อวิ้นซี ชายหนุ่มในยุคปัจจุบันได้เสียชีวิตลง และดันลืมตาขึ้นมาในร่างเกอผู้หนึ่ง ซ้ำยังได้แต่งงานกับชายโง่เขลาอีกด้วย แต่พอได้เห็นหน้าที่หล่อเหลาของเขาอวิ้นซีได้ตัดสินใจจะเลี้ยงดูเขาในอนาคต
ชาย-ชาย,รัก,ครอบครัว,ชายรักชาย,ชาย-ชาย,ต่างโลก,#BL,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
“ภรรยาข้า เราจะเก็บทั้งหมดเลยรึ” อันเฉิงยืนมึนงงเฝ้าดูภรรยาของตัวเองกำลังเก็บของของเขามากองไว้ ทั้งเสื้อผ้าก็ไม่เหลือไว้แม้แต่ชิ้นเดียว
“ใช่ พรุ่งนี้เราจะออกไปจากที่นี่กัน” อวิ้นซีเงยหน้าขึ้น แน่นอนเขาต้องเก็บมันทุกอย่างที่เป็นของเขาและอันเฉิง อย่างไรก็ไม่คิดกลับมาที่นี่แน่นอน
“แล้วเราจะไปอยู่ที่ใดกันเล่า เราไม่มีบ้านแล้ว” อันเฉิงยังคงงุนงง แม้เขาจะยินดีตามภรรยาไป แต่ก็สับสนหากไม่อยู่บ้านที่สวยงามหลังนี้แล้วพวกเขาจะไปอยู่ที่ใด
“อย่างไรเราก็อยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว ออกไปหาเอาข้างหน้าแล้วกัน” เขาเองไม่อยากอยู่เห็นหน้าคนพวกนี้อีกแล้ว แม้ออกไปช่วงแรกๆ จะลำบากอยู่บ้าง แต่อวิ้นซีเชื่อว่าไม่นานทุกอย่างต้องดีขึ้นแน่
“อืมข้าตามเจ้า แต่นี่คืออันใด มะ มัน ของพวกนี้หายไปแล้ว” เมื่อคุยอยู่ดีๆ ของที่อวิ้นซีเก็บมากองไว้ตรงหน้ากลับหายไปเสียดื้อๆ ทำเอาอันเฉิงเบิกตาโพลงอย่างตกใจ
“นี่ มันคือแหวนมิติเก็บของ เป็นสมบัติของท่านแม่ข้าน่ะ แหวนวงนี้เป็นระดับกลางสามารถเก็บของได้เยอะมาก” อวิ้นซียกมือข้างซ้ายของเขาขึ้นให้สามีดู แหวนวงนี้เขาใส่ติดตัวมาตลอด มารดามอบให้เขาตั้งแต่อายุสามขวบ มองเผินๆ คล้ายแหวนธรรมดา แต่มันคือแหวนมิติเอาไว้ใช้เก็บของ นอกจากสิ่งมีชีวิตที่ใส่ไม่ได้แล้ว ของทุกอย่างที่ใส่เข้าไปไม่ว่าจะนานเท่าไหร่หากเอาออกมาก็จะมีสภาพเหมือนเดิมกับตอนที่เอาเข้าไป มันสามารถปรับขนาดได้ด้วย แหวนวงนี้อวิ้นซีคนเดิมไม่เคยถอดมันออกจากนิ้วสักครั้ง หากลองดูของที่อยู่ข้างในก่อนหน้าแล้ว นับว่ามีมากกว่าสินเดิมที่เขาได้มาตอนนี้ด้วยซ้ำ เพราะตอนเด็กไม่ว่าโอกาสใด ท่านพ่อ ท่านแม่ หรือว่าญาติๆ คนอื่นที่พบเขามักจะให้เงินหรือของขวัญพบหน้าแก่เขาเสมอ อวิ้นซีคนเก่าไม่ใช่คนสิ้นเปลืองอะไร เขาจึงเก็บมันไว้ในแหวนมิติมาตลอด เขานับถือใจริงๆ ที่อวิ้นซียินยอมแต่งออกมาโดยมีสินเดิมติดตัวมาเพียงแค่นั้น หากเป็นเขาเเม่เลี้ยงนางนั้นคงไม่อาจทำสำเร็จโดยง่ายเช่นนี้แน่
“ข้าพึ่งเคยเห็นมัน มันวิเศษมาก” อันเฉิงตาลุกวาวเขาไม่เคยเห็นของแบบนี้มาก่อน มันวิเศษมากจริงๆ
“หึ เรารีบเก็บกันเถอะ ข้าจะไปเก็บของข้า ส่วนของท่านก็เก็บมากองไว้ตรงนี้ ข้าจะเก็บมันเข้าไปอีกที” อวิ้นซียิ้มเล็กน้อยกับท่าทางที่ตื่นเต้นของสามีตนเอง ก่อนจะบอกให้เขาเก็บของตนเองมาวางไว้ก่อนค่อยเขาเข้าแหวนมิติทีหลัง
“ได้ข้าฟังเจ้า” อันเฉิงพยักหน้าขึ้นลงหลายครั้งอย่างเชื่อฟัง
“เฮ้อ เหมือนสุนัขเลยแฮะ” อวิ้นซีมองอันเฉิงเทียววุ่นเก็บของตามคำสั่งของเขาอย่างเคร่งครัดแล้วคล้ายสุนัขตัวโตยิ่ง
“น้องสะใภ้สามเหตุใดเจ้าถึงมาที่ครัวได้เล่า” สะใภ้ใหญ่เห็นมีเสียงดังในครัวนางจึงรีบออกมาดู ไม่คิดว่าจะเป็นสะใภ้สามจะเข้าครัวเวลานี้
“ข้าแค่จะมาเอาของของข้าพี่สะใภ้ใหญ่มีอะไรรึ” อวิ้นซีไม่ได้สนใจไปมองเขาเพียงเก็บของเหล่านั้นใส่แหวนมิติไป
“แต่ของพวกนี้ บ้านใหญ่ของเราใช้มานานแล้ว” สะใภ้ใหญ่ตาโต เคยได้ยินมาก่อนว่าสะใภ้สามเป็นบุตรของสาวใช้ที่จงรักภักดีของตระกูลอวิ้น จึงได้ใช้สกุลอวิ้นด้วย แต่ไม่คิดว่าแม้แต่ลูกของสาวใช้ตระกูลอวิ้นก็มั่งมีมากเช่นนี้ นางเป็นบุตรสาวของเถ้าแก่ร้านขายข้าวในเมือง ย่อมเคยได้ยินได้ฟังเรื่องของวิเศษมาบ้าง อวิ้นซีถึงกับมีแหวนมิติด้วย
“นานแล้ว? ฮ่าๆ พี่สะใภ้ใหญ่คงไม่รู้ ว่าเตา กระทะ หม้อ พวกนี้ หรือแม่แต่ถ้วยชามตะเกียบนี้มันล้วนมาพร้อมกับสินเดิมของข้า หากข้าออกจากเรือนนี้ไปย่อมต้องนำมันไปด้วย” อวิ้นซีหัวเราะออกมาเสียงดัง ไม่คิดว่าพี่สะใภ้คนนี้จะกล้าเอ่ยออกมา ใช้มานานแล้วอย่างไร ของทั้งหมดเป็นของเขา เขาจะเอาคืนใครจะว่าอะไรได้
“เจ้า เพียงของแค่นี้เจ้าก็จะเอาไปด้วย เหอะช่างน่าชังนัก” แม่โจฟังอยู่นาน อดทนไม่ไหวถึงกับเปิดประตูออกมาเพื่อด่าอวิ้นซี
“ท่านแม่ท่านคงลืมไปของพวกนี้เป็นท่านที่แอบหยิบมันมาจากสินเดิมของข้า ยังมีของใหม่อีกหลายอย่างที่ท่านหยิบไป ท่านช่วยเอามันออกมาคืนข้าด้วยขอรับ” เขาเอาของเขาคืนอย่างถูกต้อง อวิ้นซีไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ของที่แม่โจเอาไปไม่ได้มีเพียงเท่านี้ แม่โจยังแอบเก็บเครื่องเครือบที่งดงามไว้ในห้องตนเองอีกมาก ไม่พอยังมีผ้าไหมอีกหลายพับด้วยที่หายไปจากตู้เก็บของของเขา ที่อวิ้นซีคนเดิมไม่เก็บสินเดิมพวกนี้ไว้ในแหวนมิติ เพราะเห็นว่าจะได้หยิบใช้โดยง่ายโดยไม่ให้ผู้อื่นรู้ว่าตนเองมีแหวนมิติ แต่อวิ้นซีไม่ทำเช่นนั้น
“บุตรชายของข้าคืนให้เจ้าหมดแล้วไม่ใช่รึยังจะมาหาอะไรอีก” แค่เสียส่วนของบุตรชายคนโตให้อวิ้นซี ก็นับว่ากรีดเลือดเฉือนเนื้อของแม่โจไปมากแล้ว เขาไม่อยากจะคืนของใดๆอีกสะใภ้คนนี้ช่างอำมหิตนัก
“มันคนละส่วนกันขอรับ ส่วนนั้นชดใช้ส่วนของที่ท่านเอาตั๋วเงินข้าไปสองร้อยตำลึง แต่ของพวกนี้เมื่อครู่ข้าตรวจดูสินเดิมของข้า มันกลับหายไปไม่น้อย ข้าเก็บมันไว้ในตู้อย่างดีมันกลับหายไปได้ ข้าสงสัยว่ามีโจรเข้าห้องของข้าไปขโมยของเป็นแน่ เห็นทีต้องไปเชิญผู้ใหญ่บ้านมาตรวจดูตอนนี้เสียแล้ว” ไม่ยอมคืนเขาก็จะไปเชิญผู้ใหญ่บ้านมา ลองดูว่าแม่โจจะกล้าเสี่ยงดูหรือไม่ ไม่แน่จากจะแค่คืนของอาจจะได้จ่ายมากกว่านั้น
กรอดด…
“ฮืม ข้าเพียงแค่อยากเอามาดู เห็นว่ามันงดงามเท่านั้น เอาของเจ้าคืนไป” แม่โจได้แต่กัดฟันทำอันใดไม่ได้ หากผู้ใหญ่บ้านมา ต้องค้นเจอของที่ห้องเขาแน่ ทีนี้คงต้องอับอายไปทั้งหมู่บ้าน จึงจำใจคืนของให้แต่อวิ้นซีทั้งหมด
“หึ อืมครบแล้ว ทีหลังหากท่านแม่อยากดู ก็ขอดูกับข้าตรงๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องแอบเข้าห้องข้าไปแอบหยิบออกมาดูเช่นนี้ ข้าไม่ใช่คนใจไม้เสียหน่อยที่จะไม่ให้ท่านแม่ดู” เมื่อแม่โจเดินไปเอาของออกมาจากห้องให้แก่อวิ้นซีแล้ว เขาตรวจนับอย่างดี ทุกอย่างครบตามจำนวน เขายังไม่ลืมเหน็บแนมคนขี้แถไปเล็กน้อย
ครืน
“เหอะ” แม่โจที่โกรธจนหน้าแดงไม่อยากคุยกับอวิ้นซีอีกแล้ว ได้แต่ปิดประตูเข้าห้องเสียงดังอย่างไม่พอใจ
“ท่านแม่ท่านอย่าลืมพรุ่งนี้นะขอรับ ท่านต้องไปทำเรื่องแยกบ้านที่บ้านผู้ใหญ่บ้านให้เรียบร้อยนะขอรับ หากไม่แยกบ้านให้เสร็จเรียบร้อยละก็ วันดีคืนดี ข้ากับสามีไม่มีที่อยู่อาจจะกลับมาขออาศัยพึ่งใบบุญพี่ใหญ่อีกครั้งนะขอรับ” อวิ้นซีร้องบอกคนในห้องให้ได้รับรู้ คนที่รักแต่ลูกคนโตเช่นแม่โจ คิดว่าพรุ่งนี้ต้องรีบวิ่งไปหาผู้ใหญ่บ้านแต่เช้าตรู่เป็นเเน่
“เหอะมันช่างปากกล้านัก ข้าไม่น่าหลงเชื่อฮูหยินอวิ้นเลยจริงๆ” แม่โจหายใจเข้าออกอย่างข่มอารมณ์ คราแรกที่ฮูหยินอวิ้นมาหา บอกว่าคนใช้ที่ติดตามนางมาเที่ยวที่เมืองหยานครั้งนี้ถูกตาต้องใจบุตรชายโง่เขลาของเขา ตอนนั้นแม่โจยังแปลกใจอยู่เลย แต่เพราะหลงไปกับการล่อลวงที่ฮูหยินอวิ้นคนนั้นยื่นถุงเงินให้แก่นางถึงยี่สิบตำลึงทอง ซ้ำอวิ้นซียังมีสินเดิมที่เจ้านายมอบให้ติดตัวมามากมาย แม่โจคิดโลภจึงตกลงโดยง่าย ไม่คิดว่าสะใภ้สามจะทำเขาเจ็บแสบเช่นนี้
“ท่านแม่เจ้าค่ะ พรุ่งนี้ท่านต้องไปบ้านผู้ใหญ่บ้านนะเจ้าค่ะ” สะใภ้ใหญ่ไม่ได้สนใจที่แม่สามีก่นด่าน้องสะใภ้สาม เพียงแต่นางคิดถึงแต่เรื่องน้องสะใภ้สามพูดไว้เมื่อครู่ ดูจากอวิ้นซีมีสามีโง่เขลาส่วนตัวเองก็ทำอันใดไม่เป็น คิดว่าไม่นานต้องใช้เงินหรือขายทรัพย์สินจนหมดแน่ หากพวกเขาหมดตัวแล้วกลับมาพึ่งพวกนางเล่า นางไม่อยากรับคนไร้ประโยชน์ไว้หรอกนะ
“แน่นอน แม่ต้องไปแน่ต่อไปจะไม่ให้พวกมันมายุ่งวุ่นวายกับครอบครัวเราอีก” แม่โจเองก็คิดเช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นที่อวิ้นซีพูดขู่ไว้พรุ่งนี้อย่างไรแม่โจต้องไปทำเรื่องแยกบ้านให้เสร็จเรียบร้อย
“เจ้าค่ะท่านแม่” สะใภ้ใหญ่ยิ้มรับเมื่อได้คำตอบที่ตนพอใจ
“เมื่อครู่เสียงน้องสะใภ้สามทะเลาะกับท่านแม่อีกแล้วเจ้าค่ะ” สะใภ้รองที่พึ่งพับผ้าผืนสุดท้ายเสร็จพอดี หันมาคุยกับสามีอยู่ในห้อง เสียงดังเมื่อครู่พวกนางเองก็ได้ยินชัดเจน
“ของพวกนั้นเป็นของน้องสะใภ้สามอย่างไรเขาต้องเอาคืนอยู่แล้ว ข้าเองกลับไม่เคยรู้ว่าท่านแม่กลับเป็นคนเช่นนี้เสียมากกว่า” เขาเองพึ่งได้รู้ว่ามารดากลายเป็นคนเช่นนี้ เมื่อก่อนพี่น้องทุกคนทำงานได้เงินมาต่างมอบให้แม่โจเป็นคนดูแลอันนี้พวกลูกๆ อย่างพวกเขาเต็มใจให้ก็แล้วไป แต่นี่แม่ของเขาถึงกับโลภอยากได้ของสะใภ้สามนับว่าเกินไปจริงๆ
“นั่นสินะเจ้าค่ะ” สะใภ้รองคิด ยังดีที่สินเดิมของนางยังอยู่ครบ อาจเป็นเพราะบ้านเดิมของนางยากจน แม่โจจึงคิดว่าไม่ควรค่าแก่การเอาไปกระมัง
“เราเก็บของเสร็จหมดแล้ว นอนเถิดพรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้า” โจฉีเลิกคิดเรื่องนี้ก่อนจะชวนภรรยาเข้านอน พรุ่งนี้พวกเขามีเรื่องที่ต้องจัดการอีกมาก