เสิ่นเจียนอีไม่เคยคิดเลยว่าตนจะได้ทะลุมิติเหมือนอย่างในนิยายที่เคยอ่าน แล้วที่สำคัญร่างนี้ยังเป็นถึงคุณหนูตัวร้ายที่ขวัญกล้าเทียมฟ้าวางยาปลุกกำหนัดฉินอ๋อง จนเกือบจะถูกอีกฝ่ายฆ่าตายอีกด้วย

เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก - ๗ เอาใจเป็นพิเศษ โดย รอยยิ้มพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,จีน,ครอบครัว,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,จีน,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ทะลุมิติ

รายละเอียด

เสิ่นเจียนอีไม่เคยคิดเลยว่าตนจะได้ทะลุมิติเหมือนอย่างในนิยายที่เคยอ่าน แล้วที่สำคัญร่างนี้ยังเป็นถึงคุณหนูตัวร้ายที่ขวัญกล้าเทียมฟ้าวางยาปลุกกำหนัดฉินอ๋อง จนเกือบจะถูกอีกฝ่ายฆ่าตายอีกด้วย

ผู้แต่ง

รอยยิ้มพระจันทร์

เรื่องย่อ

สารบัญ

เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๑ บทนำ-เสิ่นเจียอี,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๒ คุณหนูเสิ่นแปลกไป,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๓ ระแคะระคาย,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๔ ข่าวดีและข่าวร้าย,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๕ ทำเพื่อลูก,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๖ ถูกใส่ร้าย,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๗ เอาใจเป็นพิเศษ

เนื้อหา

๗ เอาใจเป็นพิเศษ



บทที่๗ เอาใจเป็นพิเศษ




เสิ่นเจียอีสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย ก่อนที่เธอจะนอนขดตัวร้องไห้คนเดียวเงียบๆ เมื่อรู้สึกดีขึ้นจึงขยับลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆ ห้องด้วยนัยน์ตาที่เศร้าหมอง ทว่ายามหลุบสายตามองไปยังท้องของตนเอง กลับมีร่องรอยแห่งความสุขและความยินดีพาดผ่าน ฝ่ามือบางยกขึ้นมาวางบนหน้าท้อง พลางลูบไล้ไปมาเบาๆ พร้อมกับคลี่ยิ้มจางๆ ให้กับสิ่งที่มีค่าที่เหลืออยู่ในชีวิตนี้


“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” หลังเสียงสะอื้นสงบลง เสี่ยวฮัวจึงได้ผลักประตูเข้ามาด้านใน พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ


คนที่กำลังจมอยู่กับตัวเองถึงกับสะดุ้ง รีบเก็บไม้เก็บมือ แล้วก้มหน้าก้มตาเพื่อต้องการปกปิดความรู้สึกที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้า ก่อนจะตอบรับสั้นๆ ว่า “อืม”


เสี่ยวฮัวทำเป็นมองไม่เห็น ก่อนจะกลับออกไปด้านนอกแล้วกลับมาพร้อมกับผ้าสะอาดและอ่างใส่น้ำอุ่น


“ล้างหน้าล้างตาสักหน่อย จะได้กินข้าวกัน ตอนท่านหลับข้าแอบไปซื้อกับข้าวที่เหลาอาหารมาสามอย่าง มีน้ำแกงรากบัวด้วยนะเจ้าคะ ส่วนผลไม้มี ซื่อจื่อ (ลูกพลับ) เถาจื่อ (ลูกท้อ) อย่างละ2ชั่ง” ระหว่างที่พูดไป หญิงสาวก็ได้ใช้ผ้าจุ่มน้ำ บิดพอหมาดๆ แล้วนำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้กับคนฟังอย่างเป็นธรรมชาติ


เสิ่นเจียอีได้แต่นั่งกระพริบตาปริบๆ ออกอาการมึนๆ งงๆ ระคนแปลกใจสงสัย แต่พอนึกไปถึงน้ำแกงรากบัว น้ำลายสอขึ้นมาในทันที ความแปลกใจก่อนหน้านั้นปลิวหายไปจากความนึกคิด


หลังจากเช็ดหน้าเช็ดตาเสร็จแล้ว เสี่ยวฮัวก็เข้ามาประคองคนท้องไปนั่งรอที่โต๊ะกินข้าว ท่ามกลางสีหน้าฉงนของเสิ่นเจียอี แต่หญิงสาวก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจ จากนั้นก็เดินหายเข้าไปในครัว ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับผลไม้อย่างละลูกและสำรับอาหารส่งกลิ่นหอมกรุ่น กับข้าวสวยร้อนๆ สองถ้วยพูนๆ เห็นแล้วทำให้คนนั่งมองแทบน้ำลายไหล


เสี่ยวฮัวลอบยิ้ม จัดแจงทุกอย่างให้อีกฝ่ายอย่างใส่ใจ เสร็จแล้วก็บอกให้กินไปก่อน ส่วนตนเองก็กลับไปยกอ่างน้ำในห้องนอนไปเททิ้งใต้โคนต้นไม้ข้างบ้าน หลังกลับมาก็เห็นข้าวในถ้วยพร่องไปนิดเดียว แต่น้ำแกงในชามหมดแล้ว นางจึงรู้สึกอุ่นใจขึ้นมานิดหน่อย ก่อนจะคะยั้นคะยอให้กินผลไม้ตามไปด้วย


ร่างบางไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจนั้น หยิบผลซื่อจื่อที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำเข้าปาก ตามด้วยผลเถาจื่อ จากนั้นเสี่ยวฮัวก็เดินกลับไปดูหม้อยาที่กำลังต้มอยู่บนเตาไฟ เมื่อได้ที่จึงยกลงจากเตา ก่อนจะนำน้ำเต้าหู้ขึ้นมาอุ่นโดยใช้ไฟอ่อนๆ เสร็จแล้วก็หันมารินยาใส่ถ้วย จากนั้นก็ยกออกไปด้านนอก


“ยาเจ้าค่ะ”


เจียอีรีบกลืนผลไม้คำสุดท้ายลงคอ แล้วรับยามาเป่าให้คลายร้อน ก่อนจะดื่มรวดเดียวตามความเคยชิน


“ยี้!!! ทำไมรสชาติถึงขมกว่าเดิมเล่า” เธอทำหน้ายู่ บ่นออกมาด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรนัก


เสี่ยวฮัวอยากจะบอกเหลือเกินว่า ก็แน่ล่ะเพราะยามันคนละเทียบกัน จะขมกว่าก็ไม่แปลกหรอก กว่านางจะอ้อนวอนจนหานเทายอมช่วย ทั้งยังไปจัดเตรียมยาเทียบใหม่ที่ดีกว่าแพงกว่ามาให้ดื่มได้นั้น นางต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก จนแทบจะล้มเลิกความตั้งใจ แต่ถ้าทำอย่างนั้นคุณหนูเสิ่นกับลูกจะต้องตายแน่ๆ ไหนจะนักฆ่าที่คาดว่าจะต้องลงมืออีกครั้ง ไหนจะเป็นท่านอ๋องถ้าเกิดรู้เข้าคงได้ตามมาจัดการถึงที่ แต่ถ้าหากได้รับความช่วยเหลือจากท่านหานเทา ทุกอย่างมันก็จะง่ายดายขึ้น รวมไปถึงเรื่องสุขภาพของทารกในครรภ์ก็จะได้รับการช่วยเหลือดูแลเป็นอย่างดี มีโอกาสรอดชีวิตยิ่งกว่าไปรักษาที่โรงหมอในเมืองเสียอีก


ตอนนี้เรื่ององครักษ์หานหมดห่วงไปแล้ว นางเชื่อว่าเขาเป็นคนรักษาสัจจะ คราวนี้ก็เหลือแค่วิธีที่จะนำเขามาช่วยฝังเข็มรักษาเด็กในครรภ์ โดยที่ไม่ทำให้สตรีตรงหน้าจับพิรุธได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร นางยังคิดไม่ตกในเรื่องนี้นัก


หลังดับรสชาติความขมด้วยการดื่มน้ำเต้าหู้ไปนิดหน่อย อาการเปรี้ยวปากอยากกินรากบัวก็กลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธออยากจะกินรากบัวเชื่อม ซึ่งต้องเป็นรากบัวที่นำขึ้นมาสดๆ และเธอก็ต้องเป็นผู้ลงมือเชื่อมเองกับมือเท่านั้น


“เสี่ยวฮัว ข้าอยากกินรากบัวในสระหลังบ้าน” ว่าแล้วก็ทำตาปริบๆ ได้อย่างน่าสงสาร ซึ่งเจ้าตัวก็ยังคงไม่รู้ตัวด้วยเช่นกัน ว่าตัวเองนั้นกำลังแสดงอาการงอแงออกมาราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง


คนฟังใจอ่อนยวบไปหมด ไม่ซักไซ้ถามอะไรให้มากความ หานเทาที่ยังแฝงตัวไม่ไปไหน เห็นคนไม่สนโลกอย่างเสี่ยวฮัวเดินลุยน้ำลุยโคลนลงไปกลางสระ เพื่อเก็บรากบัวใต้น้ำขึ้นมาเอาใจคนกำลังท้อง ทำให้เขาอดที่จะมองด้วยความสนใจมิได้ ส่วนองครักษ์ซานนั้นเห็นจนชินตาแล้ว จึงไม่ค่อยให้ความสนใจกับเรื่องพวกนี้มากไปกว่าอาหารที่คุณหนูเสิ่นจะทำมันต่างหากล่ะ


เมื่อได้รากบัวมาพอสมควร เสิ่ยเจียอีจึงขอให้เสี่ยวฮัวนำไปล้างให้สะอาด จากนั้นก็ปอกเปลือก เสร็จแล้วก็นำมาหั่นเป็นแว่น หรือจะหั่นเฉียงก็ได้ แต่อย่าให้ชิ้นใหญ่จนเกินไป ระหว่างนั้นเสี่ยวฮัวก็ได้ทำการจุดเตาขึ้นมาใหม่ ก่อนจะนำรากบัวที่หั่นเสร็จเรียบร้อยแล้วใส่ลงในหม้อ จากนั้นก็ใส่เกลือเล็กน้อยใครจะไม่ใส่ก็ได้ เติมน้ำสะอาดลงไป ยกขึ้นตั้งบนเตาไฟแล้วต้มให้เดือด เคี่ยวต่อประมาณ 1เค่อ ก็จะได้น้ำรากบัว ใส่น้ำตาลทรายตามชอบ รินน้ำรากบัวใส่ภาชนะอีกใบ จากนั้นก็น้ำสะอาดใหม่มาเติมแค่พอท่วมรากบัวก็พอ ต้มให้เดือด เคี่ยวให้รากบัวนิ่ม ใช้เวลานานพอสมควร จนน้ำเริ่มงวดลง ได้รากบัวนิ่มตามต้องการ ให้ใส่น้ำตาล เคี่ยวต่อให้น้ำตาลเข้าเนื้อ ประมาณครึ่งชั่วยาม จะได้น้ำรากบัวและรากบัวเชื่อม หอมนุ่ม เหนียวหนึบ อร่อยเป็นอย่างมาก


ทั้งเสี่ยวฮัวกับองครักษ์อีก2นาย ลอบกลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่า รอจนคุณหนูเสิ่นชิมเสร็จแล้วเดินออกไปจากในครัว พวกเขาก็พุ่งเข้ามาหยิบไปคนละชิ้นสองชิ้น ก่อนจะพากัดกินอย่างเอร็ดอร่อย




หลังกินอิ่มจะให้ไปเอนหลังนอนเลยก็ไม่ได้ เสิ่นเจียอีจึงนำสมุนไพรที่ซื้อกลับมาพร้อมกับเทียบยาบำรุงครรภ์ตั้งแต่เมื่อวาน มาวางไว้บนโต๊ะกินข้าว ไล่อ่านชื่อสมุนไพรที่แปะติดเอาไว้บนห่อกระดาษสีน้ำตาลไปทีละห่อ เพราะทุกชนิดที่ซื้อมาถูกบดเป็นผงละเอียดมาหมดแล้ว สีที่ได้อาจจะมีความคล้ายคลึงกัน จำเป็นจะต้องอ่านและดูให้ดีๆ เสียก่อน ก่อนที่จะนำเอาไปใช้


เมื่ออ่านชื่อจบหมดทุกห่อ จึงเลือกหยิบสิ่งที่จะใช้ออกมาวางกองไว้อีกฝั่ง มีการบูร กานพลู มิ้นต์ และเปลือกข่อย ต้องบอกก่อนว่าเปลือกข่อย เธอซื้อมาในราคาที่สูงกว่าชนิดอื่น ท่านหมอเหอบอกกับเธอว่าต้นของมันยังไม่ได้ปลูกกันอย่างแพร่หลายนัก เพราะเพิ่งจะมีการขยายพันธุ์มาจากต่างแดนเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเธอก็พอจะทราบมาบ้างว่ามันมีถิ่นกำเนิดมาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น พม่า ไทย ลาว กัมพูชา มาเลเซีย เป็นต้น จากนั้นได้มีการกระจายพันธุ์ไปยังภูมิภาคใกล้เคียงในบริเวณเอเชียใต้ จีนตอนใต้ รวมถึงหมู่เกาะในแปซิฟิก หลังจากนั้นก็สามารถพบเห็นต้นข่อยได้ทั่วไปในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทยบ้านเกิดของคุณแม่ สามารถพบเห็นได้ทั่วทุกภาคของประเทศ โดยมักจะพบได้ตามที่ลุ่มของป่าละเมาะ และป่าเบญจพรรณทั่วไป แต่ที่น่าแปลกใจคือยุคโบราณที่เธอใช้ชีวิตในตอนนี้ ไม่มีในหน้าประวัติศาสตร์ ไม่อาจเทียบเคียงได้ว่าเหตุการณ์ตอนนี้ไปตรงกับยุคสมัยไหน และเหมือนจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ดูจะเจริญกว่าในยุคโบราณแต่ละยุคเสียอีก อาจเป็นไปได้ว่าที่นี่คือโลกคู่ขนาน จึงไม่ปรากฏอยู่ในบันทึกโบราณตั้งแต่แรก


“คุณหนู ไม่พักผ่อนสักหน่อยหรือเจ้าคะ” เสี่ยวฮัวเพิ่งย้ายตัวเองออกมาจากในครัว ก็มาเจอร่างเล็กที่กำลังนั่งจดจ้อง สลับกับยกสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาดมกลิ่น จนอดที่จะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงมิได้


“ข้าไม่ได้เหนื่อยอะไรนี่น่า มานี่สิ”


“เจ้าค่ะ” นางเดินเข้าไปอย่างว่าง่าย แล้วก็ตั้งใจฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะเอื้อนเอ่ยออกมา


“ข้าจะใช้สมุนไพรพวกนี้ทำผงสีฟัน”


เสี่ยวฮัวมองคนพูดเจื้อยแจ้วอย่างตกตะลึง นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท ความตื่นเต้นยินดีปรากฏบนใบหน้า ทว่าไม่นานก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความวิตกกังวล เพราะว่าสุขภาพของคนตรงหน้ายังไม่แข็งแรง ฝืนทำงานมากไปจะไม่ดีต่อเด็กในท้อง เห็นคนขยันในร่างของคนดื้อแล้ว รู้สึกคันปากยุบยิบๆ อย่างไรไม่รู้ อยากจะพูดเตือนสติสักคำสองคำแต่ก็ไม่กล้า


เอาเถอะ!! อยากทำอะไรก็ทำ เมื่อไม่สามารถห้ามอะไรได้ก็คงมีแค่ช่วยสนับสนุนในสิ่งที่อยากจะทำก็พอ


“มีอันใดให้ข้าช่วยเหลือหรือไม่เจ้าคะ”


เสิ่นเจียอีเลิกคิ้วขึ้นสูง เมื่อเห็นสีหน้าคล้ายถูกบังคับให้กลืนยาขมๆ ก่อนเธอจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แล้วเลิกสนใจสีหน้าของผู้อื่น “รบกวนช่วยหยิบถังไม้ขนาดเล็ก พร้อมถ้วยกับช้อน เกลือสัก1ถ้วย แล้วก็น้ำผึ้งด้วยนะ”


ปกติน้ำผึ้งเป็นสินค้าที่มีราคาค่อนข้างแพง แต่เจ้าของร่างเป็นคนที่ชอบดื่มชาผสมน้ำผึ้ง จึงต้องมีไว้ติดเรือนตลอด จนกระทั่งถูกส่งตัวมาที่นี่ก็ได้นำติดตัวมา3ไห โชคดีที่ไม่มีใครเอาไป ไม่ใช่นั้นคงน่าเสียดายแย่


“เจ้าค่ะ”


เสี่ยวฮัวหายไปไม่นานก็กลับมาพร้อมกับของที่ต้องการ นางดึงดันที่จะลงมือทำเอง เพียงแค่ชี้แนะก็พอ เสิ่นเจียอีรู้สึกจนใจแต่ก็ต้องยอม ไม่เช่นนั้นอีกฝ่ายก็จะไม่ยอมให้เธอทำด้วยเหมือนกัน


ขั้นตอนการทำไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพียงนำส่วนผสมในปริมาณใกล้เคียงกัน มาใส่ในภาชนะ ยกเว้นเกลือที่ใส่เยอะสุด แล้วคนให้เข้ากัน ตักใส่กระปุกหรือตลับยาก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย


“เหนื่อยกับง่วงหรือยังเจ้าคะ”


“เอ๋?” เสิ่นเจียอีอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ เธอจะเหนื่อยได้อย่างไรเพียงนั่งมองเฉยๆ วันนี้เสี่ยวฮัวดูแปลกๆ เหมือนคนมีอะไรในใจอย่างไรไม่รู้


“เอ่อ ไม่ใช่ว่าปกติคุณหนูจะชอบนอนหรือเจ้าคะ”


เสิ่นเจียอีกระพริบตาปริบๆ ยกมือขึ้นมาเกาแก้ม พูดอ้อมแอ้มตอบกลับไปว่า “ก็ใช่ แต่ข้าอยากทำไว้ให้พวกเราใช้นี่น่า”


เสี่ยวฮัวรู้สึกเอ็นดูให้กับท่าทางและคำตอบของอีกฝ่ายนัก ใจนางอ่อนยวบแล้วก็พานให้นึกสาปแช่งไปถึงคนชั่วทั้งหลายที่ทำร้ายคนตรงหน้าได้ลงคอ หรือบางทีเรื่องข่าวลือร้ายๆ ของคุณหนูเสิ่นที่โจษจันไปทั่วเมืองหลวง น่าจะมาจากฝีมือของคนกลุ่มนั้นด้วย


“แล้วยังมีอะไรให้ข้าทำอีกเจ้าคะ”


“อืม” เธอขานรับในลำคอพร้อมกับพยักหน้า ก่อนชี้ไปที่ผงขมิ้นแล้วพูดว่า “ใช้เจ้าสิ่งนี้ผสมกับน้ำผึ้งอย่างละ1ช้อน ทาหน้าทิ้งไว้1เค่อก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาด หากทาเป็นประจำจะช่วยลดสิวและผดผื่น ลดรอยบนใบหน้า ยังทำให้ผิวหน้าเนียนใส และนุ่มขึ้นอีกด้วยนะ หาววววว”


เห็นร่างเล็กเริ่มหาวจนน้ำตารื้นออกมา เสี่ยวฮัวจึงทนดูไม่ไหวรีบละมือจากทุกสิ่ง แล้วบังคับพาอีกฝ่ายไปนั่งรอบนที่นอน จากตนเองก็รีบเดินไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าและเช็ดมือให้อีกฝ่าย อึดใจต่อมาร่างที่บอกว่าไม่เหนื่อย ดวงตาเริ่มปรือลง นั่งโงนเงนไปมา ในที่สุดก็ล้มตัวลงนอนบนฟูกหนานุ่ม เสี่ยวฮัวจึงช่วยจัดท่านอนให้หลับสบาย แล้วก็รีบส่งสัญญาณให้องครักษ์หานเข้ามาด้านใน


หานเทาตรวจจับชีพจร ก่อนจะทำการฝังเข็ม โดยมีเสี่ยวฮัวคอยช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด เพราะมีบางจุดที่จะฝังเข็มล่อแหลมจนเกินไป ชายหนุ่มจึงไม่สะดวกใจที่จะทำ


ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ร่างสูงจึงเก็บเข็มกลับคืนทีละเล่มอย่างใจเย็น แล้วจึงทำการตรวจจับชีพจรอีกครั้ง ใบหน้าชื้นเหงื่อค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้ม พลอยทำให้อีกคนที่กำลังรอฟังผลลัพธ์รู้สึกโล่งอกและยิ่มตามไปด้วย


“พอมีหวัง ชีพจรที่เต้นอ่อนจนแทบจะตรวจจับไม่เจอ เริ่มเด่นชัดขึ้นมากกว่าเดิมเล็กน้อย ส่วนอีกสายก็ทรงตัว ไม่อาจพูดได้ว่าปลอดภัยเต็มปาก แต่ก็มีหวังมากกว่าผิดหวัง”


“ขอให้ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกเถิด เด็กๆ คลอดออกมาคงจะน่ารักมากแน่ๆ”


เพราะฉินอ๋องรูปร่างหน้าตากำยำหล่อเหลา คุณหนูเสิ่นก็มีรูปร่างหน้าตางดงามไร้ที่ติ เสียอย่างเดียวที่ตอนนี้ผอมบางไปหน่อย แล้วลูกที่เกิดมาจะด้อยไปกว่าบิดามารดาได้อย่างไรกัน


ชายหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเสี่ยวฮัว แต่ก็ยังมีเรื่องให้วิตกกังวลอยู่มาก โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยของแม่นางเสิ่นกับทารกในครรภ์ ตอนนี้มีความจำเป็นต้องย้ายที่อยู่ให้เร็วที่สุด ทว่าครรภ์ของนางยังอยู่ในช่วงอันตราย ไม่สามารถเดินทางไกลได้ ทางเลือกเดียวคือเขาต้องหาวิธีให้ตนเองสามารถเข้ามาอยู่ดูแลนางกับลูกได้อย่างเปิดเผย เพราะการฝังเข็มจะต้องทำอย่างต่อเนื่องเท่านั้น จึงจะมั่นใจได้ว่าพ้นขีดอันตรายแล้วหรือยัง


เงาดำสายหนึ่งพุ่งเข้ามาทางหน้าต่าง หานเทากับเสี่ยวฮัวเตรียมตั้งรับการจู่โจม พอเห็นว่าเป็นองครักษ์ซานทั้งสองจึงคลายระวัง แต่ก็ยังตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา


“มีอะไร” หานเทาถามเสียงเครียด


“มีรถม้ามุ่งหน้ามาที่นี่”


“กี่คน”


“ไม่ต่ำกว่า5”


ทั้งสามคนปรึกษากันทางสายตา ก่อนที่หานเทากับองครักษ์ซานจะกระโดดหายออกไปทางหน้าต่าง เพื่อแฝงตัวรอดูทีท่าของกลุ่มคนที่มา ส่วนเสี่ยวฮัวเดินไปปิดหน้าต่างทุกบาน ตระเตรียมตัวให้พร้อมเพื่ออยู่ต้อนรับแขกไม่ได้รับเชิญที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า