การผจญภัยที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจลึกลับของโลกแห่งศิลา และความปราถนาอันยากจะหยั่งถึงของจิตใจมนุษย์
แฟนตาซี,ลึกลับ,ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,ลึกลับ,ต่างโลก,เวทมนตร์,แอคชั่น,ผจญภัย,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะการผจญภัยที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจลึกลับของโลกแห่งศิลา และความปราถนาอันยากจะหยั่งถึงของจิตใจมนุษย์
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแฟนตาซี แนวดราม่าผจญภัย อาจจะมีเนื้อหาการบรรยายถึงการต่อสู้และฉากน่ากลัวในบางช่วงบางตอน และโปรดระวังเนื้อหาที่อาจมีความตึงเครียด
สายลมยังคงพัดพาไร้ที่สิ้นสุด สัมผัสถึงดวงตะวันและเมฆยามเมื่อลมพัดหวนย้อนคืนมา ลืมตามองไปยังขอบฟ้าบนเส้นทางที่เหล่าปักษานั้นโบยบิน รู้สึกว่าถ้าได้พบเธอพร้อมกับร้อยยิ้มอีกครั้งก็คงจะดี
หากว่าวันนี้เรามีลมหายใจร่วมกันได้ ฉันมั่นใจว่าเราจะโบยบินได้สูงขึ้นไป จนสามารถมองเห็นอนาคตได้จากที่นั่นหรือเปล่านะ ข้ามผ่านเวลาอันแสนยาวนานกับหัวใจที่อยู่ห่างไกล
วันรุ่งขึ้น...
เมืองหลวงเมดิโอลันกลับเข้าสู่ช่วงเวลาอันเงียบสงบหลังจากสิ้นสุดการสอบคัดเลือก วิถีชีวิตของผู้คนดำเนินไปอย่างเรียบง่ายในความครึกครื้นของเมืองใหญ่ ทว่าเบื้องหลังภายใต้การเมืองที่ยุ่งเหยิงและความขัดแย้งภายในเปรียบดั่งคลื่นใต้น้ำ ที่พร้อมจะปะทุและคุกรุ่นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ห้องทำงานของลอร์ดไบรอัน เอกสารเรียงรายถูกจัดเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ ภายใต้เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่หรูหราและสวยงาม แฝงไว้ด้วยความเงียบสงบและเคร่งครัดของสถานที่แห่งนี้
เหล่าคณะกรรมการผู้คุมสอบต่างกลับมาทำหน้าที่ของตนเอง ในขณะที่ลอร์ดไบรอันนั่งครุ่นคิดอยู่เพียงลำพังในห้องทำงานของตน ที่เต็มไปด้วยกองเอกสารมากมาย ยามนี้เขาจ้องมองไปนอกหน้าต่างยังท้องฟ้าแสนไกล นึกย้อนไปยังเรื่องราวสำคัญในอดีต...
....เมื่อหลายปีก่อน
" นางมาแล้ว ลอร์ดไบรอัน " เคย์นเอ่ย
" ก๊อก... ก๊อก... " เสียงเคาะประตูดังขึ้น หญิงสาวผู้หนึ่ง เปิดประตูเข้ามายังห้องทำงานของลอร์ดไบรอัน เธอผู้มีตราสัญลักษณ์ทองคำรูปกล้องส่องทางไกล สวมเสื้อคลุมสีขาวงาช้าง ท่าทางดูมีสง่าราศีและสุภาพ ใบหน้านั้นสวยคมคาย เส้นผมสีชมพูพีชยาวสลวย ดวงตากลมโตแววตาของเธอสงบนิ่งและเยือกเย็น
" สวัสดีเคย์น นายก็อยู่ด้วยเหรอ " เธอเอ่ยทักทาย
" สวัสดี เมลิสซา (Melissa) " เขาทักทายตอบ
" ส่งคำขอเข้าพบเป็นการส่วนตัวแบบนี้ มีธุระอะไรสำคัญหรือเมลิสซา? " ลอร์ดไบรอันเอ่ยถามขึ้นทันที
" สวัสดีไบรอัน แหม... ยังไม่ทันกล่าวคำทักทายกันก็ตรงเข้าประเด็นเลยนะ " เมลิสซาหันไปมองพร้อมกล่าวทักทายลอร์ดไบรอัน " ขอเราคุยกันเป็นการส่วนตัวหน่อยได้ไหม เคย์น "
" ...... " เคย์นหันไปมองหน้าลอร์ดไบรอัน
เขาพลางพยักหน้าเพื่อส่งสัญญาณบอกกับผู้พิทักษ์ร่างใหญ่คนนี้ให้รู้ เคย์นจึงเดินออกจากห้องพร้อมกับค่อยๆ ปิดประตูลง ปล่อยให้พวกเขาทั้งสองอยู่ในห้องเพื่อสนทนากันเป็นการส่วนตัว
เวลาผ่านไปชั่วระยะหนึ่ง ระหว่างที่เคย์นกำลังยืนรออยู่หน้าห้องจนกระทั่ง เขาเกิดความนึกคิดสงสัยขึ้น
เมื่อครั้งหนึ่งในอดีตทั้งสามคน ลอร์ดไบรอัน เมลิสซา และเคย์น ต่างเคยเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันในการสอบเข้าสู่สมาคมอาเคไทป์ ในอดีตลอร์ดไบรอันเองก็มีความสัมพันธ์อันดีกับเมลิสซา
ทั้งสองฝ่ายต่างมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน อนิจจาเส้นทางของทั้งสองนั้นแตกต่างกันมาก ไบรอันผู้จริงจังและเงียบขรึม เขาตั้งใจทำงานและหน้าที่ของตนเองอย่างขมักเขม้น การเมืองการปกครองย่อมมีความตึงเครียดสูง ส่วนเมลิสซาออกเดินทางสำรวจไปทั่วโลก ไม่ได้กลับมายังเมืองหลวงบ่อยนัก
วันเวลาผ่านล่วงเลยไปนานแสนนาน จนทั้งคู่นั้นห่างเหินกันไป และเกิดความผิดใจกันบ้างจากความเห็นที่ไม่ตรงกัน ความเที่ยงตรงของลอร์ดไบรอันมักจะขัดแย้งกับความไม่แน่นอนของการสำรวจเสมอ
และในขณะนี้ก็ผ่านมาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว ทั้งสองยังคงคุยกันอย่างเงียบๆ ในห้องของลอร์ดไบรอัน
' คุยอะไรกันนานสองนาน เสียงก็ไม่ดังคงไม่ได้ทะเลาะกัน หรือว่า...
ถ่านไฟเก่ามันจะคุกรุ่น ' เคย์นผู้พิทักษ์ นึกเพ้อพกหลงคิดไปไกล เขาพยายามจะเงี่ยหูฟังที่บานประตู
" แกร๊ก... " ทันใดนั้นเองเสียงเปิดประตูดังขึ้น
" ...... " เมลิสซาเปิดประตูออกมา สังเกตเห็นเคย์นที่พยายามแนบชิดบานประตู เธอมองด้วยสายตาเย็นชาแต่ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด
" อะแฮ่ม! "
" คุยกันจบแล้วหรือ " บุรุษผู้นี้พยายามวางมาดนิ่ง
" เดี๋ยวก่อนเมลิสซา...
เรื่องสำคัญขนาดนี้ ทำไมถึงเลือกที่จะบอกฉันเพียงคนเดียว ทำไมถึงไม่รายงานกับสภาสูง " ลอร์ดไบรอันเอ่ยเรียกเธอก่อนที่จะจากไป
" ฉันไว้ใจในการตัดสินใจของคุณนะ ลอร์ดไบรอัน " เธอตอบ
" เรื่องสำคัญขนาดนี้ ฉันคงไม่สามารถตัดสินใจคนเดียวได้แน่ "
" แค่อยากมั่นใจว่า เมื่อถึงเวลานั้นเมดิโอลันจะเลือกยืนอยู่ในข้างที่ถูกต้อง ที่เหลือคงต้องยกให้เป็นหน้าที่ของคุณแล้วล่ะ "
" เมดิโอลัน ย่อมต้องเลือกความถูกต้องเสมอ " เขาตอบทันที
" ...ไม่ว่าจะฉลาดเพียงใด แต่คุณก็ซื่อตรงไม่เคยเปลี่ยนเลย " เธอยิ้มตอบ
" ........ " ลอร์ดไบรอันเงียบอึ้งไปครู่หนึ่ง
" เมื่อใดก็ตามที่เส้นใยของโชคชะตาถูกถักทอขึ้นมา ฉันหวังว่าคุณจะช่วยนำทางมันให้อยู่ในเส้นทางที่เหมาะสมนะ
ลาก่อน... ไบรอัน " เมลิสซาพูดอยางอ่อนโยน รอยยิ้มของเธอนั้นหวานและสดใสราวกับดวงตะวัน
" ลาก่อนนะเคย์น " เธอเอ่ยคำลากับเพื่อนเก่าและจากไปอย่างเงียบๆ
ลอร์ดไบรอันกลับนั่งครุ่นคิดอย่างหนัก สีหน้าของเขาวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด
ในขณะที่เคย์นมองตามหลังเธอจ้องมองด้วยความสงสัย ผู้พิทักษ์หัวทื่อของเราไม่รู้ในสิ่งที่ทั้งคู่สนทนากัน
" ไม่เคยเข้าใจความคิดนางเลย เป็นผู้หญิงที่ซับซ้อนจริงๆท่านว่าไหม " เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมองยังลอร์ดไบรอัน
" หรือว่าพวกท่านทั้งสอง... กำลังจะวางแผนอนาคตร่วมกันแล้ว! " และเขาก็พูดโพล่งออกมา
" เคย์น! " ลอร์ดไบรอันดุสวนขึ้นมาทันควัน หน้าเขาแดงก่ำขึ้นมาเล็กน้อย
" ขอโทษๆก็เห็นว่าดูเครียด "
และในเวลาปัจจุบัน... ยามนี้ลอร์ดไบรอันยังคงเฝ้าคิดคำนึงถึงเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนในตอนนั้น
' ผ่านมานานขนาดนี้แล้วสินะเมลิสซา '
อีกฝั่งหนึ่งของเมืองหลวงเมดิโอลัน ณ สมาคมผู้รอบรู้หน่วยงานวิจัยที่หนึ่ง ในห้องทำงานของอัลวินนั้นเต็มไปด้วยกองเอกสารกองพะเนิน อุปกรณ์ต่างๆ ระเกะระกะเต็มไปหมด นายสลอธผู้อ่อนล้านอนตาลอยอยู่บนกองกระดาษนั่น
เขาเหลือบสายตามองไปรอบๆ มีแต่กระดาษและตัวหนังสือเต็มไปหมด ไม่รู้จะต้องเริ่มจากตรงไหนก่อนดี งานที่สมาคมว่ายุ่งแล้วยังจะต้องไปเป็นคณะกรรมการคัดเลือกอีก ความหงุดหงิดน่ารำคาญใจเต็มเปี่ยมซะจนอยากจะเผากองเอกสารทั้งห้องนี้ทิ้งไปให้หมด
" กาแฟได้แล้วครับ คุณอัลวิน " ชายหนุ่มเจ้าหน้าที่วิจัยยื่นกาแฟให้กับอัลวิน
" เฮ่ย! แก้วแค่นี้มันจะไปพอได้ไง ไปเอามาเพิ่มอีก "
" ได้ครับๆ รอสักครู่ "
" เฮ้อ... กลับมาถึงก็งานเข้าเต็มไปหมด ขี้เกียจจริง " อัลวินบ่นพึมพำอยู่คนเดียว
" คุณอัลวินครับ... " ชายหนุ่มคนเดิมเดินวกกลับมา
" อะไรอีกล่ะ! กาแฟได้แล้วเหรอ "
" ไม่ใช่ครับ เด็กผู้หญิงที่ขอเข้าพบคุณอัลวินมาถึงแล้วครับ " เขาตอบ
" หืม... ทำไมมาเร็วขนาดนี้เนี่ย
เออ ให้เข้ามาเลย " อัลวินพลันยกแขนกวักมือเรียก
" สวัสดีค่ะ คุณอัลวิน
ฉันชื่อว่าคริสตัลค่ะ ขอบคุณที่อนุญาตให้เข้าพบเป็นการเร่งด่วนนะคะ " คริสตัลก้มหน้าขอบคุณ
" ยังไม่ถึงวันปฐมนิเทศเลยนี่ทำไมรีบร้อนจัง ไม่ต้องมากพิธีหรอกมีอะไรก็ว่ามาเลย "
" คือว่า... ฉันอยากจะขอร้องให้ทางสมาคมผู้รอบรู้ ช่วยสร้างอุปกรณ์ที่ใช้ในการสำรวจ แบบที่ไม่ต้องใช้พลังงานอนิม่าให้หน่อยค่ะ " คริสตัลเอ่ย
" หืม... มาขอร้องฉันแบบนี้ รู้หรือเปล่าว่าหน่วยวิจัยนี้ทำอะไรบ้าง " เขาลุกขึ้นเหลือบตามองเด็กสาว
" รู้ค่ะ หน่วยวิจัยที่หนึ่งมีหน้าที่ศึกษาวิจัยและจัดสร้างอุปกรณ์ทั่วไปเพื่อใช้อำนวยความสะดวกแก่ผู้คน " เธอตอบทันที
" ใช่... มีความรู้ดีนี่ สร้างอุปกรณ์ใช้งานเป็นหลัก เพราะแบบนี้ถึงมาขอร้องฉันใช่ไหม จะขอให้ช่วยสร้างอุปกรณ์ให้เพื่อนสินะ "
" ใช่ค่ะ ช่วยสร้างอุปกรณ์ให้อลันทีนะคะ ขอร้องล่ะค่ะ คือว่า... อีกไม่กี่วันทุกคนก็จะมาปฐมนิเทศกันแล้ว ฉันอยากให้อลัน มีอุปกรณ์ที่ใช้ในการสำรวจได้เหมือนกับคนอื่นๆ " คริสตัลก้มหัวขอร้องและพูดอย่างหนักแน่น
" เฮ้อ... หางานให้ฉันเพิ่มอีกแล้ว ถ้าแค่อุปกรณ์ทั่วไปก็น่าจะพอสร้างขึ้นมาได้หรอก
แต่ถ้าไม่ใช้อัญมณีจากอนิม่า มันก็จะไม่มีพลังอะไรเป็นพิเศษ ไม่ต่างจากอุปกรณ์ธรรมดาๆ หรอกนะ " อัลวินตอบอย่างเซื่องซึม
" แต่ถ้าเธออยากจะสร้างอุปกรณ์ที่พิเศษจริงๆ คงต้องไปขอร้องพวก ช่างทำอัญมณี จะดีกว่านะ "
" ช่างทำอัญมณี คืออะไรเหรอคะ? " คริสตัลตาโตด้วยความสงสัย
" ช่างทำอัญมณีคือ พวกที่สร้างสรรค์อาวุธหรืออุปกรณ์ที่พิเศษกว่าทั่วไป ฝีมือการสร้างของพวกนี้น่ะ ประณีตมาก ส่วนมากก็จะเป็นของเฉพาะตัวล่ะน่ะ
อืม... ปกติที่เมดิโอลัน ไม่มีช่างทำอัญมณีเก่งๆ หรอก ส่วนมากมีแต่หน่วยวิจัยศิลา ที่วิจัยและคัดแยกส่งพวกอัญมณีต่างๆ ให้กับหน่วยสร้างอุปกรณ์อีกที "
" ช่างทำอัญมณีเก่งๆน่ะ มีแต่ที่ประเทศแห่งหมู่เกาะแดนใต้ฟุกุนิ (Fukuni) เท่านั้นแหละ
ถ้าเธอสนใจอยากจะไปที่นั่นล่ะก็ ฉันจะยื่นคำร้องให้ลอร์ดไบรอันอนุมัติ และเธอก็เดินทางไปกับคณะสำรวจได้เลย
...แต่ตอนนี้คงต้องรอ คาลิน่ากลับมาก่อนนะ " อัลวินอธิบายพร้อมกับซดกาแฟไปด้วย
" ประเทศฟุกุนิเหรอคะ ฉันอยากลองไปศึกษาดูค่ะ
เผื่อว่าจะได้เข้าใจในการใช้อุปกรณ์ให้มากขึ้น "
" ถ้างั้นตอนนี้คงต้องสร้างอุปกรณ์ธรรมดา ให้ใช้งานไปพลางๆ ก่อน
เห็นแก่เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นล่ะนะ ฉันมันใจอ่อนกับเด็กผู้หญิงด้วยสิ " อัลวินตอบพลางเกาหัวแกรกๆ ไปด้วย
" ขอบคุณมากนะคะ " คริสตัลก้มหัวขอบคุณยกใหญ่
" ไม่เป็นไรหรอกน่า แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนิดหน่อยนะ "
" อะไรเหรอคะ? "
" มาช่วยฉันแยกกองเอกสารพวกนี้ก่อนเลย " อัลวินชี้ไปยังกองเอกสารกองพะเนินเทินทึก
" ได้ค่ะ... " คริสตัลเหลือบไปเห็นกองเอกสารมากมายในห้องนี้ถึงกับเหงื่อตก
" ดีมาก แยกเอกสารงานวิจัยกับเอกสารการสำรวจ แล้วก็อื่นๆ เริ่มได้เลย "
" ตะ... ตอนนี้เลยเหรอคะ "
" ใช่ตอนนี้เลย ฉันจะได้มีเวลาไปช่วยเธอไง "
" รีบๆเข้าละ " อัลวินตอบ เขายิ้มอย่างสบายใจและเอนตัวลงนอน มีเด็กมาให้เขาใช้งานเพิ่มอีกหนึ่งคน นายสลอธผู้เฉื่อยชาจะได้หลับอย่างขี้เกียจเสียที
" ได้ค่า... " เธอตกปากรับคำและตั้งใจทำงานอย่างขมักเขม้น
เมืองนาราน... ยามสายของวัน
อลันและเคนเนท ทั้งสองพากันเดินเที่ยวชมเมืองและชิมอาหารต่างในเมืองอย่างสนุกสนาน เด็กหนุ่มทั้งสองต่างเพลิดเพลินใจไปกับความครึกครื้นของเมือง และอาหารอันเลิศรส ขณะกำลังรอรถไฟขบวนที่ไปยังหมู่บ้านดาร์ย่า
" เคนเนท กินเก่งมากเลยนะ " อลันเอ่ยขึ้น
" แหงอยู่แล้ว ที่หมู่บ้านไม่ค่อยมีอะไรอร่อยๆให้กินแบบนี้หรอก ส่วนมากก็มีแต่เมนูปลานะ น่าเบื่อจะตาย " เขาตอบ
" สหพันธ์นี่ใจดีชะมัด นอกจากจะออกค่าเดินทางให้พวกเราแล้ว ยังให้เงินติดตัวมาใช้ตามสะดวกอีก " เคนเนทเดินไปกินไปในมือถือเนื้อย่างไว้เต็มมือ
" ทางสหพันธ์คงให้เป็นค่าตอบแทนที่พวกเราเดินทางมาสอบกัน เห็นว่าถ้าเข้าสมาคมแล้วจะได้รับเบี้ยตอบแทนตลอดเลยนะ " อลันเอ่ยเรียบๆ
" เยี่ยมไปเลย! ฉันจะกินทุกอย่างจนกว่าจะกลับถึงหมู่บ้านเลย ฮ่าๆ
นี่อลัน รู้ไหมพ่อฉันเคยบอกว่าคนเราน่ะ ไม่ค่อยได้เดินทางมากนักหรอก ถ้าหากว่าเราเดินทางไปต่างแดนก็ควรจะรู้จักวัฒนธรรม และอาหารการกินของที่นั่นไว้ เราจะได้ซึมซับความรู้สึกของเมืองนั้นเอาไว้ไง " เด็กหนุ่มอธิบายแววตาเขาดูมีชีวิตชีวามาก
" นั่นสินะ... เหมือนกับเมืองนี้ ถ้างั้นเรามากินทุกอย่างที่มีในเมืองกันเลยไหมล่ะ ฮะๆๆ " อลันยิ้มและหัวเราะอย่างสบายใจ
" แจ๋ว! ต้องงี้สิเพื่อน "
ขณะที่ทั้งคู่เดินหาของกินไปเรื่อย เสียงหวูดรถไฟก็ดังขึ้น เด็กหนุ่มทั้งสองได้ยินชัดเจนพวกเขาจึงรีบหอบหิ้วอาหารและสัมภาระ รีบวิ่งกันหน้าตาตื่นเพราะกลัวจะตกรถ ขบวนรถไฟที่ไปหมู่บ้านดาร์ย่ามีเพียงแค่สายเดียว เส้นทางที่มีผู้เดินทางไปค่อนข้างน้อย หากพลาดไปคงต้องรอกันนานทีเดียว
ขณะที่ทั้งคู่วิ่งหน้าตั้งไม่ทันได้สังเกตทาง
" ตุบ! โอ้ย! " เคนเนทที่ขยับตัวกระทันหันเลยชนเข้ากับชายชราคนหนึ่ง
" โอยย... " ชายชราร้องขึ้นมา
" ขอโทษครับ เป็นอะไรไหมครับคุณตา " อลันรีบเอ่ยขอโทษและถามขึ้นในทันที
" ไม่เป็นไรหรอก พ่อหนุ่ม... " ชายชราผู้สวมผ้าคลุมสีครามเก่าๆผืนหนึ่ง ท่าทางมอซอเสื้อผ้าดูโทรมๆ มีปานสีดำบริเวณต้นคอยาวลงไปจนถึงในร่มผ้า ดวงตาเป็นต้อดูขุ่นมัว
" ขอโทษด้วยครับ พวกผมรีบไปหน่อย " อลันและเคนเนทต่างก้มหน้าขอโทษยกใหญ่
ในตอนนั้นเองที่อลันสังเกตเห็นลักษณะของชายชรา ผู้มีปานสีดำและร่างกายเขาดูอ่อนแอ เลยเอ่ยปากถามขึ้นขณะช่วยพยุงชายชราผู้นี้ลุกขึ้น
" คุณตาเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ท่าทางดูเหมือนจะไม่ค่อยสบาย ให้พวกเราช่วยอะไรไหม "
" ไม่เป็นไรหรอก... พ่อหนุ่ม " ชายชราเอ่ยขึ้นพร้อมกับเอามือของตนเองกุมมืออลันเอาไว้ แม้ดวงตาของเขาจะดูขุ่นมัว แต่ก็รับรู้ถึงความอ่อนโยนในแววตาที่จ้องมองมา ทำให้อลันสัมผัสถึงความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
" จิตใจที่ดีงาม จะมองเห็นในสิ่งที่ผู้คนนั้นมองข้าม "
" ครับ...? " อลันดูงงและสงสัย
" ข้าไม่เป็นอะไร พวกเจ้ารีบไปเถอะไม่ต้องเป็นห่วงคนแก่หรอก " ชายชรายิ้มและเดินจากไปช้าๆ
" พิลึกคนจังตาแก่คนนี้ " เคนเนทพูดโพล่งขึ้นมา เขายักคิ้วขึ้นอย่างงงๆ
" ...... " อลันยังคงมองด้วยความเป็นห่วง
และเสียงประกาศของขบวนรถไฟที่จะไปยังหมู่บ้านดาร์ย่าก็ดังขึ้น ขณะกำลังเตรียมตัวที่จะออกจากชานชาลา
" ไปกันเถอะอลัน! รถไฟจะออกแล้ว " เคนเนทเอ่ยเรียกเพื่อน เขาหอบหิ้วทุกอย่างขึ้นมาทันที
" มาแล้วๆ ไปขึ้นรถไฟกัน "
รถไฟจากเมืองนาราน ออกจากชานชาลาเดินทางมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านดาร์ย่า ในระหว่างที่รถไฟกำลังแล่นไปนั้นทิวทัศน์โดยรอบก็เปลี่ยนไป จากเมืองเงียบสงบมีบ้านเรือนเรียงราย กลับกลายเป็นป่าสูงทึบเงียบสงัดดูวังเวง แมกไม้สูงชันโน้มเอียงเข้าหากันเหนือทางรถไฟ กลายเป็นอุโมงค์พฤกษาหนาทึบจนมืดสลัว
" แถวนี้ป่าดูทึบมากเลย ไม่มีบ้านคนหรือเส้นทางเดินเท้าเลยเหรอ " อลันเอ่ยถามเพื่อนขณะมองไปยังทิวทัศน์ทั้งสองข้างทาง มันช่างดูวังเวงพิลึก
" อ๋อ ป่าเขตนี้ทางสมาพันธ์ ทำให้เป็นเขตอนุรักษ์น่ะ เพราะมีสัตว์สองชนิดที่ใกล้จะสูญพันธุ์อาศัยอยู่ในพื้นที่ เลยไม่มีบ้านคนแถวนี้ ก็พวกลิงกับมานาตีน่ะ
ที่จริงมันค่อนข้างอันตราย เลยไม่มีเส้นทางอื่นเข้าหมู่บ้านยกเว้นรถไฟสายเดียว "
" อันตรายยังไงเหรอ? " อลันนึกสงสัย
" เอ่อ... เจ้าพวกลิงลาเวตัส มันค่อนข้างอันตรายน่ะ แล้วก็เป็นสัตว์เฉพาะถิ่นใกล้สูญพันธุ์ด้วยสิ ทางสหพันธ์เลยไม่อนุญาตให้สร้างเส้นทางใหม่ขึ้น เพื่อไม่ให้รบกวนระบบนิเวศของป่า
เราเรียกพวกมันว่า ลิงจมูกยาว (larvatus) มันเป็นสัตว์หวงถิ่นแถมยังชอบกินพืชมีพิษ เลยทำให้พวกมันเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างอันตราย " เคนเนทอธิบาย
" อืม... แบบนี้นี่เอง ทางสหพันธ์คงอยากที่จะอนุรักษ์พวกลิงไว้ และป้องกันอันตรายทึ่จะเกิดกับมนุษย์เองด้วยสินะ "
" ใช่ ลิงพวกนี้มันมีพิษ แค่รอยขีดข่วนนิดเดียวก็ทำให้ร่างกายคนเป็นอัมพาตได้ ถ้าโดนพิษเข้าปริมาณมากก็ทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ " เคนเนทกล่าวเสริม
" อันตรายจริงๆด้วย " อลันตกใจตาตื่นที่ได้ยินอย่างนั้น
" แต่ไม่ต้องห่วงไปหรอก พวกลิงอยู่แต่ในพื้นที่ป่าทึบตรงแทบชายเลนเท่านั้นแหละ ไม่เคยเข้ามาในหมู่บ้าน
แต่ก็นะว่ากันว่ามีแต่พวกลิงตัวเมียเท่านั้น ที่อยู่ในพื้นที่ป่าและไม่เป็นอันตราย ถ้าเป็นตัวผู้ที่อาศัยอยู่ลึกเข้าไป นั่นแหละอันตรายของจริง " เคนเนทพูดอย่างจริงจัง
หลังจากผ่านอุโมงค์ต้นไม้มาไม่นาน ฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้นอีกครั้ง ลมทะเลอุ่นๆพัดเข้าปะทะหน้า กลิ่นอายของเกลือผสมกับกลิ่นของไม้หอม
หมู่บ้านแห่งท้องทะเล ชุมชนชายฝั่งที่ทอดยาวไปติดกับชายฝั่ง อาคารไม้รูปทรงดั้งเดิมปลูกเอาไว้เรียงรายตามแม่น้ำ เรือประมงและเรือเดินสมุทรมากมายจอดอยู่ตามท่า มีแม่น้ำตัดผ่านกลางหมู่บ้านไปตลอดจนถึงป่าชายเลน พื้นน้ำส่องประกายระยิบระยับ สะท้อนกับเงาจากแมกไม้ชายป่าที่สวยงาม
" นั่นไงล่ะ ดาร์ย่า (Daryā) หมู่บ้านของฉันเอง " สุดปลายนิ้วที่เคนเนทชี้ไปยังปลายทาง คือสถานที่ที่เขาเรียกว่าบ้าน เด็กหนุ่มยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
อลันมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยสดงดงามของธรรมชาติและมหาสมุทร มันช่างน่าตื่นตาตื่นใจในความวิจิตรที่ธรรมชาตินั้นสรรสร้างขึ้นมา
จบตอน.