อวิ้นซี ชายหนุ่มในยุคปัจจุบันได้เสียชีวิตลง และดันลืมตาขึ้นมาในร่างเกอผู้หนึ่ง ซ้ำยังได้แต่งงานกับชายโง่เขลาอีกด้วย แต่พอได้เห็นหน้าที่หล่อเหลาของเขาอวิ้นซีได้ตัดสินใจจะเลี้ยงดูเขาในอนาคต

เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง - 25 ความจริง โดย ภูเขาทองคำ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ครอบครัว,ชายรักชาย,ชาย-ชาย,ต่างโลก,#BL,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ชายรักชาย,ชาย-ชาย,ต่างโลก,#BL,นิยายวาย

รายละเอียด

เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง โดย ภูเขาทองคำ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อวิ้นซี ชายหนุ่มในยุคปัจจุบันได้เสียชีวิตลง และดันลืมตาขึ้นมาในร่างเกอผู้หนึ่ง ซ้ำยังได้แต่งงานกับชายโง่เขลาอีกด้วย แต่พอได้เห็นหน้าที่หล่อเหลาของเขาอวิ้นซีได้ตัดสินใจจะเลี้ยงดูเขาในอนาคต

ผู้แต่ง

ภูเขาทองคำ

เรื่องย่อ

สารบัญ

เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-1 ก่อนข้ามมิติ,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-2 ท่ามกลางเสียงโต้เถียง,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-3 ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-4 ทุกอย่างถือว่าเลิกแล้วต่อกัน,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-5 ทวงสินเดิมที่หายคืนมาทั้งหมด,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-6 แยกบ้าน,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-7 สร้างที่พักชั่วคราว,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-8 กินอาหารร่วมกัน,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-9 เขียนแบบสร้างบ้าน,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-10 อาชีพใหม่,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-11 เข้าเมือง,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-12 ใช้จ่ายเงิน,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-13 ซื้อม้า,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-14 ร้านซานโจ,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-15 สกุลโจมีเรื่อง,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-16 ทวงหนี้,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-17 เรื่องราวจบลง,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-18 คาดการณ์,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-19 ออกเดินทาง,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-20 ระหว่างทาง,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-21 ถึงจวนสกุลเว่ย,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-22 ใกล้เข้ามา,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-23 กลับถึงจวนสกุลอวิ้น,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-24 งานมงคล,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-25 ความจริง,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-26 ภารกิจหาสามีให้น้องสาว,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-27 กลับเมืองหยาน,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-28 ตอนจบ,เกอผู้นี้จะเลี้ยงดูสามีเอง-29 ตอนพิเศษ

เนื้อหา

25 ความจริง



คำเตือน เนื้อหาในตอนนี้มีการใช้ความรุนแรง ควรใช้วิจารณญาณในการอ่านและโปรดทำความเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่ถูกเขียนขึ้นเท่านั้น



“ท่านพี่เจ้าค่ะ ข้าอยากพูดคุยกับท่านพี่เรื่องของฮวาเอ๋อน่ะเจ้าค่ะ” เมื่อทุกคนร่วมโต๊ะอาหารกินอาหารกันเสร็จ อยู่ๆเฉินหยูหรูที่ตอนนี้นางถูกปล่อยตัวออกจากกันกักบริเวณได้สามวันแล้วก็เอ่ยขึ้น

“ท่านแม่ ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่รึ ว่าข้าไม่แต่ง” อวิ้นฮวาที่นั่งอยู่ข้างๆ มารดารู้ได้ทันทีว่ามารดาจะพูดคุยเรื่องอะไร นางไม่อยากฟังเลยสักนิด อย่างไรนางก็ไม่แต่ง แม้เมื่องานแต่งของพี่ชายที่นางได้แต่แอบมององค์รัชทายาท กลับพบว่าเขาไม่ได้สำคัญต่อใจนางอีกต่อไป แต่อย่างไรแม้หากนางต้องแต่งงานก็ขอให้นางได้เลือกเองไม่ใช่คนที่ท่านแม่เลือกให้

“หือ เจ้าจะให้อวิ้นฮวาแต่งงานรึ” อวิ้นจือหยวนเลิกคิ้วขึ้น จะว่าไปคล้ายว่าบุตรสาวของเขาถึงวัยออกเรือนได้แล้ว มารดาของนางเลือกคนไว้แล้วรึ

“เงียบไปเลยฮวาเอ๋อ เรื่องนี้พ่อกับเเม่จะตัดสินใจเอง ท่านพี่อวิ้นฮวาดื้อรั้นนัก ปีนี้นางถึงวัยปักปิ่นแล้ว อย่างน้อยก็ควรมีการหมั้นหมายแล้ว” เฉินหยูหรูหันไปดุบุตรสาวของนาง พร้อมกับหันมาพูดคุยกับสามีต่อ

“เช่นนั้นเจ้าเห็นว่าผู้ใดเหมาะสมกับนางเล่า” เขาเองก็เห็นควรเช่นกัน อวิ้นซีเพราะบิดาเช่นเขาจึงเลยเวลาที่ดีไปหลายปี ตอนนี้อวิ้นฮวาก็สมควรหาคู่ครองได้แล้ว

“บุตรชายคนโตของเจ้ากรมคลังเจ้าค่ะ คุณชายฝูผู้นี้นับว่าดีนัก อายุก็ไม่ห่างจากฮวาเอ๋อนักซ้ำเขายังไม่แต่งภรรยาเอก ฐานะก็ไม่ได้ด้อยเหมาะสมกับตระกูลอวิ้นของเรานักเจ้าค่ะ” เมื่อดูแล้วสามีเห็นชอบ นางจึงกระตือรือร้นบอกกล่าว นางเลือกคนผู้นี้ไว้ให้กับบุตรสาวแล้ว ย่อมดีแน่นอน

“แต่ท่านแม่” อวิ้นฮวาขมวดคิ้ว ในใจอึดอัดนักบุรุษเช่นนี้นางจะรักชอบได้รึ

“ท่านพ่อ ลูกสะใภ้ผู้นี้ขอพูดสักคำ ได้หรือไม่” เซี่ยวหรวนที่นั่งดูพวกเขาพ่อแม่ลูกถกเถียงกันอยู่เสียนานจึงเอ่ยขัดขึ้น

“หือ องค์ชายมีอันใดจะตรัสหรือพ่ะย่ะค่ะ” อวิ้นจือหยวนหันมาทางองค์ชายสาม ถึงจะเป็นสะใภ้ของเขา แต่เขานั้นเคร่งครัดอย่างยิ่งไม่ยอมเรียกคำอื่นแม้แต่น้อย ผู้อื่นได้แต่อ่อนใจ

“ไม่รู้ว่าฮูหยินอวิ้นรู้หรือไม่ คุณชายฝูผู้นี้ทั่วทั้งนครหลวงล้วนรู้ว่าเขาเป็นเพียงชายเสเพล ไม่เอาการเอางานอันใด วันๆ เอาแต่กินเหล้าเคล้านารี คนเช่นนี้ไม่เหมาะกับน้องสามีของข้าหรอก” เซียวหรวนคิด นางเป็นมารดาเช่นไร เรื่องเช่นนี้ต้องดูให้ดี หากน้องสามีของเขาแต่งเข้าจวนตระกูลฝูแล้วจะยังมีความสุขได้รึ ชายมักมากเช่นนี้มีแต่จะนำพาเรือนหลังให้ร้อนเป็นไฟเสียมากกว่า

“องค์ชายสามอยู่แต่ในรั้วในวัง จะรู้เรื่องข้างนอกได้อย่างไรเพคะ ข่าวลือนั้นมีมูลเท่าไหร่กันเชียว” แม่ในใจนางจะรู้เรื่องทั้งหมด แล้วอย่างไรขอเพียงบุตรสาวของนางได้แต่เข้าไปเป็นภรรยาเอกนั่นก็เพียงพอแล้ว

“หึ ฮูหยินเองก็อยู่แต่ในเรือนจะไปรู้อะไร เรื่องราวของคนนครหลวงมีรึองค์ชายอย่างข้าจะไม่รู้ คนผู้นี้อย่างไรก็ไม่เหมาะสม ข้ากับสามีมีเงินทองมากมายมีรึจะเลี้ยงน้องสาวไม่ไหว หากนางต้องการคนแต่งงานด้วย แต่งเขยเข้าจวนเลยจะเป็นอะไรไป” เซี่ยวหรวนมองดูแล้ว ไม่ใช่นางไม่รู้ แต่รู้แล้วยังดึงดันให้บุตรสาวแต่งเข้าไปเจอขุมนรกนี่สิ นางยอมได้ แต่เขาไม่ยอม พวกเขามีสมบัติมากมายมีรึจะเลี้ยงน้องสามีคนเดียวไม่ไหวดีกว่าให้นางไปเผชิญชะตากรรมที่เลวร้าย

“เช่นนั้นเรื่องนี้ เอาไว้ก่อนเอาไว้ข้าตรวจสอบดูก่อน หากเขาเป็นเช่นดังข่าวลือข้าก็จะหาคนที่ดีกว่าให้ฮวาเอ๋อ” เป็นอย่างองค์ชายสามว่า เรื่องนี้ต้องคิดให้ดี เขาไม่ยินยอมให้บุตรสาวต้องลำบากแน่

“แต่ท่านพี่”

“นายท่านๆ ขอรับ”

“อันใดเจ้าถึงเสียงดังนัก” เฉินหยูหรูกำลังจะแย้ง แต่ข้ารับใช้วิ่งเข้ามาขัดเสียก่อน นางจึงหงุดหงิดจึงตะคอกถามคนใช้ออกไปเสียงดัง

“ตอนนี้คนตระกูลเว่ยมาขอพบขอรับ” บ่าวรับใช้ไม่ได้ตกใจกับเสียงฮูหยินของเรือนนัก แต่ที่น่าตกใจคือพวกคนที่อยู่นอกเรือนต่างหาก ทำคล้ายว่าจะยกพวกมาทุบตีคนแล้ว

“ตระกูลเว่ยรึ” อวิ้นจือหยวนถึงกับลุกจากเก้าอี้เมื่อได้ยินว่าตระกูลเว่ยมา

“พวกเขามาด้วยเรื่องอันใดเจ้าค่ะ คงไม่ใช่จะมาหาเรื่องข้าหรอกนะ” เฉินหยูหรูนางเองก็ลนลานเช่นกัน เพราะนางพึ่งก่อเรื่องไปย่อมมีความกลัวอยู่บ้าง แม้นางไม่กลัวที่เว่ยเซวียนมาหาเรื่องในครั้งก่อน แต่ตอนนี้ต่างออกไป นางทำผิดพลาดหลายเรื่องมากในช่วงนี้ กลัวเรื่องราวจะเข้าตัวนางเหลือเกิน

“ตระกูลเว่ยจริงๆ ขอรับ นำโดยนายท่านใหญ่ตระกูลเว่ย พวกเขายกกันมาหมดเลยขอรับ” ข้ารับใช้รายงานอย่างละเอียดให้นายของเขาได้รับรู้

“ไป เชิญพวกเขาไปห้องโถง ดูแลพวกเขาให้ดี ข้าขอเวลาแต่งตัวสักครู่” คนคนนั้นถึงกับมาด้วยตนเอง ไม่ใช่เรื่องๆ เล่นๆแล้ว เขากำชับข้ารับใช้ให้ดูแลพวกเขาอย่างดี

“ขอรับนายท่าน”

“ท่านพี่เราจะเอาเช่นใดดีเจ้าค่ะ” ไม่คิดว่าคนที่นางกลัวที่สุดก็มาด้วย ตาแก่นั่นไม่เคยยินดีที่นางขึ้นมาแทนบุตรสาวของมัน และสามีนางก็เกรงใจตาแก่นี่มากที่สุด นางไม่ไปพบพวกเขาได้หรือไม่

“ฮืม เป็นเจ้าที่หาเรื่องให้ข้า วันนี้พวกเราต้องขอโทษคนตระกูลเว่ย” คิดว่าต้องเป็นเรื่องที่ตระกูลอวิ้นไม่ส่งเทียบเชิญไปให้พวกเขาเป็นแน่ แล้วเรื่องที่อวิ้นซีหายตัวไปคิดว่าพวกเขาคงรู้แล้วเช่นกัน

“ท่านพ่อข้าขอไปด้วยขอรับ” เซี่ยวหรวนอาสาไปด้วยอย่างไรเขาเองต้องไปคารวะบ้านตาของสามีอยู่แล้ว

“ลูกด้วยเจ้าค่ะท่านพ่อ” อวิ้นฮวาก็ไปด้วยเช่นกัน ท่านแม่ของนางทำผิดต่อบ้านตาของพี่ชาย อย่างไรนางก็ต้องไปขอโทษพวกเขาด้วยเช่นกัน

“เช่นนั้นก็ไปกันทั้งหมดนี่” ครั้งนี้อวิ้นจือหยวนไม่ปฏิเสธผู้ใดทั้งสิ้น ไปหลายๆ คนย่อมช่วยลดความกดดันได้มากทีเดียว



ตึก ตึก ตึก

"ทะ ท่านพ่อตา ท่านมาที่นครหลวงไม่เห็นบอกกล่าวกันก่อน ข้าจะได้เตรียมต้อนรับท่านให้ดีกว่านี้" อวิ้นจือหยวนผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ ตอนนี้กล่าวออกมาอย่างเกรงใจ เสียงเคาะไม้เท้าของท่านผู้เฒ่าผู้ยิ่งใหญ่ที่เคาะในแต่ละครั้งตรงหน้านี้ยิ่งทำให้เขาประหม่า ซ้ำยังมี น้องภรรยา น้องสะใภ้ และอีกคนน่าจะเป็นหลายชายสายตรงของตระกูลเว่ย พวกเขาล้วนยืนอยู่ด้านหลังท่านพ่อตาของเขาอีก พวกเขาไม่คล้ายจะมาพูดคุยธรรมดาเลยสักนิด

“หึ บอกกล่าวเจ้ารึ แม้แต่อาฉีแต่งเมียเจ้าไม่แม้แต่ส่งข่าวบอกพวกข้ายังมีหน้ามาบอกให้พวกข้าบอกกล่าวเจ้ารึ” เว่ยอู๋ชิว หัวเราะหยันออกมา ยังต้องบอกกล่าวกันอีกรึในเมื่อตระกูลอวิ้นไม่เห็นพวกเขาเป็นญาติเลยสักนิด

“ท่านพ่อตา เรื่องนี้เป็นข้าที่สะเพร่าเอง ข้าขอโทษพวกท่านจริงๆ ขอรับ” อวิ้นจือหยวนหน้าตึงขึ้นมาทันที เรื่องนี้พวกเขาผิดต่อคนตระกูลเว่ยจริงๆ ไม่มีข้อแก้ตัวอันใด

“เหอะ พี่เขยท่านไม่จำเป็นต้องออกรับแทนผู้อื่น ท่านกับหลานชายข้าอยู่ระหว่างเดินทางกลับจากชายแดนจะไปรู้เรื่องอะไร เป็นนางหญิงชั่วนางนี้ต่างหาก เจ้าจะใช้ข้ออ้างใดล้วนฟังไม่ขึ้นทั้งสิ้น” เว่ยเซวียนกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ คนที่ผิดกว่าใครย่อมเป็นผู้ที่กระทำ เห็นหน้านางแล้วเขาอยากจับนางมาสับเป็นชิ้นๆ จริงๆ

“เจ้า เจ้ากล้าว่าข้าเป็นหญิงชั่วรึ ข้าเพียงแค่หลงลืมไปบ้างเท่านั้น พวกเจ้าเป็นตัวสำคัญอันใด แค่เพียงอดีตเคยเกี่ยวดองตอนนี้ตระกูลเจ้าเกี่ยวอันใดกับตระกูลอวิ้น” เดิมเฉินหยูหรูก็มีเรื่องทะเลาะกับเว่ยเซวียนมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว เมื่อได้ยินเขาด่าว่านางว่าหญิงชั่ว นางจึงโกรธจนหน้ามืดลืมความกลัว ด่าว่าพวกเขาทั้งตระกูลเลยทีเดียว

เปี๊ยะ

“เฉินหยูหรู เจ้าบ้าไปแล้วรึผู้ใดสั่งสอนเจ้าให้พูดจาเช่นนี้ ตระกูลเว่ยเป็นบ้านตาของลูกข้า ข้ากับซินฮวาไม่เคยเลิกราเพียงนางตายจากเท่านั้น ตระกูลเว่ยข้ายังเคารพพวกเขา” แต่คนที่ทนเสียงด่านางไม่ได้ไม่ใช่ตระกูลเว่ย แต่เป็นอวิ้นจือหยวนเอง เขาไม่คิดว่าเฉินหยูหรูจะไม่รู้จักมารยาท แยกแยะอันใดไม่ออกเช่นนี้ นางถึงกลับกล้าด่าตระกูลเว่ย เขาจึงตบนางไปหนึ่งฉาดจนนางล้มลงพื้น ให้นางตาสว่างเสียบ้าง

“ท่านแม่” อวิ้นฮวาตกใจไม่น้อย รีบวิ่งไปประคองมารดา ท่านแม่ของนางเลอะเลือนจริงๆ ท่านพ่อโกรธจนลงไม้ลงมือเช่นนี้ น่าหวาดกลัวยิ่งนัก

“ปล่อยข้า แล้วตระกูลเฉินเล่าเจ้าค่ะ ท่านพ่อข้าก็เป็นพ่อตาของท่านไม่เห็นท่านปฏิบัติกับพวกเขาเช่นตระกูลเว่ยสักครั้ง” เฉินหยูหรูลุกขึ้นได้สะบัดมือบุตรสาวของนางออกไป มือข้างหนึ่งจับแก้มข้างที่นางถูกสามีตบ น้ำตาคลอ นางคับข้องใจยิ่งเขาปฏิบัติต่อตระกูลเว่ยดียิ่ง แม่นังนั่นจะตายไปหลายปีแล้ว แต่กลับนางสามีไม่เคยพูดถึงบ้านเดิมของนางสักครั้งทั้งทั้งๆที่ตระกูลของนางเป็นตระกูลขุนนางที่ยิ่งใหญ่ ตระกูลเว่ยเป็นตัวอันใดก็แค่ตระกูลพ่อค้าเท่านั้น เช่นนี้จะไม่ให้นางชิงชังคนตระกูลเว่ยได้รึ

“หึ เจ้าเองก็รู้ดีว่าเพราะอะไร เจ้าแต่งเข้ามาในฐานะอนุคนหนึ่ง พูดไปหากนายหญิงขอข้าไม่คิดสังเวชเจ้าจึงยินยอมให้เจ้าแต่งเข้ามา เจ้าจะยังมีหน้ามากำแหงต่อหน้าตระกูลเวยเช่นนี้รึ ท่านลุง พี่ชาย พี่สะใภ้ ลี่จิงคารวะพวกท่าน หลายชายเจ้าโตขึ้นไม่น้อย” เป็นลี่จิ่งที่ได้ข่าวว่าคนตระกูลเว่ยมา เขาจึงรีบเร่งมาพบพวกเขาทันได้ยินที่เฉินหยูหรูกล่าว นายท่านยกนางขึ้นเป็นเมียเอกก็นับว่าวาสนาของนางแล้ว นางยังไม่รู้จักดีชั่วเช่นนี้อีก ก่อนที่ลี่จิงจะหันไปทักทายทางคนตระกูลเว่ย พวกเขาล้วนพยักหน้าทักทายกัน

“ลี่จิงลำบากเจ้าแล้ว หากจบเรื่องนี้เจ้าจะกลับตระกูลเว่ยก็ได้ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่แล้ว” เว่ยอู๋ชิวมีสายตาที่อ่อนโยนเมื่อมองไปทางลู่จิง หลานเกอกำพร้าผู้นี้ถูกเลี้ยงดูในตระกูลเว่ยมาพร้อมกับบุตรสาวของเขา นางออกเรือนลู่จิงก็ติดตามมาด้วย พอนางเสียชีวิตลู่จิงผู้นี้ก็ไม่ยินยอมจากไป เฝ้าดูแลบุตรชายของนางจนถึงตอนนี้ เว่ยอู๋ชิวรู้สึกผิดกับหลานผู้นี้นัก

“ไม่ได้ ไม่ได้ขอรับท่านพ่อตา ลี่จิงไปแล้วอวิ้นฉีจะอยู่อย่างไรเล่าขอรับ” คนที่ตกใจกับเป็นแม่ทัพเช่นอวิ้นจือหยวน ได้อย่างไร ให้ลู่จิงกลับตระกูลเว่ยไม่ได้

“เจ้าโง่รึไง ตอนนี้อาฉีแต่งงานแล้ว ยังจะให้ลี่จิงดูแลอะไรอีก” หลานชายเขาก็เป็นฝั่งเป็นฝาแล้วจะรั้งคนไว้ได้เช่นไร เจ้าหมาโง่นี่คิดว่าเขามองไม่ออกรึ 

“คารวะท่านตา และท่านน้าทุกคนขอรับ” เซี่ยวหรวนก้าวออกมาเคารพคนตระกูลเว่ยอย่างนอบน้อม

“โอ้ ฮ่าๆ นี่สินะหลานสะใภ้ของข้า เจ้าสง่างามสมเป็นราชวงศ์จริงๆ มานี่มาเอานี่ไปของขวัญพบหน้าหลานสะใภ้ข้าให้” เว่ยอู๋ชิวเลิกด่าเจ้าลูกเขยโง่เง่านั้น หันมาทางหลานสะใภ้ มองดูแล้วช่างเจริญหูเจริญตายิ่ง

“แต่นี่ มันมีค่าเกินไป” เซียวหรวนเบิกตากว้าง ท่านผู้เฒ่าเว่ยถึงกับถอดกำไลหยกเหมันต์สวรรค์ให้เขา เป็นดังสามีเล่าให้ฟังจริงๆ ว่าท่านตาของเขาไม่ใช่คนธรรมดา แต่เขาร่ำรวยมาก หยกเหมันต์สวรรค์ที่หายากเช่นนี้ แม้แต่ในราชวงศ์ยังมีเพียงชิ้นเดียวคือแหวนวงเล็กๆหนึ่งวงที่ฮ่องเต้ประทานให้มารดาของเขาเท่านั้น แต่นี่เป็นกำไลอันใหญ่เขาไม่กล้ารับด้วยซ้ำ

“หลานสะใภ้เจ้ารับไว้เถิด ท่านพ่อถูกใจเจ้ายิ่งนัก” เว่ยเซวียนยิ้ม พร้อมกล่าวออกมาท่านพ่อของเขาคงถูกใจหลานสะใภ้ผู้นี้ไม่น้อย กำไลอันนี้เป็นของมารดาของเขาที่เสียชีวิตไปหลายปี ท่านพ่อใส่ติดตัวมาตลอดครั้งนี้ถึงกับถอดให้องค์ชายสาม ดูเบาไม่ได้เลยจริงๆ

“ขอคุณท่านตาขอรับ” เซี่ยวหรวนจึงจำเป็นต้องรับไว้ พร้อมสวมเข้าไปในแขนซ้าย สวมแล้วเย็นสบายไม่น้อยเลย

“ดีๆ เหมาะกับหลานสะใภ้ข้ายิ่ง เอาล่ะๆ อวิ้นจือหยวนข้ามาวันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเทียบเชิญเท่านั้น แต่เป็นเรื่องข้าขอสั่งให้เจ้าอย่าขาดกับนางแพศยานี่ซะ” เมื่อชื่นชมหลานสะใภ้เสร็จแล้ว เว่ยอู๋ชิวหันกลับมาหาหาบุตรเขยของตนเอง พร้อมใช้น้ำเสียงกดดันออกคำสั่งทันที

“เจ้า เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาสั่งให้สามีข้าอย่าขาดจากข้า” เฉินหยูหรูเบิกตากว้าง มีสิทธิ์อันใดให้สามีหย่านาง อย่างไรนางก็ไม่ยอมแน่

ตึก ตึก

“สิทธิ์อันใดงั้นรึ สิทธิ์ที่เจ้าทำตัวชั่วช้า คนเช่นเจ้าอยู่ไปก็เสื่อมเสียเกียรติของตระกูลอวิ้น เจ้าทำร้ายบุตรที่เกิดจากภรรยาเอกคนก่อน ซ้ำยังยักยอกสินเดิมของบุตรสาวข้าไปเป็นของตนเองเช่นไรเล่า ผู้ใดก็รู้ตอนเจ้าเข้าจวนมาเจ้ามีสมบัติอันใดติดตัวมาบ้างช่างน้อยนิด แต่ตอนนี้เจ้าใช้ชีวิตสุขสบายด้วยสินเดิมของผู้อื่นเช่นนี้ได้รึ อวิ้นจือหยวนวันนี้หากตระกูลเว่ยไม่ได้ตามที่ต้องการก็อย่าหวังว่าจะมีผู้ใดได้ออกไปจากที่นี่เลย” เว่ยอู๋ชิวเดินเข้าหานางสองก้าว ทำไมจะไม่ได้ เขามีสิทธิ์ทุกอย่าง หลานๆ ถูกทำร้าย ซ้ำสินเดิมที่เขามอบให้บุตรสาว แล้วบุตรสาวมอบให้หลานๆ กลับถูกนางเอาไปอย่างหน้าด้านๆ คนตระกูลเว่ยจะยอมได้รึ คิดว่าเขาเป็นแค่หนอนตัวอ้วนรึ มาลองดูว่าสุดท้ายผู้ใดจะชนะ

“เฉินหยูหรู เจ้าทำเช่นนั้นจริงๆ รึ” เมื่อได้ยินท่านพ่อตากล่าวเช่นนั้น ความจริงเขาเชื่อไปเกินกว่าครึ่งแล้ว เพราะรู้ดีว่าคนตระกูลเว่ยเป็นเช่นไร หากไม่สืบให้ดีแล้วพวกเขาย่อมไม่กล่าวหาผู้ใดลอยๆ แน่

“ท่านแม่ทำจริงๆ รึเจ้าคะ” อวิ้นฮวาถึงกับก้าวถอยหลัง ท่านแม่ของนางทำเรื่องชั่วช้าเช่นนั้นรึ เมื่อคิดดูแล้วช่วงหลังๆ มารดาของนาง ก็ใช้ของราคาแพง เสื้อผ้าก็งดงามเหนือใคร รวมของที่ท่านแม่ให้นางด้วย นั่นใช่มารดาไปเอาของผู้อื่นมารึ ช่างน่าละอายนัก นางละอายมากจริงๆ

“เจ้าพูดบ้าอะไร เจ้าใส่ร้ายข้า ท่านพี่ท่านต้องเชื่อข้า ฮวาเอ๋อเจ้าต้องเชื่อแม่นะ” เมื่อเฉินหยูหรูถูกผู้อื่นเปิดโปงนางจะยอมรับได้รึ ยิ่งมองสามีที่ไม่เชื่อใจ บุตรสาวที่มีสายตาผิดหวังในตัวนางแล้ว นางยิ่งยอมรับไม่ได้

“หึ เจ้าวางแผนส่งหลานเกอของข้าไปแต่งงานกับชายบ้านนอกผู้หนึ่ง ซ้ำยังโกหกครอบครัวนั้นว่าอาซีเป็นเพียงบุตรสาวใช้ แอบเป่าหูแม่สามีของอาซีให้กลั่นแกล้งรังแกเขา ยังยึดสินเดิมของเขาไว้ เจ้าคิดว่าผู้อื่นไม่รู้รึ ไม่ให้ข้าเรียกเจ้าว่าหญิงชั่วแล้วจะให้ข้าเรียกเจ้าว่าตัวอันใด” เรื่องนี้นางช่างอำมหิตนัก ส่งหลานเขาออกไปแล้ว ยังเห็นเขาทุกข์ยากไม่พอ ยังยุยงให้ผู้อื่นรังแกอวิ้นซี นางต้องการให้หลานชายของเขาไม่ได้มีชีวิตที่ดีไปตลอดชีวิต อย่างนี้เขาจะไม่แค้นได้รึ

“ไม่จริง หลานของเจ้ามันใจแตกเอง เจ้าจะโทษข้ารึ มันหนีไปกับผู้ชายสกปรกที่ใดก็ไม่รู้ พวกเจ้าจะโยนความผิดให้ข้ารึ ข้าไม่ยอมรับ" อย่างไรนางก็ไม่ยอมรับ พวกมันรู้เรื่องได้อย่างไร นางจึงใช้คำโกหกเดียวกันกับตอนที่สามีนางกลับจวนมาใหม่ๆ

ตึก ตึก

“จริงรึท่านแม่ ข้าเป็นอย่างที่ท่านพึ่งกล่าวมาเมื่อครู่จริงๆ รึ” อวิ้นซีเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ตามหลังมาด้วยอันเฉิง น่าเหลือเชื่อนัก สตรีชั่วช้านางได้วางเเผนให้เขาเป็นเช่นนี้เอง เมื่อได้ยินกับหูแล้วช่างน่าขันไม่น้อย

“อวิ้นซี เจ้าทำไม เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร” เฉินหยูหรูเบิกตากว้าง นางชี้นิ้วไปที่อวิ้นซี มันมาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร ซ้ำยังดูสุขสบายดี เกอเฒ่านั้นช่างไม่ได้เรื่อง นางอุตส่าห์บอกหนทางที่ดีให้แล้ว เหตุใดจึงไม่ทำตามปล่อยให้มันออกมาพบผู้คนเช่นนี้ได้อย่างไร

“ทำไมเล่าท่านแม่ ท่านคิดว่าข้าอาจจะถูกกลั่นแกล้งจนตายไปแล้วรึ ข้าต้องขอบคุณท่านจริงๆ ที่ทำให้ข้าได้พบสามีดีๆ เช่นนี้ แต่” อวิ้นซีแสยะยิ้ม นางคงคิดว่าเขาอาจจะตายไปแล้วแน่ๆ ใช่อวิ้นซีตัวจริงนั้นตายไปแล้วจริงๆ ตัวเขาตอนนี้ต้องขอบคุณนาง แต่กลับอวิ้นซีคนเดิมนั้นไม่ใช่

เปี๊ยะ

“กรี๊ดดด”

“ตบนี้โทษ ของเจ้ากลั่นแกล้งรังแกอวิ้นซีกับแม่นมเหมาตลอดสิบปีที่ผ่านมา” อวิ้นซีตบไปที่ใบหน้านางอย่างนักในอดีตเขาเป็นนักฆ่าย่อมรู้วิธีทำให้ผู้คนเจ็บเจียนตายได้เพียงแค่การตบ อวิ้นซีคนเดิมร่างกายอ่อนแอเพราะถูกกลั่นแกล้งไม่ให้เขาได้กินอาหารที่ดี ใช้งานสารพัด ทุบตี บางวันถึงกับไม่ได้กินอันใด ใช้ชีวิตดังคนใช้ก็ไม่ปาน แม่นมของเขานางมักรับโทษที่แม่เลี้ยงนางนี้หาเรื่องอยู่ประจำ อวิ้นซีจึงรักนางดังมารดาแท้ สุดท้ายนางก็อยู่ได้ไม่นานก็ป่วยพิษไข้ตาย ความแค้นนี้ยากจะลืม

เปี๊ยะ

“ตบนี้สำหรับเจ้า ที่เจ้าคิดกำจัดข้า ส่งข้าไปลำบากต่างๆ นานา” ตบที่สอง คือนางส่งอวิ้นซีไปลำบาก ซ้ำยังคิดกำจัดอวิ้นซีด้วยวิธีที่เลือดเย็น ความแค้นนี้ก็ลืมไม่ได้เช่นกัน

เปี๊ยะ เปี๊ยะ เปี๊ยะ ตึง

“ส่วนนี่ แด่ความไว้ใจของท่านพ่อและข้าที่มีต่อเจ้า แต่เจ้ากลับขโมยสินเดิมของข้าไป” อวิ้นซียังไม่หยุด แค่ตบยังไม่ทำให้เขาหายแค้น ความโลภของนางช่างมากมายนัก อวิ้ซีตบนางจนเลือดกบปากฟันหลุดไปหลายซี่จนนางล้มลงอีกครั้งจึงหยุด อย่างพอใจ

"อึก"

“อวิ้นซี”

“คารวะท่านพ่อ ไม่ได้พบกันนานเลยนะขอรับ” เมื่อได้ยินเสียงเรียกอวิ้นซีจึงหันไปทางคนผู้นี้ เขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักจากความทรงจำ คนผู้นี้คือบิดาของเจ้าของร่าง

“พ่อขอโทษ เป็นพ่อที่ผิดเองปล่อยเจ้าไว้กับนางมารจนเจ้าต้องลำบากขนาดนี้” เขาไม่ได้สนใจเฉินหยูหรูที่ถูกตบจนล้มตึงแม้แต่น้อย เพียงมองใบหน้าของบุตรชายที่ไม่ได้พบกันกว่าสิบปี เขาคล้ายมารดาจริงๆ อวิ้นจือหยวนได้แต่ขอโทษบุตรของตน เป็นเขาที่ผิดมากที่สุด ไม่คิดว่าความหวังดีเพื่อจะได้มีคนมาดูแลบุตรยามตนเองไปประจำที่ชายแดน จึงได้แต่งตั้งเฉินหยูหรูขึ้นเป็นภรรยาเอก ปกติต่อหน้านางทำตัวดียิ่ง แม้แต่กับภรรยาคนก่อนของเขานางคล้ายกับเคารพนอบน้อมยิ่ง ที่แท้นางทำเพื่อหวังผลเช่นนี้ เป็นเขาที่ตกหลุมไปเอง

“ท่านพ่อทำเพื่อบ้านเมือง ข้าไม่โทษท่านหรอกขอรับ” ความจริงอวิ้นจือหยวนก็ไม่ได้ผิดอันใดนัก เป็นเฉินหยูหรูเองที่นางไม่รักดี ได้รับความเมตตาเลื่อนจากอนุเป็นภรรยารองแล้วครั้งหนึ่ง มารดาของอวิ้นซีเสียชีวิตยังได้ขึ้นเป็นฮูหยินลองถามดูมีสตรีบ้านใดบ้างที่ได้ดีเช่นนี้ แต่นางกลับไม่รักษาไว้ ใช้ความคิดโง่ๆ เพื่อกำจัดบุตรของภรรยาคนก่อน หากนางทำกับพวกเขา แม้จะไม่สนิทใจเช่นมารดาแท้ๆ ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข แต่นางโง่เหลือเกินจริงๆ

“อึก ท่านพี่ ท่านพี่ อวิ้นซีทำร้ายข้าเช่นนี้ ท่านจะไปขอโทษมันอันใดกันเจ้าค่ะ” เฉินหยูหรูโวยวายขึ้นด้วยเสียงอู้อี้ เพราะเจ็บแก้มที่ถูกตบนัก นางถูกตบจนหน้าบวมฉึ่งเช่นนี้ ท่านพี่ยังไม่รีบมาดูนางยังจะไปขอโทษมันอีกรึ

เปี๊ยะ

“เจ้ายังไม่สำนึกอีกรึ เจ้าทำอันใดไว้คิดว่าข้ายังจะช่วยเจ้าอีกรึ ข้าจะหย่ากับเจ้า ส่งคนไปบอกบ้านเดิมของนางให้มารับตัวนางกลับไปโดยเร็ว” หากเขาไม่ตบซ้ำนางยังคงไม่ได้สติ หัวสมองนางมีอะไรอยู่กันแน่จึงแยกแยะอันใดไม่ได้เลย นางเป็นบุตรสาวของตระกูลใหญ่จริงหรือไม่ ช่างเสื่อมเสียนัก อย่างไรตอนนี้อวิ้นจือก็ไม่สามารถใช้ชีวิตเป็นสามีภรรยากับนางได้แล้ว คนที่ทำร้ายบุตรของเขาอย่างเลือดเย็นเช่นนี้เขาจะส่งนางกลับบ้านเดิมไปให้ตระกูลเฉินสั่งสอนเองก็แล้วกัน

“ไม่ท่านพี่ เป็นเพียงแค่ลมปาก ท่านต้องเชื่อข้านะเจ้าค่ะ ไม่มีหลักฐานแม้แต่น้อย” จะส่งนางกลับบ้านเดิมได้อย่างไร หากกลับไปเช่นนี้มีหวังท่านพ่อเอานางตายแน่ นางไม่อยากกลับไป ได้แต่ข้อร้องอ้อนวอนเกาะขาสามีอยู่เช่นนั้น

ตึก ตึก ตึ่ง

"ว้าย"

“ฮูหยิน ฮูหยินช่วยบ่าวด้วยเจ้าค่ะ”

“เจ้า เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้” เฉินหยูหรูตกใจร้องเสียงดัง อยู่ๆก็คล้ายมีคนโยนบางอย่างมาทับนาง เป็นบ่าวรับใช้ข้างกายนางนั้นเองที่ถูกโยนมาทับนาง ร่างกายของบ่าวรับใช้ที่ติดตามนางมาตั้งแต่บ้านเดิมเต็มไปด้วยเลือดและร่องร้อยการถูกทารุณมากมายน่ากลัวยิ่งนัก

“นี่ไงคือหลักฐาน ท่านพ่อข้าได้เค้นเอาความกับพวกบ่าวรับใช้ในเรือนทั้งหมดแล้ว พวกมันล้วนสารภาพว่าเฉินหยูหรูสั่งให้ปิดเป็นความลับ ข้าสามารถหาหลักฐานได้ทุกอย่างแล้ว ส่วนมันผู้ใดที่เคยแกล้งท่านพี่ข้าล้วนทรมานแล้วฆ่าพวกมันทิ้งทั้งสิ้น ส่วนสินเดิมของท่านพี่ข้าจะนำมันกลับมาให้ได้ทั้งหมดในเร็ววัน ส่วนผู้ใดที่ร่วมมือกับนาง ข้าส่งเข้าคุกไปแล้วทั้งหมดขอรับ” เป็นอวิ้นฉีที่ให้ทหารสองคนโยนบ่าวรับใช้ผู้นี้เข้ามา เขาใช้เวลาหลายวันเค้นความจริงออกจากปากของบ่าวรับใช้ในเรือน ใช้วิธีที่โหดร้ายสารพัดจนพวกมันยอมเปิดปาก ตอนนี้ทุกอย่างกระจ่างแล้ว พวกที่ร่วมกันยักยอกสินเดิมของพี่เขาโดยเฉพาะพ่อบ้านคนนั้นนอกจากทรมานแล้วเขายังส่งมันไปที่ศาลเรียบร้อย

“อืมดีมาก เร็วเข้ารีบส่งคนไปยังตระกูลเฉินให้มารับตัวนางกลับไป” ในเมื่อมีหลักฐานเช่นนี้ ก็ไม่ต้องรออันใดแล้ว เขาเรียกใช้ไปเชิญตระกูลเฉินมารับนางกลับไป

“อวิ้นจือหยวน เจ้าน่าจะรู้ว่าตอนนี้ตระกูลเฉินไม่มีเวลามารับนางกลับไปหรอก ขนาดตอนนี้พวกเขายังเอาตัวไม่รอดจากโทษก่อกบฏอยู่แล้วไม่ใช่รึ” ตระกูลเฉินตอนนี้คาดว่ากำลังวุ่นวายกันเลยทีเดียวพวกเขาคงไม่มีเวลามารับบุตรสาวที่ไม่สลักสำคัญอันใดกลับไปหรอก ครั้งนี้แม้แต่หวงกุ้ยเฟยกับองค์ชายรองยังรอดยากนัก ทุกอย่างล้วนเป็นฝีมือเขาเอง หลักฐานพวกนั้นเขาเป็นคนทำให้หายไป เขาเองก็สามารถนำมันกลับมาได้ ยิ่งส่งไปมันให้องค์รัชทายาทแล้ว ทุกอย่างที่เขาหวังล้วนสำเร็จแน่

“ว่าไงนะ กบฏอันใด เป็นไปไม่ได้ ท่านพี่อย่าส่งข้ากลับเลยนะเจ้าคะ ข้าทำผิดไปแล้ว ฮวาเอ๋อทุกอย่างแม่ล้วนทำเพื่อเจ้า ฮวาเอ๋อช่วยแม่ด้วย” กบฏรึ เฉินหยูหรูเบิกตากว้างตระกูลเฉินมีโทษก่อกบฏหากส่งนางกลับ นางมิใช่จะต้องตายไปพร้อมกับพวกเขารึ เฉินหยูหรูอ้อนวอนด้วยความหวาดกลัวนางยังไม่อยากตาย นางคลานไปมาเกาะขาสามีและบุตรสาว พวกเขาต่างไม่สนใจ

“ฮือ ท่านแม่ปากท่านบอกว่าทำเพื่อข้า แต่ข้าไม่ต้องการ ท่านไม่เคยสนใจบุตรสาวเช่นข้า ท่านสนใจแต่ผลประโยชน์และความต้องการของท่าน ข้าผิดหวังในตัวท่าน” อวิ้นฮวาตอนนี้นางได้หมดใจต่อมารดาไปแล้ว ต่อไปก็แล้วแต่ฟ้าจะกำหนดโทษของนางเถิด

“เอาเช่นนี้หรือไม่ท่านพ่อ นางกระทำความผิด ส่งนางไปสงบจิตสงบใจที่เขาเซียนหยวนดีหรือไม่” เมื่อมองคนอื่นๆ ต่างคิดมากเรื่องเฉินหยูหรู อย่างไรก็ให้นางอยู่ในจวนต่อไปไม่ได้ เช่นนั้นก็ส่งนางไปที่เขาเซียนหยวนก็แล้วกัน

“ม้ายยย ไม่ข้าไม่ไป ท่านพี่ได้โปรดข้าไม่อยากไปที่นั่น ท่านพี่โปรดเมตตาส่งข้า ส่งข้ากลับไปที่ตระกูลเฉินด้วยเถิดเจ้าค่ะ” เมื่อได้ยินอวิ้นซีพูดถึงเขาเซียนหยวน เฉินหยูหรูเบิกตากว้างตกใจหวาดกลัวอย่างที่สุด เขาเซียนหยวนแม้ชื่อจะดูดีแต่ที่นั่นเป็นสำนักนางชีที่โหดร้าย หากสตรีนางใดทำผิดกฎบ้านอย่างร้ายแรง มักถูกส่งไปที่นั่น และพวกนางเข้าไปแล้วแม้ไม่ตายล้วนไม่ได้ออกมาตลอดชีวิต มันคือนรกบนดินก็ไม่ปาน สู้ส่งนางกลับตระกูลเฉินแล้วโดนประหารเสียยังดีกว่า อย่างไรนางก็ไม่ไปที่นั่นเด็ดขาด

“ได้เช่นนั้นข้าจะส่งนางไปเขาเซียนหยวน ในนางได้สำนึกในความผิดของนางเสียบ้าง พวกเจ้าเอานางไป เก็บของให้นาง ส่งนางกับบ่าวรับใช้ข้างกายออกไปทันที” เมื่ออวิ้นซีเสนอทุกคนต่างเห็นด้วย ครั้งนี้นับว่าเมตตานางแล้วให้นางอยู่ในที่สงบสุขไปตลอดชีวิต แต่ไม่รู้ว่าเฉินหยูหรูจะคิดเเบบพวกเขาหรือไม่ ก็สุดแล้วแต่นาง

“ท่านพี่ ฮวาเอ๋อ ลูกฉี ลูกซี ข้าผิดไปแล้วข้าขอร้อง” เฉินหยูหรูละทิ้งศักดิ์ศรีทุกอย่างก้มหัวขอร้องพวกเขา นางไม่อยากเดินเข้าสู่ขุมนรกนั้นจริงๆ

“เอาพวกนางออกไป” อวิ้นจือหยวนไม่ฟังนางเรียกคนมาลากนางออกไป

“ขอรับ” ทหารสองนายมาลากพวกนางออกไปทันที

“นายท่าน นายท่านเมตตาด้วยเถิดเจ้าค่ะ บ่าวแค่ทำตามคำสั่งของฮูหยินเจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้ร้องอ้อนวอนไม่คิดว่านางก็ต้องไปด้วยเช่นกัน แค่เพียงได้ยินชื่อเขาเซียนหยวนจะมีสตรีนางใดอยากไปเล่า

“เจ้าโทษข้ารึ นังทาสชั้นต่ำ นี่ข้าจะทุบตีเจ้าให้ตาย” เสียงตบตีกันของนายกับบ่าวค่อยๆ หายไปเมื่อพวกนางถูกลากห่างออกไป



“ท่านพ่อข้าขอกลับเรือนนะเจ้าค่ะ ขออภัยทุกท่านด้วยเถิด ฮวาเอ๋อขอเสียมารยาทแล้ว” อวิ้นฮวาตอนนี้จิตใจของนางไม่มั่นคงนักไม่สามารถอยู่ต่อได้ นางจึงขอตัวกลับไปที่เรือนของนางเอง

“เจ้าไปพักเถิด พวกเจ้าดูแลนางด้วย” อวิ้นจือหยวนสงสารบุตรสาวของเขานัก เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้กับมารดาของนางคาดว่านางคงยังทำใจไม่ได้บ้าง จึงได้สั่งสาวใช้ให้ดูแลนางให้ดีๆ



“ต้องขออภัยท่านพ่อตาจริงๆขอรับ ที่ให้ท่านต้องมาเห็นความวุ่นวายในเรือนข้าเช่นนี้” อวิ้นจือหยวนหันมาคารวะขออภัยพ่อตาของตน เป็นเขาที่จัดการเรื่องในเรือนไม่ดีจนเดือดร้อนผู้อื่นเสียขนาดนี้ เขารู้สึกเสียใจจริงๆ

“เฮอะ เจ้านั้นเก่งไปเสียทุกอย่าง ติดซื่อบื้อตามมารยาของสตรีไม่ทัน ต่อไปอย่าได้เป็นเช่นนี้อีก” เมื่อเห็นสีหน้าของบุตรคล้ายสำนึกผิดจริงๆ เว่ยอู๋ชิวมีน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย

“ขอบคุณท่านพ่อตาที่สั่งสอนขอรับ” เป็นเช่นนั้นจริงๆ เขามองมารยาของสตรีไม่ออกจนให้ในบ้านวุ่นวาย ที่พ่อตากล่าวมาย่อมไม่ผิด

“เอาล่ะๆ จบเรื่องแล้วต่อไปมีแต่เรื่องน่ายินดีทั้งนั้น อาฉีของตาดูสิเจ้าโตแล้วเป็นบุรุษที่องอาจยิ่ง ซ้ำเลือกภรรยาได้ดีจริงๆ ตาภูมิใจในตัวเจ้านัก” เรื่องไม่ดีได้ผ่านไปแล้ว เว่ยอู๋ชิวไม่อยากกล่าวถึงมันอีก ก่อนเดินไปจับไหลของหลานใช้หมุนตัวเขาไปมา เด็กน้อยเมื่อก่อนตนนี้โตจนได้แต่งงานแล้ว ดีจริงๆ

“ขอรับท่านตา ข้าคิดถึงท่านตาจริงๆ ขอรับ ท่านพี่ข้าดีใจจริงๆ ที่ท่านปลอดภัย” อวิ้นฉียิ้มวันนี้นอกจากจะได้พบกับท่านตาแล้วยังได้พบพี่ที่หายไปอีก เป็นวันที่เขามีความสุขจริงๆ

“ฉีเอ๋อ ดูสิเจ้าแต่งงานแล้ว ยังทำตัวขี้แยเช่นนี้ได้รึ น้องสะใภ้ข้ายินดีที่ได้พบเจ้า” มองน้องชายที่น้ำตาคลอแล้ว อวิ้นซีหยอกล้อเขาไปเล็กน้อย พร้อมหันไปหาน้องสะใภ้สมกับท่านตาชื่นชมอวิ้นฉีว่าเลือกภรรยาได้ดีจริงๆ น้องสะใภ้ผู้นี้ดูอย่างไรก็ไม่ใช่คนธรรมดา นอกจากฐานะองค์ชายสามแล้ว ทุกอย่างล้วนสมบูรณ์ ยิ่งมองยิ่งสบายตา

“ขอรับข้าก็เช่นกันพี่สามี เอ่อท่านนี้” เซี่ยวหรวนยิ้มยินดี ในนครหลวงนี้รูปลักษณ์ของเขาว่างดงามแล้ว แต่มองอย่างไรพี่สามีตรงหน้านี้ งดงามไม่แพ้เขาเลยทีเดียว เพียงคล้ายจะแตกต่างกับเขาอยู่บ้างเล็กน้อยตรงบรรยากาศรอบๆตัวที่คล้ายจะเป็นอันตรายยิ่ง มองแล้วพี่สามีผู้นี้น่าจะอันตรายมากกว่าพี่ชายที่เอาแต่ใส่หน้ากากรอยยิ้มของเขา กับสามีผู้มีความโหดเหี้ยมของเขาอีก ก่อนเซี่ยวหรวนจะหันไปเห็นคนที่อยู่ข้างหลังพี่สามี เขาเองคล้ายจะทักทายไม่ถูกเพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้ใด เขายืนไม่พูดไม่จากับผู้ใดเลยสักนิด

“นี่โจอันเฉิง เขาคือสามีของข้า เป็นพี่เขยของเจ้า” อวิ้นฉียิ้มก่อนแนะนำสามีให้พวกเขารู้จัก

“อ้อเช่นนั้นรึ ยินดีที่ได้รู้จักพี่เขยขอรับ” เซี่ยวหรวนชะงักเล็กน้อย พี่เขยคนนี้คล้ายจะไม่เหมือนผู้ใดอยู่บ้าง มีรูปลักษณ์ไม่น่าเกลียด แต่มองไม่ออกจริงๆ ว่าพวกเขารักกันได้อย่างไร แต่เพื่อไม่ให้เสียมารยาทเซียวเหรวนทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม

“สามีของเจ้ารึ ไม่ได้ข้ายังไม่ยอมรับเขา ดูก็รู้ว่าเป็นคนไม่เอาไหน เช่นนี้ข้าไม่ยอมรับ” อวิ้นจือหยวนถามขึ้น ใช่สามีคนนี้หรือไม่ ที่บ้านของเขารักแก่บุตรของตน มองดูแล้วคล้ายคนโง่เสียนี่ จะปกป้องบุตรของเขาได้รึ อย่างไรเขาก็ไม่ยอมรับเป็นอันขาด

“เจ้าว่าอะไรนะ อวิ้นจือหยวนเจ้าบ้านี่เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาไม่ยอมรับหลานเขยข้า นี่ๆ” คนที่เป็นเดือดเป็นร้อนกลับเป็นเว่ยอู๋ชิว หลานเขยของเขาผู้นี้ดีเลิศกว่าใคร เจ้าบ้านี่กล่าวอันใดหากหลานเขยคนนี้หลุดมือไปจะว่าอย่างไรเล่า ช่างโง่เง่านัก เขาโกรธจริงๆ แล้ว

ตุ๊บๆ ตุ๊บๆ

“โอ๊ย ท่านพ่อตา ท่านหยุดก่อน ข้าเจ็บตัวหมดแล้ว โอ๊ย” อวิ้นจือหยวนหลบไม้เท้าที่พ่อตาใช้ทุบตีเขาเสียให้วุ่น แต่ก็หลบได้เพียงไม่กี่ครั้ง นอกนั้นทำเอาเขาเจ็บอยู่ไปน้อยแต่ไม่กล้าสวนกลับอันใด

“แฮกๆ หึ เจ้ามีหน้ามาว่าหลานเขยข้ารึ ตอนที่เจ้าไปขอซินเอ๋อของข้าอย่างกับเจ้าดีไปกว่าเขานักรึ เขาจะไม่เอาไหนแล้วอย่างไรข้ารวย สามารถเลี้ยงหลานเขยไปตลอดชีวิต เขาไม่ต้องทำอันใดยังได้” เมื่อทุบตีจนพอใจแล้ว เว่ยอู๋ชิวถึงกลับหอเหนื่อย ก่อนตะโกนด่าบุตรเขยอีกครั้ง หลานเขยของเขาไม่เอาไหนรึ หากเขาไม่เอาไหนเขาคิดว่ายังดีเสียกว่า นี่เขาขยันขันแข็งจนบางครั้งเขาอยากให้อันเฉิงหยุดนั่งเฉยๆ เสียยังดีกว่าด้วยซ้ำ ผลงานศิลปะที่อันเฉิงสร้างขึ้นตอนนี้ราคาพุ่งสูงเสียดฟ้าด้วยซ้ำ เขาเองก็มีเก็บไว้เพียงสองภาพเท่านั้น คนเช่นนี้รึไม่เอาไหนเหอะ

“อย่างไรเล่าท่านพ่อ หากเขาไม่ผ่านการทดสอบของข้าอย่างไรข้าก็ไม่ยอมรับ” ตอนนี้ไม่ว่าจะพูดเช่นไรเขาก็ไม่ยอม เหตุใดเล่าอยู่ๆ เขากลับถูกท่านพ่อตาทุบตี เพราะเจ้าลูกเขยหน้านิ่งไม่พูดกับเขาสักคำนี่ พ่อตาช่างสองมาตรฐานจริงๆ

“แล้วแต่ท่านพ่อจะว่าอย่างไร ข้าจะไม่ให้สามีข้าต้องทำอะไร เพราะข้าจะเป็นคนเลี้ยงดูเขาเองขอรับ” สามีของเขาไม่จำเป็นต้องทำอันใดเขาก็หาเลี้ยงอันเฉิงได้ ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องลำบากอะไร

“เจ้าว่าอะไรนะ เจ้าเป็นเกอนะ จะเลี้ยงบุรุษได้รึ” อวิ้นจือหยวนเบิกตากว้าง บุตรเกอของเขาเป็นบ้าไปแล้วรึ เจ้าจะหน้ามืดตามัวลุ่มหลงชอบไอ้หนุ่มนี่จนเกินไปหรือไม่ วันนี้มันวันอันใดกันนะเหตุใดเขาจึงรู้สึกว่ามันช่างเป็นวันที่เลวร้ายยิ่ง