การผจญภัยที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจลึกลับของโลกแห่งศิลา และความปราถนาอันยากจะหยั่งถึงของจิตใจมนุษย์
แฟนตาซี,ลึกลับ,ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,ลึกลับ,ต่างโลก,เวทมนตร์,แอคชั่น,ผจญภัย,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
" ฮู๊กกกก ฮูกกก.... "
นักล่ายามราตรีส่งเสียงร้อง หลังเวลาสนธยาผ่านพ้นไปคงถึงเวลาของพวกมัน รัตติกาลอันมืดมิดในบรรยากาศวิเวกแสนสงัด ความเงียบที่ตามมานั้นชวนให้ผวา
กระนั้นยังคงมีเด็กหนุ่ม ผู้เดินฝ่าเงามืดของค่ำคืน...
" อา.... วันนี้เหนื่อยชะมัด เพราะไอ้กรรมการบ้านั่นแท้ๆ ฉันเลยต้องว่ายน้ำไปกลับตั้งสองรอบ " เคนเนทเดินบ่นพึมพำยามนี้เขาคงยังไม่หลับ ความหนาวเย็นทำให้ต้องเปิดตาตื่นขึ้นมา เดินหาห้องน้ำในยามวิกาล
ภายในหอคอย เสาหินและกำแพงหน้าตาเหมือนกันยังกับฝาแฝด แทบแยกไม่ออกว่าห้องไหนเป็นห้องไหน จะหลงทางก็ไม่แปลกโดยเฉพาะช่วงสองยามนี้ ความเงียบหนักอึ้งถาโถม เหลือแต่เพียงเสียงของสัตว์ปีกนักล่าที่ส่งเสียงโหยหวนชวนขนหัวลุก
กลิ่นของความกลัวโชยมา แววตาของพวกมันสุกสว่างในเงามืด จ้องมองมายังสิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวตัวอยู่ ตรงระเบียงของหอคอยนี้ มีเพียงเคนเนทเท่านั้นที่เดินหลงทางตามลำพัง ท่ามกลางแสงไฟจากคบเพลิงที่จุดเอาไว้เป็นระยะ แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะให้ความสว่างแก่ทางเดินได้เลย ไม่นานพวกมันก็เข้ามาสิงสู่อยู่ในบริเวณระเบียงที่เงียบเชียบ กระตุ้นความหวั่นกลัวของเด็กหนุ่มขึ้นมาในทันควัน
" หึ่ย! ไปๆชิ่วๆ หลอนเว้ย... บรื๋อ... ไอ้พวกนกบ้ามากันทำไมเยอะแยะ " เคนเนทขนลุกซู่ ลมหนาวเย็นวาบซาบซ่านไหลผ่านต้นคอ รัศมีของดวงจันทร์ฉายส่องลงเบื้องหน้า ยามที่เมฆานั้นมิได้บดบัง เปิดเผยตัวตนของบุคคลที่ยืนสงบนิ่งตัวแข็งทื่อ จนทำให้ประสาทสัมผัสของเคนเนทหยุดนิ่งไปชั่วอึดใจหนึ่ง
' นั่นมันเด็กที่มาจากชนเผ่าที่คนพูดถึงกันนี่? มายืนทำอะไรตรงนี้หว่า ' เคนเนทพลันสังเกตเห็นเด็กหนุ่มผู้นั้น ยืนนิ่งไม่ไหวติง สายตาจับจ้องมองออกนอกระเบียง ไปยังกิ่งก้านของไม้ใหญ่ ที่ปกคลุมด้วยเงาของราตรี
ความสงสัยชวนให้เคนเนท กวาดสายตามองตามไป ความพร่ามัวถูกบดบังจากร่มไม้ เงาดำตะคุ่มประหนึ่งหมอกควัน พลิ้วไหวเหมือนผ้าไหมลอยกับสายลม ใบไม้ปลิดปลิวไปตามกระแส กระทบกันส่งเสียงระเบ็งเซ็งแซ่
ในขณะที่สายตาจดจ่อ เด็กหนุ่มจากชนเผ่าขยับร่างอย่างช้าๆ เอี้ยวตัวใช้ฝ่ามืออ้อมหลัง หมายจะคว้าจับมีดสั้นที่พกเหน็บเอวเอาไว้
ไม่ทันจะได้กระพริบตา พยับเมฆหมอกลวงตา อาภรณ์อันดำทมิฬพลิ้วไหวจากยอดไม้ ล่องลอยออกไปประดุจภูตผีเร้นกาย
" พรึ่บ!! " โลหะเย็นเยือกศัสตราวุธมีคม ใบมีดบางเฉียบจ่อเข้าที่คอหอยของคาอิมเด็กจากชนเผ่า บุรุษลึกลับพลันเผยตัว ผ้าคลุมดำทมิฬปกปิดใบหน้าอย่างมิดชิด ภายใต้ความมืดมิดยามค่ำคืน มันดูราวกับภูติผีใต้ผืนผ้าสีดำเพียงแค่นั้น ร่างกายด้านซ้ายของเขายืนเยื้องไปข้างหลังเด็กหนุ่ม มือขวากำมีดสั้นยกขึ้นระดับคอ จ่อเข้าประชิดหลอดลม โลหิตไหลรินซึมออกมา ความนึกคิดของเขาเลื่อนลอยไปชั่วขณะ สำเหนียกตัวเองแล้วว่า หากขยับแม้เพียงปลายนิ้ว คอคงไม่แคล้วสะบั้น
' เชี่ยอะไรวะนั่น! ฉิบหายแล้ว! ' เคนเนทขาพับทรุดฮวบ อุทานคำโตขึ้นในใจ คลานเสือกสนรนหนีไปหลบหลังเสาในทันใด
คาอิมยืนนิ่งไม่ไหวติง ปลายนิ้วมือยังไม่ทันจะได้สัมผัสกับด้ามอาวุธที่ตนหมายจะหยิบจับ ร่างกายสั่นเครือ ประสาทสัมผัสรับกลิ่นคาวเลือดใต้คางของตน
ไม่ทันจะได้พักหายใจหายคอ น้ำเสียงอันเยือกเย็นและแผ่วเบาของชายลึกลับก็เอ่ยขึ้น
" ถอนตัวจากการสอบซะ... "
" ขะ... ข้าจำเสียงของท่านได้...
...จามาล " เด็กหนุ่มชนเผ่าบากบั่นปั้นปากพูดออกมา
ความเงียบงันเข้ากลืนกินเหตุการณ์อันฉับพลัน เสียงหัวใจเต้นดังทะลุปอด ถึงอย่างนั้นมันก็หยุดความอยากรู้อยากเห็นของเคนเนทเอาไว้ไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจแอบชำเลืองมองดู
วายุพัดพาทำเอาผ้าคลุมดำทะมึนพลิ้วไหว ภายใต้อาภรณ์ของชายลึกลับ ปรากฏให้เห็นสัญลักษณ์ที่ยากจะลืมเลือน เข็มกลัดรูปดวงตาพื้นหลังรูปเพชรสีดำเงา ' ตราสัญลักษณ์นั่นมันอะไร? ' เคนเนทเบิกตาโพลงด้วยความใคร่รู้
" อย่าเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้ ข้าขอเตือน
...คาอิม " สิ้นสุดถ้อยคำ ผ้าคลุมพลิ้วหายไปพร้อมกับบุรุษผู้นี้ กระโจนตัวถอยหลังออกนอกระเบียง เร้นกายหายลับไปกับตา
เด็กหนุ่มยืนจ้องมอง หมอกควันดำที่จางหายไปต่อหน้า ดึงมือขึ้นลูบคลำลำคอปาดเลือดที่ไหลซิบ ขณะที่เหลือบปลายสายตามายังเสาต้นหนึ่ง ที่เคนเนทนั้นอิงแอบอยู่ หันกลับและเดินจากไปโดยไร้ซึ่งคำเอ่ยใดๆ
' อุ๊บ ' เคนเนทหลบเข้ากระทันหันฝ่ามือปิดปากเงียบ
วันรุ่งขึ้นช่วงเวลาสาย
" ห๊าวว... " เคนเนทเดินตาโหลขอบตาดำคล้ำ หมดเรี่ยวหมดแรงโซซัดโซเซ เมื่อคืนเขาแทบไม่ได้หลับได้นอน พรั่นพรึงนึกย้อนถึงเหตุการณ์ในยามวิกาลนั้น มันจดจำฝั่งใจพร้อมกับความใคร่รู้สงสัยในเรื่องราว ตราสัญลักษณ์ที่ไม่เคยเห็น คืออะไรกันแน่
ไหนจะผวาจากเจ้าสัตว์นักล่าตาโต ที่พากันมามืดฟ้ามัวดินเต็มไปหมด หลงทางอยู่ท่ามกลางความมืดและภาพมายาของกำแพงหิน ได้แต่เดินลอยไปลอยมา ท้ายที่สุดก็ลงเอยที่ห้องอาหาร
" เคนเนท ทางนี้ๆ " กระนั้นก็ยังมีรอยยิ้มจากมิตรสหายใหม่ ที่กำลังโบกมือเรียกเขาอยู่ที่นี่
" อ่า.... อลัน คริสตัล ทำอะไรกันอยู่เหรอ " เด็กหนุ่มใต้ตาดำท่าทางอิดโรย พยายามลืมตาตื่นทักทายเพื่อน
" ทานข้าวกันอยู่น่ะ เป็นอะไรหรือเปล่าเคนเนท ท่าทางดูเพลียๆนะ "
" ก็เล่นออกแรงตั้งเยอะตั้งแต่รอบแรกเลยนี่คะ " เพื่อนทั้งสองทักทายด้วยความเป็นห่วง
" เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอนน่ะ " เคนเนทชำเลืองมองไปเห็นอาหารที่พวกเพื่อนๆกำลังกินกันอยู่ วันนี้ดูแตกต่างไปจากวันแรก " กินอะไรกันน่ะ? "
" สเต็กเนื้อน่ะ วันนี้ทางสนามสอบเลี้ยงอาหารเรามื้อใหญ่เลยล่ะ "
สเต็กเนื้อชิ้นใหญ่ สีน้ำตาลเข้มสุกกำลังพอดี หอมกรุ่นพึ่งย่างมาสดๆร้อนๆ น้ำเกรวี่ที่ราดลงบนชิ้นเนื้อช่างหอมละมุน ความอ่อนล้าหายวับไปในพริบตา เด็กหนุ่มตาลุกวาววิ่งกระโจนใส่ซุ้มอาหารที่จัดวางอย่างอลังการอยู่กลางห้องกินข้าว " อู้วว ว้าวว.... สเต็ก! " ตั้งหน้าตักอาหารอย่างขมีขมันไม่เกรงใจใคร เนื้อสเต็กหอมๆ ขนมปังอบใหม่ ผลไม้สด เขานำมาวางเรียงรายบนโต๊ะอาหารต่อหน้าเพื่อนในพริบตาเดียว
" กะ... จะกินหมดนี่เลยเหรอ เคนเนท "
" นี่! อย่ากินมูมมามสิคะ " เด็กสาวผู้มีมารยาท เธอนั่งทานอาหารโดยใช้มีดและส้อมอย่างสุภาพ และมีผ้าเช็ดปากวางบนตัก และค่อยๆบรรจงหั่นชิ้นเนื้อทีละน้อย ต้องตกใจพูดโพล่งขึ้นมา เพราะความตะกละตะกลามของเคนเนท ที่กินทุกอย่างไม่ยั้งยังกับพายุโหมกระหน่ำ
" ก้ออยู่วที่หมู่บานชั้นไม่คอยด้ายกินเนือ กินแต่ปาจนเบื่อแลวว " เด็กหนุ่มพูดทั้งๆที่อาหารเต็มปาก จนฟังดูไม่เหมือนภาษาคนเลยซักกะนิด
" ว่าแต่นี่มันเนื้ออะไรน่ะ? "
" เนื้อวัวไบซันน่ะ " อลันเอ่ยขึ้น
" ไบซัน? มันคืออะไร? " เพื่อนๆต่างสงสัย อลันจึงเล่าถึงความพิเศษของวัวชนิดนี้ให้ทั้งคู่ฟัง ขณะที่กินสเต็กกันอย่างเอร็ดอร่อย
ไบซัน เป็นวัวกระทิงที่อาศัยอยู่ตามที่ราบทางตอนเหนือ มีขนาดใหญ่และเชื่องช้า มีขนปกคลุมหนาบริเวณศีรษะของมัน ปัจจุบันประชากรของพวกมันเหลืออยู่ไม่มากนัก เลยมีกฎหมายกำหนดเอาไว้ อนุญาตให้ล่าได้ตามฤดูกาลเท่านั้น แหล่งโปรตีนชั้นดี โภชนาการสูงกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ เนื้อของมันมีไขมันต่ำและรสชาติดีเยี่ยม
" โห... อลันมีความรู้เรื่องสัตว์ป่ามากเลยนะคะ อ่านหนังสือเล่มไหนเหรอ " คริสตัลดูทึ่งในสิ่งที่ตนเองนั้นไม่เคยรู้มาก่อน
" ผมไม่ค่อยได้อ่านหนังสือหรอกครับ ที่หมู่บ้านมีหนังสืออยู่ไม่กี่เล่มเอง ส่วนมากจะออกไปล่าสัตว์กับคุณตา ท่านสอนเรื่องการล่าสัตว์และเก็บของป่าให้เป็นประจำ " เด็กหนุ่มยิ้มตอบเพื่อนๆ
" มิน่าล่ะ ถึงได้มีความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติเยอะมาก บางอย่างฉันก็ไม่รู้จักเลยนะคะ "
" คริสตัลชอบอ่านหนังสือเหรอ "
" ใช่แล้วล่ะค่ะ ที่เมดิโอลันมีห้องสมุดใหญ่โตมากเลย "
" โห... ผมยังไม่เคยไปเมืองหลวงเลยล่ะ "
" เอาไว้สอบเสร็จแล้วไปด้วยกันนะคะ ทุกคนต้องไปรายงานตัวอยู่แล้วด้วย "
" ชั้นก็ไม่เคยปายเหมือนกัน ง่ำๆ... "
" กินให้เสร็จก่อนสิคะ!! " เด็กสาวโมโหดุขึ้นมาเสียงดัง
ในระหว่างที่ทั้งสามกำลังเพลิดเพลินไปกับอาหารเลิศรส เด็กสาวผู้มีสง่าราศี ลาพิสพี่สาวของคริสตัลบังเอิญเดินผ่านมา จึงเอ่ยทักทายขึ้นแต่ดูเหมือนคำพูดจะไม่ใช่ถ้อยคำที่น่าฟังนัก
" ไงจ๊ะ น้องสาวที่น่ารัก เพื่อนใหม่ดูเข้ากันดีจังเลยนะ "
" ทะ... ท่านพี่ " คริสตัลก้มหน้าลงหลบตาพี่สาว
" ขอให้สนุกกับการสอบนะ ยังไงก็อย่ามาคิดจะแข่งกับทีมของพี่ล่ะ จะเหนื่อยเอาเปล่าๆ " จบประโยคเธอก็เดินเชิดหน้าตัวตรงจากไป
" ใครกันน่ะ ท่าทางน่าหมั่นไส้จริงๆ " เคนเนทหยุดกินอาหารในทันที หน้าตาถมึงทึงไม่พอใจ
" ท่านพี่ลาพิส... พี่สาวของฉันเองค่ะ "
" ทำไมต้องเรียกท่านพี่ด้วยอะ ผู้หญิงที่ดูน่าหมั่นไส้แบบนั้นอะ "
" ที่จริงพวกเราทั้งคู่มาจากตระกูลขุนนางที่เมืองหลวงนะคะ " เด็กสาวเอ่ยอย่างเรียบง่าย
" หาาา... เด็กเนิร์ดแบบเธอเนี่ยนะ " เคนเนทตาลุกโพลง
" คุณเคนเนท! " เด็กสาวมีท่าทีโมโห
" ไม่เอาน่าทั้งสองคน " อลันเอ่ยห้ามปรามทั้งคู่
" ก็ฉันอยากเป็นผู้รอบรู้นี่คะ เลยต้องอ่านหนังสือเอาไว้เพื่อเป็นความรู้ "
" อืม... ฉันก็อยากเป็นผู้พิชิต! " เคยเนทพูดอย่างมั่นใจพลางลุกขึ้นชูแขนกำหมัด
" ทำไมถึงอยากเป็นผู้พิชิตเหรอเคนเนท? " อลันถาม
" มันดูเท่ดีนะ ได้ออกไปท่องโลกผจญภัยพิชิตทั่วทั้งพื้นดินและมหาสมุทร! " เด็กหนุ่มตอบหน้าระรื่น
" เอ่อคือ... มันฟังดูเหมือนนักสำรวจมากกว่านะครับ "
" ใช่มันคือหน้าที่ของนักสำรวจนะคะ ผู้พิชิตต้องไปเป็นทหารอยู่ที่ค่ายฝึกของเมดิโอลัน "
" ห๊าาา! ว่าไงนะ "
" ดูเหมือนว่าเคนเนทจะเข้าใจผิดไปนะ "
" ผิดเต็มๆเลยล่ะค่ะ แล้วอลันอยากเป็นอะไรเหรอ "
" ผมอยากเป็นนักสำรวจน่ะ " อลันยิ้มอย่างสบายใจ
" เหมือนกับแม่ของอลันใช่ไหม ขอให้สมหวังกันทุกคนนะคะ " คริสตัลยิ้มและให้ความหวังกับเพื่อนๆ
" หมายความว่าไงอะคริสตัล ถ้าเราสอบผ่านแล้วก็เลือกได้ไม่ใช่เหรอว่าจะเป็นอะไรน่ะ " เคนเนทเกิดมีความสงสัยขึ้นมา
" มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ "
คริสตัลเล่าถึงจุดประสงค์ของการสอบคัดเลือก มันไม่ใช่การเลือกด้วยตัวเอง แต่มันคือการคัดเลือกโดยเจตจำนง
การสอบเป็นเพียงแค่การวัดระดับความสามารถในด้านต่างๆของผู้เข้ารับการทดสอบ หลังจากผ่านพ้นการสอบทั้งสามรอบแล้ว ผู้ที่ผ่านการสอบจะต้องถูกคัดแยกไทป์ที่เหมาะสมกับตนในขั้นตอนสุดท้าย เรียกว่า " การแสดงเจตจำนงต่ออนิม่า " เป็นการแสดงความต้องการที่จะใช้พลัง และทำพันธสัญญากับศิลาอนิม่า
ในขั้นตอนสุดท้ายนี้เอง ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกที่แสดงเจตจำนงและสร้างพันธะแล้ว จะถูกแบ่งเป็นออกไทป์ต่างๆและคัดแยกไปยังสมาคมที่เหมาะสม
" ไม่เห็นเข้าใจเลย ถ้าเราอยากเป็นอะไรก็ต้องได้เป็นไทป์นั้นไม่ใช่เหรอไง? " เคนเนทพูดขึ้นอย่างสงสัย
" มันไม่ง่ายแบบนั้นนะคะ "
เธออธิบายต่อไปว่า ความต้องการของคนเรานั้นคือความคิดผิวเผินที่ออกมาจากความรู้สึก แต่เจตจำนงที่แท้จริงของคนเรานั้นอยู่ลึกลงไปในจิตใจ มันคือความปรารถนาที่เป็นแก่นแท้ของใจคน
" ฉันก็ไม่เข้าใจเรื่องละเอียดอ่อนแบบนั้นหรอกค่ะ "
" อืม... ผมพอจะเข้าใจบ้างแล้วล่ะ ความต้องการคือความรู้สึกว่าอยากจะเป็นในสิ่งนั้น แต่การแสดงเจตจำนงที่แท้จริง คือการแสดงตัวตนของพวกเราจากภายในออกมา " อลันนั่งไตร่ตรองคิดคำนึง
" หมายความว่าเราจะโกหกอนิม่า ไม่ได้เหรอ "
" ใช่แล้วล่ะค่ะ " ทั้งสามต่างเงียบงันจนความวิตกกังวลเข้าครอบงำวงสนทนา
" แล้วพวกตราสัญลักษณ์ล่ะ... " เคนเนทโพล่งขึ้น
" ตราสัญลักษณ์จะมีอยู่สามระดับค่ะ " เด็กสาวค่อยๆอธิบาย ถึงตราสัญลักษณ์ของอาเคไทป์
ตราประจำตัวของอาเคไทป์นั้น ประกอบด้วยระดับขั้นสามระดับและสัญญาลักษณ์หกรูปแบบ
รูปแบบทั้งหก ประกอบไปด้วย
ดาบ/ผู้พิชิต - โล่/ผู้พิทักษ์ - หนังสือ/ผู้รอบรู้
กล้องส่องทางไกล/นักสำรวจ - ตราชั่ง/ผู้ควบคุม
และ ดวงตา/ผู้เฝ้ามอง
ระดับขั้นทั้งสาม จะเริ่มจากผู้ฝึกหัด เท่ากับระดับตราทองแดง ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกและบรรจุเข้าสมาคมแล้ว จะได้รับตราสัญลักษณ์ทองแดง เรียกว่าอาเคไทป์ฝึกหัด
ต่อมาคือระดับตราเงิน เป็นระดับที่สูงขึ้นมา หลังจากผ่านการฝึกหัดและได้รับการรับรองจากทางสมาคม ว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถเหมาะสม และทำหน้าที่ของตนได้เป็นอย่างดี จะได้รับการเลื่อนขั้นและมอบตราในขั้นถัดมา
สุดท้ายคือ ระดับตราทองคำระดับสูงที่สุด เป็นผู้ที่ถูกคัดเลือกจากผู้อาวุโสทั้งหลายในสมาคม ซึ่งเป็นผู้ที่มีความสามารถสูงโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ และถูกรับรองจากทางสหพันธ์ฯแล้วว่าเหมาะสมกับตำแหน่ง ในสมาคมต่างๆจะมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
" ที่จริงกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านก็เป็นระดับตราทองคำนะคะ เช่นเดียวกับคุณอัลวิน " คริสตัลอธิบาย
" ไม่มีสูงกว่านี้เหรอ หรือแบบอื่นมีอีกไหม... " เคนเนทคิ้วขมวดเป็นปม พลางนึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนที่ผ่านมา เขารู้บางอย่างในใจเพียงแค่ไม่คิดจะเล่ามันออกมา
" ไม่มีแล้วล่ะค่ะ เคนเนทคิดจะไปสูงถึงระดับไหนกันล่ะ แค่ตราเงินก็ใช้เวลาหลายปีแล้วนะ " เพื่อนทั้งสองต่างมีความแปลกใจในสิ่งที่เคนเนทนั้นเอ่ยถาม แต่ก็ไม่มีใครเอะใจอะไร
" ตึง.. ♪ ตึง... ♪ ...♪ "
เสียงนาฬิกายามเที่ยงดังขึ้น
" เที่ยงแล้วล่ะ ผมว่าพวกเราควรไปรวมตัวกันที่ลานกว้างได้แล้ว "
" งั้นไปกันเถอะค่ะ คุณคาลิน่าคงกำลังรอพวกเราอยู่ "
" ไปลุยกันเลยพวกเรา " ทั้งสามคนลุกขึ้นพร้อมที่จะเข้ารับการทดสอบในรอบถัดไป หนุ่มสาวทั้งหลายผู้ที่ผ่านการคัดเลือกในรอบแรก ต่างมารวมตัวกันที่ลานกว้างด้านหน้าของหอคอย
" สวัสดีจ้า ทุกคนพักผ่อนกันสบายดีไหมคะ " คาลิน่า กรรมการคุมสอบผู้ร่าเริงทักทายทุกคน รอยยิ้มของเธอช่วยผ่อนคลายความเครียดให้กับหลายคนไปได้บ้าง แต่เมื่อรู้ว่าจะต้องรับการทดสอบจากแม่ทัพแม็กซ์เวลในรอบต่อไป แค่คิดก็ทำเอาหน้าเสียกันเลยทีเดียว
สนามสอบถัดไปอยู่บนที่ราบทางตะวันตกถัดจากหอคอย ซึ่งเป็นชายแดนติดกับดาคาห์รี และยังใกล้กับที่ตั้งของสมาคมผู้พิชิต ที่มีแม่ทัพแม็กซ์เวลเป็นผู้บัญชาการ คาลิน่านำทางให้กับผู้เข้าสอบที่เดินรวมกลุ่มตามๆกันมา
เคนเนทเดินเอามือทั้งสองผสานไว้ที่ท้ายทอย เดินเหม่อลอยแล้วก็พูดขึ้นว่า " การสอบรอบถัดไปจะเป็นอะไรนะ "
" น่าจะเป็นการทดสอบของผู้พิชิตนะคะ "
" คริสตัลรู้ได้ไงเหรอ? " อลันถามขึ้น
เธอเล่าถึงข้อมูลที่ทางสหพันธ์ได้ให้เอาไว้ว่า การสอบคัดเลือกนั้นจะมีด้วยกันทั้งหมดสามรอบ ในแต่ละรอบจะมีคณะกรรมการคุมสอบสองคน แบ่งไปตามแต่ละประเภทของอาเคไทป์ รวมทั้งหมดหกไทป์
ซึ่งในแต่ละรอบ จะมีการวัดระดับความสามารถของอาเคไทป์อย่างน้อยหนึ่งประเภท รอบที่หนึ่งคือ อาเคไทป์ของผู้รอบรู้และนักสำรวจ จากการคาดคะเนของคริสตัลแล้ว รอบที่สองคือบททดสอบของแม่ทัพแม็กซ์เวล ซึ่งเป็นผู้พิชิต ดังนั้นรอบถัดไปจึงเป็นไปได้ว่าเกี่ยวกับผู้พิชิตอย่างแน่นอน
" ถ้าผู้พิชิตล่ะก็เข้าทางฉันเลย " เคนเนทยิ้มออกมาดูมั่นใจทีเดียว
" ให้มันจริงเถอะค่ะ "
ในระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังเดินเข้าสู่สนามสอบที่สอง อลันก็สังเกตเห็นว่า พี่สาวของคริสตัลและคนติดตาม กำลังเดินไปเป็นกลุ่มกับเด็กที่มาจากเผ่าควาคู
เคนเนทก็เห็นเช่นกัน เขาจึงเอ่ยถามขึ้น " ทำไมเด็กชนเผ่านั่นถึงได้เดินอยู่กับพี่สาวคริสตัลล่ะ พวกเขาร่วมทีมกันเหรอไง " เด็กหนุ่มชี้ให้เพื่อนทั้งสองมอง
" ...... " คริสตัลเธอคิดบางอย่างอยู่ในใจ แล้วพูดออกมาว่า " พวกเขาคงตกลงอะไรบางอย่างกันแน่ๆ พี่ลาพิสไม่ใช่คนที่ยอมตามใครง่ายๆ "
ไม่นานนักคาลิน่าก็นำทางพาทุกคน มาถึงยังจุดหมายปลายทาง ทุ่งหญ้าที่ราบอันกว้างใหญ่ไพศาล เบื้องหน้าไกลออกไปมีเต็นท์จำนวนมากตั้งอยู่เป็นกลุ่ม มันคือค่ายทหารกึ่งถาวรสำหรับกองทัพ ที่ใช้ในการลาดตระเวน
" ฉันขอส่งทุกคนแต่เพียงเท่านี้นะคะ หมดหน้าที่ของฉันแล้วล่ะ ในบริเวณสนามสอบรอบที่สอง จะมีค่ายทหารและเต็นท์อยู่ ซึ่งแม่ทัพแม็กซ์เวลและมีร่าจะเป็นผู้ดูแลการสอบในรอบนี้นะคะ "
" ขอให้ทุกคนโชคดีในการสอบน้าา.. " คาลิน่ายิ้มให้กำลังใจและโบกมือลาทุกคน
" หูวว... กว้างใหญ่ชะมัด " เคนเนทยกมือขึ้นป้องตาสอดส่องดู
" ตรงนั้นน่าจะเป็นค่ายทหารนะ "
" น่าจะใช่นะคะ "
คนอื่นๆก็สังเกตเห็นเช่นกัน เหล่าผู้เข้ารับการทดสอบ เด็กหนุ่มสาวทั้งหลายกำลังเดินเข้าสู่สนามสอบที่สอง บททดสอบของผู้พิชิตกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
บุรุษผู้แข็งแรง แม่ทัพแม็กซ์เวลกำลังนั่งรอพวกเขาอยู่ เขานั่งใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางจ้องมองมา พร้อมแสยะยิ้มขึ้นราวกับมีแผนการบางอย่าง
" มากันแล้วค่ะ ท่านแม็กซ์เวล " ข้างกายของเขา นั่นคือ มีร่า หญิงสาวผู้ติดตราสัญลักษณ์ของผู้เฝ้ามอง
บททดสอบอะไรกำลังรอพวกเขาอยู่กันนะ...
จบตอน.