อวิ้นซี ชายหนุ่มในยุคปัจจุบันได้เสียชีวิตลง และดันลืมตาขึ้นมาในร่างเกอผู้หนึ่ง ซ้ำยังได้แต่งงานกับชายโง่เขลาอีกด้วย แต่พอได้เห็นหน้าที่หล่อเหลาของเขาอวิ้นซีได้ตัดสินใจจะเลี้ยงดูเขาในอนาคต
ชาย-ชาย,รัก,ครอบครัว,ชายรักชาย,ชาย-ชาย,ต่างโลก,#BL,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
“ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ ท่านกงกง” ฮูหยินอวิ้นนางคารวะหลี่กงกง กงกงรับใช้ข้างพระวรกายขององค์ฮ่องเต้ หลังจากที่เขาอ่านราชโองการเสร็จสิ้น
“ฮูหยินอวิ้นไม่ต้องนอบน้อมถึงเพียงนั้น เป็นข้าที่ภายภาคหน้าย่อมต้องพึ่งบารมีพวกท่านแล้ว” หลี่กงกงระบายยิ้มออกมาเมื่อเขาได้รับถุงเงินที่ดูมีน้ำหนักไม่น้อยจากฮูหยินอวิ้นนางนี้ นับว่ารู้ธรรมเนียมสมกับเป็นบุตรีจากตระกูลเฉินอยู่บ้าง ก่อนเขาจะยัดเงินเก็บเข้าไปในแขนเสื้ออย่างรวดเร็ว
“มิกล้าๆ ท่านกงกงกล่าวชมเกินไป” นางก้มหัว กล่าวไม่กล้ายอมรับ ทั้งตอนนี้ในใจของนางแทบไม่มีอันใดอยู่เลยนอกจากความตกใจและไม่เข้าใจอันใดทั้งสิ้น
“ฮ่าๆ ตระกูลอวิ้นกำลังรุ่งเรืองที่ข้ากล่าวไปไม่เกินจริงแม้แต่น้อย เอาล่ะข้าต้องกลับวังแล้ว ฝ่าบาททรงมีราชกิจมากมายที่รอข้าไปรับใช้อยู่” สมรสพระราชทานครั้งนี้ยิ่งใหญ่กว่าครั้งไหนๆ เพราะเป็นงานอภิเษกขององค์ชายสามผู้เป็นที่รักของฝ่าบาทกับฮองเฮา ภายภาคหน้าหากองค์รัชทายาทได้ขึ้นครองราชย์แล้วล่ะก็ ตระกูลอวิ้นที่เป็นพระญาติย่อมไม่ตกต่ำแน่
“ส่งท่านกงกงเจ้าคะ” ฮูหยินอวิ้นและคนในเรือนต่างก้มคารวะส่งหลี่กงกงกลับไป
เอี๊ยด…..
ตึก
“ฮูหยินเจ้าค่ะ ฮูหยิน พวกเจ้าเร็วเข้าไปเตรียมน้ำ เตรียมยาหอมมา ฮูหยินเจ้าค่ะท่านเป็นเช่นไรบ้าง เจ้าประคองฮูหยินเข้าไปในเรือนกับข้า” พอประตูจวนปิด ฮูหยินอวิ้นก็เข่าอ่อนล้มลงทันที จนบ่าวข้างกายแล้วสาวใช้คนอื่นๆ ตกใจ วิ่งมาดูนางกันให้วุ่น
“ไม่คิดว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นนี้ กำจัดอวิ้นซีออกไปได้แล้ว กลับคิดไม่ถึงอยู่ๆ ฝ่าบาทกลับพระราชทานเสกสมรสขององค์ชายสามกับอวิ้นฉีเสียได้” เมื่อได้เข้ามานั่งพักในห้องโถงแล้ว ฮูหยินอวิ้นถึงขั้นหลับตาและมีใบหน้าที่เหนื่อยล้า เหตุใดสวรรค์ถึงไม่คิดเข้าข้างนางบ้างนะ เหตุใดอวิ้นฉีถึงได้มีโชควาสนาดีเช่นนี้ หากนางคิดกำจัดเขาจะยังทำได้ง่ายดายอย่างที่คิดอีกรึ คิดแล้วก็น่าแค้นเคืองนัก ซ้ำยังเป็นองค์ชายสามผู้เป็นศัตรูกับตระกูลเฉินของนางอีก เดิมที่ท่านพ่อยอมตัดใจให้นางแต่งมาเป็นภรรยารองของแม่ทัพอวิ้นได้นั้นเพราะต้องการดึงเขาไปเป็นพวก แต่บัดนี้องค์ชายสามกลับแต่งเข้าจวนอวิ้น ต่อไปนางยังจะมีความสำคัญกับบ้านเดิมอยู่รึ
“เราจะทำเช่นไรดีเจ้าคะ” บ่าวรับใช้อย่างนางก็ร้อนรนเช่นกัน นางเป็นบ่าวติดตามฮูหยินมาจากบ้านเดิมย่อมรู้เบื้องลึกมาบ้าง หากเป็นเช่นนี้พวกนางมิแย่หรอกรึ
“เหอะ เรื่องใหญ่เช่นนี้ข้าจะทำอันใดได้ ต้องจัดงานให้ดีที่สุดน่ะสิ น่าเจ็บใจนักสินเดิมของนางนั้นต้องแบ่งครึ่งหนึ่งให้อวิ้นฉีโดยจะต้องไม่ขาดตกไปแม้แต่ชิ้นเดียว” องค์ชายสามแม้จะเป็นเกอ แต่ถูกเลี้ยงดูมาให้คล้ายบุรุษผู้หนึ่ง ซ้ำยังเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง ย่อมมีความหยิ่งยโสในตัว ซ้ำยังได้ชื่อว่าเจ้าระเบียบรอบคอบยิ่ง หากจัดการไม่ดี หรือสินเดิมของอวิ้นฉีหายไปแม้แต่น้อยเดียว องค์ชายสามคงไม่คิดหลับตาปล่อยผ่านไปแน่ แม้นางจะฮุบเอาสินเดิมของอวิ้นซีมาทั้งหมดมอบให้เขาติดตัวไปไม่ถึงครึ่งของครึ่งส่วนด้วยซ้ำ แทบว่าน้อยนิดเหลือเกิน แต่บัดนี้ส่วนของอวิ้นฉีนางไม่สามารถแตะได้แม้แต่เหรียญทองแดงเดียว จะไม่ให้นางน้ำตาตกในเป็นสายเลือดได้รึ ซ้ำยังต้องเติมสมบัติของตระกูลอวิ้นเข้าไปอีกตามคำสั่งในจดหมายของสามี แต่ก็ต้องจำยอมเพราะกลัวเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นทีหลัง
“แต่นั้นมันมากมายเลยนะเจ้าคะ ร้านรวงกว่ายี่สิบแห่งต้องแบ่งครึ่งด้วยหรือเจ้าคะ” บ่าวรับใช้เบิกตากว้าง สินเดิมของฮูหยินคนก่อนมีมากมายนัก ฮูหยินของนางตอนออกเรือนมามีสินเดิมติดตัวมาน้อยนิด นายท่านเฉินโกรธเพราะฮูหยินของนางเลือกจะเป็นภรรยารองของแม่ทัพอวิ้น จึงไม่ได้ให้อันใดติดตัวมาแม้แต่น้อย ฮูหยินนำเพียงสินเดิมของมารดาตนเองติดตัวมาเท่านั้น ที่ใช้จ่ายปัจจุบันนี้ทุกอย่างต่างมาจากร้านค้าสินเดิมของฮูหยินคนก่อน
“ก็ใช้น่ะสิ อีกฝั่งเป็นถึงองค์สาม เจ้าคิดว่าเราจะเล่นลูกไม้ได้รึ หากไม่อยากหัวขาดกันทั้งหมด ก็ทำได้แค่ต้องตรงไปตรงมาให้ถึงที่สุด เรียกพ่อบ้าน สมบัติของตระกูลอวิ้นยังต้องเอาออกมาเติมเป็นสินสอดให้อวิ้นฉีด้วย” นางไม่ได้รู้จักองค์ชายสามผู้นี้มากนัก เพียงได้ยินข่าวลือมาบ้าง อย่างไรก็ต้องหาวิธีรับมือไว้บ้าง
“เเล้วเราจะไม่แย่เอารึเจ้าค่ะ องค์ชายสามแต่งเข้าตระกูลอวิ้นซ้ำมีฐานะสูงส่งอีก” บ่าวรับใช้นางยังคงกังวลแทนฮูหยินของตนเอง สะใภ้ที่ฐานะสูงส่งเช่นนี้ต่อไปจะควบคุมได้หรือไม่
“ฮืม ตอนนี้ทำได้แค่ประจบเอาใจเขาไปก่อน หากแต่งเข้าจวนแล้ว เขาย่อมต้องเคารพข้าในฐานะแม่สามี ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะปราบเขาไม่ได้ อย่างไรนายหญิงของจวนยังเป็นข้า” อย่างไรตอนนี้จะต้องจัดงานต่างๆ ให้ดี พอคนแต่งเข้าจวนมาไม่ว่าฐานะจะสูงส่งอย่างไร ในฐานะที่นางเป็นแม่สามีองค์ชายสามก็ต้องเคารพนอบน้อมกับนางอยู่ดี หากไม่ก็ย่อมได้ชื่อว่าไม่เคารพครอบครัวสามี ก็จะกลายเป็นสะใภ้อกตัญญู ลองดูว่าองค์ชายสามจะกล้ารับหรือไม่
“ฮูหยินของบ่าว หลักแหลมจริงๆ เจ้าค่ะ” บ่าวข้างกายยิ้มขึ้นมา พร้อมประจบเอาใจนายของตนเอง
“หึๆ ว่าแต่ลูกข้านางไปที่ใดแล้ว” อยู่ๆ นางก็คิดถึงบุตรสาวขึ้นมา เมื่อครู่ที่ทุกคนในเรือนออกไปรับราชโองการ นางยังมองเห็นบุตรสาวอยู่เลย แต่บัดนี้นางกลับหายตัวไปไวเหลือเกิน
“คุณหนูกลับเข้าห้องของนางแล้วเจ้าค่ะ บ่าวคิดว่าคุณหนูนางยังคงโกรธเคืองที่ฮูหยินต้องการให้คุณหนูแต่งกับคุณชายใหญ่ฝูเจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้กล่าวขึ้น คุณหนูของนางยังโกรธเคืองมารดาอยู่ เพราะนางมิได้ชมชอบคุณชายฝูแม้แต่น้อย บ่าวรับใช้รู้ดีว่าคุณหนูชมชอบผู้ใด ผู้นั้นเป็นถึงองค์รัชทายาทแต่ด้วยฐานะของนางนั้นโอกาสช่างมีน้อยนิด ซ้ำองค์รัชทายาทยังมีพระชายาอยู่อีก หากแต่งไปเป็นรองแม้ในอนาคตอาจได้เป็นสนมของฮ่องเต้ แต่คิดว่ามารดาที่ยึดติดกับคำว่าภรรยาเอกต้องไม่ยินยอมแน่ คุณหนูนางจึงคิดจะไม่แต่งงานตลอดชีวิต โดยไม่บอกให้มารดาได้รับรู้ความในใจ ครั้งถูกมารดาบังคับก็ทะเลาะกันเสียใหญ่โต ดังนั้นสองแม่ลูกจึงบึ้งตึงใส่กันมาเป็นเดือนแล้ว
“เหอะ ข้าทำเพื่อนางมากมายเช่นนี้ นางหาว่าข้ารังแกนาง แต่งไปเป็นภรรยาเอกมีหน้ามีตาแล้วไม่ดีอะไร นางอยากเป็นเหมือนข้ารึที่ต้องทนกล้ำกลืนให้ผู้อื่นดูถูก แม้จะได้เป็นนายของจวนแล้ว แต่เงาของนังนั่นก็ยังติดอยู่ในใจของผู้คนอีก” ฮูหยินอวิ้นนางคิดว่าที่นางทำทั้งหมดนั้นล้วนเพื่อบุตรสาวของตนเอง ช่วยไม่ได้นางนั้นไร้วาสนา บุตรคนแรกของนางดันเป็นสตรี ซ้ำสามีก็เป็นแม่ทัพประจำอยู่ชายแดนหลายปีจึงยังไม่มีโอกาสให้กำเนิดบุตรอีกเลย ดังนั้นความหวังของนางจึงขึ้นอยู่กับบุตรสาวคนนี้ หากนางได้แต่งเป็นฮูหยินเอกตระกูลใหญ่นางย่อมมีหน้ามีตาไปด้วย เดินไปที่ใดนางย่อมยืดอกได้เต็มที่
“โกวต้า วันนี้เราจะหยุดพักที่โรงเตี๊ยมข้างหน้านี้” อวิ้นซีที่หน้าซีดเซียวม่านรถม้าขึ้น ข้างหน้าอีกไม่ไกลมองเห็นโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่อยู่ วันนี้พวกเขาจะพักที่โรงเตี๊ยมนี้ก็แล้วกัน จึงร้องบอกคนขับรถม้า
“ขอรับฮูหยิน” โกวต้าตอบรับ ก่อนบังคับรถม้าเร็วขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ถึงโรงเตี๊ยมโดยเร็ว
พรึบ
“ภรรยาข้า เจ้าไม่สบาย” โจอันเฉิง คว้าตัวภรรยาของตนเองมากอดไว้ ใบหน้างามซีดเซียวยิ่ง สองสามวันมานี้ภรรยาของเขามีอาการเช่นนี้อยู่ตลอด ทำเอาอันเฉิงกังวลไม่น้อย
“อึก ข้าแค่อ่อนเพลียเล็กน้อย คิดว่าน่าจะเมารถขอรับ” อวิ้นซีอยู่ในอ้อมกอดสามีอย่างอ่อนล้า ไม่คิดว่าร่างนี้เมื่อเดินทางไกลกลับเมารถม้าเสียได้ ปกติก็ไม่เห็นเป็นเช่นนี้ กินอะไรก็ไม่ได้ เวียนหัว พะอืดพะอมและอวกอยู่บ่อยครั้ง จนต้องตั้งกระโถนไว้ข้ากายเลยทีเดียว เล่นเอาเขาซูบผอมลงไปมากจริงๆ
“ถึงโรงเตี๊ยมแล้วพักผ่อน” อันเฉิงใช้ผ้าซับเหงื่อที่หน้าผากของภรรยา เขาเป็นห่วงภรรยาตัวน้อยอย่างมาก หากเป็นไปได้เขาก็อยากเป็นแทนอวิ้นซี ดูสิภรรยาของเขาเหนื่อยล้าเกินไปแล้ว อันเฉิงกอดปลอบภรรยาพร้อมกับลูบหลังเบาๆ ไปตลอดทาง
“อืม” อวิ้นซีหลับตาพลันสบายขึ้นเมื่อได้สามีลูบหลังให้
“นายท่าน พักกี่คนขอรับ” เสียวเอ้อรีบออกมาต้อนรับ เมื่อเห็นผู้มาให้แต่งกายดูดีไม่น้อย ซ้ำในอ้อมกอดของชายผิวเข้มร่างกำยำยังมีเกอตัวน้อยผิวขาวนอนหลับซุกอยู่
“สามคน ขอห้องสองห้อง เข้าพักหนึ่งคืน” อันเฉิงกล่าวขึ้นเบาๆ เพราะกลัวภรรยาของเขาจะตื่น
“ได้ๆ ขอรับนายท่านตามมาเลยขอรับ” เมื่อเห็นท่าทางทะนุถนอมระมัดระวังของนายท่านตรงหน้า เสี่ยวเอ้อจึงลดเสียงของตนลงเล็กน้อยก่อนพาเขาขึ้นไปชั้นสองที่ห้องพัก
“อื้อ”
“ภรรยาข้าเจ้าตื่นแล้ว หิวหรือไม่” เมื่อเห็นอวิ้นซีลืมตาขึ้น อันเฉิงรีบถามภรรยาขึ้นอย่างเป็นห่วงทันทีอวิ้นซีหลับไปกว่าครึ่งชั่วยาม อันเฉิงไม่อยากปลุกจึงได้แต่นั่งเฝ้าภรรยาอยู่
“ท่านพี่ข้าพะอืดพะอมยิ่งนัก ขอผลไม้เปรี้ยวสักอย่างก็พอ ส่วนท่านจะกินอะไรก็บอกพวกเขาเลยนะขอรับ” แค่นึกถึงอาหารเขาก็ไม่รู้สึกอยากทานแม้แต่น้อย คล้ายจะพะอืดพะอมยิ่งกว่าเดิม จึงขอผลไม้แทนดีกว่า เขารู้สึกอยากกินผลไม้เปรี้ยวๆ สักหน่อยเผื่อจะรู้สึกดีขึ้น อีกไม่กี่วันก็จะถึงเมืองฉางแล้วคงต้องไปซื้อยามาไว้บ้าง หากต้องเดินทางไกลเช่นนี้อีก ย่อมเป็นปัญหาแน่นอน
“ได้ ข้าจะบอกเสี่ยวเอ้อให้” อันเฉิงตอบรับก่อนจะเดินออกไปจากห้องเพื่อสั่งอาหารกับเสียวเอ้อ
“ใกล้ถึงแล้วสินะ ไม่รู้ท่านตาผู้นั้นจะเป็นคนเช่นไรกันแน่ เขาจะยินดีช่วยเหลือเราหรือไม่นะ” อวิ้นซีพึมพำขึ้น เขาเองก็ไม่ได้รู้มานัก เพียงแค่ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมท่านตาผู้นี้ เป็นคนที่ใจดีกับเจ้าของร่างมากไม่น้อย แต่ไม่รู้ว่าห่างหายกันไปกว่าสิบปีท่านตาจะเปลี่ยนไปบ้างหรือไม่ เขาจะยินดีช่วยเหลือหลานนอกตระกูลเช่นอวิ้นซีหรือไม่ บอกตามตรงเขาไม่มั่นใจแม้แต่น้อย แต่ในจิตใต้สำนึกของเขามันร้องบอกว่าอย่างไรก็ต้องมาหาท่านตาผู้นี้ให้ได้ มันจึงเป็นการเสี่ยงดวงของเขาโดยแท้จริง
“ท่านพ่อขอรับ อีกไม่ถึงครึ่งเดือนเราก็จะถึงนครหลวงแล้วขอรับ” เวลานี้อวิ้นฉีนั่งคุยกับบิดาที่กองไฟหน้ากระโจม สองพ่อลูกต่างพูดคุยเรื่องราวต่างๆ การกลับเมืองหลวงครั้งนี้พวกเขาได้นำทหารกลับมาด้วยเพียงหนึ่งหมื่นนาย เหลือกำลังทหารไว้ที่แดนตะวันออกกว่าสองแสนห้าหมื่นนาย แม่ทัพพิทักษ์แดนตะวันออกอย่างแม่ทัพอวิ้นคิดว่าคงอยู่ที่นครหลวงได้ไม่นานนัก อย่างมากสุดเพียงแค่หนึ่งปีจะต้องกลับชายแดนแล้ว แดนตะวันออกเป็นพื้นที่ศักดินาที่แท้จริงของตระกูลอวิ้น ที่ฝ่าบาทพระราชทานให้ เพราะแม่ทัพใหญ่อวิ้นมีทหารในปกครองมากเกินไปเกือบหกแสนนาย เป็นที่หวาดระแวงของฮ่องเต้และเหล่าขุนนางเป็นอย่างยิ่ง จึงได้หาเรื่องให้เขาออกจากเมืองหลวงไปพร้อมทหารเพียงไม่กี่หมื่นนายในครานั้น แต่ยังคงเหลือบุตร ภรรยาและเหล่าอนุไว้ที่นครหลวงคล้ายเป็นตัวประกันอยู่ไม่น้อย ครั้งนี้ฮ่องเต้เรียกตัวเขากลับย่อมเป็นเรื่องที่พวกเขาต่างคาดหมายไว้อยู่แล้ว ฮ่องเต้แม้หวาดระแวงตระกูลอวิ้นแต่ไม่อาจกำจัดได้ นั้นเพื่อต้องการใช้ประโยชน์จากตระกูลอวิ้นให้ช่วยองค์รัชทายาทได้ขึ้นครองบัลลังก์อย่างมั่นคง ไม่รู้ว่าเสร็จศึกแล้วจะคิดฆ่าขุนพลอยู่หรือไม่ พวกเขาจึงหารือกันอย่างเคร่งเครียดมาตลอดการเดินทาง
“อืม ไม่คิดว่าฝ่าบาทจะทรงรีบร้อนเช่นนี้ พวกเจ้าไม่ได้ทำความคุ้นเคยกันด้วยซ้ำ ข้าหวังว่าฮูหยินจะเตรียมการทุกอย่างทันนะ” ในใจแม่ทัพอวิ้น ฮ่องเต้องค์นี้ไม่คิดฆ่าพวกเขาแน่ แต่องค์ต่อไปไม่แน่คนที่อยู่สูงเท่าใดยิ่งหวาดระแวงมากเท่านั้น ต้องมาดูว่าหากเกิดเรื่องเช่นนั้นผู้เป็นตัวแปรอย่างว่าที่ลูกสะใภ้ของเขาจะเลือกฝั่งใดระหว่างพี่ชายของตนกับบ้านสามี เขาเองรู้สึกผิดกับบุตรชายอยู่ไม่น้อย เขาต้องแต่งงานเพื่อตระกูลเช่นนี้ คงทำได้เพียงจัดงานแต่งของเขาให้ดีแล้ว
“ตอนนั้นราชโองการของฮ่องเต้ออกมาตั้งเเต่เดือนก่อน ฮูหยินอวิ้นย่อมเตรียมการทันแน่ขอรับ อีกอย่างสินเดิมของท่านแม่นางก็เป็นคนดูแล ส่วนของข้านางคงจัดเตรียมไว้แล้ว” อวิ้นฉีไม่ได้คิดอันใดมาก เรื่องราวเช่นนี้ปล่อยให้ฮูหยินอวิ้นเป็นคนจัดการเถิด แม้นางจะขึ้นเป็นฮูหยินแล้วอย่างไรเขาก็ไม่ยินยอมเรียกนางว่าท่านแม่ เรื่องนี้บิดาเขารู้ดีจึงไม่ได้บังคับอันใด งานสำคัญอย่างเขาที่จะอภิเษกสมรสกับองค์ชายสามนางคงไม่กล้าทำอันใดไม่ดีหรอก
“อืม แล้วน้าของเจ้าเล่าไม่เห็นออกมาเดินเล่นบ้าง” แม่ทัพอวิ้นมองหาคนไปมากลับไม่พบคนที่ตนเองต้องการจึงถามบุตรชายของตนขึ้น
“ท่านน้าร่างกายอ่อนแอ เดินทางไกลเหนื่อยล้าน่าจะพักผ่อนอยู่ในกระโจมขอรับ” ท่านน้าที่อวิ้นฉีเอ่ยถึง นั้นคือลี่จิง ลี่จิงเดิมเป็นข้ารับใช้ที่ติดตามมารดาของเขามาตั้งแต่ยังไม่ออกเรือน มารดาของอวิ้นฉีไม่เคยคิดว่าเขาเป็นข้ารับใช้ ตั้งแต่จำความได้มารดาของเขาให้เรียกลี่จิงว่าท่านน้ามาตลอด มารดาเสียชีวิตเขาเองยังอายุน้อยท่านน้าจึงติดตามมาดูแลเขาที่ชายแดน ส่วนอวิ้นซีก็มีแม่นมเหมาช่วยดูแล กลับนครหลวงครั้งนี้ท่านน้าก็ตามพวกเขากลับมาเช่นกัน
“เช่นนั้นรึ ข้าจะไปดูเขาหน่อย” เมื่อได้ยินบุตรชายกล่าวเช่นนั้น แม่ทัพอวิ้นคล้ายมีสีหน้าร้อนรนเป็นห่วงขึ้นมา จึงลุกขึ้นเพื่อขอไปดูให้แน่ใจว่าคนผู้นั้นเป็นอันใดมากหรือไม่
“หึ ห่วงใยเขาเช่นนี้ เหตุใดท่านยังไม่รู้ใจตนเองอีกนะท่านพ่อ” เขารู้ดีบิดากับมารดาแต่งงานกันโดยมิได้รักชอบอันใดกัน หากคนที่บิดาสนใจเป็นท่านน้าเขาก็ไม่ได้ขัดอันใดนัก แต่งูพิษเช่นเฉินหยูหรูนั้นเขาไม่ต้องการ แค่ต้องทิ้งพี่ของตนไว้กับนางเขาก็ปวดใจมากแล้ว หากกลับไม่ครั้งนี้พบว่านางรังแกอันใดอวิ้นซีแล้วละก็ เขาไม่เอานางไว้แน่ ท่านพ่ออาจจะไม่รู้ว่านางตีสองหน้าเก่งเช่นไร แต่เขารู้ดีนางยังเคยหยิกตีพวกเขาหลับหลังผู้อื่นแม้แต่ตอนงานศพท่านแม่ก็ไม่เว้น คนเช่นนี้รึสมควรมาเป็นแม่ใหม่ของพวกเขา ช่างน่าขันเสียจริงๆ