การผจญภัยที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจลึกลับของโลกแห่งศิลา และความปราถนาอันยากจะหยั่งถึงของจิตใจมนุษย์

Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ - Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 21 สายลมหวนคืน โดย 1ValD @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ลึกลับ,ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,ลึกลับ,ต่างโลก,เวทมนตร์,แอคชั่น,ผจญภัย,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ลึกลับ,ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ลึกลับ,ต่างโลก,เวทมนตร์,แอคชั่น,ผจญภัย,ดราม่า,แฟนตาซี

รายละเอียด

การผจญภัยที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจลึกลับของโลกแห่งศิลา และความปราถนาอันยากจะหยั่งถึงของจิตใจมนุษย์

ผู้แต่ง

1ValD

เรื่องย่อ

Note

นิยายเรื่องนี้อ่านฟรีจนจบ จะอัพเดทตอนใหม่ 2-3 วันต่อหนึ่งตอนนะครับ (ถ้าไม่ติดอะไร) 

สำหรับตอนพิเศษจะลงในอีบุ๊คหลังนิยายจบแล้ว และจะทำการ Edit ต้นฉบับครั้งใหญ่ก่อนทำเป็นอีบุ๊ค

คำเตือน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแฟนตาซี แนวดราม่าผจญภัย อาจจะมีเนื้อหาการบรรยายถึงการต่อสู้และฉากน่ากลัวในบางช่วงบางตอน และโปรดระวังเนื้อหาที่อาจมีความตึงเครียด 

นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ชื่อตัวละคร สถานที่หรือเหตุการณ์ต่างๆ เป็นสิ่งที่ถูกสมมุติขึ้นในนิยาย 
นิยายเรื่องนี้เป็นออริจินัลของผู้แต่ง
ขอสงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ All rights reserved




ANIMA 

A thousand years ago

Anima stone was born in this world

Nobody knows where it came from or how it was born. They express their dominance throughout the world. From the land and sky to the deepest ocean.

In that Era, humanity discovered power. Learn how to use Anima power.

The Six Sages of Origin have various sorts of power. They polished a gemstone made of crystalline anima stone. To utilize their abilities and categorize them into six sorts. Until now, they have called

The Six Archetype



เมื่อหลายพันปีก่อน

ศิลาอนิม่าถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่ามันมาจากแห่งหนใดหรือกำเนิดขึ้นได้อย่างไร มันสำแดงพลังงานมหาศาลปลดปล่อยออกมา กระจายไปทั่วพื้นพิภพและท้องนภา ยันบาดาลลึกสุดมหาสมุทร

มนุษย์ในยุคนั้นได้ค้นพบขุมพลังและเรียนรู้นำมันมาศึกษา จนกระทั่งสามารถใช้งานแหล่งพลังงานจากศิลาอนิม่า ปราชญ์ทั้งหกผู้เป็นต้นกำเนิดแห่งพลัง ได้เจียระไนอัญมณีจากศิลาอนิม่าที่ตกพลึก เพื่อการใช้งานขุมพลังของมัน และแบ่งแยกรูปแบบของพลังเอาไว้หกประเภทด้วยกัน โดยถูกเรียกขานต่อกันว่า

อาเคไทป์ทั้งหก


The Anima Stone's history is still a mystery today. Though its energy has been harnessed by humans, their true nature remains mostly unknown.
This is a story about the adventures of young boys and girls as they take The Archetype Selection Exam.

Alun. A young boy dreams of becoming an explorer in order to explore a vast world.
And search for his missing mother. What will be the fate of this young boy? 

Welcome to the world of Anima's Stone 

จวบจนกระทั่งปัจจุบัน เรื่องราวของศิลาอนิม่ายังคงเป็นปริศนา มนุษย์เรียนรู้ที่จะใช้งานพลังงานเหล่านั้น แต่ทว่าก็ยังไม่สามารถเข้าใจถึงแก่นแท้ของมันได้

นี่คือเรื่องราวการผจญภัยของเด็กหนุ่มสาว ในการเข้ารับการสอบคัดเลือกอาเคไทป์

อลัน เด็กหนุ่มผู้มีความฝันอยากเป็นนักสำรวจ เพื่อที่จะออกสำรวจโลกที่กว้างใหญ่ และเดินทางตามหาแม่ของเขาที่หายตัวไป โชคชะตาของเด็กหนุ่มผู้นี้จะเป็นเช่นไร ขอต้อนรับเข้าสู่โลกของศิลาแห่งมนายตนะ

Impelle` Anima

สารบัญ

Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 1 ลำนำแห่งเจตจำนง,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 2 จุดเริ่มต้นของการเดินทาง,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 3 เพื่อนใหม่,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 4 หมากบนกระดาน,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 5 คำเตือนจากรัตติกาล,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 6 สนามของผู้ล่า,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 7 ผู้ล่าหรือผู้ถูกล่า,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-บทนำ แนะนำแผนที่และตราสัญลักษณ์,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 8 คลื่นใต้น้ำ,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 9 เส้นทางที่ไร้การหวนคืน,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 10 ความสามารถเฉพาะตัว,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 11 คำบัญชาของผู้ควบคุม,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 12 ปะทะผู้พิทักษ์,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 13 ผู้บุกรุก,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 14 จับกุม,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 15 หลุมศพสองหลุม,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 16 พวกพ้อง,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 17 พันธะแห่งโชคชะตา,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 18 เจตจำนงของศิลา,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 19 บุคคลและการตามหา,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 20 ความจริง (จบพาร์ทที่หนึ่ง),Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 21 สายลมหวนคืน,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 22 อัญมณีสีดำ,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 23 สายน้ำและคำทำนาย,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 24 นครลืมเลือน,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 25 หลงผิด,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 26 ตื่นขึ้น,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 27 ล่อลวง,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 28 ปฐมบทใหม่,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 29 รุกล้ำ,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 30 เลือนราง

เนื้อหา

Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 21 สายลมหวนคืน


สายลมยังคงพัดพาไร้ที่สิ้นสุด สัมผัสถึงดวงตะวันและเมฆยามเมื่อลมพัดหวนย้อนคืนมา ลืมตามองไปยังขอบฟ้าบนเส้นทางที่เหล่าปักษานั้นโบยบิน รู้สึกว่าถ้าได้พบเธอพร้อมกับร้อยยิ้มอีกครั้งก็คงจะดี

หากว่าวันนี้เรามีลมหายใจร่วมกันได้ ฉันมั่นใจว่าเราจะโบยบินได้สูงขึ้นไป จนสามารถมองเห็นอนาคตได้จากที่นั่นหรือเปล่านะ ข้ามผ่านเวลาอันแสนยาวนานกับหัวใจที่อยู่ห่างไกล


วันรุ่งขึ้น...

เมืองหลวงเมดิโอลันกลับเข้าสู่ช่วงเวลาอันเงียบสงบหลังจากสิ้นสุดการสอบคัดเลือก วิถีชีวิตของผู้คนดำเนินไปอย่างเรียบง่ายในความครึกครื้นของเมืองใหญ่ ทว่าเบื้องหลังภายใต้การเมืองที่ยุ่งเหยิงและความขัดแย้งภายในเปรียบดั่งคลื่นใต้น้ำ ที่พร้อมจะปะทุและคุกรุ่นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

ห้องทำงานของลอร์ดไบรอัน เอกสารเรียงรายถูกจัดเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ ภายใต้เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่หรูหราและสวยงาม แฝงไว้ด้วยความเงียบสงบและเคร่งครัดของสถานที่แห่งนี้

เหล่าคณะกรรมการผู้คุมสอบต่างกลับมาทำหน้าที่ของตนเอง ในขณะที่ลอร์ดไบรอันนั่งครุ่นคิดอยู่เพียงลำพังในห้องทำงานของตน ที่เต็มไปด้วยกองเอกสารมากมาย ยามนี้เขาจ้องมองไปนอกหน้าต่างยังท้องฟ้าแสนไกล นึกย้อนไปยังเรื่องราวสำคัญในอดีต...


....เมื่อหลายปีก่อน

" นางมาแล้ว ลอร์ดไบรอัน " เคย์นเอ่ย

" ก๊อก... ก๊อก... " เสียงเคาะประตูดังขึ้น หญิงสาวผู้หนึ่ง เปิดประตูเข้ามายังห้องทำงานของลอร์ดไบรอัน เธอผู้มีตราสัญลักษณ์ทองคำรูปกล้องส่องทางไกล สวมเสื้อคลุมสีขาวงาช้าง ท่าทางดูมีสง่าราศีและสุภาพ ใบหน้านั้นสวยคมคาย เส้นผมสีชมพูพีชยาวสลวย ดวงตากลมโตแววตาของเธอสงบนิ่งและเยือกเย็น

" สวัสดีเคย์น นายก็อยู่ด้วยเหรอ " เธอเอ่ยทักทาย

" สวัสดี เมลิสซา (Melissa) " เขาทักทายตอบ

" ส่งคำขอเข้าพบเป็นการส่วนตัวแบบนี้ มีธุระอะไรสำคัญหรือเมลิสซา? " ลอร์ดไบรอันเอ่ยถามขึ้นทันที

" สวัสดีไบรอัน แหม... ยังไม่ทันกล่าวคำทักทายกันก็ตรงเข้าประเด็นเลยนะ " เมลิสซาหันไปมองพร้อมกล่าวทักทายลอร์ดไบรอัน " ขอเราคุยกันเป็นการส่วนตัวหน่อยได้ไหม เคย์น " 

" ...... " เคย์นหันไปมองหน้าลอร์ดไบรอัน

เขาพลางพยักหน้าเพื่อส่งสัญญาณบอกกับผู้พิทักษ์ร่างใหญ่คนนี้ให้รู้ เคย์นจึงเดินออกจากห้องพร้อมกับค่อยๆ ปิดประตูลง ปล่อยให้พวกเขาทั้งสองอยู่ในห้องเพื่อสนทนากันเป็นการส่วนตัว

เวลาผ่านไปชั่วระยะหนึ่ง ระหว่างที่เคย์นกำลังยืนรออยู่หน้าห้องจนกระทั่ง เขาเกิดความนึกคิดสงสัยขึ้น

เมื่อครั้งหนึ่งในอดีตทั้งสามคน ลอร์ดไบรอัน เมลิสซา และเคย์น ต่างเคยเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันในการสอบเข้าสู่สมาคมอาเคไทป์ ในอดีตลอร์ดไบรอันเองก็มีความสัมพันธ์อันดีกับเมลิสซา

ทั้งสองฝ่ายต่างมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน อนิจจาเส้นทางของทั้งสองนั้นแตกต่างกันมาก ไบรอันผู้จริงจังและเงียบขรึม เขาตั้งใจทำงานและหน้าที่ของตนเองอย่างขมักเขม้น การเมืองการปกครองย่อมมีความตึงเครียดสูง ส่วนเมลิสซาออกเดินทางสำรวจไปทั่วโลก ไม่ได้กลับมายังเมืองหลวงบ่อยนัก

วันเวลาผ่านล่วงเลยไปนานแสนนาน จนทั้งคู่นั้นห่างเหินกันไป และเกิดความผิดใจกันบ้างจากความเห็นที่ไม่ตรงกัน ความเที่ยงตรงของลอร์ดไบรอันมักจะขัดแย้งกับความไม่แน่นอนของการสำรวจเสมอ

และในขณะนี้ก็ผ่านมาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว ทั้งสองยังคงคุยกันอย่างเงียบๆ ในห้องของลอร์ดไบรอัน

' คุยอะไรกันนานสองนาน เสียงก็ไม่ดังคงไม่ได้ทะเลาะกัน หรือว่า...

ถ่านไฟเก่ามันจะคุกรุ่น ' เคย์นผู้พิทักษ์ นึกเพ้อพกหลงคิดไปไกล เขาพยายามจะเงี่ยหูฟังที่บานประตู


" แกร๊ก... " ทันใดนั้นเองเสียงเปิดประตูดังขึ้น

" ...... " เมลิสซาเปิดประตูออกมา สังเกตเห็นเคย์นที่พยายามแนบชิดบานประตู เธอมองด้วยสายตาเย็นชาแต่ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด

" อะแฮ่ม! "

" คุยกันจบแล้วหรือ " บุรุษผู้นี้พยายามวางมาดนิ่ง

" เดี๋ยวก่อนเมลิสซา...

เรื่องสำคัญขนาดนี้ ทำไมถึงเลือกที่จะบอกฉันเพียงคนเดียว ทำไมถึงไม่รายงานกับสภาสูง " ลอร์ดไบรอันเอ่ยเรียกเธอก่อนที่จะจากไป

" ฉันไว้ใจในการตัดสินใจของคุณนะ ลอร์ดไบรอัน " เธอตอบ

" เรื่องสำคัญขนาดนี้ ฉันคงไม่สามารถตัดสินใจคนเดียวได้แน่ "

" แค่อยากมั่นใจว่า เมื่อถึงเวลานั้นเมดิโอลันจะเลือกยืนอยู่ในข้างที่ถูกต้อง ที่เหลือคงต้องยกให้เป็นหน้าที่ของคุณแล้วล่ะ "

" เมดิโอลัน ย่อมต้องเลือกความถูกต้องเสมอ " เขาตอบทันที

" ...ไม่ว่าจะฉลาดเพียงใด แต่คุณก็ซื่อตรงไม่เคยเปลี่ยนเลย " เธอยิ้มตอบ

" ........ " ลอร์ดไบรอันเงียบอึ้งไปครู่หนึ่ง

" เมื่อใดก็ตามที่เส้นใยของโชคชะตาถูกถักทอขึ้นมา ฉันหวังว่าคุณจะช่วยนำทางมันให้อยู่ในเส้นทางที่เหมาะสมนะ

ลาก่อน... ไบรอัน " เมลิสซาพูดอยางอ่อนโยน รอยยิ้มของเธอนั้นหวานและสดใสราวกับดวงตะวัน

" ลาก่อนนะเคย์น " เธอเอ่ยคำลากับเพื่อนเก่าและจากไปอย่างเงียบๆ

ลอร์ดไบรอันกลับนั่งครุ่นคิดอย่างหนัก สีหน้าของเขาวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด

ในขณะที่เคย์นมองตามหลังเธอจ้องมองด้วยความสงสัย ผู้พิทักษ์หัวทื่อของเราไม่รู้ในสิ่งที่ทั้งคู่สนทนากัน

" ไม่เคยเข้าใจความคิดนางเลย เป็นผู้หญิงที่ซับซ้อนจริงๆท่านว่าไหม " เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมองยังลอร์ดไบรอัน

" หรือว่าพวกท่านทั้งสอง... กำลังจะวางแผนอนาคตร่วมกันแล้ว! " และเขาก็พูดโพล่งออกมา

" เคย์น! " ลอร์ดไบรอันดุสวนขึ้นมาทันควัน หน้าเขาแดงก่ำขึ้นมาเล็กน้อย

" ขอโทษๆก็เห็นว่าดูเครียด "


และในเวลาปัจจุบัน... ยามนี้ลอร์ดไบรอันยังคงเฝ้าคิดคำนึงถึงเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนในตอนนั้น

' ผ่านมานานขนาดนี้แล้วสินะเมลิสซา '




อีกฝั่งหนึ่งของเมืองหลวงเมดิโอลัน ณ สมาคมผู้รอบรู้หน่วยงานวิจัยที่หนึ่ง ในห้องทำงานของอัลวินนั้นเต็มไปด้วยกองเอกสารกองพะเนิน อุปกรณ์ต่างๆ ระเกะระกะเต็มไปหมด นายสลอธผู้อ่อนล้านอนตาลอยอยู่บนกองกระดาษนั่น

เขาเหลือบสายตามองไปรอบๆ มีแต่กระดาษและตัวหนังสือเต็มไปหมด ไม่รู้จะต้องเริ่มจากตรงไหนก่อนดี งานที่สมาคมว่ายุ่งแล้วยังจะต้องไปเป็นคณะกรรมการคัดเลือกอีก ความหงุดหงิดน่ารำคาญใจเต็มเปี่ยมซะจนอยากจะเผากองเอกสารทั้งห้องนี้ทิ้งไปให้หมด

" กาแฟได้แล้วครับ คุณอัลวิน " ชายหนุ่มเจ้าหน้าที่วิจัยยื่นกาแฟให้กับอัลวิน

" เฮ่ย! แก้วแค่นี้มันจะไปพอได้ไง ไปเอามาเพิ่มอีก "

" ได้ครับๆ รอสักครู่ "

" เฮ้อ... กลับมาถึงก็งานเข้าเต็มไปหมด ขี้เกียจจริง " อัลวินบ่นพึมพำอยู่คนเดียว

" คุณอัลวินครับ... " ชายหนุ่มคนเดิมเดินวกกลับมา

" อะไรอีกล่ะ! กาแฟได้แล้วเหรอ "

" ไม่ใช่ครับ เด็กผู้หญิงที่ขอเข้าพบคุณอัลวินมาถึงแล้วครับ " เขาตอบ

" หืม... ทำไมมาเร็วขนาดนี้เนี่ย

เออ ให้เข้ามาเลย " อัลวินพลันยกแขนกวักมือเรียก


" สวัสดีค่ะ คุณอัลวิน

ฉันชื่อว่าคริสตัลค่ะ ขอบคุณที่อนุญาตให้เข้าพบเป็นการเร่งด่วนนะคะ " คริสตัลก้มหน้าขอบคุณ

" ยังไม่ถึงวันปฐมนิเทศเลยนี่ทำไมรีบร้อนจัง ไม่ต้องมากพิธีหรอกมีอะไรก็ว่ามาเลย "

" คือว่า... ฉันอยากจะขอร้องให้ทางสมาคมผู้รอบรู้ ช่วยสร้างอุปกรณ์ที่ใช้ในการสำรวจ แบบที่ไม่ต้องใช้พลังงานอนิม่าให้หน่อยค่ะ " คริสตัลเอ่ย

" หืม... มาขอร้องฉันแบบนี้ รู้หรือเปล่าว่าหน่วยวิจัยนี้ทำอะไรบ้าง " เขาลุกขึ้นเหลือบตามองเด็กสาว

" รู้ค่ะ หน่วยวิจัยที่หนึ่งมีหน้าที่ศึกษาวิจัยและจัดสร้างอุปกรณ์ทั่วไปเพื่อใช้อำนวยความสะดวกแก่ผู้คน " เธอตอบทันที

" ใช่... มีความรู้ดีนี่ สร้างอุปกรณ์ใช้งานเป็นหลัก เพราะแบบนี้ถึงมาขอร้องฉันใช่ไหม จะขอให้ช่วยสร้างอุปกรณ์ให้เพื่อนสินะ "

" ใช่ค่ะ ช่วยสร้างอุปกรณ์ให้อลันทีนะคะ ขอร้องล่ะค่ะ คือว่า... อีกไม่กี่วันทุกคนก็จะมาปฐมนิเทศกันแล้ว ฉันอยากให้อลัน มีอุปกรณ์ที่ใช้ในการสำรวจได้เหมือนกับคนอื่นๆ " คริสตัลก้มหัวขอร้องและพูดอย่างหนักแน่น

" เฮ้อ... หางานให้ฉันเพิ่มอีกแล้ว ถ้าแค่อุปกรณ์ทั่วไปก็น่าจะพอสร้างขึ้นมาได้หรอก

แต่ถ้าไม่ใช้อัญมณีจากอนิม่า มันก็จะไม่มีพลังอะไรเป็นพิเศษ ไม่ต่างจากอุปกรณ์ธรรมดาๆ หรอกนะ " อัลวินตอบอย่างเซื่องซึม

" แต่ถ้าเธออยากจะสร้างอุปกรณ์ที่พิเศษจริงๆ คงต้องไปขอร้องพวก ช่างทำอัญมณี จะดีกว่านะ "

" ช่างทำอัญมณี คืออะไรเหรอคะ? " คริสตัลตาโตด้วยความสงสัย

" ช่างทำอัญมณีคือ พวกที่สร้างสรรค์อาวุธหรืออุปกรณ์ที่พิเศษกว่าทั่วไป ฝีมือการสร้างของพวกนี้น่ะ ประณีตมาก ส่วนมากก็จะเป็นของเฉพาะตัวล่ะน่ะ

อืม... ปกติที่เมดิโอลัน ไม่มีช่างทำอัญมณีเก่งๆ หรอก ส่วนมากมีแต่หน่วยวิจัยศิลา ที่วิจัยและคัดแยกส่งพวกอัญมณีต่างๆ ให้กับหน่วยสร้างอุปกรณ์อีกที "

" ช่างทำอัญมณีเก่งๆน่ะ มีแต่ที่ประเทศแห่งหมู่เกาะแดนใต้ฟุกุนิ (Fukuni) เท่านั้นแหละ

ถ้าเธอสนใจอยากจะไปที่นั่นล่ะก็ ฉันจะยื่นคำร้องให้ลอร์ดไบรอันอนุมัติ และเธอก็เดินทางไปกับคณะสำรวจได้เลย

...แต่ตอนนี้คงต้องรอ คาลิน่ากลับมาก่อนนะ " อัลวินอธิบายพร้อมกับซดกาแฟไปด้วย

" ประเทศฟุกุนิเหรอคะ ฉันอยากลองไปศึกษาดูค่ะ

เผื่อว่าจะได้เข้าใจในการใช้อุปกรณ์ให้มากขึ้น "

" ถ้างั้นตอนนี้คงต้องสร้างอุปกรณ์ธรรมดา ให้ใช้งานไปพลางๆ ก่อน

เห็นแก่เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นล่ะนะ ฉันมันใจอ่อนกับเด็กผู้หญิงด้วยสิ " อัลวินตอบพลางเกาหัวแกรกๆ ไปด้วย

" ขอบคุณมากนะคะ " คริสตัลก้มหัวขอบคุณยกใหญ่

" ไม่เป็นไรหรอกน่า แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนิดหน่อยนะ "

" อะไรเหรอคะ? "

" มาช่วยฉันแยกกองเอกสารพวกนี้ก่อนเลย " อัลวินชี้ไปยังกองเอกสารกองพะเนินเทินทึก

" ได้ค่ะ... " คริสตัลเหลือบไปเห็นกองเอกสารมากมายในห้องนี้ถึงกับเหงื่อตก

" ดีมาก แยกเอกสารงานวิจัยกับเอกสารการสำรวจ แล้วก็อื่นๆ เริ่มได้เลย "

" ตะ... ตอนนี้เลยเหรอคะ "

" ใช่ตอนนี้เลย ฉันจะได้มีเวลาไปช่วยเธอไง "

" รีบๆเข้าละ " อัลวินตอบ เขายิ้มอย่างสบายใจและเอนตัวลงนอน มีเด็กมาให้เขาใช้งานเพิ่มอีกหนึ่งคน นายสลอธผู้เฉื่อยชาจะได้หลับอย่างขี้เกียจเสียที

" ได้ค่า... " เธอตกปากรับคำและตั้งใจทำงานอย่างขมักเขม้น




เมืองนาราน... ยามสายของวัน

อลันและเคนเนท ทั้งสองพากันเดินเที่ยวชมเมืองและชิมอาหารต่างในเมืองอย่างสนุกสนาน เด็กหนุ่มทั้งสองต่างเพลิดเพลินใจไปกับความครึกครื้นของเมือง และอาหารอันเลิศรส ขณะกำลังรอรถไฟขบวนที่ไปยังหมู่บ้านดาร์ย่า

" เคนเนท กินเก่งมากเลยนะ " อลันเอ่ยขึ้น

" แหงอยู่แล้ว ที่หมู่บ้านไม่ค่อยมีอะไรอร่อยๆให้กินแบบนี้หรอก ส่วนมากก็มีแต่เมนูปลานะ น่าเบื่อจะตาย " เขาตอบ

" สหพันธ์นี่ใจดีชะมัด นอกจากจะออกค่าเดินทางให้พวกเราแล้ว ยังให้เงินติดตัวมาใช้ตามสะดวกอีก " เคนเนทเดินไปกินไปในมือถือเนื้อย่างไว้เต็มมือ

" ทางสหพันธ์คงให้เป็นค่าตอบแทนที่พวกเราเดินทางมาสอบกัน เห็นว่าถ้าเข้าสมาคมแล้วจะได้รับเบี้ยตอบแทนตลอดเลยนะ " อลันเอ่ยเรียบๆ

" เยี่ยมไปเลย! ฉันจะกินทุกอย่างจนกว่าจะกลับถึงหมู่บ้านเลย ฮ่าๆ

นี่อลัน รู้ไหมพ่อฉันเคยบอกว่าคนเราน่ะ ไม่ค่อยได้เดินทางมากนักหรอก ถ้าหากว่าเราเดินทางไปต่างแดนก็ควรจะรู้จักวัฒนธรรม และอาหารการกินของที่นั่นไว้ เราจะได้ซึมซับความรู้สึกของเมืองนั้นเอาไว้ไง " เด็กหนุ่มอธิบายแววตาเขาดูมีชีวิตชีวามาก

" นั่นสินะ... เหมือนกับเมืองนี้ ถ้างั้นเรามากินทุกอย่างที่มีในเมืองกันเลยไหมล่ะ ฮะๆๆ " อลันยิ้มและหัวเราะอย่างสบายใจ

" แจ๋ว! ต้องงี้สิเพื่อน "

ขณะที่ทั้งคู่เดินหาของกินไปเรื่อย เสียงหวูดรถไฟก็ดังขึ้น เด็กหนุ่มทั้งสองได้ยินชัดเจนพวกเขาจึงรีบหอบหิ้วอาหารและสัมภาระ รีบวิ่งกันหน้าตาตื่นเพราะกลัวจะตกรถ ขบวนรถไฟที่ไปหมู่บ้านดาร์ย่ามีเพียงแค่สายเดียว เส้นทางที่มีผู้เดินทางไปค่อนข้างน้อย หากพลาดไปคงต้องรอกันนานทีเดียว

ขณะที่ทั้งคู่วิ่งหน้าตั้งไม่ทันได้สังเกตทาง


" ตุบ! โอ้ย! " เคนเนทที่ขยับตัวกระทันหันเลยชนเข้ากับชายชราคนหนึ่ง

" โอยย... " ชายชราร้องขึ้นมา

" ขอโทษครับ เป็นอะไรไหมครับคุณตา " อลันรีบเอ่ยขอโทษและถามขึ้นในทันที

" ไม่เป็นไรหรอก พ่อหนุ่ม... " ชายชราผู้สวมผ้าคลุมสีครามเก่าๆผืนหนึ่ง ท่าทางมอซอเสื้อผ้าดูโทรมๆ มีปานสีดำบริเวณต้นคอยาวลงไปจนถึงในร่มผ้า ดวงตาเป็นต้อดูขุ่นมัว

" ขอโทษด้วยครับ พวกผมรีบไปหน่อย " อลันและเคนเนทต่างก้มหน้าขอโทษยกใหญ่

ในตอนนั้นเองที่อลันสังเกตเห็นลักษณะของชายชรา ผู้มีปานสีดำและร่างกายเขาดูอ่อนแอ เลยเอ่ยปากถามขึ้นขณะช่วยพยุงชายชราผู้นี้ลุกขึ้น

" คุณตาเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ท่าทางดูเหมือนจะไม่ค่อยสบาย ให้พวกเราช่วยอะไรไหม "

" ไม่เป็นไรหรอก... พ่อหนุ่ม " ชายชราเอ่ยขึ้นพร้อมกับเอามือของตนเองกุมมืออลันเอาไว้ แม้ดวงตาของเขาจะดูขุ่นมัว แต่ก็รับรู้ถึงความอ่อนโยนในแววตาที่จ้องมองมา ทำให้อลันสัมผัสถึงความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

" จิตใจที่ดีงาม จะมองเห็นในสิ่งที่ผู้คนนั้นมองข้าม "

" ครับ...? " อลันดูงงและสงสัย

" ข้าไม่เป็นอะไร พวกเจ้ารีบไปเถอะไม่ต้องเป็นห่วงคนแก่หรอก " ชายชรายิ้มและเดินจากไปช้าๆ

" พิลึกคนจังตาแก่คนนี้ " เคนเนทพูดโพล่งขึ้นมา เขายักคิ้วขึ้นอย่างงงๆ

" ...... " อลันยังคงมองด้วยความเป็นห่วง

และเสียงประกาศของขบวนรถไฟที่จะไปยังหมู่บ้านดาร์ย่าก็ดังขึ้น ขณะกำลังเตรียมตัวที่จะออกจากชานชาลา

" ไปกันเถอะอลัน! รถไฟจะออกแล้ว " เคนเนทเอ่ยเรียกเพื่อน เขาหอบหิ้วทุกอย่างขึ้นมาทันที

" มาแล้วๆ ไปขึ้นรถไฟกัน "


รถไฟจากเมืองนาราน ออกจากชานชาลาเดินทางมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านดาร์ย่า ในระหว่างที่รถไฟกำลังแล่นไปนั้นทิวทัศน์โดยรอบก็เปลี่ยนไป จากเมืองเงียบสงบมีบ้านเรือนเรียงราย กลับกลายเป็นป่าสูงทึบเงียบสงัดดูวังเวง แมกไม้สูงชันโน้มเอียงเข้าหากันเหนือทางรถไฟ กลายเป็นอุโมงค์พฤกษาหนาทึบจนมืดสลัว

" แถวนี้ป่าดูทึบมากเลย ไม่มีบ้านคนหรือเส้นทางเดินเท้าเลยเหรอ " อลันเอ่ยถามเพื่อนขณะมองไปยังทิวทัศน์ทั้งสองข้างทาง มันช่างดูวังเวงพิลึก

" อ๋อ ป่าเขตนี้ทางสมาพันธ์ ทำให้เป็นเขตอนุรักษ์น่ะ เพราะมีสัตว์สองชนิดที่ใกล้จะสูญพันธุ์อาศัยอยู่ในพื้นที่ เลยไม่มีบ้านคนแถวนี้ ก็พวกลิงกับมานาตีน่ะ 

ที่จริงมันค่อนข้างอันตราย เลยไม่มีเส้นทางอื่นเข้าหมู่บ้านยกเว้นรถไฟสายเดียว "

" อันตรายยังไงเหรอ? " อลันนึกสงสัย

" เอ่อ... เจ้าพวกลิงลาเวตัส มันค่อนข้างอันตรายน่ะ แล้วก็เป็นสัตว์เฉพาะถิ่นใกล้สูญพันธุ์ด้วยสิ ทางสหพันธ์เลยไม่อนุญาตให้สร้างเส้นทางใหม่ขึ้น เพื่อไม่ให้รบกวนระบบนิเวศของป่า

เราเรียกพวกมันว่า ลิงจมูกยาว (larvatus) มันเป็นสัตว์หวงถิ่นแถมยังชอบกินพืชมีพิษ เลยทำให้พวกมันเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างอันตราย " เคนเนทอธิบาย

" อืม... แบบนี้นี่เอง ทางสหพันธ์คงอยากที่จะอนุรักษ์พวกลิงไว้ และป้องกันอันตรายทึ่จะเกิดกับมนุษย์เองด้วยสินะ "

" ใช่ ลิงพวกนี้มันมีพิษ แค่รอยขีดข่วนนิดเดียวก็ทำให้ร่างกายคนเป็นอัมพาตได้ ถ้าโดนพิษเข้าปริมาณมากก็ทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ " เคนเนทกล่าวเสริม

" อันตรายจริงๆด้วย " อลันตกใจตาตื่นที่ได้ยินอย่างนั้น

" แต่ไม่ต้องห่วงไปหรอก พวกลิงอยู่แต่ในพื้นที่ป่าทึบตรงแทบชายเลนเท่านั้นแหละ ไม่เคยเข้ามาในหมู่บ้าน

แต่ก็นะว่ากันว่ามีแต่พวกลิงตัวเมียเท่านั้น ที่อยู่ในพื้นที่ป่าและไม่เป็นอันตราย ถ้าเป็นตัวผู้ที่อาศัยอยู่ลึกเข้าไป นั่นแหละอันตรายของจริง " เคนเนทพูดอย่างจริงจัง

หลังจากผ่านอุโมงค์ต้นไม้มาไม่นาน ฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้นอีกครั้ง ลมทะเลอุ่นๆพัดเข้าปะทะหน้า กลิ่นอายของเกลือผสมกับกลิ่นของไม้หอม

หมู่บ้านแห่งท้องทะเล ชุมชนชายฝั่งที่ทอดยาวไปติดกับชายฝั่ง อาคารไม้รูปทรงดั้งเดิมปลูกเอาไว้เรียงรายตามแม่น้ำ เรือประมงและเรือเดินสมุทรมากมายจอดอยู่ตามท่า มีแม่น้ำตัดผ่านกลางหมู่บ้านไปตลอดจนถึงป่าชายเลน พื้นน้ำส่องประกายระยิบระยับ สะท้อนกับเงาจากแมกไม้ชายป่าที่สวยงาม

" นั่นไงล่ะ ดาร์ย่า (Daryā) หมู่บ้านของฉันเอง " สุดปลายนิ้วที่เคนเนทชี้ไปยังปลายทาง คือสถานที่ที่เขาเรียกว่าบ้าน เด็กหนุ่มยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

อลันมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยสดงดงามของธรรมชาติและมหาสมุทร มันช่างน่าตื่นตาตื่นใจในความวิจิตรที่ธรรมชาตินั้นสรรสร้างขึ้นมา


จบตอน.