การผจญภัยที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจลึกลับของโลกแห่งศิลา และความปราถนาอันยากจะหยั่งถึงของจิตใจมนุษย์
แฟนตาซี,ลึกลับ,ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,ลึกลับ,ต่างโลก,เวทมนตร์,แอคชั่น,ผจญภัย,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะการผจญภัยที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจลึกลับของโลกแห่งศิลา และความปราถนาอันยากจะหยั่งถึงของจิตใจมนุษย์
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแฟนตาซี แนวดราม่าผจญภัย อาจจะมีเนื้อหาการบรรยายถึงการต่อสู้และฉากน่ากลัวในบางช่วงบางตอน และโปรดระวังเนื้อหาที่อาจมีความตึงเครียด
หลายร้อยปีก่อน...
ดินแดนแห่งนี้คือ นครแห่งป่าดงพงไพรและท้องทะเลอันงดงาม มีทั้งพืชพรรณและสัตว์นานาชนิด อุดมไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติมากมาย ทุกชีวิตต่างอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก
นครทาลาส (Thálas) เมืองแห่งพฤกษาและมหาสมุทร กษัตริย์ของเมืองแห่งนี้ปกครองบ้านเมืองด้วยความโอบอ้อมอารี มีเมตตาธรรมต่อผู้คนและเหล่าสรรพสัตว์ ด้วยความปรีชาของพระองค์ทำให้เกิดการค้าขายทรัพยากรระหว่างเมืองต่างๆขึ้น จนทำให้นครแห่งนี้มั่งคั่งไปด้วยทรัพย์สมบัติมากมาย
...กระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง เรือสินค้าจากแดนไกลนำสิ่งของที่ล้ำค่ามาเป็นเครื่องบรรณาการแก่ราชาผู้ทรงธรรม
สิ่งนั้นคือ จอกโบราณ มันมีลักษณะที่สวยงาม สร้างจากโลหะเงินแวววาว แกะสลักไว้ด้วยภาษาเก่าแก่ ฝีมือการสร้างอันประณีตจากช่างผู้ชำนาญ
พ่อค้านำมันมาถวายให้เป็นเครื่องราชบรรณาการ เพื่อหวังที่จะผูกมิตรไมตรีกับนครแห่งนี้ เล่ากันว่าจอกโบราณใบนี้ มีพลังอำนาจที่จะเปิดเผยความจริงแด่ทุกสรรพสิ่ง
กษัตริย์ผู้ชาญฉลาดทรงถามไถ่ว่า ทำเช่นไรถึงจะใช้มันเผยความจริงได้
พ่อค้าบอกเล่าว่า เพียงแค่นำน้ำบริสุทธิ์ใส่ไว้ในจอกใบนี้และให้ผู้คนดื่มมัน สิ่งที่คนผู้นั้นพูดออกมาหลังจากดื่มน้ำจากจอกใบนี้ไป จะเป็นความจริงทุกประการ
เช่นนั้นแล้ว กษัตริย์จึงให้ทหารนำน้ำบริสุทธิ์ใส่ลงในจอกโบราณ และทดลองให้พ่อค้าคนนั้นดื่มเข้าไป
ทรงเอ่ยถามขึ้นว่า...
" เจ้านำสิ่งนี้มาถวายเรา ต้องการอะไรตอบแทน "
พ่อค้าคนนั้นตอบกลับมาว่า
" ข้าเพียงต้องการมิตรไมตรี และความไว้ใจในตัวข้า เพื่อที่จะได้ค้าขายกับนครแห่งนี้แต่เพียงผู้เดียว "
" ฮ่าๆๆๆ ยอดเยี่ยมมาก " องค์ราชาทรงพอพระทัยอย่างมาก ดูเหมือนว่าสิ่งที่พ่อค้านั้นพูดออกมาช่างตรงไปตรงมา จอกแห่งความจริงสำแดงพลังของมันออกมา
หลังจากนั้นนครแห่งนี้ก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก ด้วยการค้าขายแลกเปลี่ยน อำนาจและความมั่งคั่งนั้นมากมายเหลือล้น
ด้วยพลังจากจอกโบราณ กษัตริย์ทรงให้ชาวเมืองทุกคน ดื่มน้ำและทรงถามไถ่ถึงความจงรักภักดีต่อตนและราชวงศ์ แน่นอนว่าผู้คนต่างจงรักภักดีต่อกษัตริย์ผู้นี้ยิ่ง ด้วยความเป็นอยู่ที่สุขสบาย มีกินมีใช้กันอิ่มหนำสำราญ
อยู่มาวันหนึ่ง... มิตรไมตรีจากต่างแดนได้มาเยือน ทูตจากต่างแดนถูกส่งมายังนครแห่งนี้ ด้วยชื่อเสียงของกษัตริย์ผู้ทรงปรีชาและความรุ่งเรืองของเมือง และด้วยพลังอำนาจของจอกโบราณอันเป็นที่ล่ำลือ
ไม่เว้นแม้แต่คนต่างแดน กษัตริย์ทรงสั่งให้ทูตคนนั้นดื่มน้ำจากจอกโบราณ และทรงถามไถ่ความจริง
" เจ้ามาที่เมืองของเรา ต้องการสิ่งใดหรือ "
" ข้ามาเพราะ องค์ราชาของข้าต้องการให้ข้ามาสืบหาข้อมูลของจอกแห่งความจริง และเพื่อที่จะหาวิธีครอบครองมัน " ทูตคนนั้นเอ่ย
" เจ้าว่าไงนะ!? " กษัตริย์มีน้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้น
" เจ้ามิได้มาเพราะความภักดีต่อข้า และนครแห่งนี้หรอกหรือ "
" หาไม่... เมืองของเรามิได้ภักดีต่อท่าน ในไม่ช้ากษัตริย์ของเราตั้งใจที่จะบุกเข้ายึดนครแห่งนี้ เพื่อช่วงชิงอำนาจและความมั่งคั่ง " เขาตอบ
" บังอาจ! เหิมเกริมนัก!! "
" ทหาร! นำตัวมันไปขังและประหารมันทิ้ง " ด้วยความโกรธเกรี้ยว องค์ราชาทรงรับสั่งให้ประหารทูตจากต่างแดนคนนี้ในทันที
พลังอำนาจแห่งความจริงถูกเปิดเผย ข่าวลือแพร่สะพัดออกไปไกล เมืองต่างๆต้องการที่จะครอบครองพลังอำนาจของจอกโบราณ และทรัพสมบัติมากมายของเมืองแห่งนี้ ทำให้นครทาลาสเกิดสงครามสู่รบขึ้นกับหลายเมือง
เมืองที่เคยสงบสุขและสวยงามมาช้านาน กลับเต็มไปด้วยการรบราฆ่าฟันและความโหดร้าย ผู้คนต่างล้มตายกันไม่เว้นทั้งชายและหญิง ทั้งเด็กหรือผู้ใหญ่ ทุกสิ่งล้วนพังทลายลงในพริบตาจนหมดสิ้นความรุ่งเรือง
กษัตริย์ผู้หลงมัวเมาในอำนาจของจอกโบราณ ไม่ยอมให้ใครมาช่วงชิงพลังอำนาจนี้ไปจากตน
ในวาระสุดท้ายของพระองค์ เขาใช้มีดเฉือนแขนของตนเพื่อหลั่งเลือดลงสู่จอกโบราณ และเทมันลงสู่แม่น้ำลำธาร สาปแช่งด้วยจิตใจอาฆาตมาดร้าย
ทรงเอ่ยคำบัญชาว่า
" ข้าขอบัญชาให้ทุกสรรพสิ่งในนครแห่งนี้จงปกป้องดูแลจอกโบราณใบนี้ด้วยชีวิต อย่าให้ผู้ใดได้บังอาจย่างกรายเข้ามาในนคร และได้ครอบครองพลังอำนาจของจอกโบราณนี้ไปตลอดกาล "
คำพูดสุดท้ายของกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจ ก่อนที่เขาจะสิ้นใจลงไปพร้อมกับนครที่พังทลาย วิบัติด้วยโลหิตและเพลิงแดงฉานชั่วกาลนาน...
และในเวลานี้แม่เฒ่าไลลา ก็ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับทั้งสองคนฟัง
" นี่แหละ... นิทานจอกแห่งความจริง "
" เป็นนิทานที่ดูน่ากลัวมากเลยนะครับ " อลันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
" สนุกดีใช่ไหมล่ะ อลัน " เคนเนทยิ้มหน้าตาเฉย
" แล้วจอกโบราณ มีอยู่จริงหรือเปล่าครับแม่เฒ่า "
" ไม่มีใครรู้หรอก เรื่องราวมันก็นานมาแล้ว แต่ว่านครแห่งนั้นน่ะมีอยู่จริง ตอนนี้เป็นแค่ซากปรักหักพังที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าเท่านั้น " หญิงชราตอบ
" น่าสนใจใช่ไหมล่ะ ถ้าพวกเราออกตามหาจอกใบนั้น เราอาจจะรู้ความจริงเกี่ยวกับโชคชะตาก็ได้นะ " เคนเนทพูดด้วยความตื่นเต้น
" อย่าได้คิดจะไปตามหามัน ที่นครโบราณ
...ในใจกลางป่าลึกที่ตั้งของนครแห่งนั้น มีลิงจมูกยาวตัวผู้อาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงจำนวนมาก "
" ลือกันว่าลิงเหล่านั้นโดนคำสาป สั่งให้ปกป้องนครแห่งนั้นมาเป็นเวลายาวนานตั้งแต่อดีตกาล ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปทำการสำรวจ เพราะความดุร้ายและอันตรายของพวกมัน "
" กระทั่งปัจจุบันนครแห่งนี้ถึงได้ถูกเรียกว่า...
นครแห่งการลืมเลือน " แม่เฒ่าเล่าด้วยน้ำเสียงดุและแข็งกร้าว
" คะ... ครับ " อลันพยักหน้าตอบด้วยความกลัว
" โธ่เอ๊ยแม่เฒ่า ฉันรู้น่าว่าในป่าลึกเจ้าลิงพวกนั้นมันอันตราย ก็แค่นิทานที่แต่งขึ้นเพราะกลัวว่าผู้คนจะเข้าไปในป่าลึกแล้วโดนลิงทำร้ายหรือหลงป่า ก็เท่านั้นเอง " เคนเนทพูดขึ้นมาอย่างไม่กลัวเกรง
" ....... " หญิงชราเงียบไปชั่วครู่
" นี่ก็เริ่มมืดค่ำแล้ว พวกเจ้ากลับกันไปได้แล้วล่ะ "
เด็กหนุ่มทั้งสองมองไปยังท้องฟ้านอกหน้าต่าง พระอาทิตย์เริ่มตกดินและใกล้เวลามืดแล้ว
" ก็ได้ๆฉันจะกลับล่ะ เดี๋ยวมืดแล้วจะเดินทางลำบากเอา กลับกันเถอะอลัน " เคนเนทเบ้ปากทำหน้าเซ็งๆ
" จะมืดแล้วถ้างั้นพวกเรารีบกลับกันก่อนดีกว่านะ "
" ขอบคุณมากนะครับแม่เฒ่า "
" ไปละนะ แม่เฒ่า "
เด็กหนุ่มทั้งสองกล่าวคำลา เดินจากกระท่อมของหญิงชราไปในยามสายัณห์ ทั้งสองคนลงเรือและพายออกแม่น้ำสายเดิมไป กลับไปยังเส้นทางสู่หมู่บ้านดาร์ย่า
" เฮ้อ... สุดท้ายก็ไม่ได้เรื่องอะไรเลย " เคนเนท บ่นพึมพำขึ้นมาขณะพายเรือกลับช้าๆ
" เราเลิกคิดเรื่องจอกโบราณนั่นกันเถอะ มันอาจจะแค่เรื่องเล่าคงไม่มีจริงหรอก "
แสงสว่างคืบคลานลงยังสุดปลายฟ้า และในค่ำคืนนี้หญิงชรายังคงนั่งลงต่อหน้าเทียนไขและเปลวเพลิงสลัว พลางสวดภาวนาต่อหน้าดวงไฟและเอ่ยถ้อยคำอันเรียบง่ายขึ้น
" หวังว่าเรื่องที่เจ้าบอก จะเป็นความจริงนะ
จามาล...
ไม่เช่นนั้นแล้ว เด็กพวกนี้คงได้ตายแน่ "
เช้าวันต่อมา...
เคนเนทนั่งหาวอยู่ที่โต๊ะกินข้าวกลางหมู่บ้าน เช่นเคยเหมือนทุกๆวัน ชาวบ้านต่างค้าขายกันอย่างครึกครื้น ในบรรยากาศเรียบง่ายเป็นกันเอง เด็กหนุ่มทักทายผู้คนที่เดินผ่านไปมา วันนี้ก็เงียบสงบท้องฟ้าสดใส และเต็มไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มของทุกคน
" วันนี้ทำอะไรกันดี อลัน "
" ...... " ไร้ซึ่งคำตอบรับ อลันกำลังนั่งนิ่งเหม่อลอยนึกบางอย่างอยู่ในใจ
" อลัน... "
" อลัน!! " เคนเนทเสียงดังขึ้น
" ฮะ! อะไรเหรอเคนเนท "
" นั่งเหม่อใจลอยเลย เป็นอะไรหรือเปล่าน่ะ "
" ขอโทษที พอดีผมคิดอะไรเพลินๆน่ะ "
" คิดอะไรน่ะ คิดเรื่องคำทำนายของแม่เฒ่าเมื่อวานอยู่เหรอไง "
" ใช่... คือ มันก็รู้สึกแปลกๆเกี่ยวกับคำพยากรณ์ "
" มันทำให้ผมเริ่มสงสัยแล้วว่า เจตจำนงที่แท้จริงของตัวเองคืออะไรกันแน่ "
" หมายความว่าไง "
" บางทีผมอาจจะไม่ได้อยากออกเดินทางตามหาแม่ก็ได้ หรือบางทีเจตจำนงที่แท้จริงก็คือ การตามหาบางสิ่งที่ทำมันหายไป " อลันบอกเล่าถึงความในใจ
" แล้วสิ่งที่หายไปมันคืออะไรกันล่ะ "
" นั่นสิ... ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกัน "
" นายคิดมากไปแล้วมั้ง บางทีคำพยากรณ์มันอาจจะไม่แม่นยำก็ได้นะ "
" ..... "
" เฮ้อ... ช่างมันเถอะ คิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆน่า วันนี้ไปออกทะเลนั่งเรือกันดีกว่า " เคนเนทเอ่ยปากชวนเพื่อน
" อืม... ก็ดีนะ "
" ดีมากงั้นไปกันเถอะ ฮ่าๆ " เคนเนทยิ้มพลางตบบ่าเพื่อน
ทั้งสองคนออกเดินทางท่องมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลไปกับเรือประมงของคนในหมู่บ้าน สายลมและแสงแดด ท้องทะเลและเกลียวคลื่น นกนางแอ่นบินโผไปในฟ้าสีคราม ผืนน้ำอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ทัศนียภาพอันงดงาม ช่วยชำระล้างจิตใจที่ขุ่นมัว ทำให้ทั้งคู่ดูผ่อนคลายขึ้นมาก
อลันจ้องมองไปยังผืนน้ำของมหาสมุทร ไกลออกไปสุดปลายขอบฟ้า
" คิดว่าที่ขอบฟ้าจะมีอะไรอยู่ไหม "
" หือ... ขอบฟ้าเหรอ คงมีเกาะล่ะมั้ง ไม่รู้สิฉันไม่เคยไปไกลกว่าฟุกุนิเลย อยู่ๆก็ถามอะไรขึ้นมาน่ะ "
" ผมแค่รู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังรอผมอยู่น่ะ วันนึงพวกเราจะไปถึงขอบฟ้านั่นไหมนะ " อลันมองออกไปด้วยสายตรงที่มุ่งมั่น จิตใจของเขาสงบนิ่งยามที่คลื่นลมนั้นกระเพื่อมผิวน้ำเป็นจังหวะ
เคนเนทมองดูเพื่อน เห็นสายตาที่มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ เขายิ้มมุมปากและกอดคอเพื่อนคนเดียวของเขาในยามนี้เอาไว้
" ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าพวกเราจะต้องผจญกับอะไร ฉันจะไปกับนายเอง "
อลันยิ้มตอบ ภายใต้ท้องฟ้ากว้างใหญ่และท้องทะเลอันไพศาล มิตรภาพของเด็กหนุ่มทั้งสองส่องเป็นประกายราวกับแสงจากดวงตะวัน
เวลาต่อมา... ยามเย็นที่หมู่บ้าน ในระหว่างที่เคนเนทและอลันพึ่งกลับมาจากการล่องเรือ ทั้งคู่เดินผ่านไปยังอาคารไม้หลังหนึ่งไม่ใหญ่มากนัก อลันสังเกตเห็นว่ามีนกเหยี่ยวตัวหนึ่ง เกาะอยู่ที่ราวไม้ข้างอาคารหลังนี้
" เฮ้ย... เคนเนท มีจดหมายมาแน่ะ " บุรุษผู้ดูแลการส่งจดหมายและสิ่งของประจำหมู่บ้าน ยื่นซองจดหมายให้กับเด็กหนุ่ม
" โอ... จดหมายอะไรเหรอ "
" ขอโทษนะครับ ทำไมที่นี่ถึงมีเหยี่ยวเกาะอยู่ตรงนี้เหรอ " อลันเอ่ยถามด้วยความสงสัย
" อ๋อ เจ้าเหยี่ยวนี่เอาไว้ส่งข่าวฉุกเฉินน่ะ นกพวกนี้ถูกฝึกมาให้ส่งจดหมายหรือข้อมูลด่วน เรียกว่า เหยี่ยวสื่อสาร " บุรุษผู้ดูแลจดหมายตอบ
" แบบนี้นี่เองขอบคุณนะครับ " เด็กหนุ่มมองดูด้วยความสนใจใคร่รู้
" นี่มันจดหมายเรียกของทางสมาคม " เคนเนทแกะซองออกมาอ่านและเขาก็โพล่งขึ้นมา
" หือ... อะไรเหรอ เคนเนท "
" ทางเมดิโอลัน จะจัดพิธีปฐมนิเทศขึ้นในอีกสามวันน่ะ นี่มันจดหมายเรียกตัว "
" ปฐมนิเทศ... เขาจะให้พวกเราไปรายงานตัวกันที่สมาคมสินะ "
" เฮ่ยยย... สมาคมเหรอ แค่นึกถึงหน้าตาลุงนั่นก็ขนลุกแล้ว " เคนเนทบ่นพึมพำ
" ฮะๆจะได้เจอกับคุณเคย์นอีกแล้วสิ "
" ดีใจอะไรเนี่ยอลัน "
" เดี๋ยวพวกเราจะได้เข้าสมาคมแล้วไง ไม่ดีเหรอ "
" มันก็ดีอยู่หรอก แต่ไม่อยากเข้าสมาคมผู้พิทักษ์ของตาลุงนั่นเล๊ย " เคนเนทพูดเสียงสูง
" เอาน่า ยังไงพวกเราก็ต้องไปร่วมพิธีก่อนนะ "
" อืม... ไปก็ไป อีกตั้งสามวันสินะ เดี๋ยวฉันไปดูก่อนว่ารถไฟไปเมดิโอลันออกตอนไหน "
" เราแวะไปหาคริสตัลก่อนวันปฐมนิเทศดีไหม "
" หืม... นายอยากไปเหรอ? "
" ผมอยากแวะไปเยี่ยมบรู๊คด้วยนะ... " อลันพูดเสียงเศร้าๆ
" ..... "
" ก็ได้ตามใจนาย ถ้างั้นพวกเราก็ไปพร้อมคริสตัลด้วยเลย " เคนเนทมองหน้าเพื่อนก็รู้ใจ
อลันนั้นเป็นคนอ่อนโยนเขามักจะดูเป็นห่วงคนอื่นอยู่เสมอ จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นในการสอบรอบสุดท้าย ยังไม่มีข่าวสารอะไรจากฝั่งนั้นเลย
เส้นทางรถไฟจากหมู่บ้านดาร์ย่านั้น เชื่อมต่อกันกับเมืองนารานเพียงเส้นทางเดียวเท่านั้น การที่จะเดินทางไปยังเมืองหลวงเมดิโอลัน จะต้องผ่านทางไปยังสถานีเมืองนารานก่อน ถึงจะเดินทางต่อไปสู่เมืองหลวงได้ ซึ่งใช้ระยะเวลาเกือบทั้งวัน
" เฮ้... อลัน รถไฟไปสถานีเมืองนาราน ออกพรุ่งนี้เช้านะ จากนั้นพวกเราก็ต่อขบวนถัดไป ไปเมดิโอลันได้เลย "
" ถ้างั้นพรุ่งนี้เรากลับไปเมดิโอลันกันดีกว่า "
" ว่าแต่นายยังไม่กลับหมู่บ้านเหรอ "
" อืม... ผมคิดว่าจะกลับหลังจากปฐมนิเทศจบน่ะ เคนเนทอยากลองไปเที่ยวดูบ้างไหม " อลันเอ่ยถาม
" เอาสิ ไว้ฉันไปเที่ยวบ้านนายดูบ้าง "
" ตกลง ถ้างั้นพรุ่งนี้ออกเดินทางกันเถอะ "
เด็กหนุ่มทั้งสองนัดแนะกันเพื่อออกเดินทางในวันถัดไป เย็นนี้พวกเขาร่ำลาผู้คนในหมู่บ้าน และมีงานเลี้ยงส่งกันขึ้นอีกครั้ง
ผู้คนต่างร้องรำทำเพลง ท่ามกลางหมู่บ้านแห่งพงไพรและท้องทะเล งานเลี้ยงสังสรรค์เป็นไปอย่างครึกครื้น และน้องสาวของเคนเนทก็มาร่วมด้วย
มีน่าดูจะติดอลันมากเลย เธอร้อยสร้อยคอมือจากเปลือกหอยให้กับอลันไว้เป็นที่ระลึก
" พี่อลัน ลองฟังนี่สิ " มีน่าหยิบเปลือกหอยสังข์ยื่นให้กับอลัน
" อะไรเหรอ "
" แม่หนูบอกว่า ถ้าเราเอาหูแนบจะได้ยินเสียงของคลื่นทะเล "
" จริงเหรอ " อลันพลางเอาหูแนบกับเปลือกหอย เสียงที่เขาได้ยินดังเข้าไปในโสตประสาท มันคล้ายกับคลื่นลมที่พัดอย่างสงบ เพียงแค่หลับตาสดับรับฟังก็รับรู้ถึงท้องทะเลได้
" ได้ยินจริงด้วยล่ะ! ขอบคุณนะมีน่า "
" ฮิฮิ ใช่มั้ยล่ะ หนูให้เก็บเอาไว้นะ เผื่อวันไหนคิดถึงที่นี่ก็หยิบมาฟัง " เด็กหญิงตัวเล็กผู้ร่าเริงยิ้มกว้างให้
" พี่อลันจะกลับมาอีกไหม "
" ต้องกลับมาอยู่แล้วล่ะ พี่สัญญาเลย " อลันยิ้มตอบ
และค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความทรงจำ ก็ผ่านพ้นไปอย่างมีความสุข พร้อมกับมิตรไมตรีจากทุกคนในหมู่บ้าน
จงอย่าได้ลืมเลือนวันคืนของพวกเรา ท่ามกลางท้องฟ้าและหมู่ดาวที่พร่างพราว
ถึงแม้ในวันนี้ปลายนิ้วของฉัน จะไม่สามารถเอื้อมไปถึงขอบฟ้ายามค่ำคืนอันแสนไกลโพ้นได้
แต่ถ้าวันหนึ่งฉันสามารถเอื้อมไปถึงมัน จะปลดปล่อยดวงดาวที่ส่องแสงเหล่านั้นให้เป็นอิสระ
อยู่ด้วยเถอะจนกว่าฉันจะหลับตาลง อย่าได้ปล่อยมืออันแสนอ่อนโยนนี้ไป
เหมือนกับตอนที่ฉันหลงทางสมัยเด็กๆ...
จบตอน.