การผจญภัยที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจลึกลับของโลกแห่งศิลา และความปราถนาอันยากจะหยั่งถึงของจิตใจมนุษย์
แฟนตาซี,ลึกลับ,ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,ลึกลับ,ต่างโลก,เวทมนตร์,แอคชั่น,ผจญภัย,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะการผจญภัยที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจลึกลับของโลกแห่งศิลา และความปราถนาอันยากจะหยั่งถึงของจิตใจมนุษย์
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแฟนตาซี แนวดราม่าผจญภัย อาจจะมีเนื้อหาการบรรยายถึงการต่อสู้และฉากน่ากลัวในบางช่วงบางตอน และโปรดระวังเนื้อหาที่อาจมีความตึงเครียด
" ครืน... " เสียงฟ้าคำรามดั่งสนั่นหวั่นไหว เมฆอึมครึมภายใต้ท้องฟ้ามืดมิด ประกายไฟแลบขึ้นทั่วผืนฟ้า หยาดฝนตกลงบนพื้นดินส่งเสียงดังระงม แสงสว่างวาบขึ้นจนขาวโพลนไปทั่ว เผยให้เห็นร่างของสัตว์ป่าที่ดุร้าย กำลังรายล้อมพวกเขาทั้งหมดอยู่ในตอนนี้
แอนนี่กำมีดสั้นในมือไว้แน่น ตั้งท่าเตรียมพร้อมเข้าต่อสู้ ขณะที่เคนเนทจ้องมองเพื่อนของเขานอนแน่นิ่งไม่ไหวติงจมกองเลือดเบื้องหน้าอยู่ไม่ไกล
อาร์ตี้กำลังมองหาเส้นทางเพื่อหลบหนี แต่ทว่ามีพวกมันอยู่เต็มไปหมดทุกพื้นที่ กระจายตัวไปตามซากปรักหักพังและบนต้นไม้ใหญ่
" แอนนี่... หาช่องทางให้พวกเราหนีออกไปจากที่นี่ได้หรือเปล่า " เขาเอ่ยถาม
" ถ้าแค่พวกเราคงได้ แต่ถ้าไปช่วยเด็กคนนั้นด้วย คงจะยาก " เธอตอบ
' ทำยังไงดี อลันอยู่ด้านหลังของพวกลิง จะเข้าไปช่วยได้ยังไง ' ในขณะที่เคนเนทกำลังคิดหาวิธี ด้วยร่างกายที่สั่นไม่หยุดเพราะความหวาดกลัว
และแค่เพียงอึดใจเดียว ฝูงลิงก็ตรงเข้าจู่โจมพวกเขาในทันที มันเล่นงานแอนนี่ก่อนเป็นคนแรก ในบรรดาทุกคนที่อยู่ตรงนี้เธอเป็นคนที่มีพลังอนิม่าสูงที่สุด เมื่อเทียบกับเคนเนทที่ยังไม่รู้วิธีใช้พลัง และอาร์ตี้นักสำรวจที่ควบคุมพลังตัวเองได้ดี
พวกลิงพุ่งเข้าประชิดหญิงสาว จู่โจมเธออย่างบ้าคลั่ง แอนนี่หลบเลี่ยงพวกมันอย่างรวดเร็วในขณะที่เธอเหวี่ยงแขนฟันมีดสั้นในมือสวนกลับพวกมัน
' ฮึ่ม!ไม่ถึงตัว แขนมันยาวจริงๆ '
ความคล่องแคล่วว่องไวของพวกมัน ประกอบกับผืนดินนั้นชุ่มไปด้วยน้ำเจิ่งนอง ทำให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์อันยากลำบาก
ผู้พิชิตฝีมือดีของกองทัพคนนี้ ใช้ประสบการณ์ในการต่อสู้ของเธอ ประมือกับพวกมันอย่างไม่ลดละ ถึงแม้จะโจมตีสวนกลับไปได้ แต่ก็ทำได้แค่ฟันเฉี่ยวแขนของพวกมันถากไปนิดเดียว
ฝูงลิงจำนวนหลายตัวสลับกันเข้าจู่โจมเธออย่างไม่คิดชีวิต แม้พวกมันจะโดนฟันเข้าที่แขนจนเกิดบาดแผลเลือดอาบ แต่ก็ไม่มีทีท่าของความหวั่นเกรงหรือรู้สึกเจ็บปวด
ในขณะที่อาร์ตี้และเคนเนทยืนหันหลังชนกัน พวกเขาป้องกันตัวคอยระวังให้กันและกัน เคนเนทหยิบโล่ไม้ที่เขานำติดตัวมาด้วย ใส่แขนยกขึ้นป้องกันการจู่โจม เขาหลบเลี่ยงเขี้ยวเล็บของพวกมันอย่างฉิวเฉียด
" อาร์ตี้ระวังหลังให้หน่อย ฉันจะเข้าไปช่วยอลัน "
" อย่าบ้าน่า! นายเข้าไปไม่ถึงหรอก "
ฝูงลิงเข้ารุมล้อมเต็มไปหมด จนไม่เหลือช่องว่างให้เขาเข้าถึงตัวอลันได้เลย
" โธ่เว้ย! ทำไมมันเยอะยังงี้ "
อาร์ตี้คอยระวังพวกลิงที่เข้ามาจู่โจม มีตัวหนึ่งพุ่งเข้ามาประชิดตัวพวกเขา ชายหนุ่มพลันใช้เชือกบ่วงบาศก์คล้องแขนของมัน และกระชากมันกดลงพื้น
" ฉึก! " คมมีดปักเข้ากลางขมับจนมันนอนแน่นิ่ง
" แฮ่ก... แฮ่ก... " อาร์ตี้เริ่มหายใจเหนื่อยหอบ เขาสังเกตเห็นแอนนี่ที่ถูกฝูงลิงรุมทำร้ายอย่างคลุ้มคลั่ง สถานการณ์ตึงมือของเธอมากในตอนนี้
และแล้ว...
" ฉัวะ! " กรงเล็บข่วนเข้าบนแผ่นหลังของแอนนี่ ในตอนที่เธอไม่ทันระวังตัว
' อึก!! บ้าเอ๊ย! '
ถึงมันจะเป็นแผลไม่ฉกรรจ์ แต่เธอก็รับรู้ถึงพิษที่กำลังแผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกาย ประสาทสัมผัสเริ่มด้านชาและแขนซ้ายของเธอก็เริ่มหมดแรงลง
" หนอย! ไอ้พวกลิงบ้า " แอนนี่สบถด้วยความโกรธ เธอพลันคว้าดาบยาวในฝักด้านหลังของตน
" แอนนี่อย่า! " อาร์ตี้ตะโกนลั่นเพื่อเตือนในทันที
" วูบ! " ในพริบตาที่เธอจับดาบ แสงสีแดงก็ส่องสว่างขึ้น ดาบที่ถูกสร้างมาเพื่อใช้พลังของผู้พิชิต ใต้โกร่งดาบถูกฝังไว้ด้วยอัญมณี ในตอนนี้มันส่องแสงเป็นประกายแวววาว เธอกำดาบไว้แน่นทั้งสองมือและใช้มันฟาดฟันศัตรูอย่างแม่นยำ
พลังอนิม่าช่วยเสริมกำลังให้กับดาบเล่มนี้ เธอจ้องมองเป้าหมายตาเป็นมัน ในขณะที่เข้าประชิดตัวพวกมัน " ฉัวะ! " เพียงแค่ฟันครั้งเดียว ร่างของพวกมันก็ขาดออกเป็นสองท่อนจนเลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว ล้มลงนอนสิ้นใจในทันใด
" หึ! เข้ามา ฉันจะฆ่าพวกแกให้หมด! " เธอกัดฟันฉีกยิ้มด้วยความโกรธแค้น ในตอนที่รอยเลือดของพวกมันเปรอะเปื้อนใบหน้า
' แย่แน่... แอนนี่สติหลุดไปแล้ว ' อาร์ตี้นึกขึ้นด้วยใบหน้าพรั่นพรึง
สิ่งที่เขากลัวนั้นไม่ใช่ความบ้าคลั่งหรือการอาละวาดของน้องตัวเอง แต่คือสิ่งที่พวกเขาไม่อยากจะเห็นมันในตอนนี้...
" ตึง!! " เสียงดังสนั่นจนผืนดินสั่นไหวไปชั่วครู่ มันดังมาจากใจกลางของเมืองโบราณแห่งนี้
" ฮูมมม!!! " สุ้มเสียงคำรามดังลั่นออกมา ทำเอาพวกเขาหวาดผวา แม้กระทั่งลิงตัวอื่นๆก็ยังสะดุ้งจนหลีกหนีไปหลบซ่อนกาย
" นั่นมันมันเสียงของอะไร... " เคนเนทหยุดชะงักทันใดและหันไปมองหาที่มาของเสียงร้องนั่น
เงาดำทะมึนขนาดใหญ่ กระโจนออกมาจากซากเมืองโบราณ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้ายามที่แสงสว่างวาบของสายฟ้ากระพริบไปทั่วก้อนเมฆ ร่างอันมหึมาของมันกระทืบลงบนพื้นดินจนสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น บัดนี้ลิงตัวผู้ขนาดสูงใหญ่ ยืนอยู่ต่อหน้าอาร์ตี้และเคนเนท
จ่าฝูงลิงที่แข็งแรงความสูงกว่าสามเมตร น้ำหนักตัวร่วมสี่ร้อยกิโลกรัม กล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งและมีกรงเล็บสีดำยาว ถูกปกคลุมไปด้วยผลึกสีนิลตั้งแต่ปลายเล็บยันต้นแขน
สิ่งที่ทุกคนเห็นในตอนนี้ ทำให้พวกเขาหวาดกลัวด้วยสีหน้าอันตื่นตระหนก หัวใจพลันหล่นวูบไปถึงตาตุ่ม เพียงแค่ลมหายใจและแววตาของมันก็ทำเอาทั้งสามคนขวัญผวา
" มะ... มันคือตัวอะไร " เคนเนทพูดเสียงสั่น
" จ่าฝูงของพวกมัน... " อาร์ตี้หัวใจเต้นดังจนหายใจไม่เป็นจังหวะ
และในพริบตานั้นเอง มันพุ่งตัวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วว่องไวผิดกับขนาดของมัน ตรงดิ่งผ่านทั้งสองคนไปโดยไม่แยแส " หลบเร็ว! " อาร์ตี้คว้าตัวเคนเนทหลบเลี่ยงอย่างทันท่วงที
สัตว์ป่าดุร้ายตัวนี้มุ่งหน้าไปยังสิ่งที่ทำให้มันหงุดหงิด และหญิงสาวผู้พิชิตถือดาบยาวคือเป้าหมายของมัน
แอนนี่ตาเบิกโพลงขึ้นทันใด เธอพลันยกดาบเตรียมตัวรับการจู่โจม " เปรี้ยง! " ท่อนแขนขนาดยักษ์เหวี่ยงเข้าใส่เธอเต็มแรง จนร่างกระเด็นทะลุกองเศษซากหิน ลอยออกไปไกลหลายสิบเมตร ดาบเล่มยาวหมุนติ้วลอยละลิ่วขึ้นฟ้าและร่วงหล่นลงสู่ผืนดิน
" แอนนี่!! " อาร์ตี้ตะโกนเรียกชื่อ ในขณะที่เธอนอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน
' โธ่เว้ย!! ' ในยามที่เส้นทางเปิดโล่ง แม้ความหวาดกลัวเข้ากัดกินจิตใจของเขา เคนเนทก็ยังพยายามตั้งสติและก้าวขาที่สั่นไม่หยุด พยายามฉวยโอกาสนี้วิ่งเข้าไปหาเพื่อนสนิทที่นอนจมกองเลือดอยู่ข้างหน้า หวังจะช่วยเหลือให้ได้โดยเร็ว
" เคนเนท เดี๋ยว...!! "
ในช่วงเวลาเพียงแค่พริบตาเดียวนั้น... เขาพุ่งตัวไปยังทิศที่อลันนอนสลบอยู่ สายตาจดจ่อไปยังเป้าหมาย
' อีกนิดเดียว ' อีกแค่เพียงคืบเดียวก็จะคว้าตัวมาได้
" ระวังทางซ้าย! " อาร์ตี้ตะโกนไล่หลังมา
เขาเหลือบปลายหางตาไปเห็นลิงตัวหนึ่ง กำลังพุ่งกระโจนตรงมาอย่างรวดเร็ว ในเสี้ยววินาทีที่ไม่ทันได้ระวังตัว " กึด! " ลิงจมูกยาวคว้าเอาแขนซ้ายของเคนเนทในพริบตา สายตาของเขามองไปที่แขนตัวเองในตอนนี้มันกำลังอ้าปากขึ้นกว้างเผยคมเขี้ยวยาว และขย้ำกัดลงไปที่แขนของเขาจมมิดจนถึงกระดูก...
" อ๊ากกกกก!!! " เคนเนทกรีดร้องอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส โลหิตแดงสดพุ่งกระฉูดออกมาท่วม
อาร์ตี้พุ่งเข้าไปหาในทันที เขาหยิบมีดสั้นขึ้นมาและปักมีดลงไปที่หัวของลิงตัวนั้น จนมันอ้ากรามออกและตัวสั่นระริก เลือดไหลอาบลงมาทั่วตัวและค่อยๆคลายปากที่กัดแขนของเคนเนทออก สิ้นใจล้มลงในที่สุด
เขาคว้าเอาตัวเคนเนทไว้และหันหลังกลับทันที หมายที่จะหนีออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด เลือดไหลอาบแขนซ้ายของเคนเนทเต็มไปหมด ความเจ็บปวดรุนแรงค่อยๆถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกด้านชา และตอนนี้ร่างกายของเขากำลังจะเป็นอัมพาต
' ต้องรีบออกไปจากที่นี่ ไม่งั้นหัวใจได้วายแน่ ' อาร์ตี้หน้าซีดเผือดด้วยความตื่นตกใจ
" ปล่อย.... ฉัน อลัน... " เคนเนทเอ่ยขึ้นเบาๆด้วยแววตาที่เลื่อนลอย ใบหน้าของเขาซีดขาวจากการเสียเลือดปริมาณมาก
" แอนนี่!! " อาร์ตี้ตะโกนลั่น
แอนนี่ยังคงมีสติรู้สึกตัวอยู่ เธอพยายามขยับตัวขึ้นช้าๆ ใช้ฝ่ามือยันพื้นเพื่อจะยืนขึ้นในตอนที่แขนขาของเธอสั้นระริก
เบื้องหน้าที่ขวางทางพวกเขาอยู่คือ สัตว์ร้ายขนาดมหึมา จ่าฝูงของพวกมันหันขวับมาจ้องมองชายหนุ่มที่กำลังหอบหิ้วร่างอันหมดเรี่ยวแรงของเพื่อนหนีออกมา และมันตรงดิ่งเข้าไปหาพวกเขาอย่างฉับพลัน เสียงหัวใจเต้นดังรุนแรง อะดรีนาลีนพลุ่งพล่านจนอุณหภูมิของเลือดร้อนระอุ ' ตายแน่... ' อาร์ตี้เสียขวัญกำลังใจ สีหน้าของเขาสิ้นหวังแล้วในยามนี้
ทันใดนั้น... หมอกควันลอยเข้ามาขวางกั้นพวกเขากับลิงยักษ์ตัวนั้นเอาไว้
' หมอก? ' เขานึกขึ้นอย่างประหลาดใจ
เมฆหมอกมืดสลัวเข้าบดบังการมองเห็น ลิงจ่าฝูงเหวี่ยงแขนทุบลงตรงที่พวกเขากำลังวิ่งไป ทว่าพลาดไปนิดเดียว อาร์ตี้หลบเลี่ยงได้อย่างฉิวเฉียดเพราะกลุ่มควันที่มาปกคลุมบริเวณ
กลุ่มควันลอยวนเวียนอยู่รอบตัวของลิงยักษ์ มันพลันใช้แขนปัดไล่หมอกดำออกจากตัว ยิ่งปัดป้องหมอกยิ่งหนาทึบขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปกคลุมไปทั่วบริเวณของเมืองโบราณ และในจังหวะที่สบโอกาสอาร์ตี้ตัดสินใจหลบเลี่ยงหนีออกจากพื้นที่ทันที เขาวิ่งตรงไปพยุงร่างของแอนนี่ขึ้นและพากันหลบหนีออกจากเขตแดนแห่งความตายแห่งนี้...
ฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก พื้นดินเฉอะแฉะจนอ่อนนุ่ม ทำให้เคลื่อนไหวได้ยากลำบาก ทั้งสามคนกลิ้งล้มลุกคลุกคลานจนดินโคลนเปื้อนตัวไปหมด พยายามวิ่งอย่างทุลักทุเล น้ำในปริมาณมากที่ตกลงมาทำให้ลำธารสูงขึ้น ร่องน้ำเก่าจากนครลืมเลือนเชื่อมเข้ากับแม่น้ำสายหลักของดาร์ย่า พวกเขาจึงตัดสินใจกระโจนลงน้ำเพื่อว่ายกลับไปยังหมู่บ้าน และในท้ายที่สุดก็หลบหนีออกมาได้สำเร็จ
ในเวลาเดียวกันนั้น... หมอกควันเริ่มหายไป หลงเหลือเพียงกลุ่มก้อนจางๆลอยขึ้นสูงสู่ยอดไม้ใหญ่ กลับกลายเป็นผ้าคลุมสีดำทมิฬ และบุรุษลึกลับผู้นี้ก็เผยตัวขึ้นมาอีกครั้ง
จามาล... เหลือบสายตาอันเย็นชามองลงมายังฝูงลิงเบื้องล่าง
ขณะนี้พวกมันกำลังรายล้อมร่างของเด็กหนุ่มที่นอนสลบไสลไม่ขยับเขยื้อนตัว ฝูงลิงจมูกยาวหลายตัวเข้ามารุมล้อมรอบตัวของอลัน ส่งเสียงร้องดังโหวกเวก
เงาดำทมิฬร่างยักษ์เดินผ่ากลางเข้ามาท่ามกลางฝูงลิง จ่าฝูงของพวกมันคว้าเอาร่างที่นอนแน่นิ่งของเขา หอบหิ้วตัวของเด็กหนุ่มกลับเข้าไปยังนครลืมเลือน ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย และโลหิตที่ไหลรินลงมาจากใบหน้า...
......
♪......♪......
ท่วงทำนองประกอบกันขึ้นเป็นจังหวะ เครื่องดนตรีบรรเลงเพลงดังขึ้น...
แสงแดดสว่างจ้าส่องแสงเข้ามาแยงตา เสียงของผู้คนพูดคุยกันจ้อกแจ้กจอแจ อลันลืมตาขึ้นช้าๆใต้ร่มเงาของใบไม้
" อือ... นี่เรา... อยู่ที่ไหนนะ " เขาอ่อนเพลียยามเมื่อลืมตาขึ้น พลันชำเลืองมองซ้ายมองขวา
บริเวณนี้อาคารบ้านเรือนโดยรอบเป็นอิฐหรือหินอ่อน มีโครงสร้างเป็นเสาและคาน ผสมผสานไปกับแมกไม้เขียวขจีให้ความร่มรื่นงดงาม
บรรยากาศอบอุ่น แวดล้อมไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา พวกเขากำลังรวมตัวกันมุ่งหน้าเดินลึกเข้าไปในเมือง ที่นี่ดูไม่คุ้นตาเลย เด็กหนุ่มมองไปรอบๆเขานึกไม่ออกว่าตัวเองมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง
" พิธีจะเริ่มแล้ว เร็วเข้า... " ชายผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นขณะวิ่งตรงมาที่อลัน
" เอ่อ... ขอโทษนะครับ " เขาเอ่ยทักชายผู้นั้นหวังจะถามถึงสถานที่แห่งนี้
" ฟุ่บ... " ชายผู้นี้วิ่งผ่านตัวเขาไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
' อะ... ไม่เห็นเราหรอกเหรอ ' เด็กหนุ่มฉุกคิดขึ้นในใจ ' นี่เราฝันอยู่หรือเปล่านะ ' เขาเดินตามฝูงชนไปจนถึงลานกว้างด้านใน ที่ตอนนี้มีงานเลี้ยงรื่นเริงและคับคั่งไปด้วยผู้คน พวกเขาเหล่านั้นมีสีหน้าที่อิ่มเอมมีความสุข งานสังสรรค์นี้คงจะจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองอะไรบางอย่าง
" ขอแสดงความยินดีกับองค์ราชาและราชินี ที่ได้ให้กำเนิดราชธิดา " เสียงประกาศดังกึกก้อง และฝูงชนต่างปรบมือพร้อมกันด้วยความยินดีปรีดา
" เครื่องราชบรรณาการ ถูกส่งมาถวายให้เป็นของขวัญแด่ราชธิดาขอรับ "
" จอกศักดิ์สิทธิ์โบราณ " องครักษ์คนหนึ่งส่งมอบมันให้กับกษัตริย์ ผู้ซึ่งประทับอยู่บนบัลลังก์
' นั่นมัน... จอกแห่งความจริงเหรอ? ' อลันพลันสังเกตเห็น เขายืนจ้องมองมันอยู่ท่ามกลางฝูงชน
" ขอบคุณมาก ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานฉลองให้กับธิดาคนแรกของเรา " องค์ราชาโบกมือให้กับผู้คนด้วยความปลื้มปิติ
แสงอาทิตย์ส่องแสงสว่างจ้า ภาพกลับขาวโพลนจนอลันต้องหรี่ตาลง และความสว่างไสวนั้นก็จางลงไป... เขาลืมตาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ในห้วงเวลาที่ทิวทัศน์รอบตัวได้เปลี่ยนไป
ผ้าม่านใสปักลายดอกไม้สีขาว พลิ้วไหวไปตามแรงลมจากหน้าต่าง มุ้งสีนวลแขวนอยู่เหนือเตียงขนาดใหญ่ มันเปิดออกด้านหนึ่งของเตียง
อลันเหลือบไปเห็นหญิงสาวกำลังนอนกอดเด็กทารกในผ้าห่อตัว ข้างกายเธอนั้นชายสูงวัยใส่ชุดผ้าไหมแต่งกายดูมีภูมิฐาน เขาจดจำใบหน้าที่พึ่งเห็นเมื่อครู่ได้ บุรุษผู้นี้คือกษัตริย์ของเมือง
" ข้าจะตั้งชื่อให้นางว่า ลาน่า (Lana) ที่แปลว่าแสงสว่างอันบริสุทธิ์ "
" ลูกสาวของเรา " กษัตริย์สวมกอดกับราชินีและทารกตัวน้อย ด้วยรอยยิ้มที่เบิกบานใจ
......
แสงสว่างอันบริสุทธิ์กลืนกินห้องบรรทม จ้าเกินกว่าจะลืมตาดู พร่าเกินไปจนมองไม่เห็นฉากนั้น...
ทิวทัศน์นั้นได้ผันแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง
' ภาพเปลี่ยนไปอีกแล้ว ' อลันหรี่ตามองใต้เงาของใบไม้ เวลานี้แสงอ่อนๆเล็ดลอดลงมากระทบบนพื้นหญ้าสีเขียว พร้อมกับความอบอุ่นของดวงตะวันที่สัมผัสได้
" ลาน่า... อย่าไปเล่นไกลนะลูก " เสียงแว่วจากหญิงสาวผู้หนึ่งดังขึ้นมา
เด็กหญิงตัวน้อยกำลังนั่งเล่นตุ๊กตาของเธอเพียงลำพังอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ ท่ามกลางสวนสวยเต็มไปด้วยดอกไม้
อลันมองเห็นความน่ารักของเด็กหญิง เขาก็ยิ้มแย้มขึ้นเพราะความไร้เดียงสา เขาก้าวเดินเข้าไปใกล้เธอ เพื่อจะได้มองเห็นชัดเจนขึ้นอีกสักนิด
" ฉันชื่อว่า... ลาน่า "
" เธอมีชื่อว่าอะไรเหรอ? " ในวันที่อากาศดีอย่างนี้ เด็กน้อยพูดคุยกับตุ๊กตาของตน ขณะนั่งเล่นอย่างสนุกสนานอยู่ใต้ต้นไม้
' น่ารักจัง เธอชื่อว่าลาน่าเหรอ ' อลันพลางนึกขึ้นในใจ พร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยนและเฝ้ามองดูเธออยู่ข้างๆ
" น่าสนุกจังผมเล่นด้วยได้ไหม "
" ....... " ลาน่าจ้องมองมาที่เขา ด้วยแววตากลมโตอันบริสุทธิ์ของเด็กน้อยคู่นั้น
" สวัสดีครับ ผมชื่อว่าอลันนะ " เขากล่าวทักทายพร้อมกับส่งยิ้มกว้างให้เธอ
" สวัสดีค่ะ หนูชื่อว่าลาน่า " เธอยิ้มตอบ
' อะ...!! เห็นเราด้วยเหรอ ' อลันตกใจสะดุ้งเฮือก เขาแปลกใจมากที่เด็กหญิงตอบกลับมา นี่มันคือความจริงหรือความฝันกันแน่...
ณ ความฝัน... อันพร่ามัว เอื้อมมือเข้าไปสัมผัสความสวยงามที่ซ่อนอยู่ในความมืดมิดของวันวาน
ความบริสุทธิ์ที่ทอแสงแห่งความหวังเอาไว้อย่างเลือนราง และความงดงามอันซีดเซียวที่เปราะบางราวกับจะแตกสลายไปในฝ่ามือ
แอบเข้าหาเธออย่างเงียบงันเพื่อไม่ให้ความจริงเหล่านั้นพังทลายไปเสียก่อน
แสงของดวงตะวันนั้นมันสว่างเกินกว่าจะมองเห็นวันพรุ่งนี้ และความรู้สึกที่สัมผัสได้ คือความเศร้าโศกของโชคชะตา...
จบตอน.