เสิ่นเจียนอีไม่เคยคิดเลยว่าตนจะได้ทะลุมิติเหมือนอย่างในนิยายที่เคยอ่าน แล้วที่สำคัญร่างนี้ยังเป็นถึงคุณหนูตัวร้ายที่ขวัญกล้าเทียมฟ้าวางยาปลุกกำหนัดฉินอ๋อง จนเกือบจะถูกอีกฝ่ายฆ่าตายอีกด้วย

เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก - ๓ ระแคะระคาย โดย รอยยิ้มพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,จีน,ครอบครัว,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,จีน,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ทะลุมิติ

รายละเอียด

เสิ่นเจียนอีไม่เคยคิดเลยว่าตนจะได้ทะลุมิติเหมือนอย่างในนิยายที่เคยอ่าน แล้วที่สำคัญร่างนี้ยังเป็นถึงคุณหนูตัวร้ายที่ขวัญกล้าเทียมฟ้าวางยาปลุกกำหนัดฉินอ๋อง จนเกือบจะถูกอีกฝ่ายฆ่าตายอีกด้วย

ผู้แต่ง

รอยยิ้มพระจันทร์

เรื่องย่อ

สารบัญ

เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๑ บทนำ-เสิ่นเจียอี,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๒ คุณหนูเสิ่นแปลกไป,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๓ ระแคะระคาย,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๔ ข่าวดีและข่าวร้าย,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๕ ทำเพื่อลูก,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๖ ถูกใส่ร้าย,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๗ เอาใจเป็นพิเศษ

เนื้อหา

๓ ระแคะระคาย


บทที่๓ ระแคะระคาย




“ข้าวสารชั้นกลาง5กระสอบ ธัญพืช3กระสอบ อาหารแห้ง10ชั่ง เครื่องปรุงรส ฟูกนอนพร้อมผ้าห่ม2ชุด กระดาษ น้ำหมึกกับพู่กัน 1ชุด เนื้อหมู3ชั่ง กับผักสด รวมเป็นเงินใช้จ่ายไปทั้งหมด40ตำลึงเจ้าค่ะ” เสี่ยวฮัวกลับมาแจกแจงรายการจ่ายเงินและยื่นเงินทอนที่เหลือให้แก่เสิ่นเจียอี เมื่อเก็บกวาดโต๊ะอาหารนำจานชามไปล้างเป็นที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว


“อืม” มือเรียวสวยรับเงินทอนมาเก็บ พลางกล่าวต่อด้วยสีหน้าง่วงงุน “ฟูกนอนเจ้าเอาไปใช้ชุดหนึ่ง ตั้งแต่คืนนี้ไปก็เข้ามานอนด้วยกันเถอะ ตกดึกข้างนอกอากาศจะหนาว เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้”


คนฟังถึงกับอ้าปากค้าง วันนี้ตนใช้นิ้วแคะหูไปแล้วตั้งกี่ครั้งก็จำไม่ได้ ช่วงนี้คุณหนูเสิ่นช่างแปลก แปลกเอามากๆ เลยด้วย ไหนจะยังมีพฤติกรรมการกินที่ผิดปกตินั่นอีก สงสัยนางต้องจับตามองให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น


“ข้าจะพักสักหน่อย รบกวนเจ้าช่วยหั่นเนื้อที่เหลือแทนข้าด้วย แล้วก็นำไปหมักกับเกลือนะ ไว้ตากแดดทำเนื้อแดดเดียวในวันพรุ่งนี้ ส่วนผักสดอย่างกะหล่ำปลี แตงกวามันสามารถเก็บไว้ได้นาน3-5วัน ให้ใช้ผ้าชุบน้ำแล้วห่อวางไว้ในห้องครัวนั่นแหละ”


“เจ้าค่ะ” เสี่ยวฮัวขานรับด้วยสีหน้าที่ยังไม่คลายสงสัย เห็นแก่ที่ทำของอร่อยถูกปาก นางจะยอมปล่อยผ่านไปสักครั้งก็แล้วกัน


เสิ่นเจียอีล้มหัวถึงหมอนก็หลับสนิทในทันที ตกกลางดึกเธอก็ฝัน ฝันเห็นคุณพ่อคุณแม่ในภพชาติปัจจุบัน พวกท่านมาบอกให้เธอสบายใจ ตำรวจกำลังจะจับคนร้ายที่ฆ่าเธอได้ แล้วภาพก็ตัดมาที่สหายรักอย่างหลินผิง สภาพของเขาดูทรุดโทรมยิ่งกว่าขอทาน ปากก็คอยแต่พูดคำว่า ขอโทษ และพูดคำว่าผมผิดไปแล้วที่ทำร้ายอาอี เธอฟังแล้วน้ำตาไหลแต่เพราะเจ็บจุกในอกจึงไร้เสียงสะอื้น


จากนั้นภาพทุกอย่างก็สลายหายไป เหลือเพียงความมืดมิดที่เธอรู้สึกอึดอัดคล้ายมีบางสิ่งรัดแน่นตรงบริเวณลำคอ ทำให้หายใจไม่ออก ความรู้สึกทรมานนี้ช่างเหมือนตอนที่เธอกำลังจมน้ำไม่ผิด แต่ว่ามันไม่ใช่อาการของคนที่จมน้ำ และแล้วเสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้นในหัว


“คิดว่าเป็นบุตรีของอาจารย์แล้วเปิ่นหวางจะไม่กล้าลงมือฆ่าเจ้าหรือไง ต่อให้เป็นองค์หญิงเปิ่นหวางก็ไม่ลังเลที่ทำ”


“ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง พ่ะย่ะค่ะ ได้โปรดไว้ชีวิตนางสักครั้งเถอะ กระหม่อมขอร้อง”


“ไว้ชีวิตรึ หญิงชั่วผู้นี้ขวัญกล้าเทียมฟ้าวางยาเปิ่นหวาง ความตายยังน้อยไปด้วยซ้ำ”


เสิ่นเจียอีดิ้นทุรนทุรายให้พ้นจากเงื้อมมือของมัจจุราช จนในที่สุดความทรมานดังกล่าวก็หายไป เธอยืนเคว้งคว้างในสถานที่ไม่คุ้นเคย ไม่รู้ว่าจะต้องเดินไปทางใด แต่ในขณะที่เริ่มจะหมดหวังกับการมีชีวิตอยู่ แสงสว่างจากจุดเล็กๆ ก็ค่อยๆ เด่นชัดขึ้นทีละน้อย ก่อนจะมีเด็กฝาแฝดชายหญิงอายุราวๆ 3ขวบ เดินจับจูงมือกันเข้ามาหา แล้วร้องเรียกคำสั้นๆ ว่า แม่


ไม่น่าเชื่อว่าคำๆ นี้จะมีแสนยานุภาพที่ยิ่งใหญ่ เธอสะดุ้งตกใจตื่นพร้อมกับคำกล่าวที่ยังติดอยู่ในความทรงจำว่า “เราได้เจอกันแล้ว พวกหนูรักแม่นะ”




“คุณหนูฝันร้ายหรือเจ้าคะ” เสี่ยวฮัวรีบลุกไปจุดตะเกียง แล้วตรงมาที่แคร่ไม้ไผ่ที่มีร่างบางนั่งหอบหายใจอยู่


หญิงสาวยกฝ่ามือลูบหน้าอกไปมา ค่อยๆ ตั้งสติ ไม่นานสีหน้าและท่าทางก็กลับมาเป็นปกติ ต่างจากภายในใจที่ยังรู้สึกตื่นตระหนกไม่หาย


“ไม่มีอะไรหรอก นอนต่อเถอะ”


เสี่ยวฮัวส่ายหน้า อีกฝ่ายยังไม่นอนแล้วนางจะนอนหลับลงได้อย่างไรกัน


“นี่ก็ยามอิ๋น (03.00) แล้ว ข้าจะต้มชาสักกา ท่านต้องการอะไรหรือไม่”


หญิงสาวกำลังจะส่ายหน้า จู่ๆ ใบหน้าของเด็กน้อยก็ลอยเข้ามา ทำให้เธอรู้สึกอยากจะดื่มนมขึ้นมาเฉยๆ จึงนึกไปถึงถั่วเหลืองในกระสอบ และวิธีการทำน้ำเต้าหู้ จึงไม่รอช้ารีบสั่งความกับเสี่ยวฮัวในทันที


“ช่วยนำถั่วเหลือง2ชั่งไปแช่น้ำให้หน่อย ข้าจะใช้ทำน้ำเต้าหู้”


“น้ำเต้าหู้หรือเจ้าคะ ท่านทำเป็นหรือ”


“อืม เดี๋ยวจะทำเผื่อเจ้าด้วย”


เรื่องกินเสี่ยวฮัวหรือจะพลาด นางรีบรับคำสั่งด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น “เจ้าค่ะ”


เสิ่นเจียอีมองตามแผ่นหลังบอบบางไปจนสุดสายตา ก่อนจะย้ายสายตากลับลงมามองหน้าท้องแบนราบของตนเอง ฉุกคิดถึงอาการต่างๆ ที่ผ่านมา เมื่อไล่ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นมาจนถึงวันนี้ ก็ครบ4เดือนเต็ม เป็นไปได้หรือไม่ว่าร่างนี้กำลังตั้งครรภ์ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ไม่เท่ากับว่าคนเหล่านั้นถึงกับกล้าปล่อยให้ตกตายไปทั้งแม่ทั้งลูกหรอกหรือ


คำถามประโยคนี้ทำไมมันช่างเสียดแทงความรู้สึกของเธอเหลือเกิน


หญิงสาวคิดมากจนรู้สึกสมองล้าไปหมดจึงเพลียหลับไปอีกครั้ง รู้สึกตัวอีกทีก็ล่วงเข้าสู่ปลายยามเฉิน (8.00) เมื่อตื่นนอนขึ้นมาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเสี่ยวฮัว เธอจึงไม่ได้เรียกหา ค่อยๆ ลุกเข้าไปในห้องน้ำ เห็นว่าน้ำในอ่างไม้ทรงกลมถูกเติมไว้จนเต็ม พอลองใช้มือจุ่มแล้วรู้สึกว่ามันอุ่นกำลังดี แสดงว่าเสี่ยวฮัวเพิ่งจะนำมาเติมเอาไว้ได้ไม่นาน มุมปากได้รูปยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย แอบรู้สึกเสียดายที่เจ้าของร่างเป็นแค่สตรีในห้องหอ อีกทั้งความคิดยังคับแคบ จะหยิบจับทำอะไรด้วยตนเองก็ไร้ความสามารถกว่าชาวบ้านทั่วไป หากต้องใช้ชีวิตเพียงลำเพียงจะอยู่รอดปลอดภัยไปได้สักกี่น้ำ แล้วก็ยังนึกเสียดายที่ยุคสมัยนี้ไม่ปรากฏในหน้าประวัติ เธอจึงไม่สามารถอ้างอิง เทียบเคียง หรือคาดเดาเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้เลย แต่เธอสัญญาว่าจะไม่มีทางยอมแพ้หรอกนะ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ เธอจะสู้กับความลำบากสักตั้ง


หลังถอดชุดออกจากกายจนหมด เสิ่นเจียอีใช้สายตาสำรวจร่างกายของตัวเองอย่างละเอียด พบว่ามีความเปลี่ยนแปลงจริงๆ ด้วย เพียงแต่ร่างนี้ผ่ายผอมลงมาก เพราะขาดสารอาหาร หน้าท้องที่ยื่นออกมาไม่มากไม่น้อย จึงดูไม่เป็นที่ผิดสังเกตหากไม่จับตามองดูดีๆ เธอคงต้องหาเวลาเข้าไปในตลาดเพื่อให้ท่านหมอตรวจชีพจรดูสักครั้ง แต่จะทำอย่างไรจึงจะสามารถปิดบังเรื่องนี้กับเสี่ยวฮัวได้ เธอยังไม่ไว้ใจอีกฝ่าย เธอควรจะทำอย่างไรดี?


เมื่อคิดอะไรไม่ออกจึงต้องพับเก็บไป ก่อนจะใช้กระบวยตักน้ำขึ้นมาล้างหน้า ต่อด้วยการแปรงฟันโดยใช้ก้านต้นหลิวที่แช่น้ำเอาไว้แล้ว ใช้ฟันเคี้ยวตรงปลายก้าน กากใยอาหารหรือที่เรียกว่าไฟเบอร์ก็จะออกมา คล้ายขนแปรงไม้ซี่เล็กๆ จากนั้นก็นำไปจุ่มเกลือ แล้วนำมาสีที่ฟันของตนเองอย่างช้าๆ จนคิดว่าสะอาดทุกซอกทุกมุมดีแล้วจึงตักน้ำบ้วนปาก นำกระบวยเก็บเข้าที่ ก่อนก้าวลงไปแช่ในน้ำอุ่น ความตึงเครียดก่อนหน้าจึงได้ผ่อนคลายลงหลายส่วน




อาหารเช้าของเสิ่นเจียอียังคงเป็นข้าวต้ม เพิ่มเติมคือไข่ไก่ต้มสุก1ฟอง ส่วนเสี่ยวฮัวอุ่นข้าวเย็นกับน้ำแกงกระดูกหมูที่เหลือจากเมื่อวานกินอย่างเอร็ดอร่อย หลังกินข้าวเสร็จ สาวใช้จำเป็นก็เป็นฝ่ายนำจานชามไปล้าง เสิ่นเจียอีจึงปลีกตัวออกมาดูถั่วเหลืองที่แช่น้ำเอาไว้ตั้งแต่ยามอิ๋น จากนั้นก็ทำการลอกเปลือกให้ได้มากที่สุด แล้วนำไปบดในเครื่องโม่ให้ละเอียด ระหว่างนั้นเสี่ยวฮัวก็มาสมทบ เสิ่นเจียอีจึงให้อีกฝ่ายไปนำน้ำร้อนมาเทผสมลงไปประมาณหนึ่ง ก่อนจะช่วยกันบดถั่วเหลืองอย่างขะมักเขม้น เมื่อถั่วแหลกละเอียดจึงเทน้ำร้อนอีกครั้งดับกลิ่นถั่ว จึงได้น้ำถั่วเหลืองที่มีกากติดมาด้วย ต่อมาก็เป็นขั้นตอนของการกรอง เสิ่นเจียอีใช้ผ้าขาวเพื่อกรองแยกกาก ส่วนกากที่เหลือก็นำไปแช่ในน้ำอุ่น 1-2 ถ้วย ขยำกาก และกรองใส่ในน้ำถั่วเหลืองที่กรองได้จากครั้งแรก หลังจากนั้นก็นำน้ำนมถั่วเหลืองที่ได้จากการกรองซึ่งจะเรียกว่า น้ำเต้าหู้ นำมาต้มให้ร้อน ขั้นตอนนี้จะใส่น้ำตาล เกลือเล็กน้อย คนให้เข้ากัน ก็จะได้น้ำเต้าหู้ที่พร้อมดื่ม หวานหอมอร่อยและมีประโยชน์อีกด้วย


“ง่ายดายถึงเพียงนี้ อร่อยอีกต่างหาก ขายได้เลยน่ะเนี่ย” เสี่ยวฮัวชมไม่ขาดปาก ขอเติมน้ำเต้าหู้เป็นรอบที่สามแล้ว


เสิ่นเจียอียิ้มรับคำชม แต่ถ้าให้ทำขายก็คงไม่ไหวหรอก ปวดแขนจะแย่


“จริงสิ เสี่ยวฮัว ปกติที่นี่มีร้านขายยาสีฟัน หรือผงขัดฟันบ้างหรือเปล่า”


ร่างระหงทำท่าทางหยุดคิด ก่อนตอบคำถาม “ที่นี่ไม่มีหรอกเจ้าคะ เพราะมันแพงมาก คุณหนูถามทำไมหรือ?”


เสิ่นเจียอีพยักหน้ารับ ไม่ได้รีบร้อนที่จะตอบคำถาม จนคนฟังต้องถามย้ำขึ้นมาอีกครั้ง


“ท่านถามทำไมหรือ”


หญิงสาวแสร้งถอนใจ กล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบนาบออกไปว่า “ข้าพอจะทำเป็น บ่ายนี้พาข้าไปซื้อสมุนไพรหน่อยสิ แล้วข้าจะมอบมันให้เจ้าหนึ่งกระปุก อ้อ พวกครีม เอ่อ น้ำมันบำรุงผิว ข้าก็ทำเป็นเช่นกัน”


“ท่านพูดจริงหรือ!” นางถามเสียงสูงอย่างตกใจ เพราะถ้าอีกฝ่ายทำได้ นี่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ


“แน่นอน” แน่นอน ว่าจุดประสงค์ที่ฉันจะไป คือการไปหาหมอต่างหากล่ะ เธอต่อประโยคในใจด้วยความวิตกกังวล แต่สีหน้าท่าทางภายนอกยังคงเป็นปกติ


“งั้นท่านรอข้า ข้าจะไปเช่าเกวียนมารับท่านที่นี่” เสี่ยวฮัวผุดลุกขึ้น พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ไหวพริบที่มีก่อนหน้านั้นหายไปจนสิ้น


“ไม่ใช่ข้ากล่าวว่าเป็นช่วงบ่ายหรอกหรือ” เสิ่นเจียอีถามเสียงเนิบนาบ แอบยินดีไม่ให้อีกฝ่ายจับได้


“ช่วงบ่ายแดดจะแรง ไปตอนนี้ดีที่สุดเจ้าค่ะ”


“งั้นก็ตามใจเจ้าเถอะ”