เสิ่นเจียนอีไม่เคยคิดเลยว่าตนจะได้ทะลุมิติเหมือนอย่างในนิยายที่เคยอ่าน แล้วที่สำคัญร่างนี้ยังเป็นถึงคุณหนูตัวร้ายที่ขวัญกล้าเทียมฟ้าวางยาปลุกกำหนัดฉินอ๋อง จนเกือบจะถูกอีกฝ่ายฆ่าตายอีกด้วย

เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก - ๘ จัดการอันธพาล โดย รอยยิ้มพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,จีน,ครอบครัว,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,จีน,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ทะลุมิติ

รายละเอียด

เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก โดย รอยยิ้มพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เสิ่นเจียนอีไม่เคยคิดเลยว่าตนจะได้ทะลุมิติเหมือนอย่างในนิยายที่เคยอ่าน แล้วที่สำคัญร่างนี้ยังเป็นถึงคุณหนูตัวร้ายที่ขวัญกล้าเทียมฟ้าวางยาปลุกกำหนัดฉินอ๋อง จนเกือบจะถูกอีกฝ่ายฆ่าตายอีกด้วย

ผู้แต่ง

รอยยิ้มพระจันทร์

เรื่องย่อ

สารบัญ

เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๑ บทนำ-เสิ่นเจียอี,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๒ คุณหนูเสิ่นแปลกไป,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๓ ระแคะระคาย,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๔ ข่าวดีและข่าวร้าย,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๕ ทำเพื่อลูก,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๖ ถูกใส่ร้าย,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๗ เอาใจเป็นพิเศษ,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๘ จัดการอันธพาล,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๙ ของอร่อยเป็นเหตุ

เนื้อหา

๘ จัดการอันธพาล




บทที่๘ จัดการอันธพาล




“มีใครอยู่หรือไม่” เมื่อรถม้าจอดสนิทบริเวณลานหน้าบ้านหลังสุดท้าย สารถีร่างผอมสูงจึงตะโกนถามเข้าไปในบ้านด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบานัก


เสี่ยวฮัวที่รอคอยอยู่แล้ว จึงเดินออกมาแล้วเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่ดูเป็นธรรมชาติ แต่หูก็คอยฟังความเคลื่อนไหวภายในรถม้า และตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาพร้อมจะต่อสู้ได้ทุกเมื่อ


“อยู่จ๊ะ พี่ชายมาหาผู้ใดหรือ?”


เสียงคนด้านในเคลื่อนไหว จากนั้นก็มีบุรุษคนหนึ่งแหวกม่านลงมาจากรถม้า พร้อมกับแจ้งความประสงค์ที่มาหาในวันนี้


“สวัสดีแม่นาง ข้าเป็นผู้ช่วยหมอ นามว่าเฉิน จะเรียกว่าอาเฉินก็ได้ ท่านหมอเหอให้นำรถม้ามารับแม่นางเสิ่นไปตรวจรักษาอาการตามนัด ยามนี้นางอยู่ที่ใดหรือ”


“อ๋อออออ” เสี่ยวฮัวลากเสียงยาวพร้อมกับพยักหน้า นางไม่ต้องเสียเวลาคิดใคร่ครวญว่าเรื่องไหนจริงเท็จ หรือใครจะมาดีมาร้าย เพียงประโยคขึ้นต้นก็เชื่อถือไม่ได้แล้ว เพราะลักษณะของชายตรงหน้าห่างไกลจากคำว่าผู้ช่วยหมอนัก จากนั้นนางจึงกล่าวโกหกหน้าตายไร้พิรุธกลับไป ทำให้ชายที่มีนามว่าอาเฉินถึงกับยิ้มกริ่ม นึกชะล่าใจคิดว่าเรื่องนี้ง่ายดายกว่าที่ตนคิดนัก “นางอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะเข้าไปในเมืองอยู่พอดีเลย พวกท่านมาได้จังหวะยิ่งนัก”


“งั้นหรือ บังเอิญจริง ท่านหมอก็นึกกังวลเรื่องการเดินทางของนาง จึงตัดสินใจส่งข้ามารับ งั้นเจ้าก็ช่วยไปแจ้งนางว่ารถม้าจากโรงหมอมาจอดรถอยู่หน้าบ้าน ให้นางรีบออกมาเร็วเข้า”


“ดะ ได้ๆ เจ้าค่ะ ว่าแต่..” เสี่ยวฮัวทำหันซ้ายหันขวา แล้วขยับตัวเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างแนบเนียน ก่อนจะป้องปากกระซิบถามในสิ่งที่สงสัย “นางป่วยเป็นอันใดหรือเจ้าคะ เมื่อวานกลับมานางก็ไม่ได้เล่าอันใดให้ฟังมากนัก”


คนถูกถามถึงกับชะงัก เพราะเรื่องนี้พวกตนก็ไม่ทราบรายละเอียดนัก แต่จะไม่ตอบก็กระไรอยู่ จึงเลือกที่จะพูดหยั่งเชิงกลับไป “เจ้าไม่รู้จริงหรือ โป้ปดหรือเปล่า เช่นนั้นนางเล่าว่าอย่างไรล่ะ พอจะจำได้หรือเปล่า ไหนลองเล่าให้ข้าฟัง ข้าจะได้เล่าต่อและอธิบายได้ถูก”


เสี่ยวฮัวพยักหน้าหงึกๆ ตวัดสายตามองไปยังรถม้าคราหนึ่ง ก่อนจะใช้สองนิ้วจิ้มไปที่ดวงตาของอีกฝ่าย จากนั้นก็คว้าบุรุษตัวโตแล้วจับทุ่มลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว ใช้เท้ากระทืบซ้ำลงไปกลางอก เห็นอีกฝ่ายนอนดิ้นทุรนทุรายไร้เสียงร้อง คงเพราะรู้สึกจุกแน่นในอก นางจึงเหยียบขยี้ลงไปอีกครั้งให้สาแก่ใจ


สารถีที่เพิ่งจะหายตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า รีบพุ่งเข้าไปช่วยผู้ที่กำลังนอนสะบักสะบอมในทันที ยังไม่ทันจะได้แตะร่างชายคนดังกล่าวแม้แต่ปลายเล็บ ก็ถูกกำปั้นเล็กๆ แต่ว่องไวชกเข้าที่เบ้าตาเสียก่อน หลุดเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ทำให้คนบนรถม้าโผล่หน้าออกมาดู แต่พอเห็นว่ามีเพียงสตรีบอบบางแค่คนเดียว พวกเขาจึงหลบเข้าไปนั่งรอด้านในอย่างใจเย็น เชื่อว่าไม่นานก็หญิงสาวอวดเก่งก็สิ้นฤทธิ์จึงไม่อยากจัดการเองให้เปลืองแรง


เสี่ยวฮัวไม่ปล่อยให้คนสารเลวได้ทันตั้งตัว นางตามกระทืบซ้ำโดยเน้นไปที่จุดตายครั้งแล้วครั้งเล่า จนทั้งสองคนตกอยู่สภาพเดียวกัน ใบหน้าพังยับเยินไม่เหลือชิ้นดี ก่อนจะกระอักเลือดออกมาคำโต และไม่นานก็สลบเหมือดอยู่แทบเท้าของนาง หญิงสาวเบะปากมองบุรุษตัวโตกว่าตนอย่างดูแคลน พลางคิดว่าคนที่เหลือก็คงมีฝีมืออ่อนหัดไม่ต่างกันนัก ก่อนจะส่งสัญญาณให้สององครักษ์ออกมาจัดการกับคนที่เหลือ เพราะตนจะต้องกลับไปดูแลคนที่นอนหลับอยู่ภายในบ้าน ไม่รู้ว่าตอนนี้จะตื่นแล้วหรือยัง เกิดเดินออกมาเห็นภาพที่ไม่สมควรเข้า อาจจะกระทบกระเทือนถึงเจ้าตัวเล็กในครรภ์ก็เป็นได้


คล้อยหลังเสี่ยวฮัวไปแล้ว อาวุธลับก็ถูกซัดเข้าไปในรถม้า คนด้านในรีบกระโจนออกมาด้วยอาการแตกตื่นตกใจ หนึ่งในนั้นได้รับบาดเจ็บเพราะถูกอาวุธลับปักเข้าที่แขนด้านขวาพอดิบพอดี อาการน่าเป็นห่วงเพราะเพราะเจ้าสิ่งนั้นเคลือบไปด้วยยาพิษ ชายอีก2คนก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม แล้วพอได้หันไปเห็นว่าคนที่มาด้วยกันอีก2คน นอนหมดสติด้วยสภาพที่ไม่น่าดู สตรีนางนั้นก็หายไปแล้ว ครานี้พวกเขาจึงไม่อาจทำใจเย็นได้อีก แต่ไม่ทันจะได้เคลื่อนไหวใดๆ ก็ถูกโจมตีจากทางด้านหลัง จนร่างกระเด็นห่างออกไปหลายก้าวแล้วตกลงมากระแทกพื้นอย่างหนัก


หานเทาไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่า เขาตามไปกระทืบซ้ำ ไม่มีความคิดจะฆ่าให้ตาย เพราะทั้งห้าคนดูแล้วไม่ใช่นักฆ่ามืออาชีพหรือองครักษ์แต่อย่างใด คล้ายพวกอันธพาลฝีมือปลายแถว คนกลุ่มนี้อาจจะแค่ถูกว่าจ้างให้มาทำมิดีมิร้ายแม่นางเสิ่น เพราะพวกมันดูจะเจาะจงและก็ดูชะล่าใจจนเกินไป คงไม่คิดว่าสตรีหุ่นดีอย่างเสี่ยวฮัวจะเป็นองครักษ์ฝีมือดีแฝงตัวมาสิท่า


“ไง ตายหรือยัง” ปลายเท้าขององครักษ์ซานเขี่ยร่างที่นอนกองอยู่กับพื้นราวกับเห็นเป็นเพียงขยะสกปรก


ชายที่แต่งตัวดูดีสุดยังพอมีสติ เขาร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดปนสับสน พร้อมกับร้องขอชีวิตอย่างคนกลัวตายผิดกับความบุคลิกก่อนหน้าลิบลับ


“ท่านจอมยุทธ์พวกเราไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกัน ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด”


หานเทากอดอก หรี่ตามองคนพูด ก่อนแย้งกลับไปว่า “จะไม่รู้จักกันได้อย่างไร ก็ในเมื่อพวกเจ้าบุกมาหาเรื่องพวกข้าถึงที่นี่ ย่อมรู้สิว่าบ้านหลังนี้เป็นของใคร และอยู่อาศัยกันกี่คน”


“ขะ ข้าไม่รู้ พวกเราเพียงถูกว่าจ้างมาอีกที ถ้าหากข้ารู้ คะ..คง มะ ไม่มาวันนี้หรอก”


องครักษ์ซานเดาะลิ้น พลางแสยะยิ้มเหยี้ยม แล้วอัดฝ่าเท้าใส่ชายปากพล่อยอย่างเหลืออด


“อาซานพอก่อน เจ้าไปจับพวกมันตรงโน้นยัดใส่รถม้าแล้วมัดรวมกัน เดี๋ยวทางนี้ข้าจะจัดการเอง”


“ขอรับ” ก่อนไปก็ไม่วายแตะใส่ร่างนั้นไปอีกครั้ง อีกฝ่ายเจ็บจนจุกไร้เสียงโอดครวญให้ระคายหู


“เอาล่ะ ข้าจะขอถามครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ไม่ทราบว่าผู้ใดว่าจ้างพวกเจ้ามาหรือ จะไม่ตอบเรื่องนี้ก็ได้นะ แต่ครอบครัวของพวกเจ้าจะต้องตายกันหมดภายในวันนี้” หานเทากล่าวด้วยรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา


“ยะ อย่า แค่ก แค่ก ข้า บอก ข้า บอก แล้ว”


“ใคร?”


“หละ หลานชาย ท่านหมอเหอหลวนเฉิน เมื่อวานเขาเกิดถูกใจแม่นางเสิ่น จึงจ้างวานพวกข้าให้มาพานางไปส่งที่กระท่อมท้ายตลาด ตะ..แต่ พวกข้าอดอยากมานาน เลยคิดที่จะจัดการนางก่อนพาไปส่งให้ผู้ว่าจ้าง”


รอยยิ้มบนใบหน้าของหานเทาหุบลง เขาแตะคนพูดจนสลบแทบฝ่าเท้า ก่อนจะผิวปากเป็นสัญญาณ องครักษ์ลับในหน่วยที่เขาเป็นผู้ดูแลออกมาปรากฏตัว เพื่อรับฟังคำสั่ง


“พาพวกมันทั้งห้าไปทรมาน แต่อย่าเพิ่งให้ตาย แล้วไปตามสืบเรื่องนี้อย่างลับๆ อย่าให้คนร้ายไหวตัวทัน”


“ขอรับ”




เสิ่นเจียอีตื่นมาในช่วงปลายยามเซิน (16.00) ด้วยอาการสดชื่น รู้สึกสมองปลอดโปร่ง ร่างกายเบาสบายเป็นอย่างมาก ใบหน้าหวานเผยรอยยิ้มกว้างได้เป็นครั้งแรก ก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นมาวางบนหน้าท้อง พูดกับลูกๆ เบาๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แม่จะทำทุกอย่างเพื่อเจ้า ส่วนพวกเจ้าก็อย่าลืมแข็งแรงเพื่อแม่ด้วยเล่า เด็กดี”


คล้ายกับทารกในครรภ์รับรู้ถึงคำพูดของมารดา จึงตอบสนองด้วยการกระทุ้งหน้าท้องเบาๆ ถึงแม้จะเบาแต่เจ้าของฝ่ามือก็ยังรู้สึกได้ หญิงสาวตาโตอ้าปากค้าง ไม่อยากจะเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ เมื่อสิ่งนั้นได้กระทุ้งตรงบริเวณฝ่ามือของเธออีกครั้ง


“ลูกแม่” หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตา คนเป็นแม่จะมีอะไรให้ดีใจมากไปกว่าได้เห็นความปลอดภัยของลูกๆ


จู่ๆ เสียงท้องก็ร้องดังออกมา เธอจึงได้สติรีบเช็ดหน้าเช็ดตาของตนเอง คิดว่าพวกลูกๆ คงจะหิวกันแล้ว ทำให้ไพล่คิดไปถึงรากบัวแล้วก็เม็ดบัวที่มีอยู่เต็มสระหลังบ้าน ความอยากกินข้าวผัดเม็ดบัวทำเอาน้ำลายแทบจะไหล จากนั้นจึงเดินดุ้มๆ ออกไปนอกห้อง เจอเสี่ยวฮัวกำลังหุงข้าวอยู่ในครัวพอดี จึงขอให้อีกฝ่ายช่วยลงไปเก็บเจ้าสิ่งนั้นนำมาทำอาหาร อีกฝ่ายก็ไม่ขัดข้องตามอกตามใจแทบจะถวายชีวิตให้


เมื่อได้ฝักบัวมาพอสมควร เสิ่นเจียอีก็นั่งแกะเม็ดบัวอย่างมีความสุข ระหว่างนั้นก็ให้เสี่ยวฮัวไปตักลูกเดือยมา1ถ้วยแล้วล้างน้ำสะอาด2ครั้ง อันที่จริงควรจะแช่น้ำทิ้งไว้หลายชั่วยามหรือ1คืน เพื่อให้ลูกเดือยนิ่มอร่อย แต่เพราะต้องการใช้ทำอาหารในทันที จึงนำมาต้มสัก2เค่อหรือ3เค่อก็ใช้ได้แล้ว


หลังแกะฝักบัวเสร็จก็ได้เม็ดบัวมาหนึ่งถ้วยใหญ่ จึงนำไปแช่น้ำจนเนื้อนุ่มแล้วนำไปต้มต่อประมาณ1เค่อ ก็จะได้ลูกเดือยและเม็ดบัวสุกในเวลาไล่เลี่ยกัน ต่อจากนั้นก็นำหมูแดดเดียวมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำแทนเนื้อหมูสด สับกระเทียมกับขิงพักไว้ ตั้งกระทะเติมมันหมูลงไปเล็กน้อย พอมันหมูละลายใส่กระเทียมกับขิงสับลงไป เจียวให้พอมีกลิ่นหอมๆ ใส่หมูแดดเดียวลงไปผัดตามด้วยข้าวสวยร้อนๆ กับเม็ดบัวและลูกเดือย ปรุงรสด้วยน้ำมันงานิดหน่อย ซีอิ๊วขาว เกลือกับน้ำตาลพอประมาณ ผัดให้ทุกอย่างเข้ากัน ชิมรส ตักใส่จานพร้อมทาน หรือถ้าใครจะใส่วัตถุดิบอยากจะปรุงรสเพิ่มเติมก็สามารถทำได้ตามใจชอบ แต่เธอมีวัตถุดิบกับเครื่องปรุงแค่นี้จึงใส่เท่าที่มี ได้กินคู่กับน้ำรากบัวอร่อยอย่าบอกใครเชียวล่ะ