เสิ่นเจียนอีไม่เคยคิดเลยว่าตนจะได้ทะลุมิติเหมือนอย่างในนิยายที่เคยอ่าน แล้วที่สำคัญร่างนี้ยังเป็นถึงคุณหนูตัวร้ายที่ขวัญกล้าเทียมฟ้าวางยาปลุกกำหนัดฉินอ๋อง จนเกือบจะถูกอีกฝ่ายฆ่าตายอีกด้วย

เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก - ๙ ของอร่อยเป็นเหตุ โดย รอยยิ้มพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,จีน,ครอบครัว,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,จีน,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ทะลุมิติ

รายละเอียด

เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก โดย รอยยิ้มพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เสิ่นเจียนอีไม่เคยคิดเลยว่าตนจะได้ทะลุมิติเหมือนอย่างในนิยายที่เคยอ่าน แล้วที่สำคัญร่างนี้ยังเป็นถึงคุณหนูตัวร้ายที่ขวัญกล้าเทียมฟ้าวางยาปลุกกำหนัดฉินอ๋อง จนเกือบจะถูกอีกฝ่ายฆ่าตายอีกด้วย

ผู้แต่ง

รอยยิ้มพระจันทร์

เรื่องย่อ

สารบัญ

เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๑ บทนำ-เสิ่นเจียอี,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๒ คุณหนูเสิ่นแปลกไป,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๓ ระแคะระคาย,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๔ ข่าวดีและข่าวร้าย,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๕ ทำเพื่อลูก,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๖ ถูกใส่ร้าย,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๗ เอาใจเป็นพิเศษ,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๘ จัดการอันธพาล,เปลี่ยนชะตาร้ายให้กลายมาเป็นชะตารัก-๙ ของอร่อยเป็นเหตุ

เนื้อหา

๙ ของอร่อยเป็นเหตุ


บทที่๙ ของอร่อยเป็นเหตุ


หลังกินข้าวและดื่มยาบำรุงเสร็จเรียบร้อย เสิ่นเจียอีก็ออกไปเดินย่อยอาหารรอบๆ บริเวณบ้าน พร้อมกับครุ่นคิดว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรให้ลูกๆ ทานดี ดูเหมือนว่าพวกเขาจะชื่นชอบข้าวผัดเม็ดบัวอยู่ไม่น้อย เพราะเมื่อสักครู่เธอกินข้าวได้เยอะกว่ามื้ออื่นๆ พอคิดถึงเม็ดบัวก็ให้นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อตอนกลางวันตนเองได้ทำรากบัวเชื่อมเอาไว้ตั้งมาก ไม่เห็นเสี่ยวฮัวนำมาขึ้นโต๊ะ แต่พอคิดอีกทีก็ช่างมันเถอะ ของหวานกินมากไปไม่ดี เก็บไว้ในภาชนะที่มิดชิดก็กินได้หลายวัน หรือจะนำไปใส่ในเต้าทึงทรงเครื่องก็ได้


อ่า เธอคิดออกแล้ว ในห้องเสบียงมีธัญพืช ลูกเดือย ถั่วดำ ถั่วแดง และมีพุทราตากแห้งจำนวนหนึ่ง นำมาทำเต้าทึงทรงเครื่อง แล้วก็ใส่รากบัวเชื่อม เม็ดบัว แปะก๊วย เติมน้ำแข็งเล็กน้อย ก็น่าจะเย็นชื่นใจดีเลยทีเดียว แล้วพุทราตากแห้งที่เหลือก็นำมาตุ๋นพะโล้ขาหมู หรือพะโล้หมูสามชั้น กินกับข้าวสวยร้อนๆ รับรองความอร่อยจนแทบจะกลืนลิ้นตัวเองเชียวล่ะ


ทว่าวัตถุดิบหลายอย่างจะต้องไปซื้อมาจากในเมือง หนทางที่จะไปก็ไม่ค่อยจะสะดวกนัก วันมะรืนนี้เสี่ยวฮัวก็รับปากว่าจะพาไปหาหมอตามนัด แล้วอย่างนี้เธอจะกล้ารบกวนให้อีกฝ่ายพาเข้าเมืองอีกได้อย่างไรกัน คิดแล้วก็ให้หน้านิ่วคิ้วขมวดราวกับไปถูกใครรังแกมา


เสี่ยวฮัวที่เพิ่งจะเดินมาสมทบ เห็นอาการดังกล่าวเข้าก็พลอยขมวดคิ้วตามไปด้วย พลางเท้าสะเอวหันไปทำตาเขียวใส่คนที่กำลังนั่งหลบกินข้าวผัดอยู่บนกิ่งไม้สูง คาดโทษเอาไว้ในใจไปต่างๆ นานา


หานเทากับองครักษ์ซานถลึงตากลับ ตะเกียบในมือก็เร่งพุ้ยข้าวเข้าปาก ราวกับคนไปตายอดตายอยากมาจากไหน


หญิงสาวเลยเลิกสนใจพวกบุรุษไม่เอาไหน ปรับสีหน้าให้ผ่อนคลายลงแล้วเดินเข้าไปหาร่างบางที่กำลังยืนคิดอะไรเพลินๆ อยู่คนเดียว


“คุณหนูคิดอะไรอยู่หรือเจ้าคะ”


สองมาตรฐานชัดๆ สองหนุ่มตะโกนในใจพร้อมกัน พลางเบะปากอย่างหมั่นไส้ใส่คนสองหน้า


เสิ่นเจียอีสะดุ้งเล็กน้อย คิ้วที่ขมวดคลายออกจากกัน แต่เห็นได้ชัดว่ายังมีความวิตกกังวลหลงเหลืออยู่ ท้ายที่สุดจึงตัดสินใจทำเพื่อลูกๆ เอ่ยความต้องการออกมาด้วยน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจ


“พรุ่งนี้ข้าอยากได้วัตถุดิบมาทำอาหาร”


เสี่ยวฮัวพยักหน้าเห็นดีด้วย แม้นางจะไม่เคยตั้งครรภ์ แต่ก็พอจะทราบว่าคนท้องควรได้กินอะไรที่มีประโยชน์กว่านี้ แต่พอนึกถึงสภาพความเป็นอยู่ นึกถึงสถานะทางการเงิน และสถานะความสัมพันธ์ก็ให้รู้สึกจนใจ หากอะไรมันยังไม่ชัดเจนก็คงต้องทนอยู่อย่างนี้ไปก่อน แต่นางเชื่อว่าอีกไม่นานทุกอย่างก็จะดีขึ้น ราบรื่นขึ้นดั่งใจหวัง


“แต่..”


“แต่อะไรหรือเจ้าคะ” นางเอียงคอถามด้วยความสงสัย ก่อนจะเข้าใจในที่สุด


“แต่วันมะรืนเจ้าต้องพาข้าเข้าเมืองอีก ลำบากเจ้าหรือไม่”


“โธ่!! นึกว่าเรื่องอันใด ท่านจดรายการให้ข้าก็พอ เช้ามืดข้าจะรีบเดินทางเข้าเมืองด้วยตัวเอง ส่วนเรื่องที่ท่านจะไปหาหมอในวันมะรืนนี้ ข้าจะลองสอบถามทางโรงหมอว่าพวกเขาสามารถเดินทางมาตรวจอาการของท่านได้หรือไม่ แต่คิดว่าน่าจะได้ เพียงจ่ายตำลึงเพิ่มอีกสักหน่อย”


ตอนแรกเธอก็คิดแบบนี้แหละ แต่มันกังวลใจไปต่างๆ นานา เพราะเธอยังไม่ไว้ใจเสี่ยวฮัว เธอกลัว กลัวว่าพอเสี่ยวฮัวรู้เรื่องนี้เข้าจะนำกลับไปรายงานนายของตัวเอง แล้วเธอกับลูกอาจจะไม่มีโอกาสมีชีวิตรอด เธอไม่ได้สนความเป็นตายของตนเองหรอก เพราะสิ่งเหล่านั้นเธอได้ผ่านพ้นมาหมดแล้ว ห่วงก็แค่ลูก เธอไม่อยากให้ลูกต้องตาย ลูกคือสิ่งยึดเหนี่ยวสุดท้ายที่ทำให้เธออยากมีชีวิตอยู่ต่อ


เห็นคนตรงหน้ายังคงยืนลังเลใจไม่ตอบตกลง เสี่ยวฮัวถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปกุมมือนุ่มนิ่มของอีกฝ่าย พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกว่าครั้งไหนๆ ว่า “ไม่ต้องไว้ใจข้าในตอนนี้ แต่ขอให้ท่านเชื่อข้าได้หรือไม่ เชื่อข้าสักครั้ง ให้เชื่อว่าข้าจะไม่มีวันทำร้ายท่าน”


หญิงสาวมองสบตาคนพูดก่อนจะอึ้งไปนานพอสมควร จากนั้นจึงยอมพยักหน้า คิดปลงตกในใจว่าอะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด แต่เธอจะพยายามปกป้องลูกให้ถึงที่สุด


เสี่ยวฮัวลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะประคองอีกฝ่ายเข้าไปด้านใน พลางสอบถามถึงรายชื่ออาหารที่จะทำในวันรุ่งขึ้น เสิ่นเจียอีก็บอกอย่างไม่ปิดบัง พร้อมสั่งให้นำลูกเดือยกับถั่วแดงอย่างละ3ถ้วยมาแช่ทิ้งเอาไว้ข้ามคืน หลังจากนั้นเธอก็ไปนั่งจดรายการวัตถุดิบที่เหลือใส่กระดาษ เพื่อจะให้เสี่ยวฮัวนำเข้าเมืองในวันพรุ่งนี้ เสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำแปรงฟัน เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำและหลับสนิทตลอดคืน


ยามเฉิน (07.00) เสิ่นเจียอีตื่นมาทำธุระส่วนตัว เสร็จแล้วก็เปิดประตูออกไปด้านนอก คาดไม่ถึงว่ารายการวัตถุดิบทั้งหลายจะมากองรวมกันอยู่ในครัวรวดเร็วถึงเพียงนี้ เธอมองไปที่เสี่ยวฮัวอย่างทึ่งจัด สตรีนางนี้ไม่ทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ


“อรุณสวัสดิ์ยามเช้าเจ้าค่ะคุณหนู ตอนนี้ข้าเพิ่งจะหุงข้าวเสร็จ ให้ทำอันใดต่อหรือเจ้าคะ”


“อรุณสวัสดิ์เสี่ยวฮัว ได้ของครบหรือไม่”


“ยังขาดก้อนน้ำแข็งเจ้าค่ะ ทว่าปลายยามซื่อ (10.00) จะมีคนขนน้ำแข็งมาส่งถึงที่เจ้าคะ อ้อ ช่วงเวลานั้นท่านหมอก็จะเดินทางมาตรวจดูอาการของท่านพอดีเจ้าค่ะ”


“อืม งั้นช่วยนำขาหมู ต้นผักชีไปล้างให้สะอาด แล้วรบกวนเก็บฝักบัวกลับมาให้ข้าด้วยนะ”


“เจ้าค่ะ”


“จริงสิ รากบัวเชื่อมยังมีเหลือเยอะหรือไม่”


เสี่ยวฮัวยิ้มแห้ง จะบอกได้อย่างไรว่าถูกพวกผู้ชายจอมตะกละเขมือบลงท้องไปหมดแล้ว “เอ่อ คือ หมดแล้วเจ้าค่ะ”


เสิ่นเจียอีตาโต อีกฝ่ายกินเข้าไปหมดได้อย่างไร นั่นมันของหวานเชียวนะ แต่ช่างเถอะ หมดแล้วก็หมดไป เก็บมาทำเอาใหม่ก็ได้


“งั้นก็ช่วยเก็บมาพร้อมกันเลยนะ เอาแค่พอประมาณ”


“ได้เจ้าค่ะ”


ระหว่างที่เสี่ยวฮัวนำขาหมูไปล้าง เสิ่นเจียอีก็จุดเตาพอติดไฟก็นำหม้อใส่น้ำสะอาดมาตั้ง ต้มน้ำให้เดือด พอได้ผักชีมาก็นำมาหั่นเอาแค่รากแล้วทุบเบาๆ ต่อด้วยกระเทียม พริกไทย ใส่ลงไปในน้ำเดือด ต้มให้มีกลิ่นหอม จากนั้นก็ใส่เกลือเล็กน้อย ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ น้ำตาล และผงทำพะโล้ ซึ่งผงพะโล้ก็จะประกอบไปด้วย โป๊ยกั๊ก อบเชย เม็ดผักชี ยี่หร่า ลูกกระวาน พริกไทย ชะเอมเทศ เปลือกส้มตากแห้ง กานพูล ต้มต่อให้น้ำซุปพะโล้หวาน จากนั้นก็นำขาหมูใส่ลงไป ปิดฝาตุ๋นไปเรื่อยๆ ประมาณ1ชั่วยาม ระหว่างนั้นก็มาทำน้ำจิ้มไว้รอกินกับขาหมู ส่วนผสมสำคัญ ได้แก่พริกชี้ฟ้า ,รากผักชี, กระเทียม นำ3สิ่งนี้ไปตำในครกหินจนละเอียด จากนั้นก็ตักใส่ชาม เติมเกลือ น้ำส้มสายชู น้ำตาล พอประมาณ ผสมให้เข้ากัน หรือใครจะปรุงรสตามที่ชอบก็สามารถทำได้ตามสบาย


เสร็จจากตรงนั้น เสิ่นเจียอีจำเป็นต้องหาอะไรกินรองท้อง จึงตั้งกระทะทอดไข่เจียวง่ายๆ กินกับข้าวสวยร้อนๆ หลังกินเสร็จก็เดินมาดูเม็ดบัวที่เสี่ยวฮัวแกะไปแช่น้ำเอาไว้ เห็นเนื้อนิ่มกำลังดี จึงให้เสี่ยวฮัวตั้งหม้ออีกใบ ก่อนจะทำการต้มลูกเดือย สุกแล้วพักทิ้งไว้ ต่อด้วยถั่วแดง แปะก๊วย เม็ดบัว จากนั้นก็นำพุทราตากแห้งมาเอาเม็ดออก ตั้งหม้อใบใหม่บนเตา เติมน้ำและใส่พุทราแห้งลง ตามด้วยรากบัว เกลือ น้ำตาล พอสุกได้ที่ก็ยกออกจากเตา ตักเครื่องเคียงอย่างธัญพืชใส่ถ้วยไว้รอ ราดน้ำพุทราหวานๆ ลงไปแล้วแค่เติมน้ำแข็งเย็นๆ เท่านี้ก็อร่อยชื่นใจแล้ว


พอล่วงเข้าสู่ปลายยามซื่อ ทั้งคนส่งน้ำแข็งทั้งท่านหมอก็มาให้เวลาไล่เลี่ยกัน มันออกจะน่าแปลกใจที่พวกเขาดูคุ้นๆ แต่หญิงสาวกลับคิดไม่ออก จึงเลือกที่จะปล่อยผ่าน ในระหว่างที่ท่านหมอทำการตรวจรักษาด้วยการฝังเข็ม เสี่ยวฮัวก็หลบไปจัดการกับก้อนน้ำแข็ง เพราะไม่ต้องการให้คุณหนูเสิ่นหวาดระแวงจนเกินไป


การรักษาเป็นไปได้ด้วยดี ท่านหมอจึงขอตัวกลับก่อน เสิ่นเจียอีเพียงเชิญให้อยู่กินข้าวกลางวันตามมารยาท แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธ คนชวนก็ไม่ได้คะยั้นคะยอให้อยู่ต่อ เพราะอาจดูไม่เหมาะสมเอาได้ หลังแขกกลับไปแล้ว เสิ่นเจียอีจึงให้เสี่ยวฮัวนำสำรับขึ้นโต๊ะ ตบท้ายด้วยของหวานเย็นๆ ก่อนจะกลับเข้าห้องแต่ไม่ได้นอนหลับตามปกติ พอได้ยินเสียงพูดคุยดังขึ้นจากในครัวจึงแอบย่องออกไปดู แล้วก็ได้เห็นท่านหมอกับคนส่งน้ำแข็งกำลังแย่งชิงต้มพะโล้ขาหมูกันอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยมีเสี่ยวฮัวนั่งกอดอกทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ข้างๆ


นี่มันอะไรกัน