบอกให้”

โอ้กล่าวขณะที่เขากำลังจะก้าวเท้าเดินตรงไปที่โถงทางลงบันไดจากชั้นสอง แต่แล้วกลับต้องหยุดชะงักเมื่อปลายสายได้บอกบางอย่าง



[โอ้ฟังเรานะ หมากรู้เรื่องที่เราสองคนแอบคบกันแล้วนะ]

หวานนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มมีเสียงสะอื้นในลำคอ

[หมากสังเกตเห็นว่าหวานมีท่าทีเปลี่ยนไป ตั้งแต่ช่วงที่หวานแอบไปช่วยโอ้จัดงานศพแม่ แถมยังไปบอกเลิกหมากโดยที่หมากไม่ได้ทำอะไรผิดอีก พอหมากเดินทางกลับมาที่ไทย หมากก็มาหาหวานที่บ้าน เขาพยายามเค้นหาความจริงจากหวาน หวานไม่อยากโกหกหมากอีกแล้ว หวานเลย..เลือกที่จะพูดความจริง แต่พอหมากรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว เขาก็โกรธหวานมาก แถมยังมีท่าทีขึงขังรีบเดินทางไปหาโอ้ต่อทันทีเพื่อเคลียร์เรื่องนี้]



“…”

โอ้นิ่งเงียบขณะที่ฟังหวานอธิบาย เขารู้สึกหนักอึ้งเมื่อพบว่าตนเองถูกจับได้ว่าแอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแฟนเก่าของเพื่อนสนิท

แต่น่าแปลก...เพราะตั้งแต่หมากมาถึงบ้านของเขา หมากก็ดูมีท่าทีปกติ ไม่ได้แสดงท่าทีโกรธขึ้งหรือพูดสิ่งใดเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมา

หรือบางที หมากอาจจะอยากหาจังหวะคุยกับเขาเรื่องนี้...เพียงแค่ยังไม่มีโอกาส



เป็นไปได้ว่าตอนที่หมากลงมา หมากคงจะเริ่มต้นเอ่ยถามเขาอย่างจริงจัง เพราะก็มีหลายประโยคก่อนหน้านี้ที่ส่อแววว่าหมากต้องการจะสื่อถึงเรื่องนี้ เพียงแต่ตัวของเขาไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติในใจของเพื่อนสนิทเท่านั้น

โอ้จิ๊ปากอย่างหัวเสีย เมื่อเขากำลังจะผิดใจกับเพื่อนสนิท เขาไม่ได้ตั้งใจแย่งแฟนสาวของหมาก เพียงแต่..ความรักมันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ

โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เรากำลังอ่อนแอ



[โอ้ ยังอยู่รึเปล่า]

หวานตะเบ็งเสียงเอ่ยเรียก เมื่อเห็นโอ้นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ โดยไม่ได้พูดสิ่งใดออกมา โอ้รีบสะบัดหัวเพื่อขจัดความคิดภายในใจทั้งหมดทิ้งพลางรีบดึงสติของตนเองกลับคืนมา



“อืม เรายังอยู่” โอ้ถอนหายใจ “เดี๋ยวเรื่องของเรา โอ้เคลียร์เอง หวานไม่ต้องห่วง ยังไงเราก็เลือกหวาน ถ้าต้องตัดขาดความเป็นเพื่อนกับหมาก เราก็พร้อมจะทำเพื่อหวานนะ”



[ไม่ต้องทำอะไรแล้วโอ้ มันสายไปแล้ว]

หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พยายามฝืนกลั้นเสียงสะอื้น



“หมายความว่าไง เฮ้ย เราไม่เลิกกับหวานนะ ไม่เอาดิ ห้ามคิดที่จะกลับไปหาหมากเด็ดขาด เราตกลงกันแล้วนะหวาน”



[มันไม่ใช่แบบนั้น...โอ้ตั้งใจฟังเรานะ แล้วก็ทำใจดี ๆ ]

หวานกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พยายามควบคุมสติของตนเอง

[คือ..หมากเสียแล้วนะโอ้ เสียชีวิตเมื่อตอนสองทุ่มหลังเดินทางมาถึงไทย หมากถูกรถชนตอนที่เขากำลังขับรถไปบ้านโอ้วันนี้ ตำรวจบอกว่าหมากพยายามหนีออกจากรถแต่หนีออกมาไม่ได้ เขาเลยถูกไฟครอกจนเสียชีวิต หวานไม่อยากเชื่อเลยว่าหมากจะจากไปเร็วขนาดนี้]

หวานร้องไห้สะอื้นพลางพูดต่อ 

[ถ้าไม่ใช่เพราะหวาน หมากก็คงไม่ต้องตาย เราไม่น่าคบกันเลยโอ้ เราไม่น่ามีอะไรกันในตอนนั้นเลย หวานไม่น่าหวั่นไหวกับโอ้เลย หวานไม่น่าบอกเลิกหมากเลยจริง ๆ เรา...]



ยังไม่ทันที่ปลายสายจะกล่าวสิ่งใดต่อ โอ้กลับยืนตัวแข็งทื่อจนเผลอปล่อยมือถือหลุดออกจากมือ

น้ำตาสีใสเอ่อล้นอาบแก้มขณะที่เขาหายใจถี่ราวกับคนเป็นโรคหอบหืด ใบหน้าของเขาเริ่มซีดเผือด โอ้ค่อย ๆ เบือนใบหน้าหันไปจ้องมองทางบันไดด้วยความสั่นกลัว



หากหวานพูดความจริง แล้วหมากที่เขาเจอและพูดคุยกันมาตลอดก่อนหน้านี้

คือตัวอะไร !?



ขณะที่โอ้กำลังยืนนิ่งครุ่นคิดหลายอย่าง เสียงฝีเท้าของหมากที่ค่อย ๆ เดินลากเท้าลงบันไดลงมาจากชั้นสองกลับค่อย ๆ ดังขึ้น



“โอ้…”

เสียงฝีเท้าที่แตะพื้นอย่างช้า ๆ พร้อมกับมีเสียงทุ้มต่ำแหบพล่าเอ่ยเรียกชื่อเขาดังอย่างต่อเนื่อง

ทำให้โอ้รีบถอยหลังกรูดไปชิดขอบเคาน์เตอร์ครัวด้วยท่าทีตื่นตระหนกและหวาดกลัวอย่างสุดขีด จนเขาเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว เขาเริ่มมีท่าทีสับสนและรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

ใครกัน…ที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน ทั้งที่เขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้เพียงคนเดียว!



โอ้ไม่รู้ว่าควรจะต้องรู้สึกหรือเรียงลำดับสิ่งใดก่อนหลังดีในเวลานี้ ในเมื่อมีสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นมากมายรอบตัวเขาเต็มไปหมด

สิ่งเดียวที่โอ้รู้ในตอนนี้ คือทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันช่างหนักหนาเกินไป โอ้รีบยกมือปิดหูทั้งสองข้าง หวังให้ตนเองไม่ได้ยินเสียงใดอีก

แต่ทว่า..

จู่ ๆ แสงไฟในบ้านทั้งหมดเกิดดับลงโดยไม่มีสาเหตุ อีกทั้งยังมีเสียงฝีเท้าที่ลงน้ำหนักไม่ได้จังหวะพลางเคาะฝาผนังตลอดทางที่เขาเดินดังขึ้นตามมา



“โอ้…”

เสียงปริศนาพยายามส่งเสียงร้องโหยหวนพลางตะเบ็งเสียงเอ่ยเรียกชื่อเขาในทุกก้าวที่เหยียบย่ำบันไดลงมาในแต่ละขั้น ตามมาด้วยเสียงเคาะผนังอย่างต่อเนื่องโดยไม่ผ่อนปรน ราวกับคนที่พยายามตะเกียกตะกายหนีตายจากบางสิ่ง



มันยังคงดังขึ้น

ดังมากขึ้นอีก

โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด