การผจญภัยที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจลึกลับของโลกแห่งศิลา และความปราถนาอันยากจะหยั่งถึงของจิตใจมนุษย์

Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ - Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 31 ความฝันอันยาวนาน โดย 1ValD @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ลึกลับ,ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,ลึกลับ,ต่างโลก,เวทมนตร์,แอคชั่น,ผจญภัย,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ลึกลับ,ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ลึกลับ,ต่างโลก,เวทมนตร์,แอคชั่น,ผจญภัย,ดราม่า,แฟนตาซี

รายละเอียด

Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ โดย 1ValD @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

การผจญภัยที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจลึกลับของโลกแห่งศิลา และความปราถนาอันยากจะหยั่งถึงของจิตใจมนุษย์

ผู้แต่ง

1ValD

เรื่องย่อ

Note

นิยายเรื่องนี้อ่านฟรีจนจบ จะอัพเดทตอนใหม่ 2-3 วันต่อหนึ่งตอนนะครับ (ถ้าไม่ติดอะไร) 

สำหรับตอนพิเศษจะลงในอีบุ๊คหลังนิยายจบแล้ว และจะทำการ Edit ต้นฉบับครั้งใหญ่ก่อนทำเป็นอีบุ๊ค

คำเตือน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแฟนตาซี แนวดราม่าผจญภัย อาจจะมีเนื้อหาการบรรยายถึงการต่อสู้และฉากน่ากลัวในบางช่วงบางตอน และโปรดระวังเนื้อหาที่อาจมีความตึงเครียด 

นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ชื่อตัวละคร สถานที่หรือเหตุการณ์ต่างๆ เป็นสิ่งที่ถูกสมมุติขึ้นในนิยาย 
นิยายเรื่องนี้เป็นออริจินัลของผู้แต่ง
ขอสงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ All rights reserved




ANIMA 

A thousand years ago

Anima stone was born in this world

Nobody knows where it came from or how it was born. They express their dominance throughout the world. From the land and sky to the deepest ocean.

In that Era, humanity discovered power. Learn how to use Anima power.

The Six Sages of Origin have various sorts of power. They polished a gemstone made of crystalline anima stone. To utilize their abilities and categorize them into six sorts. Until now, they have called

The Six Archetype



เมื่อหลายพันปีก่อน

ศิลาอนิม่าถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่ามันมาจากแห่งหนใดหรือกำเนิดขึ้นได้อย่างไร มันสำแดงพลังงานมหาศาลปลดปล่อยออกมา กระจายไปทั่วพื้นพิภพและท้องนภา ยันบาดาลลึกสุดมหาสมุทร

มนุษย์ในยุคนั้นได้ค้นพบขุมพลังและเรียนรู้นำมันมาศึกษา จนกระทั่งสามารถใช้งานแหล่งพลังงานจากศิลาอนิม่า ปราชญ์ทั้งหกผู้เป็นต้นกำเนิดแห่งพลัง ได้เจียระไนอัญมณีจากศิลาอนิม่าที่ตกพลึก เพื่อการใช้งานขุมพลังของมัน และแบ่งแยกรูปแบบของพลังเอาไว้หกประเภทด้วยกัน โดยถูกเรียกขานต่อกันว่า

อาเคไทป์ทั้งหก


The Anima Stone's history is still a mystery today. Though its energy has been harnessed by humans, their true nature remains mostly unknown.
This is a story about the adventures of young boys and girls as they take The Archetype Selection Exam.

Alun. A young boy dreams of becoming an explorer in order to explore a vast world.
And search for his missing mother. What will be the fate of this young boy? 

Welcome to the world of Anima's Stone 

จวบจนกระทั่งปัจจุบัน เรื่องราวของศิลาอนิม่ายังคงเป็นปริศนา มนุษย์เรียนรู้ที่จะใช้งานพลังงานเหล่านั้น แต่ทว่าก็ยังไม่สามารถเข้าใจถึงแก่นแท้ของมันได้

นี่คือเรื่องราวการผจญภัยของเด็กหนุ่มสาว ในการเข้ารับการสอบคัดเลือกอาเคไทป์

อลัน เด็กหนุ่มผู้มีความฝันอยากเป็นนักสำรวจ เพื่อที่จะออกสำรวจโลกที่กว้างใหญ่ และเดินทางตามหาแม่ของเขาที่หายตัวไป โชคชะตาของเด็กหนุ่มผู้นี้จะเป็นเช่นไร ขอต้อนรับเข้าสู่โลกของศิลาแห่งมนายตนะ

Impelle` Anima

สารบัญ

Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 1 ลำนำแห่งเจตจำนง,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 2 จุดเริ่มต้นของการเดินทาง,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 3 เพื่อนใหม่,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 4 หมากบนกระดาน,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 5 คำเตือนจากรัตติกาล,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 6 สนามของผู้ล่า,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 7 ผู้ล่าหรือผู้ถูกล่า,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-บทนำ แนะนำแผนที่และตราสัญลักษณ์,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 8 คลื่นใต้น้ำ,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 9 เส้นทางที่ไร้การหวนคืน,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 10 ความสามารถเฉพาะตัว,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 11 คำบัญชาของผู้ควบคุม,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 12 ปะทะผู้พิทักษ์,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 13 ผู้บุกรุก,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 14 จับกุม,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 15 หลุมศพสองหลุม,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 16 พวกพ้อง,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 17 พันธะแห่งโชคชะตา,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 18 เจตจำนงของศิลา,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 19 บุคคลและการตามหา,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 1 การสอบคัดเลือกอาเคไทป์ บทที่ 20 ความจริง (จบพาร์ทที่หนึ่ง),Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 21 สายลมหวนคืน,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 22 อัญมณีสีดำ,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 23 สายน้ำและคำทำนาย,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 24 นครลืมเลือน,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 25 หลงผิด,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 26 ตื่นขึ้น,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 27 ล่อลวง,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 28 ปฐมบทใหม่,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 29 รุกล้ำ,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 30 เลือนราง,Impelle` Anima ปรารถนาแห่งมนายตนะ-Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 31 ความฝันอันยาวนาน

เนื้อหา

Part 2 จอกแห่งความสัตย์จริง บทที่ 31 ความฝันอันยาวนาน


ปรารถนาที่จะหลับไหลไปตราบนานเท่านาน...

แม้แสงของวันใหม่จะมัวหมอง ก็ยังคงส่องสว่างออกมา รอยยิ้มอันบริสุทธิ์ของเธอ ผู้จ้องมองผ่านกาลเวลานั้น เป็นแค่เพียงเด็กหญิงไร้เดียงสา 

สายฝนจะนำพาหยาดน้ำของตราบาปตกลงมาสู่พวกเขา และคำอธิษฐานต่อโชคชะตาก็จมดิ่งไปชั่วนิจนิรันดร์


......


ครั้นเมื่อลืมตาขึ้นก็พลันมองเห็นตนเองในกระจกเงา... 

เด็กหนุ่มยืนกระพริบตาจ้องไปยังบานกระจกกลมโตในกรอบที่ตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง ...ชายผู้นั้นคือใครกัน ผมยาวประบ่าแววตาละมุนละไม นัยน์ตาเปล่งประกายแพรวพราวเหมือนแสงจากดวงตะวันฉาย คนที่ยิ้มอ่อนๆให้เขาในเงาของกระจกที่กลับด้าน... 

" ลาน่า... รีบแต่งตัวหน่อยลูก จะถึงเวลาพิธีแล้ว "

" ค่า... " 

อลันหันขวับไปมองเด็กสาวก้าวเดินเข้าห้องมาผ่านตัวของเขาไป มายืนเบื้องหน้ากระจกเงาบานใหญ่ 

" เหนื่อยจังเลย เรียนมารยาทแล้วยังต้องมาแต่งตัวให้ใครก็ไม่รู้ดูอีก เฮ้อ... " องค์หญิงลาน่า ยามนี้เติบโตขึ้นเป็นเด็กสาวผู้งดงามราวกับดอกไม้แรกแย้ม

เธอกำลังแต่งหน้าทำผมของตนเองอย่างละเมียดละไมภายในห้องนอน ยามที่ความสว่างส่องแสงอันนุ่มนวลผ่านหน้าต่างเข้ามา

อลันยืนนิ่งมองดูเห็นเหตุการณ์นั้นอยู่เงียบๆ ในกาลเวลาที่หนุ่มสาวทั้งสองห่างกันเพียงเอื้อมมือ...

เด็กสาวมองสะท้อนเข้าไปในกระจกเงา และสายตาก็พลันประสานกันในห้วงเวลาหนึ่ง 

เธอส่งยิ้มหวานมาให้ " ขอบคุณนะ ที่คอยเป็นกำลังใจให้ " เด็กสาวสัมผัสถึงความรู้สึกอบอุ่นใจและสีหน้าก็ดูสดชื่นขึ้นมาทันตา

เด็กหนุ่มผู้ยืนอยู่เบื้องหลังเธอนั้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ' เธอโตขึ้นแล้วสินะ ' อลันยิ้มตอบ


......


ในท้องพระโรง บนบัลลังก์ของราชาและราชินี 

องค์หญิงลาน่าในชุดเดรสยาวเรียบร้อยนั่งเคียงข้างบิดาและมารดา

" ผู้คนที่ดื่มน้ำจากจอกใบนี้ จะพูดความจริงออกมาเสมองั้นหรือ " ราชินีเอ่ยถามองครักษ์

" ขอรับองค์ราชินี องค์ราชาได้รับสั่งให้หม่อมฉันทดลองกับทหารและบริพารหลายคนแล้วขอรับ " 

" เข้าใจแล้ว งั้นดีล่ะ... ให้พวกเขาเข้ามาได้ " 

อาคันตุกะจากต่างแดนได้มาเยือนนครแห่งนี้ พวกเขาได้เข้าเฝ้ากษัตริย์และราชินี 

องค์ชายจากต่างเมือง เป็นชายหนุ่มรูปงามพร้อมด้วยบริวารมากหน้า พวกเขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อถวายความเคารพ

" น่าสงสาร... ต้องถูกบังคับให้ดูตัวตั้งแต่ตอนนี้ องค์หญิงยังเด็กอยู่เลยนะ " 

อลันได้ยินเสียงแว่วมาจากฝูงชนไม่ไกลจากตัวเขา เด็กหนุ่มดูเป็นกังวลและรู้สึกเป็นห่วงเธอจับใจ

ในยามนี้เด็กสาวผู้นั้นมีแววตาที่เศร้าหมอง ไม่สดใสเหมือนเช่นวันวาน

พิธีดูตัวดำเนินไปตามครรลองอย่างราบลื่น ทว่าความเรียบง่ายนั้นก็ถูกบิดพลิ้ว...

" เจ้าจงดื่มน้ำจากจอกศักดิ์สิทธิ์นี่ แล้วตอบเรามาสิว่า เมืองของเจ้าเป็นพันธมิตรที่ดีต่อพวกเราหรือไม่ " ราชินีเอ่ยถามองค์ชายจากต่างแดน และยามนั้นองครักษ์ได้หยิบยื่นจอกใส่น้ำบริสุทธิ์ให้แก่เขา 

ชายหนุ่มรูปงามผู้นั้น หยิบมันมายกขึ้นดื่มอย่างมาดมั่น เสียงฮือฮาของผู้คนก็เงียบกริบลง ทุกสายตาล้วนจับจ้องมองดู และเมื่อเขาเริ่มปริปากพูด... 

" เมืองของข้าไม่ได้อยากเป็นพันธมิตรกับพวกท่านหรอก หากว่าเมืองของท่านไม่ได้ร่ำรวยมั่งคั่ง และมีอำนาจเยี่ยงนี้

การแต่งงานก็เช่นกัน มิใช่ว่าพวกท่านมีแค่บุตรสาวเพียงคนเดียวหรอกหรือ ถึงได้พยายามจับนางคลุมถุงชนเพื่อหาผู้สืบทอดบัลลังก์ " เขาเอ่ยขึ้นอย่างห้าวหาญไร้ความยำเกรงใดๆต่อหน้าองค์ราชา และราชินี

" องค์ชาย! ทำไมถึงพูดแบบนี้ขอรับ! มันเป็นการเสียมารยาทมากนะขอรับ " องครักษ์ของเขาทักท้วงขึ้นในทันใด 

" ขะ... ข้า... ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมถึงพูดออกมาเองแบบนี้ " เขาเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ากระวนกระวาย

สายตาอันคมกริบของราชินีจ้องมองไปยังชายจากต่างแดนผู้นั้นตาเขม็ง ความไว้เนื้อเชื่อใจมลายหายไปในพริบตา

' นี่น่ะเหรอ พลังของจอกแห่งความจริง ' อลันผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ก็พลันนึกขึ้นในใจ


......


นครทาลาส... เมืองแห่งความมั่งคั่งและพลังอำนาจ 

ทั้งราชาและราชินี ต่างใช้พลังจากจอกแห่งความจริง สมบัติโบราณชิ้นนั้นในการควบคุมดูแลผู้คนทั้งชายและหญิง 

" วันแห่งคำสัตย์ " ถูกบัญญัติขึ้นเป็นข้อบังคับของเมืองแห่งนี้ ในคืนที่จันทร์เต็มดวงก่อนเข้าฤดูเหมันต์ ประชาชนทุกคนจะต้องดื่มน้ำจากจอกศักดิ์สิทธิ์ใบนี้ เพื่อถวายความจงรักภักดีแด่องค์ราชา 

และความจริงจะถูกเปิดเผยในค่ำคืนนั้น ผู้คนส่วนมากต่างจงรักภักดีต่อองค์ราชา ทว่า... หากมีผู้ใดคิดร้ายแม้เพียงเล็กน้อยก็จะถูกลงโทษเฆี่ยนตีอย่างทารุณ

ไม่เว้นแม้แต่ผู้ที่มาเยือนทูตจากต่างแดน ไปจนถึงพ่อค้าและเหล่ามิตรไมตรีทั้งหลาย ต่างจำเป็นต้องดื่มน้ำเพื่อเผยความจริงภายในใจของพวกเขา และหากมีผู้ใดที่ประทุษร้ายต่ออาณาจักรนี้จะถูกประหารให้สิ้นชีวี 

พลังอำนาจของจอกโบราณ สร้างอิทธิพลให้แก่ อาณาจักรนี้อย่างเหลือล้น เป็นที่ยำเกรงของทุกผู้ที่ได้มาเยือน


......


ห้องบรรทม... หยาดฝนโปรยปรายลงมาในค่ำคืนหนึ่ง ยามนี้ราชินีพักผ่อนอยู่บนเตียงนอน รายล้อมไปด้วยเหล่าข้าทาสบริวาร ร่างกายของเธออ่อนแอและเป็นโรคร้าย ผิวหนังมีปานสีดำขึ้นตามร่างกาย ซูบผอมหมดเรี่ยวหมดแรง

" ท่านแม่ป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่ " องค์หญิงลาน่าเอ่ยถามหมอหลวงที่กำลังตรวจดูอาการของเธอ

" ขออภัย หม่อมฉันเองก็ไม่ทราบขอรับ "  

" รักษานางได้ไหม " กษัตริย์เอ่ยถามขึ้น

" ไม่เคยเห็นโรคที่มีปานดำลุกลามขึ้นมาทั่วทั่งร่างกายแบบนี้เลยขอรับ คงต้องให้นักปราชญ์จากแดนเหนือมาดูอาการแทน " หมอหลวงเอ่ยในยามนั้น


ต่อมาไม่นาน...

" เป็นอย่างไรบ้าง ท่านนักปราชญ์ " กษัตริย์เอ่ยถาม 

" คำสาปอนิม่า... ลุกลามใหญ่โตเหตุเพราะท่านใช้พลังของมันมากเกินไป " ชายชรานักปราชญ์แห่งแดนเหนือเอ่ยเรียบๆขณะตรวจดูอาการ

" จอกศักดิ์สิทธิ์น่ะเหรอท่าน ที่ทำให้เป็นแบบนี้ " 

" ไม่ว่าจะเป็นวัตถุแบบใด หากว่าใช้พลังงานของมันมากเกินไปก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นเช่นนี้ได้ " 

" แล้วจะรักษาท่านแม่ข้าได้ไหม " องค์หญิงลาน่าเองก็ดูวิตกกังวลมากในเวลานี้

" ข้าต้องขอโทษด้วย ในยามนี้ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ มีแต่ต้องหยุดใช้พลังเพื่อยับยั้งไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้ " 


จอกศักดิ์สิทธิ์... สมบัติตั้งแต่ครั้งบรรพกาล มีพลังอำนาจมากมายเหลือคณานับ ทว่ามันก็นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ไม่อาจคาดเดา 

ทั้งราชาและราชินีใช้มันในการหาความสัตย์จริงจากผู้คน แลกมาด้วยผลตอบแทนที่แฝงไว้ด้วยตราบาปชั่วนิรันดร์ 

' คำสาปอนิม่า มันคืออะไรกันแน่นะ ' เด็กหนุ่มผู้นี้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยสายตาของตัวเอง อลันเริ่มรู้สึกหวาดหวั่นกับเมืองต้องสาปแห่งนี้


......


พระราชพิธีพระบรมศพ... ขององค์ราชินี 

" ฮือ... ฮืออ... ท่านแม่! " องค์หญิงลาน่าร้องไห้ฟูมฟายต่อหน้าพระบรมศพของพระองค์

" ลาน่า... ไม่เป็นไรนะลูก " ราชาสวมกอดบุตรสาวของตนยามที่สูญเสียคนสำคัญของพวกเขาไปตลอดกาล

" เพราะมัน! เพราะสมบัติโบราณชิ้นนั้น ท่านแม่ถึงได้ต้องตายไป " เธอตวาดเสียงขึ้น น้ำตาพลันไหลรินอาบใบหน้า ทั้งความรู้สึกเสียใจและสิ้นหวัง โกรธเกรี้ยวและอาฆาต ถาโถมเข้ากัดกร่อนจิตใจของเด็กสาวผู้นี้

" ข้าจะเอามันไปทิ้งให้ไกลไม่ให้ใครหาเจออีก! "

" ไม่ได้นะลาน่า! เจ้าทำแบบนั้นไม่ได้ เช่นนั้นแล้วพวกเราจะไม่มีอำนาจในการควบคุมผู้คนอีก 

จอกใบนี้ทำให้เมืองของเรามีอำนาจมากกว่าเมืองอื่น พ่อจำเป็นต้องใช้มัน " 

" ท่านหยุดใช้มันได้แล้วท่านพ่อ!! " 

" ลาน่า... ฟังพ่อก่อน " 

" ถ้าใช้มันมากเกินไป ท่านจะโดนคำสาปเหมือนกับท่านแม่ ข้าไม่อยากเสียท่านไปอีกคน " 

" เดี๋ยวก่อนลาน่า...! " 

ความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจสุดจะทน เธอวิ่งร้องไห้ออกไปจากความเจ็บปวดและความสูญเสียที่ไม่อาจยอมรับ

องค์หญิงหนีไปยังสวนพฤกษศาสตร์ ห้องเรือนกระจกขนาดกว้างใหญ่ที่เธอและแม่ช่วยกันสร้างขึ้น พืชพรรณนานาชนิดและบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ ความงดงามจากธรรมชาติของโลกใบนี้ และเธอกับแม่ก็รักษามันเอาไว้ เป็นความทรงจำอันสวยงามที่เธอบรรจงบ่มเพาะมันขึ้นมา 

ยามนี้เธอเฝ้าคิดคำนึงและร้องไห้คร่ำครวญอยู่เพียงลำพัง ลาน่าเป็นเพียงแค่เด็กสาวที่พึ่งจะเติบโตขึ้นมา โลกของเธอ... ที่คิดว่ามันงดงามและเพียบพร้อมไปด้วยความรัก แต่ทำไมสิ่งที่เลวร้ายถึงเกิดขึ้นกับเธอได้ ทำไมถึงได้สูญเสียคนที่เธอรักไปกับสิ่งที่ไม่อาจจะเข้าใจ ความลุ่มหลงมัวเมาในพลังอำนาจนำพามาซึ่งความพินาศสู่ชีวิต 

" ฮึก... ฮึก... " เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น ความผิดหวังเจ็บปวดรวดร้าวกัดกินหัวใจอันเปราะบางของเด็กสาว

' ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ ' อลันมองเธอด้วยความอาลัย 

" คุณอยู่ที่ไหนกันนะ... ฮึก... " ปลายนิ้วอันเรียวยาวของเด็กสาว ปาดน้ำตาบนแก้มของเธอ

' ผมอยู่ตรงนี้... ข้างๆเธอไง ' เด็กหนุ่มอ้าปากขึ้น แต่มันไร้ซึ่งถ้อยคำที่ออกมา เขาเอื้อมมือไปเพื่อจะคว้าตัวเธอ 

" เปรี๊ยะ... เพล้ง...! " รอยร้าวปริแตกขึ้นในช่องว่างของอากาศ กระจายออกแตกเป็นเสี่ยงๆ ภาพความทรงจำทั้งหลายกลายเป็นเศษแก้ว แตกออกเป็นละอองเม็ดทราย 

...ตระหนักถึงความเจ็บปวดและความขมขื่นที่ถูกยัดเยียดให้ ความเป็นจริงอันโหดร้ายแตกสลายราวกับถูกหยอกล้อโดยโชคชะตา


......


" ติ๋ง... ติ๋ง... " หยดน้ำ... ร่วงหล่นดังก้องกังวานไปทั่วพื้นที่ว่างเปล่าของซากอาคาร แสงสว่างพร่ามัวของดวงจันทร์ ส่องแสงเล็ดลอดมาจากรอยแตกร้าว 

" ติ๋ง... " หนึ่งหยดตกลงบนใบหน้า

เขาค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น ท่ามกลางห้องกว้างที่เต็มไปด้วยหญ้ามอส เถาวัลย์เลื้อยพันเศษซากปรักหักพังและต้นพืชเล็กๆที่เติบโตจากรอยแยกบนผืนดิน 

ความฝัน... 

" อา... เกิดอะไรขึ้น... " เขาเปิดตาอย่างช้าๆรู้สึกเวียนหัวสะลึมสะลือ เสื้อผ้าเปียกชื้นไปด้วยน้ำฝนและคราบเลือด

" อือ... ปวดหัว... "

เขากวาดสายตาอันพร่าเลือนของตนมองไปรอบกาย โถงอันกว้างใหญ่ในซากอาคารเก่าผุพัง 

' รู้สึกเหมือนฝันไป... ' 

" อูย... " เด็กหนุ่มพลันเอามือกุมศีรษะของตน ของเหลวสีแดงสดเปรอะเปื้อนติดมือมา 

' เหมือนเราจะโดนกระแทกเข้าที่หัว ' อลันพลันเอามือลูบคลำไปที่ศีรษะของตน 

' เลือดยังไหลไม่หยุดเลย ' เขามองหาเศษผ้าเก่าๆ จากม่านของหน้าต่างมาพันไว้ที่ศีรษะของตน 

' ที่นี่ที่ไหนกันนะ จำอะไรไม่ค่อยได้เลย...

จำได้แค่ว่ากำลังเข้าป่ามาตามหามีน่า หลังจากที่เราพยายามใช้อุปกรณ์นักสำรวจ ก็เห็นบางสิ่งรูปร่างเหมือนมนุษย์ ' 

" จริงสิ! อุปกรณ์นักสำรวจ " เขาพยายามมองหาอุปกรณ์สำรวจของตน

" ...เหมือนว่าจะทำแว่นตาตกไปแล้ว เหลือแต่เข็มทิศ " เข็มทิศที่เขาหยิบมันขึ้นมา มันหมุนวนอย่างรวดเร็วและไร้ทิศทางเหมือนถูกรบกวนอย่างรุนแรง 

' ทำไมเข็มทิศถึงได้หมุนมั่วไปหมด ท่าทางเราต้องพึ่งตัวเองแล้วตอนนี้ ' เด็กหนุ่มนึกขึ้นอย่างสงสัย 

เขาพยายามที่จะทำการสำรวจสถานที่แห่งนี้ เพื่อหาว่าตนเองนั้นอยู่ที่ไหน มองหาทางออกในซากเมืองอันมืดมิดยามค่ำคืน

' ที่นี่คือ... นครลืมเลือนหรือเปล่านะ ' 

เขาลุกขึ้นเดินสำรวจเส้นทางภายในอาคารที่กว้างใหญ่ มันเต็มไปด้วยหญ้ามอส แอ่งน้ำขังจากร่องรอยของการทรุดตัวและแตกหัก อลันเดินสำรวจไปรอบๆจนมาถึงห้องโถงใหญ่ มีเสียงของบางสิ่งอยู่ภายในบริเวณนั้น 

อลันหันขวับไปมองด้วยสายตาอันพร่ามัว ลมหายใจรุนแรงจนได้ยินเสียงของมันชัดเจน เบื้องหน้าของเขา คือลิงยักษ์ขนาดตัวใหญ่ผิดปกติหลับไหลอยู่กลางโถงกว้าง

ด้วยความกลัวและความอ่อนแรง ทำให้ไม่สามารถจะขยับตัวก้าวขาออกไป เขายืนนิ่งตัวสั่นระริกอยู่ไม่ไกลจากมัน 

' โชคยังดีที่มันหลับอยู่ ' เขานึกขึ้นด้วยความโล่งใจและพยายามก้าวขาเดินผ่านมันไป เด็กหนุ่มเดินจากห้องโถงใหญ่จนมาถึงทางเดินทอดยาว ต้นไม้หนาทึบขึ้นในบริเวณนั้นจนปกคลุมทั้งหลังคาและหน้าต่าง

' เราต้องตามหามีน่า... ' แม้จะอ่อนแรงและเหนื่อยล้า แต่อลันยังคงไม่ลืมสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้ 

เขาพลันสังเกตเห็นสถานที่หนึ่งจากหน้าต่าง เบื้องหน้าตรงปีกด้านหนึ่งของอาคาร ปรากฏเป็นห้องเรือนกระจกที่มีเถาวัลย์เลื้อยพันไปทั่วบริเวณ 

' ห้องเรือนกระจก...? ' เด็กหนุ่มจดจำมันได้จากความทรงจำอันเลือนราง พลังอำนาจลึกลับที่ดึงดูดความสนใจ เขาจึงตัดสินใจจะเข้าไปสำรวจดูที่นั่น 

ในระหว่างทางเดิน...


" ...ข้า ...ขอโทษ ไม่... " เสียงก็แว่วผ่านมาทางสายลมเย็นยะเยือกมา 

ความรู้สึกหนาวสั่นจากไอเย็น เกิดเป็นหมอกลอยหนาขึ้นมาทั้งบริเวณ ไอหมอกบดบังการมองเห็นของเขาและสายตาที่พร่ามัวจากการเสียเลือดไปมาก ทำให้ภาพเหล่านั้นเลื่อนลอย

เขาเดินอย่างอ่อนแรงไปตามทางเดิน ความรู้สึกเย็นวาบก็แผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัว


" หนีไป... องค์หญิง... "

" หนีไป... " เสียงแว่วดังสะท้อนก้องกังวาน ยามที่หมอกสีขาวโพลนปกคลุมทุกอย่างไว้

เงาจางๆอันเลือนลางและเสียงแว่วแผ่วเบา ภาพของใครบางคนกำลังวิ่งผ่านไป หายลับไปในไอหมอก

' นี่เรา... หูแว่วไปเอง หรือว่าเห็นภาพหลอนเพราะการเสียเลือดมากไปนะ ' 

" หวิว... " หมอกหนายังคงปกคลุมไปทั่ว

" ฉึก... " 

" อ๊าาากกก " เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นในความเลือนรางของหมอกควัน

" กรี๊ดดด...!! " 

" ปึง! " เงาของใครบางคนปิดประตูลงต่อหน้า


" แฮ่ก... " เขาหายใจเหนื่อยหอบเหมือนขาดอากาศ เดินสลึมสลือไปตามทาง จนกระทั่งถึงห้องเรือนกระจกแห่งนั้น เด็กหนุ่มใช้มือที่สั่นของเขาคว้าประตูและเปิดมันออกอย่างช้าๆ 

ภายในห้องเต็มไปด้วยเศษซากของถ้วยชามที่แตกร้าวและกองกระดูกเกลื่อนกลาดกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ เถาวัลย์เลื้อยพัวพันไปรอบๆและรอยคราบฝังลึกที่ติดอยู่ตามกำแพง 

ในวินาทีที่เขาเหยียบเท้าเข้าสู่พื้นห้อง...

ของเหลวสีแดงสดผุดขึ้นมาจากผืนดิน ตามรอยแตกร้าวและกิ่งก้านของเถาวัลย์ ท่ามกลางเศษซากนั้นมันเอ่อล้นกลายเป็นโลหิตแดงฉานเจิ่งนองไปทั่ว

' เลือด!! ' กลิ่นคาวคละคลุ้งขึ้นเตะจมูก อลันตกใจสะดุ้งเฮือกใหญ่ และในชั่วอึดใจเดียวตัวของเขาก็พลันโน้มลงเข้าหาผืนน้ำ

เพียงแค่พริบตาห้องเรือนกระจกก็ล้นปรี่ไปด้วยของเหลวจนกลายเป็นทะเลเลือด ร่างกายของอลันจมดิ่งลงไปในห้วงลึกของมหาสมุทร วังวนแห่งความทุกข์ทรมานนำมาซึ่งภาพเหตุการณ์ของอดีตซ้ำรอยเดิม แล่นเข้ามาในทุกประสาทสัมผัสของเขา


......


" พาลาน่าหนีไป! ทหารพวกนั้นบุกเข้ามาถึงห้องโถงแล้ว " ราชาแห่งนครทาลาสกำดาบเอาไว้แน่น พร้อมด้วยองครักษ์ที่ล้อมรอบ 

" ไม่นะท่านพ่อ! ข้าไม่ไป " 

" ฉัวะ! " ในช่วงเวลาอันชุลมุน ทั้งเหล่าองครักษ์และราชาถูกสังหารลงสิ้นใจ ต่อหน้าของเด็กสาวผู้เดียงสา 

" กรี๊ดดด!! " ลาน่ากรีดร้องขึ้นอย่างสิ้นหวัง

" ไม่ได้นะองค์หญิง ต้องหนีแล้วขอรับ " องครักษ์พลันคว้าตัวเธอเอาไว้ หลบหนีออกจากลานประหารที่นองไปด้วยความตาย

ยามนี้นครทาลาสลุกเป็นไฟ เต็มไปด้วยการฆ่าฟันและสังหารผู้คนไม่มีเว้น เสียงกรีดร้องทนทุกข์ทรมานดังกึกก้องไปทั่ว ทุกสิ่งล้วนพังทลายลงในค่ำคืนสุดท้ายนั้น... 


" องค์หญิง! หนีไป... " 

" ฉึกกก... " ดาบยาวแทงทะลุกลางอกขององครักษ์ผู้นั้นต่อหน้าต่อตาเธอ

" กรี๊ดดด!! ไม่ๆๆๆ ไม่นะ ไม่ใช่แบบนี้ " เวลานี้เด็กสาวหมดสิ้นหนทาง แววตาไร้สิ้นความหวังและหัวใจอันแตกสลายกับร่างกายที่สั่นเทิ้มด้วยความกลัว

ลาน่าวิ่งหนีเข้าไปในสวนพฤกษศาสตร์ที่แห่งเดียวที่เธอนึกถึงในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ห้องเรือนกระจกกล่องเก็บความทรงจำอันงดงามของเธอ 

" ฮึก... ฮึก... ฮือ.... " 

" ท่านพ่อ... ท่านแม่... ทำไมถึงเป็นแบบนี้ " เธอคร่ำครวญร้องไห้สะอึกสะอื้น เสื้อผ้าละเลงไปด้วยเลือดเปรอะเปื้อนตามตัว ในมือคือสมบัติชิ้นสุดท้ายที่พ่อของเธอฝากเอาไว้ จอกแห่งความจริง...

" เพราะสิ่งนี้ใช่ไหม จอกต้องคำสาปบ้าบอนี่ ทำไมทุกคนถึงอยากได้มันนัก " เธอพร่ำเพ้อทั้งน้ำตานั่งลงเบื้องหน้าสมบัติที่ทุกคนหมายปอง

" ฉันอยากให้มันหายไปจากโลกนี้ ไม่อยากให้ใครหามันเจออีก ฮึก... ไม่อยากให้มีเรื่องเลวร้ายแบบนี้อีกแล้ว ฮือ... " 

สัตว์ตัวน้อยที่เธอคอยเลี้ยงดู ลิงจมูกยาวตัวหนึ่งเข้ามาใกล้เจ้านายของมัน พวกมันสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าของเด็กสาว มือที่โชกไปด้วยเลือดของเธอคู่นี้ สัมผัสจอกโบราณอย่างแผ่วเบา 

" ฮึก... เอามันไป... อย่าให้ใครหามันเจออีก ฮึก... " น้ำเสียงสั่นเครือและมืออันบอบบางนั้น หยิบยื่นให้กับเพื่อนตัวเล็กของเธอ 

ลิงตัวน้อยมองเธออย่างอาลัย พวกมันฉลาดพอที่จะเข้าใจสิ่งที่เด็กสาวกำลังสื่อออกมา 

" ฉันเป็น... คนสุดท้าย... ฮึก... ที่รู้จักพลังของมัน 

พวกเขาจะ... ต้องให้ฉัน... ใช้มันทำเรื่องไม่ดี ฮึก... ฮึก... " 

ในความสิ้นหวังเธอฝากฝังสิ่งสุดท้ายให้กับธรรมชาติเป็นผู้ดูแล และการตัดสินใจอันเด็ดขาดของเธอ...

องค์หญิงลาน่าคว้าเอาเศษกระจกคมกริบข้างตัว กำมันไว้แน่นจนมือชุ่มไปด้วยเลือด 

ในวินาทีนั้น...


" อย่านะ!! " อลันตะโกนลั่น

" ฉึบ... " คมมีดกรีดลำคอ เธอปาดคอตนเองสิ้นใจไปในวาระสุดท้าย 

แสงสว่างสุดท้ายอันบริสุทธิ์ดับมอดลงไปพร้อมกับเมืองที่ล่มสลาย ความปรารถนาอันแรงกล้าของเด็กสาวผู้ไร้เดียงสา ได้ให้กำเนิดคำสาปอันทรงพลังขึ้นมา

" วิ้งงง...... " เสียงแหลมดังเข้ามาในโสตประสาท

" อ๊าาา......!!! " เด็กหนุ่มแหกปากร้องลั่นอยู่ในวังวนของความบิดเบี้ยว ความเจ็บปวดทนทุกข์แสนสาหัสแล่นเข้าสู่จิตสำนึก ลิ้มรสของความทรมานและความลุ่มหลงในอำนาจ ความทรงจำบีบคั้นและหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

" หยุดเถอะ! พอที!! " 

และในห้องแห่งนั้น... จอกแห่งความจริงก็ปรากฎออกมา โลหิตเอ่อล้นทะลักไหลมารวมกันปรับเปลี่ยนรูปร่างจากของเหลวสีแดงฉานกลายเป็นรูปลักษณ์ของเด็กสาว

องค์หญิงลาน่าลืมตาตื่นขึ้น ปรากฎตัวในร่างของสตรีโลหิตสีแดงชาด 

" กรี๊ดดด!! " เสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องไปทั่วท้องฟ้าอันมืดมนยามที่จันทราเต็มดวง

เธอปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าของเด็กหนุ่มที่นั่งคุกเข่าลงต่อหน้าสมบัติต้องสาป  


ในทันใดนั้นเอง...

" จงเปิด...! " 

" ดวงตาแห่งเทวา " 

ชายชราผู้ที่มีปานสีดำเอ่ย ผู้เฒ่ามูซายื่นมือเข้าช่วยเหลือเขาในเวลานี้ เขาพลันใช้มือประกบกันเกิดเป็นพลังงานสว่างขึ้นเหนือศีรษะตน

ดวงตาแห่งเทพถูกเปิดผนึกออก...

 ' ออกมาจนได้นะ คำสาปของจอกโบราณ ' ผู้เฒ่ามูซา ปรมาจารย์แห่งผู้เฝ้ามอง จ้องเขม็งไปยังคำสาปแห่งนครลืมเลือน



จบตอน.