การผจญภัยที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจลึกลับของโลกแห่งศิลา และความปราถนาอันยากจะหยั่งถึงของจิตใจมนุษย์
แฟนตาซี,ลึกลับ,ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,ลึกลับ,ต่างโลก,เวทมนตร์,แอคชั่น,ผจญภัย,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะการผจญภัยที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจลึกลับของโลกแห่งศิลา และความปราถนาอันยากจะหยั่งถึงของจิตใจมนุษย์
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแฟนตาซี แนวดราม่าผจญภัย อาจจะมีเนื้อหาการบรรยายถึงการต่อสู้และฉากน่ากลัวในบางช่วงบางตอน และโปรดระวังเนื้อหาที่อาจมีความตึงเครียด
ราตรีมืดมิดจักเข้าครอบงำ
ยามเมื่อสิ้นสุดกาลเวลาของแสงสว่าง...
ในค่ำคืนแห่งความสับสนวุ่นวาย จากเหตุการณ์อันไม่คาดคิดที่อุบัติขึ้น โศกนาฏกรรมการนองเลือดและความสูญเสีย ทั้งความหวาดกลัวและตื่นตระหนก ความเงียบงันเกิดขึ้นหลังจากความสงบนั้นกลับมาอีกครั้ง
ภายในห้องพักผ่อนของหอคอย ตะเกียงโคมไฟยังคงส่องแสงเรืองรอง ยามนี้แสงสว่างเป็นที่ต้องการของผู้คนอย่างมาก แม้จะมืดมนเพียงใดก็ขอเพียงแค่มีปลายทางของแสงแห่งความหวังอยู่ เพื่อช่วยเยียวยาและกล่อมเกลาจิตใจของผู้คน
อลัน... นั่งซึมอยู่เพียงลำพังในห้องแห่งนี้ เด็กหนุ่มคนนี้ยังคงไม่หลับเลยหาอะไรทำฆ่าเวลา เขาจ้องมองหนังสือที่ถูกเปิดค้างเอาไว้มาซักพักใหญ่ สายลมเย็นเฉียบพัดผ่านไปอย่างแผ่วเบา พร้อมกับเสียงสะอึกสะอื้นของผู้คนที่ลอยแว่วมา
ผู้พิทักษ์หลายคนถูกส่งมาจากเมืองหลวงเมดิโอลัน กองกำลังที่ถูกส่งมาทำหน้าที่ ปกป้องเด็กหนุ่มสาวที่มาเข้ารับการสอบคัดเลือก การเสียชีวิตของผู้พิทักษ์และนักสำรวจหลายคน จากเหตุการณ์นองเลือดในการสอบรอบสุดท้าย ส่งผลให้คนที่เหลือเศร้าโศกเสียใจไปกับการสูญเสียเพื่อนฝูง ญาติสนิทและมิตรสหาย
หลายคนไม่มีกะจิตกะใจทำหน้าที่ ได้แต่นั่งเหม่อลอยมองท้องฟ้าเคว้งคว้างไร้ดาว บ้างก็เดินตรวจตราทั้งๆที่ร่ำไห้ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยร่องรอยจากคราบน้ำตา
ความเหงาเศร้าสร้อยเข้ากัดกร่อนจิตใจ แม้แต่กับตัวของอลันเอง เขาไม่มีสมาธิจะอ่านตัวหนังสือซักตัวเดียว ในหัวของเขาตอนนี้มีแต่ความคิดที่ยุ่งเหยิงและสับสนเต็มไปหมด
อลันพึ่งเคยออกเดินทางไกลจากบ้านของตนเป็นครั้งแรก โลกภายนอกที่เขาใฝ่ฝันหามันเลวร้ายขนาดนี้เชียวหรือ เหตุใดผู้คนจึงโกรธเกลียดชิงชังกัน เหตุใดผู้คนจึงจ้องจะรบราฆ่าฟันหมายจะเอาชีวิตกัน แค่เพียงความคิดที่หาคำตอบไม่ได้และยังไม่เข้าใจว่าทำไม
เพียงแค่นี้... ก็ทำให้เด็กหนุ่มนั่งตัวสั่นเทิ้มเบาๆไปทั้งตัว และสุดท้ายเขาก็นึกถึงเรื่องของตัวเองกับคนที่เขารัก
' แม่ครับ... ตอนนี้อยู่ที่ไหนกันนะ ' อลันนึกขึ้นภายในใจ เด็กหนุ่มไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า แม่ของตนที่ออกเดินทางมาแล้วทั่วโลก จะต้องพบเจอเหตุการณ์อะไรบ้าง พบปะผู้คนแบบไหน พบเห็นความเลวร้ายของโลกใบนี้ถึงขนาดไหนกันเชียว
แค่คิดเพียงเท่านี้ใจมันก็ฝ่อลง ตระหนักถึงความหวั่นเกรงต่อโลกข้างนอกจนร่างกายนั้นสั่นไหว
ความฝันอันใกล้แค่เอื้อม การสอบคัดเลือกที่จบสิ้นและใกล้จะถึงเวลาประกาศผล ความลังเลกลับก่อตัวขึ้นภายในใจของเขา ทั้งความสับสนและตื่นเต้นในคราวเดียวกัน
' ดึกขนาดนี้... เคนเนทคงหลับไปแล้วมั้ง ไม่รู้ว่าคริสตัลกลับไปที่พักหรือยังนะ ' อลันพลางคิดถึงเพื่อนในเวลานี้ด้วยความเป็นห่วง
หลังจากสิ้นสุดการสอบเคนเนทก็ขอตัวไปพักผ่อนก่อนเป็นคนแรก เขาคงเหนื่อยจากการออกแรงมากติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ทางด้านคริสตัลก็เฝ้าพี่สาวของตัวเองอยู่ไม่ห่าง
ลาพิสเข้ารับการรักษาและปฐมพยาบาลเบื้องต้น เธอไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรง แต่ผลกระทบทางจิตใจนั้นค่อนข้างแย่ ได้แต่เก็บตัวอยู่ในห้องพยาบาลไม่ออกไปไหน
บรู๊ครอดชีวิตมาได้ เคย์นผู้พิทักษ์ของเราเข้าช่วยเหลือได้ทันเวลา เขาเสียเลือดมากจากแขนขวาที่ขาดออก เลยถูกส่งตัวกลับไปรักษาที่เมืองหลวงในทันที
ตอนนี้ในหัวของอลันความคิดมันวุ่นวายไปหมด เขาตัดสินใจปิดหนังสือแล้วลุกขึ้น เดินออกไปในเวลาดึกสงัด
ภายในห้องพยาบาล ลาพิสอ่อนเพลียหมดเรี่ยวแรง สายตาของเธอยังคงพร่ามัว จ้องมองไปยังผ้าม่านข้างหน้าต่างที่ปลิวไสวไปตามสายลม พลางนึกย้อนถึงอดีตในวันวาน...
" ไม่เอาแล้ว ข้าไม่ไปสอบอีกแล้ว " ลาพิสในตอนนั้นเธอกำลังถกเถียงกับลอร์ดเรนนาร์ด พ่อของเธอ
" ลาพิส เจ้าต้องเป็นผู้ควบคุมประจำตระกูลเราให้ได้ "
" ทำไมต้องเป็นข้า ข้าเหนื่อยเต็มที่แล้ว
ตระกูลเรามีทรัพย์สินและสมบัติมากมาย แค่นี้พวกเราก็สบายไปตลอดชีวิตแล้ว ท่านยังจะต้องการอะไรอีกท่านพ่อ "
" พวกเราต้องการอำนาจทางสังคม สิทธิ์ในการเป็นขุนนาง สิ่งเหล่านั้นแค่ทรัพย์สินเงินทองอย่างเดียว ซื้อมันมาไม่ได้
ดูอย่างแม่เจ้าสิ เป็นที่นับหน้าถือตาในสังคม มีทั้งเกียรติยศ ชื่อเสียงและอำนาจ สมเป็นกุลสตรี " ลอร์ดเรนนาร์ดกล่าวอย่างหนักแน่นกับลูกสาวตน
" ข้าไม่ใช่ท่านแม่ และท่านแม่ก็ไม่อยู่อีกแล้ว ข้าจะทำสิ่งที่ข้าอยากทำ "
" เพี๊ยะ!! "
" เลิกทำตัวเป็นเด็กได้แล้ว ลาพิส!!
เจ้าทำไม่ได้ นั่นเพราะว่าแม่ของเจ้าไม่อยู่แล้ว เจ้าต้องทำตามที่ข้าสั่ง และเป็นเหมือนกับแม่ของเจ้าให้ได้! " ลอร์ดเรนนาร์ดตบหน้าลูกสาวของตนอย่างเต็มแรง
" ..... " ลาพิสนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ และเธอก็ตวาดออกมาด้วยความโมโห
" ออกไปจากห้องข้า! ออกไป!! ข้าเกลียดท่าน! "
.....
ในเวลาปัจจุบัน ยามนี้...
ลาพิสจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงอันเจิดจรัสส่องสว่าง ดวงจันทร์ลอยเด่นงดงามอยู่ท่ามกลางท้องนภา
นั่นน่ะหรือ...
ความงดงามที่ไม่มีผู้ใดจะอาจเอื้อมถึง...
" ข้าน่ะเหรอเป็นเด็ก ถ้าเป็นไปได้ข้าก็ไม่อยากโตเป็นผู้ใหญ่แบบท่านหรอก ท่านพ่อ... " เด็กสาวผู้เป็นความหวังของตระกูล กลับถูกแรงกดดันซะจนไร้ซึ่งความสุข
ด้านนอกของห้องพยาบาล อลันสังเกตเห็นคริสตัลที่ ฟุบหลับอยู่บนเก้าอี้ยาว เขาหยิบผ้าห่มติดตัวมาและค่อยๆห่มโดยไม่ให้เธอรู้สึกตัว
" ฮ้าว... ยังไม่นอนอีกเหรอ อลัน " เคนเนทตื่นขึ้นกลางดึกและเดินตามมาข้างหลังเพื่อน ทั้งสองคนต่างเป็นห่วงพรรคพวกของตัวเอง พวกเขามาพบกันในสถานที่นี้โดยไม่ได้นัดหมาย
" เคนเนทหรอกเหรอ... ผมยังไม่นอนน่ะ เป็นห่วงคริสตัลเลยแวะมาดู " อลันหันมาตอบกลับอย่างแผ่วเบา
" หลับเป็นตายเลยนะยัยนี่ ทำไมไม่ไปนอนที่ห้องพักล่ะ เฮ้อ... "
" คริสตัลคงเป็นห่วงพี่สาว คอยเฝ้าอยู่ไม่ยอมไปไหนเลย "
" ว่าแต่นายเถอะ... ยังไม่ได้นอนเลยสิ ตื่นเต้นกับวันพรุ่งนี้เหรอไง? " เคนเนทขยี้ตาตื่นขึ้นและพูดถามเพื่อน
" ก็ใช่... มันตื่นเต้น แล้วก็กังวล กลัวว่าอะไรๆมันจะไม่เป็นแบบที่คิดไว้ " อลันดูซึมกระทือตอบด้วยความกังวล
" คิดมากไปแล้วน่า ถ้าตั้งความหวังกับอะไรมากไป เวลาผิดหวังมันจะเสียใจเปล่าๆ " เคนเนทจับไหล่เพื่อนและให้กำลังใจ
ในตอนนั้นเองที่เสียงพูดอันเย็นชาและเรียบง่าย ก็ดังขึ้นในเงามืด
" ไม่มีใครล่วงรู้อนาคตหรอก คนเรามักมีทางเลือกเสมอ " เด็กหนุ่มจากชนเผ่าก้าวออกมาจากความมืด คาอิมพูดขึ้นเบาๆที่ด้านหลังของทั้งสองคน
" เห้ย! ไอ้... " เคนเนทกำลังจะตะโกนขึ้นเสียงดัง
อลันหันขวับไปคว้าแขนเพื่อนบอกให้เขาเงียบเสียง
" ชู่วว... เดี๋ยวคริสตัลก็ตื่นหรอก "
" โทษทีๆ... นี่แกมาทำบ้าอะไรเนี่ย " เขาพูดเสียงเบาลง
" ก็แค่เดินผ่านมา... " คาอิมตอบด้วยสีหน้านิ่งเฉย
" เดินผ่านมา ก็เดินผ่านไปทางโน้นเลยไป ชิ่วๆ! "
" ขอบคุณที่เป็นห่วงพวกเรานะ คาอิม " อลันตอบกลับและยิ้มให้อย่างมีมิตรไมตรี
" หึ... " เด็กหนุ่มจากชนเผ่า หันกลับและเดินจากไปเงียบๆเพียงลำพัง
" ไอ้นี่ประหลาดคน ไม่เข้าใจเลยว่าพวกนี้มันคิดอะไรอยู่
...ฉันเคยได้ยินมาว่าพวกชนเผ่าน่ะรักพวกพ้องมาก แต่ดูแล้ว เหมือนมันไม่เห็นจะสนใจอะไรใครเลย " เคนเนทพูดประชดประชันขึ้นมา
" บางที... เขาอาจจะคิดว่าเราเป็นพวกพ้องของเขาแล้วก็ได้นะ " อลันยิ้มและพูดอย่างอ่อนโยนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง
" หาาา....? " คำพูดนี้ทำให้เคนเนทงงและยักคิ้วขึ้นข้างนึงทันที
.....
การกระทำอันใดที่ไม่น่าจะให้อภัย สุดท้ายก็มลายหายไปเฉกเช่นรอยเท้าบนผืนทราย...
...เมืองแห่งผืนทราย ภายใต้แสงจันทร์แห่งความเงียบงัน เนินทรายอันเวิ้งว้างว่างเปล่าไร้ซึ่งผู้คน
การกระทำอันต้องห้ามรองเท้าที่จางหาย จันทราลวงตาผู้คนมัวเมาไปกับความหลงผิด จิตใจผันแปรเปลี่ยนไปและจักพังทลายลง หลับใหลภายใต้นิทรามืดมิด มลายหายไปโดยพลันกลับกลายเป็นเม็ดทราย...
" แกว๊ก...! " เงามืดพาดผ่านแสงจันทร์ วิหคทมิฬโผลงบนผืนทราย กลายร่างเป็นมนุษย์ในฉับพลัน ชายผู้มีขนนกสีดำปกคลุม ก้าวเข้าสู่ปากถ้ำใหญ่ ณ แห่งใดแห่งหนึ่งในประเทศดาคาห์รี
ภายในถ้ำส่องสว่างไปด้วยคบเพลิงเรียงราย ลึกเข้าไปในนั้น ประตูเหล็กที่ปิดแน่นหนากำลังถูกเปิดออก และเสียงของโลหะก็ครูดกับผืนทราย ส่งเสียงอันน่ารำคาญออกมาอย่างช้าๆ
อุปกรณ์และหลอดทดลองวางกระจัดกระจายไปทั่วห้อง กองหินแร่สีดำมีเป็นพะเนิน ท่อยางต่อกับไซลิ้งค์และหลอดทดลองที่มีของเหลวสีม่วงเข้มอมแดงด้านใน ภายในมีตัวอย่างของสิ่งมีชีวิตนานาชนิด รวมถึงร่างของมนุษย์...
บุรุษวิหคดำเหลือบตามองไปทั่วห้อง บนโต๊ะทำงานของผู้เป็นเจ้าของสถานที่นี้ เต็มไปด้วยกองเอกสาร และโลหะทองคำแวววาวชิ้นหนึ่งที่วางไว้ มันคือ ตราสัญลักษณ์ของผู้รอบรู้ ระดับทองคำ
" เจ้าเองเหรอ... คาธแบด " เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นจากเงามืดของห้อง เขานั่งอยู่บนรถเข็นโลหะและมีแผ่นรองเป็นหนังสัตว์เก่าๆ
" เออ... " บุรุษวิหคดำลึกลับตอบกลับ
ชายผู้มีขนนกดำปกคลุม นามของเขาคือ คาธแบด (Cartbadh) นักฆ่าจากองค์กรลับขององค์ชายมาลิก แห่งดาคาห์รี
ไม่ช้า... เจ้าของตราสัญลักษณ์ทองคำ ก็เผยตัวออกมาจากความมืด บุรุษร่างเล็กพิกลพิการ ศีรษะใหญ่โตผิดขนาดไม่สมประกอบด้านหนึ่งบุ๋มลง มีเส้นผมหร็อมแหร็ม กล้ามเนื้อเหนือตาซ้ายห้อยปิดดวงตาไปครึ่งนึง ท่อนแขนลีบแบนดูไร้เรี่ยวแรง สวมชุดผ้าฝ้ายผืนเทาๆคลุมตัว
" ตัวอย่างทดลองเป็นยังไงบ้าง " เขาเอ่ย
" ตายหมดแล้ว... ไอ้ตัวที่เป็นปลามันไม่ยอมขึ้นจากน้ำด้วยซ้ำ " คาธแบดตอบด้วยเสียงแข็งๆสากๆ
" เด-รัจ-ฉาน... ก็ยังคงเป็นเดรัจฉานวันยังค่ำ ถึงแม้จะใส่เซลล์ของมนุษย์ไปด้วย ก็ยังไร้ประโยชน์ " ชายพิการเอ่ยเรียบๆ
" พวกเมดิโอลัน จับกุมตัวอย่างมนุษย์เอาไว้ได้ ที่นี้จะเอาไง "
" ตัวอย่างมนุษย์ มันฆ่าผู้พิทักษ์ได้หรือไม่ "
" นั่นผู้พิทักษ์ระดับตราทองคำเชียวนะเว้ย แค่สู้คงพอไหวจะให้ฆ่าเลย ...คงไม่เข้าท่ามั้ง "
" ถ้างั้นมันก็ไร้ค่า... ตัวอย่างที่ล้มเหลวไม่จำเป็นต้องใส่ใจ เดี๋ยวมันคงตายไปเอง "
" เออ งั้นก็ช่างมัน -- ส่วนเรื่องแผนการที่วางไว้ จะทำได้ทันเวลาหรือไม่ "
" ถ้าอยากให้พวกมันพร้อมใช้งาน... ก็ไปหาวัตถุโบราณแห่งการควบคุมมาให้ข้าโดยเร็ว " ชายพิการตอบกลับพร้อมกับเคลื่อนไหวรถเข็นของเขา กลับเข้าโต๊ะทำงาน
" เห้ย.... พวกข้าไม่ใช่ลูกน้องของเจ้านะเว้ย มาออกคำสั่งกันง่ายๆแบบนี้ "
" ถ้าไม่หามันมาให้ได้... ก็บอกองค์ชายมาลิกให้เลิกล้มความตั้งใจได้เลย "
" นี่แกรับใช้ฝ่ายไหนอยู่กันแน่วะเนี่ย " คาธแบดเริ่มฉุนเฉียวขึ้น
" ข้าอยู่ฝ่ายที่จะชนะ... ถ้าองค์ชายล้มเหลวพวกแกก็ตายกันหมด ข้าจะไม่ลงเรือลำเดียวกับพวกแก " ชายพิการหันหลังทำงานของตน และพูดอย่างไม่สนใจใยดี
" ไอ้เนรคุณ...! " บุรุษวิหคดำจ้องตาเขม็ง และพูดอย่างหนักแน่นด้วยความเดือดดาล
เพียงแค่การทดลองอันต่ำทราม ปีศาจร้ายทั้งสองที่ถูกส่งมา เพื่อสร้างเสียหายและความสูญเสียให้แก่ผู้คน
เหล่าผู้พิทักษ์และนักสำรวจของเมดิโอลัน กลายเป็นผู้บริสุทธิ์ที่เคราะห์ร้ายต้องสังเวยชีวิต จากโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น เพียงเพราะการพิสูจน์อันไร้ศีลธรรมจากผู้รอบรู้คนหนึ่งแห่งดาคาห์รี เบื้องหลังที่ชั่วร้ายของพวกมันมีแผนการอันใดที่ถูกจัดวางเอาไว้
หรือว่าจะถึงครา... ที่การรบราฆ่าฟันและสงครามอันโหดร้ายทารุณของมนุษย์จะย้อนกลับมาอีกครั้งกัน
จบตอน.