“กูอยากถามมึงว่ามึงคิดยังไงกับยัยว่าน”
วิญาดาเอ่ยถามเพื่อนด้วยความอยากรู้ เธอจะได้เอาไปบอกเพื่อนถูก แต่ดูจากหน้าตอนที่ยัยว่านสารภาพรักกับวรวิทย์ เธอก็รู้แล้วว่ามันคิดยังไง แต่ก็อยากถามมันให้แน่เธอจะใจ
“มันมีแฟนแล้ว มันจะไปคิดอะไรยัยวิ มึงนี่ก็ถามแปลก”
ทศวรรษว่าให้เพื่อนสาวไม่จริงจังนัก
“กูรู้ แต่กูก็อยากรู้จากปากมึงไง มึงคิดยังไงกับว่าน เอาความจริงนะ”
วิญาดาบอกเพื่อนน้ำเสียงจริงจัง พร้อมกับตั้งใจฟังคำตอบของวรวิทย์
วรวิทย์มองหน้าเพื่อนสาวก่อนจะตอบ
“กูไม่ได้ชอบว่าน กูคิดกับมันแค่เพื่อน กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันเลย กูไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันแอบชอบกูอยู่ ตอนกูได้ยินที่มันพูดกูก็ตกใจ ไม่คิดว่ามันจะชอบกู”
วรวิทย์บอกความในใจให้เพื่อนฟัง เขาคิดกับว่านแค่เพื่อน
รัก,ชาย-หญิง,ไทย,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,วรวิทย์,รัก,ว่านรัก,ดลวัฒน์,วิญาดา,เพื่อนสนิท,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ตอนที่ 34
ร้านหมูกระทะ
13:30
“น้องเอาเบียร์มาสิบขวด”
ทศวรรษเอ่ยบอกพนักงานชายที่เอาเตาถ่านและกระทะมาให้
“ได้ครับ”
“เฮ้ย! มึงสั่งเยอะไปไหมไอ้เสือ”
วิญาดาเอ่ยทักขึ้น
“ไม่เยอะไปหรอก ฉลองเราเรียนจบไง”
“กูกับว่านไม่กินเบียร์นะเว้ย”
วิญาดาบอกเพื่อนไว้ก่อน เธอกับว่านไม่กิน เพราะกลัวว่าตัวเองจะเมา และอีกอย่างกินแล้วมันปวดหัว เธอกับเพื่อนก็เลยไม่กินดีกว่า
“เออไอ้ดล ตำส้มตำให้กูกินหน่อยสิ มึงตำอร่อย”
คราวก่อนมันตำให้กินโครตอร่อย หลังจากวันนั้นเธอก็ไม่ได้กินส้มตำฝีมันอีกเลย วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วสินะที่เธอจะได้กินส้มตำฝีมือมัน
“เออ ๆ”
แล้วทั้งสองคนก็พากันเดินไปเอาของกิน และตำส้มตำด้วย
ส่วนว่านรักก็ไปตักกุ้ง ตักหมู และของกินเล่น เหลือแค่ทศวรรษกับวรวิทย์สองคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ
“ไอ้วิทย์กูถามมึงหน่อยสิ”
“ถามมาสิ ถ้ากูตอบได้กูจะตอบ”
“คือว่ามึงรู้สึกว่าว่านชอบมึงรึเปล่า”
“ทำไมวะ”
วรวิทย์เอ่ยถามทศวรรษด้วยความสงสัย ว่าทำไมมันถามเขาแบบนี้
“ก็กูเห็นมันแอบมองมึงอยู่บ่อย ๆ”
ตอนที่กินข้าวอยู่โรงอาหาร เขาเห็นยัยว่านชอบแอบมองไอ้วิทย์อยู่บ่อยครั้ง เวลาไอ้วิทย์มันเผลอหรือไม่รู้ตัว พูดง่าย ๆ มันไม่เห็นนั้นเอง ตอนแรกเขานึกว่าว่านรักก็แค่มองไอ้วิทย์ปกติ แต่พอนานวันเข้ายัยว่านก็แอบมองวรวิทย์อีกเหมือนเดิม และบางครั้งก็แอบยิ้มอยู่คนเดียว เขาก็เลยสงสัยว่าเพื่อนสาวของเขานั้นจะแอบชอบไอ้วิทย์อยู่รึเปล่า เพื่อนกันเขาไม่แอบมองกันแล้วอมยิ้มอยู่คนเดียวแบบนี้หรอก หลังจากนั้นเขาก็สงสัยมาตลอด พอเขามีแฟนก็ไม่ได้สนใจว่านรักอีกเลย เขาไม่กล้าถามยัยวิ กลัวว่าวิญาดาจะไม่บอกเขา หรือว่ามันไม่รู้อะไรเลย ถามยัยวิไปเดี๋ยวมันก็เอาไปบอกว่านรัก เดี๋ยวจะทำให้ว่านระแวงเวลาอยู่กับวรวิทย์หรือเพื่อน ๆ
ทศวรรษอยากรู้ว่าวรวิทย์นั้นรู้สึกว่ามีใครแอบมองมันไหม หรือว่ามันจะรู้ตัวบ้างไหมว่าว่านรักเปลี่ยนไปเวลาที่น้องเดือนมาหามัน
“เหรอวะ ทำไมกูไม่รู้สึกว่าถูกแอบมองเลย”
“ก็มึงไม่ได้สนใจว่านไง มึงเลยไม่รู้”
“มันก็จริง ว่านไม่ได้ชอบกูหรอกมึงน่ะคิดมาก เป็นไปไม่ได้ที่ว่านจะมารักกู กูมีแฟนแล้วนะเว้ย อีกอย่างเราก็เป็นเพื่อนกัน”
วรวิทย์ไม่เชื่อว่าว่านรักจะแอบชอบเขาอย่างที่ทศวรรษว่าเลยสักนิด เขาไม่เคยเห็นท่าทางแปลก ๆ ของว่านรักที่มีต่อเขาสักครั้ง
“แต่มันแอบมองมึงตอนที่มึงยังไม่ได้มีแฟนนะเว้ย มันก็น่าคิดใช่ไหมล่ะ”
“ไม่น่าคิดเว้ย ว่านก็แค่มองหน้ากูเฉย ๆ แค่ว่านมองหน้ากู มึงก็คิดว่าว่านแอบรักกูเลยเหรอวะ”
“ก็แล้วแต่มึงจะคิดล่ะกันไอ้วิทย์ กูแค่บอกมึงเฉย ๆ”
ถ้ายัยว่านไม่ชอบ แล้วมันจะมองหน้าไอ้วิทย์แล้วยิ้มอยู่คนเดียวทำไม นอกเสียจากเพื่อนสาวของเขาแอบชอบไอ้วิทย์ ทศวรรษคิดในใจคนเดียว
“วิทย์เราเห็นหมูทอดกระเทียมของโปรดนายด้วย ไม่ได้เอามาให้นะ มือเราไม่วาง วิทย์จะเอาไหมเดี๋ยวเราไปเอามาให้”
ว่านรักวางของลงบนโต๊ะเสร็จก็เอ่ยถามวรวิทย์ด้วยน้ำเสียงปกติ
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปเอาเอง”
“ออ”
“จะไปไหน”
“ไปเข้าห้องน้ำ”
“ว่านเอาหมูทอดกระเทียมมาให้กูจานหนึ่ง”
ทศวรรษแกล้งบอกว่านรักไปอย่างงั้นแหละที่จริง เขาไม่ได้อยากกินทอดหมูกระเทียมอะไรนั้นหรอก อยากจะรู้เฉย ๆ ว่าไอ้ว่านมันจะว่ายังไง ถ้าเขาขอให้มันเอามาให้จานหนึ่ง
“มึงก็ไปเอาเองสิ”
“ลำเอียงวะ ทีไอ้วิทย์มึงอยากเอามาให้มัน แล้วกูบอกแค่เนี่ยมึงก็เอามาให้กูไม่ได้”
ทศวรรษพูดด้วยท่าทางน้อยใจเพื่อน
“เอ่อ! กูไปเอาก็ได้”
บอกเพื่อนด้วยน้ำเสียงกระแทกอย่างไม่พอใจ และลุกขึ้นยืน
“กูไปเอามาให้ มึงนั่งอยู่ตรงนี้แหละ”
ว่านรักบอกทศวรรษเมื่อเห็นท่าทางน้อยใจเหมือนเด็กของมัน อีกอย่างเธอกลัวว่ามันจะโกรธเธอ เลยบอกมันไปว่าเธอจะเอามาให้มัน
ทศวรรษยกยิ้มที่มุมปาก เมื่อได้คำตอบแล้วว่า ว่านรักแอบชอบไอ้วิทย์ชัวร์ถึงเขาจะติดแฟนมาก แต่เขาก็ดูออกว่ามันคิดยังไงกับไอ้วิทย์ เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปี เรื่องแค่นี้ทำไม เขาจะดูไม่ออก และเขาก็รู้ว่าว่านรักไม่อยากให้ใครรู้ด้วยโดยเฉพาะไอ้วิทย์
หลังจากที่ว่านรักไปเข้าห้องน้ำ วิญาดาก็เดินมาที่โต๊ะ พร้อมกับวางจานส้มตำที่เต็มไปด้วยพริกลงบนโต๊ะ และหย่อนก้นนั่งลงตรงข้ามกับทศวรรษ
“นี่มันส้มตำ หรือตำพริกกันแน่”
ทศวรรษมองไปที่จานส้มตำของเพื่อนสาวแล้วทำหน้าเหมือนมันจะกินเข้าไปได้เหรอ เผ็ดขนาดนี้
“ก็ส้มตำสิยะ กินไหมเดี๋ยวกูตักให้”
“ไม่เอา กูกลัวท้องเสีย”
แล้ววิญาดาก็โชยส้มตำเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยคนเดียว
เมื่อกระทะร้อนได้ที่ วรวิทย์ก็เอาผักลงและลูกชิ้นลงไปต้ม และก็คีบหมูกับกุ้งลงในกระทะ ตามด้วยเห็ดเข็มทอง และวุ้นเส้นลงไปต้ม และรอให้มันสุก ระหว่างรอเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาแฟนสาว
“ทำอะไรอยู่ครับ”
(ซื้อของอยู่ค่ะ)
“เดือนไปซื้อของคนเดียวเหรอ”
“กับน้องชายค่ะ”
“คนที่ยืนคุยกับเดือนนะเหรอ”
(พี่วิทย์เห็นเหรอคะ”
“ใช่พี่เห็น ทำไมเดือนไม่แนะนำให้พี่รู้จักน้องชายเดือนล่ะ”
(เดือนไม่รู้นิค่ะว่าน้องดิวจะมาที่นี่เขาเป็นน้องข้างบ้านเดือนน่ะค่ะ)
“เหรอครับ”
(ค่ะ เดือนไปจ่ายเงินก่อนนะค่ะ ถึงบ้านแล้วเดี๋ยวเดือนโทรหา)
วรวิทย์ส่งสติกเกอร์รูปหมูยกมือว่าโอเคไปให้แฟนสาว
“คุยกับใครวะหน้าตายิ้มแย้มเชียว”
ดลวัฒน์เอ่ยแซวเพื่อนชาย ยิ้ม ๆ เมื่อเดินมาที่โต๊ะพร้อมกับของกินมากมายในมือ
“จะใครล่ะ ก็น้องเดือนแฟนมันไง โอ้ยเผ็ด”
วิญาดาเอ่ยตอบเพื่อนชาย พร้อมกับร้องออกมาด้วยความแสบปาก และทำท่าซู๊ดปากด้วยความเผ็ด
ดลวัฒน์เอาของทั้งหมดที่ถือมาวางลงบนโต๊ะพร้อมกับหันหน้าไปดูวิญาดากินส้มตำ
“มึงหัวเราะอะไรไอ้ดล”
วิญาดาหันหน้ามาถามเพื่อนเสียงดังเมื่อเธอเห็นดลวัฒน์หัวเราะให้เธออยู่ เธอหันไปมองไอ้เสือก็เห็นมันกลั้นยิ้มเอาไว้อยู่
“ไอ้ดลหัวเราะให้มึงนั้นแหละไอ้วิ ปากมึงทั้งแดงทั้งบวม เหมือนโดนแตนดอดเลย โครตตลกเลยวะ555”
วิญาดาได้ยินดั้งนั้นก็รีบหยิบกระจกที่อยู่ในกระจกขึ้นมาส่องดู ปากเธอมันใหญ่จริง ๆ อย่างที่ไอ้เสือว่าเลย
“ก็กูกินเผ็ดปากมันก็ใหญ่แบบนี้เป็นธรรมดา มันน่าตลกตรงไหน”
“ก็ตลกตรงที่ปากมึงใหญ่ ไม่เข้ากับมึงไง เหมือนพวกทาลิปเลยปาก”
“ไอ้เสือมึงว่ากูไม่สวยใช่ไหม”
วิญาดาว่าเพื่อนด้วยความโมโหพูดแบบนี้ก็เหมือนวิจาร์ณเธอทางอ้อม
“ไม่ใช่นะเว้ย ปากใหญ่มันไม่เข้ากับมึงจริง ๆ หรือว่าไม่จริงวะ”
“...”
ก็จริงอย่างที่มันว่านั้นแหละ หน้าเธอไม่เหมาะกับปากใหญ่ ๆ อวบอิ่มแบบนี้
“เป็นเพราะมึงนั้นแหละไอ้ดล ทำให้กู
ดูตลกแบบนี้”
เมื่อตอบทศวรรษไม่ได้วิญาดาก็หันมาโวยวายคนที่อยู่ข้าง ๆ แทน
“ไม่ใช่ความผิดกูนะเว้ย มึงบอกเองว่าเอาเผ็ด ๆ กูก็ตำอย่างที่มึงบอกไง จะมาโทษกูได้ยังไงวะ”
“ก็เพราะว่ามึงเป็นคนตำไง”
วิญาดาไม่ยอมเถียงดลวัฒน์น้ำเสียงไม่พอใจ
“เออทีหลังกูไม่ตำให้มึงกินอีกแล้ว”
ดลวัฒน์พูดขึ้นด้วยความโมโห คนตำให้กินแล้วจะมาว่าเขาอีก ตัวเองบอกเขาให้ตำส้มตำเองแท้ ๆ แถมยังสั่งด้วยว่าใส่พริกเยอะ ๆ เขาก็ต้องทำตามที่เธอบอกสิ แล้วไหงมาว่าเขาเป็นผิดกันล่ะเนี่ย เขาไม่ได้ผิดสักหน่อย ทศวรรษคิดอย่างโมโห
“ไม่อยากตำก็ไม่ต้องตำสิ มึงก็ไม่ได้ตำให้กินอีกอยู่แล้วนิ”
บอกเพื่อนน้ำเสียงหงุดหงิด พร้อมกับหันหน้าหนีดลวัฒน์ไปอีกทางด้วยความโกรธ ทศวรรษและวรวิทย์นั่งมองเพื่อนทะเลาะกันจนพวกเขาชินแล้ว ถ้าห้ามไปสองคนนี้ยิ่งไปกันใหญ่ ปล่อยไว้แบบนี้แหละเดี๋ยวก็เลิกทะเลาะกันหรือ ไม่ก็งอนกัน สักพักก็ดีกัน
“กูไม่ช่วยนะเว้ยไอ้ดลบอกก่อน ท่าทางยัยวิมันขะโกรธมึงมาก”
“ไอ้วิทย์”
ดลวัฒน์หันไปขอความช่วยเหลือเพื่อนสนิท
“ไม่”
“โอ้ย มึงไม่คิดจะช่วยกูเลยหรือไง ไอ้วิทย์”
“ไม่เว้ย เดี๋ยวมันก็หายโกรธมึงเองนั้นแหละน่า เดี๋ยวมึงก็ง้อมันได้”
วรวิทย์บอกเพื่อนเสร็จก็พลิกหมู ตักผักและวุ้นเส้นลงในจานตัวเอง แล้วกินอย่างอร่อยไม่สนใจดลวัฒน์อีก
“ทำไมกูต้องเป็นฝ่ายง้อมึงตลอดด้วยวะ”
ดลวัฒน์พูดกับตัวเองด้วยความเบื่อหน่าย เวลาเขากับมันทะเลาะกันที่ไร เขาก็เป็นฝ่ายง้อมันตลอด มันไม่เคยง้อเขาเลยสักครั้งทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้เป็นคนผิด เวลาตัวเองผิดก็มากล่าวหาเขา เหมือนอย่างนี้แหละ