ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ดาร์ค,เรื่องสั้น,ไทย,พล็อตสร้างกระแส,หลอน,หักมุม,หึงโหด,ฆาตกรรม,ฆาตกรรมหักมุม,คลั่งรัก,ขนหัวลุก,เล่นของ,จบในตอน,แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง,อีโรติก,18+,เรื่องสั้น,ผี,ไสยศาสตร์,แก้แค้น,สยองขวัญ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เสียงผิวปากอย่างสุนทรียะในท่วงทำนองของโอ้ เด็กหนุ่มที่พึ่งเรียนจบชั้นมัธยมปลายดังขึ้น ในขณะที่มือหนากำยำเอื้อมไปเปิดประตูตู้เก็บของพลางควานหาซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้นมา
เขาพลิกซองบะหมี่เพื่อดูว่าเป็นรสชาติอะไร เมื่อเห็นว่าเป็นรสต้มยำกุ้ง โอ้ก็ไม่รีรอที่จะรีบหันหลังไปกดปุ่มเพื่อตั้งเวลาอุณหภูมิความร้อนของกาต้มน้ำที่ตั้งอยู่บนเตาไฟฟ้าอัตโนมัติ
ขณะที่รอน้ำเดือด เพื่อไม่ให้เสียเวลา โอ้เลือกเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ตัวโปรดที่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ พลางรีบหยิบเฮดโฟนไร้สายขึ้นมาฟังเพลงแล้วกดแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดเพื่อเล่นเกมต่อช่วงที่กดหยุดค้างเอาไว้ก่อนหน้านี้
…กรี๊งงง
…กรี๊งงง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ หมาก เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขาคือชื่อปลายสายที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ทำเอาใบหน้าของเด็กหนุ่มฉายแววฉงนทันทีที่เห็น
โอ้ดึงเฮดโฟนออกจากหู รีบหยิบโทรศัพท์ของตนเองที่วางอยู่ข้างเมาส์ขึ้นมาแล้วกดรับสาย ก่อนจะรีบนำมาแนบหูเพื่อเริ่มต้นกล่าวเย้าหยอกปลายสายด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“มึงจะโทรมาทำไมเนี่ย ตัวมึงอยู่ใกล้ ๆ แค่นี้เอง แค่เดินลงมาคุยกับกูชั้นล่าง มันลำบากขนาดนั้นเลยหรือไงครับคุณหมาก”
[อ่าว ไอโอ้! กวนตีนกูแล้วนะ]
ปลายสายรีบตอบสวนกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แต่แฝงร่องรอยสะกดกลั้นอารมณ์เย้าหยอกเอาไว้ร่วมด้วย
[กูรุ่นพี่มึงนะ แก่กว่ามึงเกือบสิบปี เดี๋ยวนี้หัดปีนเกลียวใหญ่แล้วนะมึงเนี่ย]
“โธ่! รู้จักกันมาเกือบสิบปี ผมก็เรียกคุณหมากว่ากูมึงมาโดยตลอด ถ้าคุณหมากจะให้ผมเรียกว่าพี่หมากเอาตอนนี้ ผมคิดว่ามันน่าจะกระดากปากเกินกว่าจะเรียกได้แล้วล่ะครับ”
โอ้ยังคงกล่าวเย้าหยอกเพื่อนสนิท ในขณะที่ดวงตายังคงจับจ้องเกมบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
เมื่อเขาเริ่มรู้สึกเล่นเกมไม่ถนัดมือ จึงรีบเปลี่ยนท่าถือโทรศัพท์เป็นนำมาแนบไว้ระหว่างไหล่กับหูของตนเองแทน
“แล้วนี่..สรุปมึงโทรมามีอะไร มึงมีอะไรก็รีบ ๆ พูด กูกำลังเล่นเกมอยู่ ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วน กูขึ้นไปตบบ้องหูนะครับคุณหมาก”
[ก็แม่มึงอ่ะดิ มาวอแวกูไม่เลิกเลย มึงไม่ได้บอกแม่มึงหรอวะว่าวันนี้กูจะขอมานอนด้วย กูเห็นแม่มึงมาเคาะประตูห้องนอนหลายทีแล้ว กูขอพูดตรง ๆ เลยนะว่าเสียงเคาะประตูของแม่มึงทำกูนอนไม่หลับโว้ย]
“ตลกแล้วมึงอ่ะ มุกนี้ไม่ผ่านว่ะ กูไม่ขำเว้ย กูว่ามึงสมองเบลอเพราะทำงานหนักมากเกินไปแล้วแหละ มึงควรเอาเวลาที่พูดเรื่องไร้สาระกลับไปนอนพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้มึงต้องเดินทางไกลแต่เช้าด้วยหนิ”
[กูพูดจริง ๆ นะ ไอโอ้ แม่มึงมาวอแวตั้งแต่กูเริ่มเข้ามานอนที่ห้องนอนมึงแล้ว กูตะโกนบอกว่ามึงอยู่ข้างล่างแต่เหมือนแม่มึงจะไม่ได้ยินกูพูด]
หมากถอนหายใจ
[ตอนนี้คือกูเหนื่อยมาก กูขี้เกียจลุกไปอธิบายกับแม่มึงว่ะ มึงช่วยรีบไปเคลียร์กับแม่มึงที เผื่อแม่มึงจะเข้าใจผิดคิดว่ากูเป็นมึง]
โอ้เริ่มชักสีหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะพ่นลมหายใจอุ่นออกมาแรง ๆ ด้วยความเบื่อหน่าย เมื่อคิดว่าตนเองกำลังถูกหมากก่อกวนตามนิสัยขี้แกล้งของเพื่อนสนิท
“มึงฟังกูนะไอหมาก ตอนนี้..มีแค่มึงกับกูที่อยู่ในบ้านหลังนี้ ดังนั้นกูไม่ตลก ถ้ามึงจะมาเล่นมุกหลอกผีกับกู อีกอย่าง..” ยังไม่ทันที่โอ้จะกล่าวจบ หมากกลับรีบพูดกล่าวแทรกเสียงแข็งทันควัน
[กูไม่ได้เล่นมุกอะไรทั้งนั้น กูเหนื่อย กูง่วง กูจะแกล้งมึงเพื่ออะไร แม่มึงอาจจะกลับบ้านมาตอนที่มึงไม่ทันสังเกตก็ได้ ทีมึงไปไหนมาไหน มึงก็ไม่ได้บอกแม่มึงทุกเรื่องหนิ]
หมากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
[เฮ้ย เสียงแม่มึงเคาะประตูห้องดังอีกแล้ว! ถ้ามึงไม่เชื่อกู มึงก็ลองฟังเอง]
"..."
โอ้รีบกดหยุดเกมคอมพิวเตอร์ทันทีหลังจากถูกเพื่อนสนิทท้าทายพลางขยับตัวนั่งในท่าที่สบายมากขึ้นเพื่อตั้งใจฟังเสียงปริศนาที่หมากเอ่ยถึง แต่กลับมีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ
เขาไม่ได้ยินเสียงใดนอกจากเสียงลมหายใจถี่ของหมากเท่านั้น
ตี๊ดดด
เสียงกาต้มน้ำร้อนดังขึ้นเมื่ออุณหภูมิความร้อนสูงเกินกว่าเกณฑ์กำหนด ส่งผลให้เตาไฟฟ้าเริ่มส่งเสียงแจ้งเตือนตามมาเช่นเดียวกัน
โอ้สะดุ้งโหยงจนเกือบทำโทรศัพท์หลุดจากมือเพราะมัวแต่ใจจดใจจ่ออยู่กับปลายสายจึงไม่ทันได้ยินเสียงอื่นรอบข้าง ครั้นเมื่อได้สติเขาก็รีบวิ่งไปกดปิดปุ่มเตาไฟฟ้าทันที
โชคดีที่ไม่มีอะไรเสียหายจากความสะเพร่าของเขา โอ้ถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะคิดว่าตนเองเกือบจะทำครัวพังเสียแล้ว
เมื่อจัดการปัญหาตรงนี้ได้เสร็จ โอ้ก็รีบยกมือถือขึ้นมาดูหน้าจอ เขาเริ่มต้นขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าหมากได้วางสายไปแล้วและเลือกที่จะส่งข้อความทิ้งเอาไว้ให้เขาอ่านแทน
หมาก: แม่มึงเคาะประตูไม่หยุดเลยรอบนี้ เดี๋ยวกูเคลียร์กับแม่มึงเองดีกว่า มึงเล่นเกมไป
ข้อความที่หมากได้เขียนเอาไว้ด้วยท่าทีจริงจัง ทำเอาตัวของโอ้ถึงกับต้องแสดงท่าทีประหลาดใจและเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี
หัวใจของโอ้เริ่มเต้นสั่นระรัว ขนแขนเริ่มลุกชันอย่างไม่มีสาเหตุ โอ้เริ่มรู้สึกสับสนกับคำพูดของเพื่อนสนิท
มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่หมากจะกำลังพูดคุยอยู่กับแม่ของเขา ที่สำคัญคือ..โอ้มั่นใจมากเลยว่า มีแค่เขากับหมากเท่านั้นที่ตอนนี้อยู่ในบ้านหลังนี้ !
โอ้ตัดสินใจรีบโทรกลับไปหาหมากเพราะเขาไม่มีความกล้ามากพอที่จะเดินขึ้นไปชั้นสอง หมากต้องแกล้งเขาอยู่เป็นแน่ เพราะหมากเป็นเพียงเพื่อนคนเดียวที่รู้ว่าตัวของเขานั้นกลัวเรื่องผีสางจนขึ้นสมอง
ทว่า..หมากกลับไม่ยอมรับสายของเขา
ทำให้โอ้ที่กำลังนั่งนิ่งตัวแข็งทื่อกลับยิ่งรู้สึกวิตกกังวล เขาอุตส่าห์ทำใจได้แล้วเรื่องที่เขาต้องอาศัยอยู่บ้านหลังนี้เพียงลำพัง แต่ดูเหมือนการกลั่นแกล้งของหมากจะทำให้โอ้กลับมากลัวอีกครั้ง
โอ้ตัดสินใจรีบเปิดเข้าไปที่หน้าข้อความล่าสุดของหมากพร้อมกดบันทึกเสียงเพื่อบอกในสิ่งที่เขาต้องการพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“มึงฟังกูนะไอหมาก ช่วงที่มึงไปทำงานต่างประเทศ แม่กูพึ่งเสียไปได้ 7 วัน กูตั้งใจว่าจะบอกมึงแต่เห็นมึงพึ่งอกหักมาแถมทำงานก็หนักอีก กูเลยตั้งใจว่าจะค่อยบอกตอนมึงพร้อม”
โอ้นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “กูไม่ตลกนะเว้ยที่มึงแกล้งกันด้วยวิธีนี้ มึงหยุดแกล้งกูได้แล้วนะ ถ้าเกิดกูหัวใจวายตายขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ มึงก็รู้ดีหนิว่ากูกลัวเรื่องพวกนี้”
..กริ้งงง
..กริ้งงง
ทันทีที่โอ้พูดจบ หมากกลับโทรมาหาเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว โอ้จ้องมองหน้าจอมือถือของตนเองด้วยหัวใจที่เต้นรัวแต่ก็แสร้งใจดีสู้เสือ เขารวบรวมความกล้าทั้งหมดแล้วรีบกดรับสาย
“มึงเลิกแกล้งกูได้แล้วไอหมาก กูไม่ชอบ!”
[กู...]
หมากลากเสียงพลางเงียบไปครู่หนึ่ง
[กูหยอกเล่นหน่า]
หมากกล่าวขณะที่หัวเราะคิกคักในลำคอด้วยน้ำเสียงถูกอกถูกใจ
“ไอเวร! มึงหลอกกู มันใช่เรื่องเอามาล้อเล่นมั้ยวะ นั่นแม่กูเลยนะเว้ย” โอ้พูดอย่างหัวเสีย
[โอ๋ ๆ กูขอโทษได้ไหมล่ะ]
หมากทำเสียงเศร้าสลดอย่างสำนึกผิด
[เรื่องแม่มึง กูก็พึ่งรู้ข่าวจากคนอื่นตอนกูบินกลับไทยมาเมื่อตอนเย็นนี้แหละ เพราะแบบนี้ไงกูถึงรีบเดินทางมาหามึงเนี่ย แล้วมึงจะปิดบังกูไปอีกนานแค่ไหนวะ ถ้ากูไม่อำเรื่องแม่มึง กูก็ไม่ได้ยินจากปากมึงสักที ทำไมต้องให้กูรู้เรื่องนี้จากปากคนอื่นก่อนวะ กูเพื่อนสนิทมึงนะ มีอะไรก็บอกตรง ๆ ถ้ากูรู้ข่าว กูก็พร้อมซื้อตั๋วเดินทางกลับไทยมาช่วยจัดงานศพแม่มึงอยู่แล้ว]
“ไม่ใช่กูไม่อยากเล่า แต่ตอนนั้นกูกำลังเสียใจอยู่ แถมมึงก็ดูยุ่ง ๆ อยู่ด้วยช่วงนั้น ขนาดวันนี้มึงเดินทางกลับมาไทย เดี๋ยวพรุ่งนี้มึงก็ต้องบินไปต่างประเทศต่อแต่เช้าอีก กูไม่กล้ารบกวนมึงหรอก”
[อืม…]
หมากพูดเสียงลากยาว
[แล้วมึงมีเรื่องอะไรปิดบังกูอีกไหม?]
“ก็ไม่มีนะ” โอ้พูดขณะที่พยายามนึกทบทวน “ทำไมจู่ ๆ ถึงถามแบบนั้นวะ”
[ช่างเถอะ ถ้าไม่มีอะไรก็ดีแล้วแหละ]
หมากตอบพลางนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
[พอพูดเรื่องอกหักแม่งก็เจ็บจี๊ด กูคงข่มตานอนหลับต่อไม่ได้ละ ไหน ๆ กูก็ตั้งใจมาหามึง งั้นคืนนี้กูโต้รุ่งอยู่เป็นเพื่อนมึงละกัน ฝากมึงต้มมาม่าเผื่อกูที กูมีเรื่องอยากปรึกษาและอยากถามมึงหลายเรื่องเลย แต่เดี๋ยวไว้ค่อยคุยกัน แค่นี้แหละ เดี๋ยวกูจะลงไปละ]
เมื่อกล่าวจบ หมากก็ตัดสายทิ้งทันที โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายกำลังเดือดดาลมากขนาดไหน ทำให้โอ้ที่ยังหัวเสียไม่เลิกถึงกับต้องวางมือถือลงบนเคาน์เตอร์ครัวพลางข่มอารมณ์โกรธที่คุกรุ่นอยู่ภายใน
ถึงแม้ว่าเขาจะถูกหมากแกล้งอำทุกครั้งที่พบเจอกันจนกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ดูเหมือนครั้งนี้..มันจะมากเกินไปสำหรับเขา
โอ้สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง อย่างไรเสียหมากก็ไม่ใช่เพื่อนที่เลวร้ายอะไร หากไม่นับข้อเสียเรื่องนี้
หมากถือเป็นทั้งรุ่นพี่และเพื่อนที่ไว้ใจ คอยสนับสนุนเขาหลายอย่าง เมื่อใจของเขาสงบลงโอ้จึงเริ่มตระเตรียมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกชามรอเพื่อนของเขาลงมาจากชั้นสอง
ขณะที่เขากำลังมัวแต่สนใจอยู่กับชามบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กลับมีเสียงโทรเข้าดังขึ้นอีกครั้ง
โอ้รีบหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดรับสายทันทีเพราะคิดว่าเป็นหมาก แต่กลับต้องขมวดคิ้วอย่างสงสัย เมื่อพบว่าปลายสายเป็นเสียงของผู้หญิง ซึ่งเป็นเสียงของหวาน แฟนเก่าของหมาก
[ฮัลโหลโอ้ ทำไมพึ่งรับสาย หวานโทรหาโอ้ไม่รู้กี่สายแล้วนะ]
ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน
โอ้รีบดึงมือถือออกจากหูพลางปัดหน้าจอมือถือเพื่อตรวจเช็กว่าหวานนั้นโทรมาหาเขาตอนไหน ทั้งที่เขาพึ่งจะเห็นเบอร์โทรของหวานโทรเข้ามาวันนี้เป็นครั้งแรก
แต่เมื่อตรวจเช็กอย่างถี่ถ้วนกลับพบว่าปลายสายนั้นโทรเข้ามาหาเขาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงสองทุ่มจนถึงตอนนี้มากกว่าสิบสาย น่าแปลกที่เขาไม่ทันสังเกตเห็น ทั้งที่จับมือถืออยู่ตลอดเวลา
“โทษทีอะ มือถือเรามันไม่แจ้งเตือนเลย สงสัยมือถือเรามันไม่อัปเดต” โอ้รีบอธิบาย “แล้วหวานมีอะไรหรอ โทรมาทำไมดึกดื่น จะขอคุยกับหมากหรอ ตอนนี้มันกำลังเดินลงมา ถ้าอยากคุยเดี๋ยวจะบอกให้”
โอ้กล่าวขณะที่เขากำลังจะก้าวเท้าเดินตรงไปที่โถงทางลงบันไดจากชั้นสอง แต่แล้วกลับต้องหยุดชะงักเมื่อปลายสายได้บอกบางอย่าง
[โอ้ฟังเรานะ หมากรู้เรื่องที่เราสองคนแอบคบกันแล้วนะ]
หวานนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มมีเสียงสะอื้นในลำคอ
[หมากสังเกตเห็นว่าหวานมีท่าทีเปลี่ยนไป ตั้งแต่ช่วงที่หวานแอบไปช่วยโอ้จัดงานศพแม่ แถมยังไปบอกเลิกหมากโดยที่หมากไม่ได้ทำอะไรผิดอีก พอหมากเดินทางกลับมาที่ไทย หมากก็มาหาหวานที่บ้าน เขาพยายามเค้นหาความจริงจากหวาน หวานไม่อยากโกหกหมากอีกแล้ว หวานเลย..เลือกที่จะพูดความจริง แต่พอหมากรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว เขาก็โกรธหวานมาก แถมยังมีท่าทีขึงขังรีบเดินทางไปหาโอ้ต่อทันทีเพื่อเคลียร์เรื่องนี้]
“…”
โอ้นิ่งเงียบขณะที่ฟังหวานอธิบาย เขารู้สึกหนักอึ้งเมื่อพบว่าตนเองถูกจับได้ว่าแอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแฟนเก่าของเพื่อนสนิท
แต่น่าแปลก...เพราะตั้งแต่หมากมาถึงบ้านของเขา หมากก็ดูมีท่าทีปกติ ไม่ได้แสดงท่าทีโกรธขึ้งหรือพูดสิ่งใดเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมา
หรือบางที หมากอาจจะอยากหาจังหวะคุยกับเขาเรื่องนี้...เพียงแค่ยังไม่มีโอกาส
เป็นไปได้ว่าตอนที่หมากลงมา หมากคงจะเริ่มต้นเอ่ยถามเขาอย่างจริงจัง เพราะก็มีหลายประโยคก่อนหน้านี้ที่ส่อแววว่าหมากต้องการจะสื่อถึงเรื่องนี้ เพียงแต่ตัวของเขาไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติในใจของเพื่อนสนิทเท่านั้น
โอ้จิ๊ปากอย่างหัวเสีย เมื่อเขากำลังจะผิดใจกับเพื่อนสนิท เขาไม่ได้ตั้งใจแย่งแฟนสาวของหมาก เพียงแต่..ความรักมันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ
โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เรากำลังอ่อนแอ
[โอ้ ยังอยู่รึเปล่า]
หวานตะเบ็งเสียงเอ่ยเรียก เมื่อเห็นโอ้นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ โดยไม่ได้พูดสิ่งใดออกมา โอ้รีบสะบัดหัวเพื่อขจัดความคิดภายในใจทั้งหมดทิ้งพลางรีบดึงสติของตนเองกลับคืนมา
“อืม เรายังอยู่” โอ้ถอนหายใจ “เดี๋ยวเรื่องของเรา โอ้เคลียร์เอง หวานไม่ต้องห่วง ยังไงเราก็เลือกหวาน ถ้าต้องตัดขาดความเป็นเพื่อนกับหมาก เราก็พร้อมจะทำเพื่อหวานนะ”
[ไม่ต้องทำอะไรแล้วโอ้ มันสายไปแล้ว]
หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พยายามฝืนกลั้นเสียงสะอื้น
“หมายความว่าไง เฮ้ย เราไม่เลิกกับหวานนะ ไม่เอาดิ ห้ามคิดที่จะกลับไปหาหมากเด็ดขาด เราตกลงกันแล้วนะหวาน”
[มันไม่ใช่แบบนั้น...โอ้ตั้งใจฟังเรานะ แล้วก็ทำใจดี ๆ ]
หวานกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พยายามควบคุมสติของตนเอง
[คือ..หมากเสียแล้วนะโอ้ เสียชีวิตเมื่อตอนสองทุ่มหลังเดินทางมาถึงไทย หมากถูกรถชนตอนที่เขากำลังขับรถไปบ้านโอ้วันนี้ ตำรวจบอกว่าหมากพยายามหนีออกจากรถแต่หนีออกมาไม่ได้ เขาเลยถูกไฟครอกจนเสียชีวิต หวานไม่อยากเชื่อเลยว่าหมากจะจากไปเร็วขนาดนี้]
หวานร้องไห้สะอื้นพลางพูดต่อ
[ถ้าไม่ใช่เพราะหวาน หมากก็คงไม่ต้องตาย เราไม่น่าคบกันเลยโอ้ เราไม่น่ามีอะไรกันในตอนนั้นเลย หวานไม่น่าหวั่นไหวกับโอ้เลย หวานไม่น่าบอกเลิกหมากเลยจริง ๆ เรา...]
ยังไม่ทันที่ปลายสายจะกล่าวสิ่งใดต่อ โอ้กลับยืนตัวแข็งทื่อจนเผลอปล่อยมือถือหลุดออกจากมือ
น้ำตาสีใสเอ่อล้นอาบแก้มขณะที่เขาหายใจถี่ราวกับคนเป็นโรคหอบหืด ใบหน้าของเขาเริ่มซีดเผือด โอ้ค่อย ๆ เบือนใบหน้าหันไปจ้องมองทางบันไดด้วยความสั่นกลัว
หากหวานพูดความจริง แล้วหมากที่เขาเจอและพูดคุยกันมาตลอดก่อนหน้านี้
คือตัวอะไร !?
ขณะที่โอ้กำลังยืนนิ่งครุ่นคิดหลายอย่าง เสียงฝีเท้าของหมากที่ค่อย ๆ เดินลากเท้าลงบันไดลงมาจากชั้นสองกลับค่อย ๆ ดังขึ้น
“โอ้…”
เสียงฝีเท้าที่แตะพื้นอย่างช้า ๆ พร้อมกับมีเสียงทุ้มต่ำแหบพล่าเอ่ยเรียกชื่อเขาดังอย่างต่อเนื่อง
ทำให้โอ้รีบถอยหลังกรูดไปชิดขอบเคาน์เตอร์ครัวด้วยท่าทีตื่นตระหนกและหวาดกลัวอย่างสุดขีด จนเขาเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว เขาเริ่มมีท่าทีสับสนและรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
ใครกัน…ที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน ทั้งที่เขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้เพียงคนเดียว!
โอ้ไม่รู้ว่าควรจะต้องรู้สึกหรือเรียงลำดับสิ่งใดก่อนหลังดีในเวลานี้ ในเมื่อมีสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นมากมายรอบตัวเขาเต็มไปหมด
สิ่งเดียวที่โอ้รู้ในตอนนี้ คือทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันช่างหนักหนาเกินไป โอ้รีบยกมือปิดหูทั้งสองข้าง หวังให้ตนเองไม่ได้ยินเสียงใดอีก
แต่ทว่า..
จู่ ๆ แสงไฟในบ้านทั้งหมดเกิดดับลงโดยไม่มีสาเหตุ อีกทั้งยังมีเสียงฝีเท้าที่ลงน้ำหนักไม่ได้จังหวะพลางเคาะฝาผนังตลอดทางที่เขาเดินดังขึ้นตามมา
“โอ้…”
เสียงปริศนาพยายามส่งเสียงร้องโหยหวนพลางตะเบ็งเสียงเอ่ยเรียกชื่อเขาในทุกก้าวที่เหยียบย่ำบันไดลงมาในแต่ละขั้น ตามมาด้วยเสียงเคาะผนังอย่างต่อเนื่องโดยไม่ผ่อนปรน ราวกับคนที่พยายามตะเกียกตะกายหนีตายจากบางสิ่ง
มันยังคงดังขึ้น
ดังมากขึ้นอีก
โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด