“กูอยากถามมึงว่ามึงคิดยังไงกับยัยว่าน”
วิญาดาเอ่ยถามเพื่อนด้วยความอยากรู้ เธอจะได้เอาไปบอกเพื่อนถูก แต่ดูจากหน้าตอนที่ยัยว่านสารภาพรักกับวรวิทย์ เธอก็รู้แล้วว่ามันคิดยังไง แต่ก็อยากถามมันให้แน่เธอจะใจ
“มันมีแฟนแล้ว มันจะไปคิดอะไรยัยวิ มึงนี่ก็ถามแปลก”
ทศวรรษว่าให้เพื่อนสาวไม่จริงจังนัก
“กูรู้ แต่กูก็อยากรู้จากปากมึงไง มึงคิดยังไงกับว่าน เอาความจริงนะ”
วิญาดาบอกเพื่อนน้ำเสียงจริงจัง พร้อมกับตั้งใจฟังคำตอบของวรวิทย์
วรวิทย์มองหน้าเพื่อนสาวก่อนจะตอบ
“กูไม่ได้ชอบว่าน กูคิดกับมันแค่เพื่อน กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันเลย กูไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันแอบชอบกูอยู่ ตอนกูได้ยินที่มันพูดกูก็ตกใจ ไม่คิดว่ามันจะชอบกู”
วรวิทย์บอกความในใจให้เพื่อนฟัง เขาคิดกับว่านแค่เพื่อน
รัก,ชาย-หญิง,ไทย,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,วรวิทย์,รัก,ว่านรัก,ดลวัฒน์,วิญาดา,เพื่อนสนิท,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ตอนที่ 25
“ไปกินข้าวกัน พวกนั้นคงรอเรานานแล้ว”
วรวิทย์เอ่ยบอกเพื่อนสาว เมื่อว่านรักหาโทรศัพท์เจอแล้ว
“อืม”
พอทั้งสองเดินออกมาจากห้อง ลมก็ปะทะเข้ากับใบหน้าอย่างเย็นสบาย ต้นไม้ปลิวไปตามแรงลมอย่างแรง ขยะที่อยู่บนถนนและม้าหินอ่อนปลิวว่อน ฟ้าเริ่มมืดครึ้มเหมือนฝนกำลังจะตก
“พี่วิทย์”
สุภาวดีเรียกวรวิทย์เสียงหวาน แล้วหันไปมองว่านรักครู่หนึ่งแล้วหันกับมามองชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม
วรวิทย์หันหน้ามาหาสุภาวดีด้วยรอยยิ้มเหมือนกัน
“มีอะไรครับน้องเดือน”
เขาเอ่ยถามสุภาวดีเสียงอ่อนโยน
“พี่วิทย์พึ่งเลิกคลาสเหรอคะ”
“พี่เลิกนานแล้ว พี่มาหาโทรศัพท์ช่วยเพื่อนน่ะ มีอะไรเหรอครับ”
“พี่กินข้าวรึยังคะ ถ้ายังไม่ได้กิน ไปกินกับเดือนไหม”
หลังจากเธอให้เบอร์พี่วิทย์ไปที่ร้านหมูกะทะ วรวิทย์ก็โทรมาหาเธอเกือบทุกวัน ว่ากินข้าวรึยัง นอนรึยัง
บ้างวันก็ส่งข้อความมาบอกฝันดี มีถามด้วยนะว่าเธอพักที่ไหน จะได้ซื้อก๋วยเตี๋ยวรสเด็ดมาฝาก ตอนแรกเธอก็ไม่ได้สนใจอะไร ไม่ได้ตอบข้อความพี่เขาด้วย แค่อ่านเฉย ๆ พอพี่เขาส่งข้อความมาหลายวันเข้า เธอก็ใจอ่อนยอมตอบกลับไป เธอเริ่มรู้สึกชอบพี่เขา เพราะความเอาใจใส่ ถามเธอตลอดว่าอยากกินอะไรเดี๋ยวจะซื้อไปให้ ข้อความก็ส่งมาถามเหมือนเดิมเปะ วรวิทย์ส่งข้อความมาทีไหร่เธออมยิ้มทุกที อะไรจะคงเส้นคงวาขนาดนั้น ขนาดยังไม่ได้เป็นแฟนกันนะ ยังเอาใจใส่เธอขนาดนี้ ถ้าเป็นแฟนกันแล้วเธอจะยิ้มไม่หุบเลยเหรอ เธอต้องคลั่งรักพี่เขามากแน่ ๆ เลย เธอยิ่งชอบผู้ชายเอาใจใส่อยู่ด้วย ที่สำคัญพี่วิทย์พูดเพราะกับเธอตลอด หน้าตาก็หล่อเหลา คมเข้มฉบับชายไทย ตัวก็สูงล้ำ ถ้าไม่เอาก็บ้าแล้ว
ว่านรักได้แต่มองเพื่อนกับน้องเดือนคุยกันด้วยความรู้สึกเจ็บปวดปนหน่วงหัวใจ
“ไปสิครับพี่ยังไม่ได้กินข้าวเลย”
วรวิทย์ตอบเธอแล้วเขาก็อมยิ้มดีใจที่คนที่เขาแอบชอบชวนไปกินข้าวด้วยแสดงว่าน้องเขาอาจมีใจให้ก็ได้
ว่านรักได้ยินดังนั้นก็เอ่ยบอกเพื่อนชาย ด้วยน้ำเสียงที่ปกติที่สุดว่า
“งั้นเราไปหาเพื่อนก่อนนะ”
พูดจบว่านรักก็หมุนตัวเดินออกไป โดยที่วรวิทย์ยังไม่ได้ตอบกลับอะไร มา ในใจเธอตอนนี้อยากจะวิ่งหนีออกไปด้วยซ้ำ แต่เธอทำอย่างนั้นไม่ได้ เดี๋ยวทั้งสองคนสงสัย เธอไม่อยากอยู่เป็นก้างขว้างคอเขาหรอก ทั้งสองคนไม่เห็นเธออยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ ทำเหมือนเธอไม่อยู่ตรงนี้ด้วย เธอดูออกว่า วรวิทย์ดีใจมากแค่ไหนที่น้องเดือนชวนไปทานข้าว เธอเห็นเขาอมยิ้ม แววตาก็ดูตื่นเต้นดีใจสุด ๆ คงอยากจะไปกินข้าวกับน้องหน้าสวยจนตัวสั่น
เดือน หรือ สุภาวดี เรียนอยู่ปีสาม เรียนคณะเดียวกับเธอ สูงร้อยเจ็ดสิบเซนขาว จมูงโด่ง หุ่นก็ดีเหมือนนางแบบ ผมก็ยาวสีดำสวย อย่างกับโฆษณายาสระผม ดูแล้วเหมาะสมกับเพื่อนเธอมาก นี้สินะสเปคของเขาซึ่งตรงกันข้ามกับเธอสุด ๆ
ว่านรักเดินออกจากอาคารไกลพอสมควร อยู่ ๆ ฝนเม็ดเล็ก ๆ ก็ตกลงมา
ซ่า!!
ว่านรักรีบวิ่งไปที่โรงอาหารอย่างไว เพราะตอนนี้ฝนตกแรงมาก ต้นไม้ทุกต้นในมหาลัยพัดปลิวไปกับสายลม
ทำให้ตัวเธอเปียกไปหมด กว่าจะวิ่งถึงโรงอาหารเธอก็รู้สึกหนาวขึ้นมา
ทำไมฝนถึงต้องมาตกตอนที่เธอเจ็บที่อกข้างซ้ายด้วย ฝนมันตกได้พอดีกลับตอนที่เธอเดินออกจากอาคารได้ไม่นาน เหมือนฝนจะซ้ำเติมเธออย่างไงอย่างนั้น พอเข้ามาในโรงอาหารคนก็มองมาที่เธอหลายคน ยังดีที่เธอใส่เสื้อซ้อนไว้ไม่งั้นคงเห็นหมดแล้ว เธอไม่ได้สนใจและมองหาเพื่อนต่อ ไม่นานเธอก็เห็นยัยวินั่งทานข้าวอยู่กับดลวัฒน์ เธอรีบเดินเข้าไปหาคนทั้งสองทันที
เธอหย่อนก้นนั่งลงข้างเพื่อนสาว เว้นระหว่างนิดหนึ่งกลัวว่าเสื้อเพื่อนจะเปียกจากตัวของเธอ
“ว่าน ทำไมแกมาในสภาพนี้ ทำไมไม่รอให้ฝนมันหยุดก่อนค่อยมา”
วิญาดาว่าให้ว่านรักเมื่อเห็นเพื่อนสาวเปียกไปทั้งตัว
“ฉันเดินมาได้ครึ่งทางแล้วฝนมันตกพอดีเลยรีบวิ่งมา ไม่อยากรอที่อาคารคนเดียว”
เธอไม่อยากรอที่อาคารอย่างที่บอกเพื่อนจริง ๆ
ดลวัฒน์และวิญาดาทำหน้าสงสัยที่ว่านรักพูดว่ารอคนเดียว
“แกก็รอฝนหยุดกับไอ้วิทย์ไง แล้วนี่มันไปไหน”
ดลวัฒน์ถามเพื่อนเมื่อไม่เห็นเพื่อนสนิทมากับว่านรักด้วย แถมไอ้ว่านก็พูดจาอะไรแปลก ๆ
“มันอยู่กับสาว กูเลยมาคนเดียว”
“น้องเดือนนะเหรอ”
“อืม”
“ไอ้ดลเอาเสื้อมึงมา”
ถึงเสื้อว่านรักจะเปียกและเห็นเสื้อซ้อนข้างใน เธอก็อยากให้เพื่อนใส่เสื้อแขนยาวทับไว้อยู่ดี
“มึงจะเอาเสื้อกูไปทำอะไร”
“เอามาเถอะน่า กูจะให้ว่านใส่ คนมองพวกเราทั้งโรงอาหารแล้ว”
ดลวัฒน์มองไปรอบ ๆ ก็เห็นคนมองพวกเขาอยู่หลายคน เขารีบถอดเสื้อแขนยาวให้ว่านรักทันที
“ขอบคุณนะ”
ว่านรักบอกเพื่อนด้วยรอยยิ้ม แล้วเธอก็ใส่เสื้อแขนยาวของดลวัฒน์
“อะ เอาไว้เช็ดผม ดูท่าฝนคงจะตกอีกนาน ดีที่พวกเราไม่มีเรียนช่วงบ่าย”
วิญาดายื่นผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าผืนไม่ใหญ่มากให้เพื่อนสนิท
ว่านรักรับมาแล้วรีบเช็ดผมทันทีกลัวว่าตัวเองจะเป็นไข้ ตอนนี้เธอรู้สึกหนาว ยังดีที่มีเสื้อของดลใส่ไว้ ไม่งั้นเธอคงหนาวกว่านี้
คอนโดทศวรรษ
16:30
“วิมียาลดไข้ไหม”
เธอถามเพื่อนเมื่อออกมาจากห้องน้ำ
“ไม่มี ทำไมมึงตัวร้อนเหรอ”
“เออ”
“ไม่มี อาบน้ำเสร็จเดี๋ยวกูไปซื้อมาให้”
“อืม นี่เงินวางอยู่ที่นอนนะ”
บอกเพื่อนเสร็จก็ล้มตัวลงนอน
กว่าฝนจะหยุดตกก็สี่โมงเย็น เธอกับวิญาดาอยู่ห้องกันแค่สองคน เพราะไอ้เสือมันไปบ้านพ่อกับแม่มันกว่าจะกลับมาที่คอนโดก็วันจันทร์โน้น
วิญาดาออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเพื่อนนอนหลับไปแล้ว เธอเอามือวางบนหน้าผากเพื่อน ตัวมันร้อนนิดหนึ่งไม่ได้ร้อนมาก เธอรีบใส่เสื้อผ้าแล้วลงไปซื้อยาที่ใต้คอนโด
เธอซื้อข้าวโจ๊กหมูกับผัดกะเพราะทะเลของเธอมาด้วย
“ว่าน ว่าน ลุกขึ้นมากินข้าวกินยาก่อน"
เธอเขย่าตัวเพื่อนสองสามครั้งเพื่อปลุกให้มันตื่น
“อือ”
ว่านรักงัวเงียตื่นขึ้นมาแต่ไม่ยอมลืมตา
และไม่ยอมลุกด้วย
“ยัยว่านลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ฉันอุตส่าห์ซื้อโจ๊กหมูมาฝาก”
พูดพร้อมกับจับแขนทั้งสองข้างของเพื่อนแล้วดึงขึ้นมาจากเตียง
“เออ ๆ”
วิญาดาได้ยินแล้วก็ปล่อยแขนทั้งสองข้างของว่านรักออก
ว่านรักบอกเพื่อนสาวแล้วก็ค่อย ๆลุกขึ้นนั่ง วิญาดาไปเอาโต๊ะญี่ปุ่นมากางไว้ที่ขาของเพื่อนและขยับเข้ามาให้พอดีเพื่อเพื่อนเธอจะได้กินได้สะดวก และก็นำชามที่เทโจ๊กไว้แล้ว และแก้วที่ใส่น้ำไว้เกือบจะเต็มวางลงบนโต๊ะให้เพื่อนสนิท
“แกกินได้ไหม หรือจะให้ฉันป้อน”
“ฉันกินได้”
ว่านรักตอบเพื่อนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ตอนนี้เธอปวดหัวมาก
รีบกินจะได้รีบนอน
เธอกินไปได้สามสี่คำก็กินน้ำตามลงไป
“ทำไมแกกินน้อยจัง”
วิญาดามองไปที่ชามโจ๊กเธอไม่เห็นมันพร่องลงไปเลยสักนิด
“ฉันอิ่มแล้ว”
“ดีขึ้นยัง”
ถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“ดีจึ้นแล้วแต่ปวดหัวนิดหน่อย นอนพักเดี๋ยวก็หาย”
“แกนอนเถอะเดี๋ยวฉันจัดการเก็บเอง”
“อืม”
Rrrrrrr
วิญาดาที่เอาชามวางไว้ที่ซิงค์ เธอก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาเธอรีบเดินไปที่โซฟา
“ว่าไงคะแม่”
“ค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้วิจะรีบกลับบ้านนะค่ะ ฝันดีค่า”
“จ๊ะลูก”
แล้วแม่ของวิญาดาก็วางสายไป