“กูอยากถามมึงว่ามึงคิดยังไงกับยัยว่าน”
วิญาดาเอ่ยถามเพื่อนด้วยความอยากรู้ เธอจะได้เอาไปบอกเพื่อนถูก แต่ดูจากหน้าตอนที่ยัยว่านสารภาพรักกับวรวิทย์ เธอก็รู้แล้วว่ามันคิดยังไง แต่ก็อยากถามมันให้แน่เธอจะใจ
“มันมีแฟนแล้ว มันจะไปคิดอะไรยัยวิ มึงนี่ก็ถามแปลก”
ทศวรรษว่าให้เพื่อนสาวไม่จริงจังนัก
“กูรู้ แต่กูก็อยากรู้จากปากมึงไง มึงคิดยังไงกับว่าน เอาความจริงนะ”
วิญาดาบอกเพื่อนน้ำเสียงจริงจัง พร้อมกับตั้งใจฟังคำตอบของวรวิทย์
วรวิทย์มองหน้าเพื่อนสาวก่อนจะตอบ
“กูไม่ได้ชอบว่าน กูคิดกับมันแค่เพื่อน กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันเลย กูไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันแอบชอบกูอยู่ ตอนกูได้ยินที่มันพูดกูก็ตกใจ ไม่คิดว่ามันจะชอบกู”
วรวิทย์บอกความในใจให้เพื่อนฟัง เขาคิดกับว่านแค่เพื่อน
รัก,ชาย-หญิง,ไทย,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,วรวิทย์,รัก,ว่านรัก,ดลวัฒน์,วิญาดา,เพื่อนสนิท,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ตอนที่ 42
09:00
หลังจากส่งดลวัฒน์ขึ้นรถแล้ว ทั้งสามคนก็พากันกลับคอนโด
“มึงกินข้าวมารึยัง”
ว่านรักถามเพื่อน เมื่อหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาแล้ว
“ยังไม่ได้กิน รีบมากลัวไม่ทันส่งไอ้ดล”
“มึงจะกินอะไรกูจะไปทำมาให้”
“เอาผัดกะเพราแล้วกัน”
“กูเอาเหมือนมัน มึงสองคนจะเอาอะไรไหม กูจะไปเซเว่น”
ว่านเอ่ยถามเพื่อนสองคน
“กูเอาน้ำชาไทย กับขนมเลย์”
ว่านรักบอกเพื่อน
“กูเอาครัวซองต์ กับไส้กรอกสองซอง”
วิญาดาแบมือขอเงินจากเพื่อน
“อะไร”
ทศวรรษแกล้งทำเป็นไม่รู้
“เงินไง เอามาอย่าทำเป็นไม่รู้ มึงรวยก็เลี้ยงเพื่อนดิวะ”
“เออ ๆ กูเลี้ยงพวกมึงก็ได้ ไหน ๆ กูจะไม่ได้เจอพวกมึงแล้ว มึงเอาไปเลยสองพัน”
พูดจบก็ยื่นเงินแบงค์เทาให้วิญาดาสองใบ
เธอยื่นมือไปรับและถามเพื่อนด้วยความสงสัยว่า
“มึงจะไปไหน มึงจะไม่มาหาพวกกูอีกแล้วเหรอวะ ไอ้วิทย์ก็ทิ้งพวกเราไปแล้ว”
เมื่อวานว่านรักโทรหาวรวิทย์มันไม่รับสาย ว่านก็เลยให้เธอโทรหามันดู เพื่อว่ามันจะรับสายบ้าง
ถ้าไม่ใช่ยัยว่านโทรไป เป็นเธอมันจะรับสายไหมแต่ปรากฎว่ามันก็ไม่รับสายเธอเลย วิญาดาโมโหมากที่มันตัดสายเธอทิ้ง อะไรจะขนาดนั้น เธอกดโทรหามันเป็นสิบสายมันก็ไม่รับ เธอก็เลยหยุดโทรหามัน มันคงจะตัดเธอกับว่านออกจากชีวิตไปแล้วละ ถ้าเป็นอย่างนี้ วิญาดาคิด ว่านรักไม่ยอมแพ้ บอกให้ทศวรรษโทรหาวรวิทย์ สรุปว่ามันก็ไม่รับสายไอ้เสือเหมือนกัน
“ไม่ใช่อย่างนั้น อาทิยต์หน้าพ่อจะให้กูไปเรียนต่อโทที่ลอนดอน”
“ห๊ะ!เรียนต่อ”
ทั้งสองสาวอุทานออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ
“ใช่”
“เรียนกี่ปีวะ”
ว่านรักเอ่ยถาม พร้อมกับวางแก้วน้ำที่กำลังจะดื่มลงบนโต๊ะทันที
“ห้าปีนี่แหละมั้ง กูก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“บินวันไหนบอกกูด้วยนะ กูจะไปส่งมึง”
“อืม”
ทศววรษตอบเพื่อนแล้วยิ้ม
“กูไปซื้อของก่อนนะ”
วิญาดาพูดจบก็เดินไปเอาถุงผ้าที่วางอยู่หน้าโทรทัศน์ไปด้วย
ส่วนว่านรักนั้นก็เข้าครัวไปทำอาหาร เพราะเมื่อเช้าเธอกับวิยังไม่ได้กินข้าวเลย ตอนนี้เธอหิวข้าวมาก สามสิบนาทีว่านรักก็ทำผัดกะเพราเสร็จ เธอเดินไปตักข้าวใส่จานทั้งสามจาน แล้วนำผัดกะเพราราดลง ไปบนจานข้าวที่ตักข้าวไว้แล้ว ทำเสร็จหมดทุกอย่างแล้ว ว่านรักก็เอาไปวางไว้ที่โต๊ะหน้าโซฟา ตรงที่ไอ้เสือนั่งอยู่ และเธอก็เดินไปเอาแก้ว กับกระป๋องเบียร์มาด้วยสามกระป๋อง
“น่ากินจังวะ”
ทศวรรษมองจานผัดกะเพราที่วางอยู่ตรงหน้าแล้วกลืนน้ำลายด้วยความหิว กลิ่นของมันชั่งน่ากิน
“น่ากินก็กินเลย ไม่ต้องรอไอ้วิมันหรอก”
ทศวรรษได้ยินเพื่อนพูดแบบนั้นก็ลงมือกินข้าวทันที
“ไม่กินด้วยกันเหรอวะ”
ทศวรรษกินข้าวไปสามคำก็เอ่ยถามเพื่อน เมื่อเห็นว่านรักไม่กินข้าวสักทีนั่งเล่นแต่โทรศัพท์
“กิน รอกินพร้อมไอ้วิมันน่ะ มึงหิวก็กินก่อนเลย”
“อืม”
แอ๊ด
“มาแล้วของที่พวกมึงสั่ง”
วิญาดาร้องบอกเพื่อนตั้งแต่เปิดประเข้ามา มือข้างขวาเต็มไปด้วยถุงหูหิ้ว กับถุงผ้า ส่วนมืออีกข้างถือแก้วน้ำสองแก้วของยัยว่านและของเธอว่านรักเห็นก็รีบเดินเข้าไปช่วยเพื่อนถือของ
“มึงซื้ออะไรมาเยอะแยะวะเนี่ย”
ว่านรักวางของลงบนโต๊ะเสร็จก็เอ่ยถามทันที
“กูไปแวะซื้อพวกของสดแล้วก็ผักที่โลตัสมา กูขี้เกียจไปซื้ออีก ออกไปข้างนอกแล้วก็เลยซื้อมาเลย”
“ขนมมึงซื้ออะไรมาเยอะแยะวะ กินหมดไหมเนี่ย”
ทศวรรษเทถุงผ้าออกก็เห็นทั้งขนมขบเคี้ยวและลูกอม และพวกเวเฟอร์กรุบกรอบหลายซอง
รวมทั้งครัวซองค์และไส้กรอกที่เขาสั่งด้วย และของที่ยัยว่านสั่งด้วยเหมือนกัน
“หมดดิวะ มึงเลี้ยงทั้งทีก็ต้องจัดเต็มหน่อย ขี้เกียจไปซื้อหลายรอบก็เลยซื้อมาตุ๋นไว้ มึงก็รู้ว่ากูกับว่านชอบขนมเป็นชีวิตจิตใจ ใช่ไหมว่าน”
“ใช่”
ว่านรักเอาของสดกับผักไปเก็บในตู้เย็นแล้วมานั่งทานข้าวกับเพื่อน
“ไอ้เสือ มึงบอกแฟนมึงรึยัง ว่ามึงจะไปเรียนต่อต่างประเทศ”
“บอกแล้ว”
ทศวรรษตอบเพื่อนหน้าเซ็ง
“น้องเขาไม่ให้ไปใช่ไหม ทำหน้าแบบนี้”
“มึงรู้ได้ไงวิ”
“ก็มึงทำหน้าเซ็งที่กูถามถึงน้องเขา กูก็รู้ไง กูก็เข้าใจน้องลีน่านะ ที่ไม่อยากให้มึงไป กว่ามึงจะกลับมาก็ตั้งห้าปี ใครจะไปทนไหววะ รักแท้อาจแพ้ใกล้ชิดก็ได้นะเว้ย ระวังนะน้องเขาจะทิ้งมึงไปเพราะความห่างไกล”
“มึงพูดซะกูไม่อยากไปเลยวะ”
“มึงก็พูดให้มันกลัวเกินไป”
ว่านรักพูดขึ้นเมื่อได้ฟังที่ยัยวิพูด
“กูพูดจริง รักแท้แพ้ใกล้ชิดจริง ๆ นะมึง ถ้ามีใครมาจีบน้องเขานานวันเข้า น้องเขาก็อาจจะมีใจให้คนนั้นก็ได้นะ น้องเขาอาจจะรอไอ้เสือไม่ไหวแล้วก็ได้ ถ้าเป็นมึงมึงทนได้ไหมล่ะที่แฟนตัวเองไปเรียนต่อไกลถึงห้าปี”
“ก็ทั้งทนได้และไม่ได้นั้นแหละ แต่ถ้าน้องเขารักจริงต้องรอได้ดิวะ ถ้าน้องเขาใจไม่มั่นคงพอ คงเป็นอย่างที่มึงว่านั้นแหละ”
“มึงอยากไปเรียนไหมถามจริง ได้ยินพวกกูพูดแบบนี้แล้ว”
วิญาดาถามขึ้น เมื่อเห็นทศวรรษทำหน้าหนักใจ
“กูไม่อยากไปเรียนตั้งแต่แรกแล้ว พ่อกูอยากให้ไปเรียน ถ้ากูไม่ไปพ่อจะตัดกูออกจากกองมรดก กูไม่อยากไปเพราะไม่อยากห่างจากน้องลีน่า กูทนคิดถึงน้องเขาไม่ไหวแน่ตั้งห้าปี และกูก็กลัวอย่างที่มึงว่าด้วย มึงพูดแบบนี้ทำให้กูคิดมากกว่าเก่าอีก”
“กูขอโทษ กูก็แค่คิดเฉย ๆ มึงอย่าคิดมากไปน่า มึงไปก็ดีแล้วนิ จะได้พิสูจน์ด้วยว่า น้องเขารอมึงได้จริง ๆ อย่างที่ยัยว่านมันพูดไหม มึงจะได้รู้ไง ว่าน้องเขารักมึงจริง ๆ หรือแค่อยากได้เงินของมึงมากกว่า”
“ใช่ พวกกูแค่คิดเฉย ๆ”
“เอ่อกูไม่คิดมากแล้วได้ กิน ๆ”
ทศวรรษก็อยากรู้เหมือนกันว่าพริมาจะรอเขากลับมาเมืองไทยได้ไหม หรือเธอจะรอไม่ได้ และไปหาชายอื่น หรือไม่เธอก็ไม่ได้รักเขาตั้งแต่แรก แค่รักเงินของเขา
ครืน ครืน
“สวัสดีค่ะ ใช่คุณว่านรักไหมคะ”
“ใช่ค่ะ”
วิญาดากับทศวรรษมองว่านรักคุยโทรศัพท์ด้วยคาวมสนใจ
“ทางเราให้คุณกับคุณวิญาดามาสัมภาษณ์งานงานอาทิตย์หน้าที่ห้องประชุมนะคะ มาเช้าๆ หน่อยก็ดีค่ะ พอดีคนมาสัมภาษณ์งานเยอะน่ะคะ พวกคุณจะได้ไม่ต้องรอนาน”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
ว่านรักขอบคุณพนักงานบริษัทน้ำเสียงตื่นเต้น ใบหน้ามีรอยยิ้มดีใจ
“มึงคุยกับใครวะยิ้มหน้าบานเชียว”
“ไอ้เสือ เขาโทรมาให้กูกับยัยวิไปสัมภาษณ์งานอาทิตย์หน้า”
ว่านรักบอกเพื่อนแล้วอมยิ้มดีใจที่เธอกับเพื่อนจะได้งาน ไม่รู้หรอกว่าจะสัมภาษณ์งานผ่านไหม แค่เขาโทรมาเธอก็ดีใจมากแล้ว
“จริงเหรอวะยัยว่าน”
วิญาดาถามเพื่อนด้วยความดีใจ
“จริง เขาบอกว่ามีคนมาสัมภาษณ์เยอะอยู่ ให้พวกเราไปแต่เช้าจะไม่ได้รอสัมภาษณ์งานนาน”
“ดีใจด้วยนะมึง ว่าแต่เขาจะเอากี่คนวะ”
“สองคนเนี่ยแหละ ไม่รู้ว่ากูกับยัยวิจะผ่านไหม คนตั้งเยอะ กูกลัวเขาจะไม่เอาเด็กจบใหม่อย่างพวกกูวะ”
“กูว่ามึงต้องได้งานนี้แน่ พวกมึงสองคนเก่งจะตาย เชื่อกูสิ”
“พวกกูไปสมัครเป็นนักออกแบบภายในนะ มันไม่ตรงสายกับที่พวกกูเรียนมาเลยนะเว้ย”
“ทำไมมึงไปสมัครอันนั้นวะ”
“ก็เขารับแต่นักออกแบบไง พวกกูเลยลองไปสมัครดู เพื่อว่ามันจะฟลุค”
“ออ ไม่รู้แหละกูมั่นใจมากว่ามึงสองคนได้งานนี้แน่นอน”
“มึงเอาอะไรมามั่นใจขนาดนั้นวะ”
วิญาดาถามเพื่อนด้วยความอยากรู้ มันเอาอะไรมามั่นใจว่าเธอกับยัยว่านจะได้งานนี้ คนเก่ง ๆ และมีประสบการณ์มีตั้งเยอะ เธอกับว่านรักเป็นแค่เด็กจบใหม่ จะเอาอะไรไปสู้เขาได้ ดีไม่ดีแค่เห็นประวัติก็ไม่ผ่านแล้ว
“ไม่ได้เอาอะไรมามั่นใจหรอก กูแค่คิดว่ามึงต้องผ่านสัมภาษณ์ก็แค่นั้น กูเชื่อว่ามึงจะได้งานนี้อย่างแน่นอน”
ทศวรรษเชื่อว่าเพื่อนทั้งสองคนของเขานั้นต้องได้งานนี้อย่างแน่นอน เพราะทั้งสองคนเรียนเก่ง มีความเอาใส่ใจในงาน ไม่รู้เหมือนกันเขาเชื่ออย่างนั้น ก็เลยพูดมันออกมา
“กูก็ขอให้เป็นอย่างที่มึงพูดสาธุ”
ว่านรักพูดแล้วก็พนมมือยกขึ้นเหนือศรีษะ
“กูด้วย”
วันก่อนเธอกับวิญาดาลงไปซื้อของที่เซเว่น ซื้อของเสร็จพวกเธอก็ข้ามถนนกลับมา ยัยวิเหลือบไป
เห็นป้ายประกาศว่ารับสมัครงานตัวใหญ่สีแดงปะอยู่ที่ผนังร้านข้าวมันไก่ ตรงข้ามกับเซเว่นพอดี ก็เลยเข้าไปดู ในกระดาษเขียนไว้ว่า รับสมัครนักออกแบบภายในสองคน สมัครได้ที่บริษัทรชนนท์ แอนด์ดีไซน์ จำกัด หรือสมัครได้ทางอีเมลของบริษัทได้เลย พอเห็นปุ๊บว่านรักก็ถ่ายรูปเก็บไว้ปั๊บเธอทั้งสองเลือกสมัครไปทางอีเมล เพราะขี้เกียจเดินทางไปสมัคร อีกอย่างเธอก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับงานนี้ เพราะเธเรียนสาขาสถาปัตยกรรม แต่ที่เขาต้องการจริง ๆ น่ะคือคนที่เรียนด้านสถาปัตยกรรมภายใน เธอสมัครเฉย ๆ เพื่อมันได้ จะได้ไม่ต้องไปหางานอีก แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ว่านรักคิด