เพราะอคติ ทำให้ ยู ชิน มีเซนเซอร์ตรวจจับระดับความเซ็กซี่ของผู้คนและกะพริบเตือนเป็นคำว่า ANTI ทันทีที่ใครเกินหลอดมาตรวัด!
ชาย-ชาย,รัก,เกาหลี,ช่างภาพ,นายแบบ,เกาหลี,BL,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
00
INTRO - ANTI
กระเป๋าเดินทางใบใหญ่เคลื่อนมาหยุดด้านนอกประตูสนามบินอินชอน เจ้าของกระเป๋าใบนี้เป็นชายตัวสูงเกินเกณฑ์มาตรฐานคนเกาหลี เขาสวมเครื่องแต่งกายท้าทายอากาศปลายฤดูหนาว ด้านหลังมีเป้ใบใหญ่สำหรับใส่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ใบหน้าคมคายมองดูบรรยากาศที่ไม่ได้พบเจอมานานถึง 2 ปี ก่อนจะตรงไปยังจุดจอดรถแท็กซี่เพื่อตรงไปยังบ้าน
ยู ชิน คือชื่อของเขา ตอนนี้กำลังนั่งกอดกระเป๋าเป้แสนหนักขณะมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างตรงเบาะนั่งผู้โดยสาร ยามที่เคลื่อนเข้าตัวเมือง เขาสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ป้ายโฆษณาจอ LED ติดตั้งตามตึกสูง ป้ายรถบัส หรือแม้กระทั่งร้านเล็กๆ ก็มีทีวีฉายโพรโมตสินค้า ทำให้ตลอดรายทางเขาพบโฆษณาผ่านตานับไม่ถ้วน
แท็กซี่คันสีเงินจอดเทียบรั้วบ้านสไตล์โมเดิร์น ชินยกกระเป๋าเดินทางวางลงพื้นก่อนจะกดรหัสตรงประตูเล็ก สัญญาณยืนยันความถูกต้องดังขึ้นและปลดล็อกให้เขาเข้าด้านในพื้นที่บ้าน เขาเจออีกด่านที่ต้องใส่รหัสต่างจากประตูรั้ว จะทำยังไงได้ ในเมื่อนี่คือ ‘แชร์เฮาส์’ บ้านที่คุ้นเคยเสียยิ่งกว่าบ้านจริงๆ ของชิน
ร่างสูงแทรกตัวเข้าตัวบ้านท่ามกลางความเงียบสงัด ในเวลากลางวันเช่นนี้ เหล่าสมาชิกมักจะออกไปทำกิจวัตรกัน ชินหยิบมือถือขึ้นมาเปลี่ยนซิมการ์ดแล้วข้อความไปหาเจ้าของบ้าน ผู้ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก แค่แจ้งให้ทราบว่าเขากลับมาแล้ว และอีกนานกว่าเจ้าตัวจะเปิดอ่านข้อความ เผลอๆ เจอกันอีกทีคงเป็นที่บ้านนี่แหละ
ชินลากตัวหนักๆ และข้าวของทั้งหลายเข้าห้องส่วนตัว ภายในสะอาดสะอ้านเหมือนเพิ่งซื้อใหม่ ทั้งที่เฟอร์นิเจอร์ ของใช้ส่วนตัวและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ คือของที่มีอยู่ตั้งนานแล้ว ผ้าปูเตียงหอมน้ำยาปรับผ้านุ่มอ่อนๆ เป็นกลิ่นที่ไม่คุ้นเคยแต่ทำให้สดชื่นเมื่อหายใจเข้า
ร่างสูงวางเป้สีเข้มลงปลายเตียงแล้วทิ้งตัวตาม ใจอยากจะหลับไปทั้งอย่างนี้แต่ติดที่ว่าต้องตรวจสอบก่อนว่าอุปกรณ์ที่แบกมานั้นเกิดปัญหาอะไรหรือไม่ ซิปหลักรูดออกเผยให้เห็นตัวกล้องและเลนส์หลายระยะ มือหนาหยิบจับออกมาทีละอย่างวางเรียงรายบนเตียง
เมื่อเช็กว่าทุกอย่างปกติดี เขาก็กอบโกยลูกรักทั้งหลายไปกองที่โต๊ะทำงานอย่างลวกๆ แล้วนอนลงเตียงทันที ตอนนี้ชินกำลังประสบปัญหาเรื่องเวลา หรืออย่างที่รู้จักกันดี ‘เจ็ตแล็ก’ ตอนนี้เขาง่วงมาก ง่วงชนิดที่สลบได้เลยถ้าหลับตานานเกิน 3 วินาที ชินกะพริบตามองเพดานห้อง ความเงียบประกอบกับความง่วงทำให้เขาผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย
Rrr Rrr เสียงเรียกเข้าดังปลุกคนที่เพิ่งหลับไปไม่ถึง 10 นาที ชินอดหงุดหงิดไม่ได้ แต่ก็ต้องกดรับสาย ในเมื่อหน้าจอแสดงชื่อที่ยากจะปฏิเสธ
‘พี่สาว’
“อือ”
[กลับเกาหลีทั้งที จะทักแค่ อือ หรือไง?]
“อือ” คนมันเพลีย จะให้ทำยังไงกันล่ะ? ชินไม่อยากต่อล้อต่อเถียงให้เสียพลังงาน จึงได้แต่ทำเสียงอื้ออึงในลำคอ
[ยังไงล่ะ ยอมแพ้แล้วนี่ พ่อหนุ่มสายสารคดี]
“อือ”
[บอกแล้ว คนอย่าง ยู ชิน น่ะเหรอจะจดจ่ออยู่กับอะไรอย่างเดียวได้นานๆ เป็นไงล่ะ ตามติดชีวิตสิงโตไม่ถึง 2 ปีก็กลับเกาหลีซะแล้ว] ได้ที คนเป็นพี่ก็หยอกล้อกับเจ้าน้องชายจอมอวดดี
“อือ ถ้าจะโทรมาแค่นี้ วางก่อนนะ”
[ห้ามวาง ไหนๆ กลับมาแล้ว ตอนนี้เข้าสตูฯ เลย งานด่วนงานเร่งงานไฟไหม้ขั้นสุด]
“พี่เคยไม่มีแผนสำรองซะที่ไหน แค่นี้นะ”
[ยู ชิน! นายต้องมา เพราะแผนสำรองฉันมันใช้ไปแล้วไง ด่วน ตอนนี้เลย ขอบใจมาก ฉันรู้ว่านายจะมา น้องรัก]
สายตัดไปทันที คิ้วของชินขมวดเข้าหากันด้วยความหงุดหงิดที่มีมารมาขัดเวลาพักผ่อน
ไม่น่าลืมเปิดโหมดนอนหลับเลย!
สุดท้ายก็จำใจขุดร่างขึ้นมานั่งตั้งสติ ที่ต้องยอมใช่ว่าเขากลัวพี่สาว แต่ในเมื่อพ่ายแพ้กับสิ่งที่เคยลั่นวาจาไป เขาถึงได้มานั่งอยู่ที่นี่ ณ ประเทศเกาหลีใต้ที่อุตส่าห์หนีไปได้ถึง 2 ปี ด้วยความอยากเอาชนะที่พี่สาวคิดว่าเขาไม่สามารถเป็นตากล้องสารคดีสัตว์ได้หรอก และใช่ เป็นไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ แถมสภาพเขาก็ไม่จืดเลย ผิวเข้มขึ้นเพราะตากแดดและครีมกันแดดก็เอาไม่อยู่ ที่ทาไม่ได้ห่วงความสวยงาม แต่กลัวจะเป็นมะเร็งผิวหนังตายเสียก่อน
“ไปก็ไปวะ…” มือหนาทั้งสองยกขึ้นมายีหน้าปลุกตัวเองให้ตื่น
สตูดิโอที่ต้องไปอย่างเร่งด่วนนั้นเป็นหนึ่งในธุรกิจของครอบครัว หรือจะพูดให้ถูก บ้านตระกูลยูอยู่ในแวดวงสื่อบันเทิง หลักๆ เป็นบริษัทเอ็นเตอร์เทนเมนต์ มีตั้งแต่ทำเพลง ไอดอล และโมเดล ซึ่งพี่สาวของเขาอยู่ในส่วนของโมเดล
อาคารหลักขึ้นป้าย YOURYOO Ent. แต่ส่วนที่ชินต้องตรงดิ่งไปจะเป็นชั้น 10 สำหรับถ่ายภาพนายแบบนางแบบที่ไม่ต้องใช้ฉากอลังการมาก หากต้องเล่นใหญ่จริงจัง ต้องใช้สตูดิโอข้างนอกที่สร้างแยกเอาไว้สำหรับถ่ายมิวสิกวิดีโอที่เพดานสูงเกือบเท่าตึก 3 ชั้น
“สวัสดีค่ะ ตากล้องยู” พนักงานที่คุ้นหน้าคุ้นตากันโค้งทักทายตลอดทางเดิน นั่นไม่ใช่เพราะเขาเป็นลูกชายเจ้าของบริษัท แต่เคยอยู่ในตำแหน่ง ‘ตากล้องหลัก’ และพ่วงคำว่า ‘มือหนึ่งของยัวร์ยู’ มีชื่อเสียงทั้งเรื่องฝีมือและภาพลักษณ์ที่ใครเห็นก็ต้องมองตาม แถมยังไม่ถือตัว ให้เกียรติโมเดลทุกเพศ และไม่โปรยเสน่ห์ไปทั่ว คนอย่างชิน งานคืองาน ไม่มีเรื่องส่วนตัวเข้าไปเกี่ยว
ทุกอย่างเหมือนจะราบรื่น แต่ติดอยู่อย่างเดียว ความลับรสนิยมทางเพศเขาดันหลุดรั่วกระจายเป็นข่าวลือในกลุ่มโมเดลประจำบริษัทและลามไปถึงพวกฟรีแลนซ์ ถึงข่าวลือจะเป็นเรื่องจริง แต่มันทำให้ชินทำงานลำบากมาก
“กว่าจะมา เล่นตัวนัก!” ลูกสาวคนเดียวของตระกูลยูทุบกำปั้นใส่ไหล่น้องชายที่เพิ่งโผล่หัวมาหลังจากเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ความเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุดคือสีผิวที่เข้มกว่าเดิมเพราะตากแดดตากลม
“งานรีบ แต่ผมไม่รีบด้วยหรอกนะ” ชินมองด้วยสีหน้าเย็นชา
“งั้นไม่รีบก็ได้”
“อยู่ๆ มากลับคำแบบนี้ มีอะไรใช่ไหม?” เมื่อสังเกตจากสีหน้าพี่สาวแล้วพอจะรู้สึกถึงลางไม่ดี
“สินค้าวันนี้น่ะเป็นของเพื่อนฉันเอง เอ่อ แล้วก็… คอนเซ็ปต์เซ็กซี่”
กลับเลยดีกว่า ใจคิดไม่ทันเสร็จดีก็หมุนตัวหันหลังหนี แขนแกร่งถูกคว้าแล้วดึงกลับมาอย่างแรง คนเป็นพี่รู้ดีว่าน้องชายเธอค่อนข้างอคติกับคอนเซ็ปต์เซ็กซี่ เพราะมันต้องพ่วงมาด้วยโมเดลแบบเดียวกัน แต่ในเมื่องานบรีฟมาแบบนี้ จะให้วกกลับไปน่ารักสดใสเห็นทีจะไม่เข้ากับผลิตภัณฑ์
“ก็รู้อยู่ว่าผมไม่ชอบ”
“ถือว่าขอร้อง นะๆ”
“พี่”
“ครั้งเดียว!” เธออ้อนวอน แต่ก่อนคนที่ทำคอนเซ็ปต์นี้ได้ดีที่สุดก็คือชิน แต่พอเกิดข่าวลือ ชินก็ลด ละ และเลิกรับคอนเซ็ปต์เซ็กซี่ไปโดยปริยาย เดือดร้อนเธอต้องเสาะหาตากล้องที่ถ่ายแนวนี้ได้ ยู แชริน บอกเลยว่าแทบกระอักเลือด
“เฮ้อ” ชินถอนหายใจหน่าย นอกจากเหนื่อยจากการเดินทาง ร่างกายไม่เป็นดั่งใจนึก และยังมาเจองานที่ไม่อยากรับอีก ตอนนี้หูเขาดับไปเป็นที่เรียบร้อย แต่สายตาเลื่อนไปเห็นบุคคลหนึ่งเดินออกมาจากห้องแต่งตัว
เรือนผมสีบลอนด์สว่างรับกับสีผิวขาวโทนต่างจากคนเกาหลี ใบหน้านั้นบ่งบอกว่าชายคนนี้เป็นลูกครึ่ง แม้เครื่องหน้าจะคมชัดไปเสียทุกส่วน แต่ยังมีความละมุนผสมอยู่ให้รู้ว่ามีเชื้อเอเชีย ส่วนสูงสมกับเป็นนายแบบอยู่ที่ 180+ เซนติเมตร รายนั้นมองมาที่ชินเช่นกัน พวกเขาจ้องกันพักใหญ่ก่อนจะมีฝ่ายหนึ่งละสายตาเพราะความหงุดหงิด
จะมองอะไรนักหนา ชินไม่ชอบการถูกเพ่งมองตั้งแต่หัวจรดเท้าที่ยาวนานราวกับเก็บข้อมูลทางกายภาพของเขา หรือแท้จริงแล้วตัวเองมีอคติกับคนที่มีรูปลักษณ์เซ็กซี่มีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศสูง นายแบบวันนี้ก็เข้าเค้าทุกประการ ดวงตาเรียวเล็กอย่างกับจิ้งจอก มีจุดแต้มเล็กๆ ใต้ตาไม่ต่างกับตะโกนให้มองมาตรงนี้
ในความคิดของชิน คนพวกนี้แค่อยู่เฉยๆ ก็มีคนสนใจจะแย่อยู่แล้ว ถ้าได้ลองขยับหรือเอ่ยปากแล้วล่ะก็คงได้ตกหลุมพรางแน่นอน แต่ยกเว้นเขาไว้คนนึง เพราะคนแบบนี้ไม่ใช่สเปกและค่อนข้างเกลียด
ถามว่าทำไมเกลียดน่ะเหรอ?
“ถอดเลยไหมครับ?” นายแบบยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าเซตแล้วเอ่ยถามแชริน
“ถอดได้เลยค่ะ เอามานี่ เดี๋ยวช่วยถือให้” แชรินยื่นมือรอรับ เมื่อนายแบบหนุ่มปลดเปลืองชุดคลุมจึงเหลือเพียงกางเกงยีนส์เอวต่ำ รูปร่างนั้นสมส่วน มีกล้ามเนื้อแขนและหน้าท้องเป็นลอนกำลังดีไม่แย่งซีนหน้าตา
“ขอบคุณครับ” สำเนียงการพูดแปล่งอย่างกับไม่ใช้ภาษาเกาหลีเป็นภาษาหลัก ชินได้แต่ถอนหายใจซ้ำไปซ้ำมาระหว่างประกอบร่างกล้องกับขาตั้งและอุปกรณ์เชื่อมต่ออื่นๆ ระหว่างนั้นพี่สาวคนสวยก็เข้ามาชวนคุย
“หล่อมากเลยว่าไหม?”
“พี่แต่งงานแล้ว เผื่อลืม”
“นี่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ลูอิสน่ะ พอร์ตดีมาก”
“เดี๋ยวก็รู้”
นายแบบประจำวันนั่งลงหลังโต๊ะตัวยาว เขาเท้าแขนปรับเปลี่ยนท่าไปเรื่อยๆ ตามบรีฟของแชริน คอนเซ็ปต์เซ็กซี่และเย้ายวนใจมุ่งเน้นไปที่บริเวณใบหน้าเพราะสินค้าที่จะขายนั้นเป็นลิปสติกที่ไม่ว่าใครก็สามารถทาได้ สีปากของลูอิสเริ่มเข้มขึ้นจากกลอสใสเป็นชมพูนู้ดและไล่มาจนถึงแดงอิฐ การถ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็วเสียจนชินอดชื่นชมในใจไม่ได้ว่าโมเดลคนนี้โพสต์ท่าทางและจัดระเบียบร่างกายได้ตรงใจเขา
แต่พอมาเป็นลิปสติกสีแดง ครั้นจะทาธรรมดามันก็เรียบเกินไป
ชินละใบหน้าออกจากช่องส่องแล้วนิ่งเงียบจนทีมงานมองหน้ากัน ลูอิสเองก็ชะงักจากการโพสต์ ตากล้องหนุ่มหันไปสั่งการทีมงานที่อยู่ใกล้ที่สุดให้ใช้นิ้วปาดลิปบนปากของลูอิส แต่ไม่ว่าจะทำกี่ครั้งก็ยังไม่ตรงกับภาพที่เขาสร้างขึ้นในหัว หน้าของนายแบบเปื้อนสีแดงจนต้องแต่งซ่อมใหม่
“เงยหน้า” ชินจำต้องลงมือเอง นิ้วโป้งจรดลงริมฝีปากแดงก่อนจะบดขยี้ประหนึ่งว่าเป็นการจูบที่ดูดดื่มจนละออกจากกันไม่ได้ ดวงตาน้ำตาลแดงมองตามการกระทำของตากล้องยู ลิปสติกที่เคยอยู่บนปากก็เริ่มออกนอกกรอบและสุดท้ายเป็นการลากยาวออกมา
“มองมาที่กล้อง แล้วคิดว่าเป็นคนที่จูบคุณเมื่อกี้”
สีหน้าใช้ได้เลยนี่ ชินคิดในใจแล้วรัวชัตเตอร์ เขาเชื่อเลยว่าลิปสติกเบอร์นี้ต้องขายดีและเป็นไวรัล เพราะมันชัดเจนตั้งแต่คอนเซ็ปต์และนายแบบช่วยชูให้สินค้าน่าสนใจ ยิ่งเป็นนายแบบหน้าใหม่ด้วย คนจะยิ่งอยากรู้จัก
ชินลดกล้องลงแล้วหันไปทางแชรินที่ดูจออยู่ หญิงสาวยกนิ้วโป้งให้สื่อว่างานออกมาดีมาก ทีมงานต่างเอ่ยขอบคุณตากล้องและนายแบบ ลูอิสรับเสื้อคลุมกลับมาใส่อีกครั้งแล้วปลีกตัวไปห้องแต่งตัว
“หวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ให้ผมถ่ายคอนเซ็ปต์แบบนี้”
“งานก็ออกมาดีนี่” แชรินยังไม่ละสายตาจากภาพบนจอ
“กลับก่อนนะ”
“อ้าว ทำไมกลับไวจัง”
“ไม่อยากโดนฝากเนื้อฝากตัวยังไงล่ะ” ชินสลายตัวอย่างไวเพราะอยากลดการพูดคุยกับโมเดล อีกอย่าง เขาง่วงจนหาวไปสามบ้านแปดบ้าน ขนาดอยู่ในแท็กซี่ก็เกือบวูบหลับอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายเขาพาสารร่างใกล้พังกลับมาสู่เตียงอันแสนคิดถึงได้โดยสวัสดิภาพ
ร่างสูงไม่ลืมปิดเครื่องมือถือและจมสู่นิทราปราศจากผู้รบกวน จนกระทั่งเวลาได้ล่วงเลยไปถึงช่วงค่ำ เขาถึงได้ยินเสียงกดรหัสที่ประตูทางเข้า ห้องนอนของชินแง้มประตูทิ้งไว้ทำให้รับรู้การเคลื่อนไหวด้านนอก เขางัวเงียขึ้นมานั่งแล้วคิดว่าคนที่เข้ามาน่าจะเป็นเพื่อนเขานี่แหละ
“กลับมาแล้วเหรอ แจย—-” อ้าปากหาวได้ไม่ทันไร ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นบุคคลที่ไม่ควรเจอมาอยู่ตรงหน้าเสียได้
“อ๊ะ…”
คิ้วชินแทบจะชนกันเมื่อนายแบบคนที่เพิ่งถ่ายภาพไปเมื่อบ่ายมาอยู่ในแชร์เฮาส์แห่งนี้ ระหว่างมองหน้ากันไปมาก็มีใครอีกคนเข้ามาผสมโรงจ้องมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
ทำอะไรกันวะ?
“ยินดีต้อนรับกลับเกาหลี ชิน” เจ้าของแชร์เฮาส์โบกมือทักทายตามประสาเพื่อน
“ทำไม…”
“อ๋อ ชิน นี่ลูอิส และลูอิส นี่ชิน”
“ไม่ เรื่องนั้นรู้อยู่แล้ว” ชินงงไปหมดว่าเกิดอะไรขึ้น
“อ้าว รู้จักกันเหรอ? งั้นก็ดี จะได้ไม่อึดอัด”
อึดอัดหนักกว่าเดิมเมื่อ ฮัน แจยอนทำท่าจะออกจากวงสนทนา ชินลากคอเพื่อนไปที่ห้องเจ้าตัวเพื่อให้แถลงไขสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ จึงได้ความว่าผู้เช่าคนหนึ่งย้ายออกไปตอนระหว่างชินอยู่ต่างประเทศ ไหนๆ ห้องก็ว่างอยู่ เลยได้ลูอิสเข้ามา
“แต่แชร์เฮาส์นี่…” ชินลดเสียงลงให้เบาที่สุดแม้จะอยู่ในพื้นที่ส่วนตัว ทางแจยอนก็กระซิบกระซาบตอบถึงเงื่อนไขที่สามารถอยู่ที่นี่ได้
“รับแค่ผู้เช่าที่เป็นเกย์ เออ ฉันเป็นคนตั้งกฎ ทำไมจะจำไม่ได้วะ”
“แล้วนั่น…”
“ลูอิสก็เป็นเหมือนพวกเราไง”
“แต่ฉันไม่ชอบคนสไตล์นั้น นายก็รู้” ชินแสดงสีหน้าไม่รับบุญ
“เออเนอะ” แจยอนกะพริบตาปริบก่อนจะพูดต่อ “ถือว่าช่วยลดอคตินายละกัน จะได้รู้สักทีว่าคนไทป์เซ็กซี่ไม่ได้เป็นอย่างนั้นทุกคน โอเค?”
“ไม่” ชินทำทีจะเรียกร้องสิทธิ์ของคนที่อยู่เป็นคนแรกๆ ของแชร์เฮาส์ แต่โดนแจยอนดักทาง
“แล้วไง ฉันเป็นเจ้าของบ้าน ไม่พอใจก็กลับบ้านนายไป”
เจ็บใจแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอม เพราะชินเองไม่อยากกลับไปอยู่บ้านหลักด้วยเหตุผลส่วนตัว ครั้นจะย้ายออกก็ใช่เหตุ ที่ตั้งของบ้านหลังนี้คือทำเลทอง อยู่ใจกลางเมือง ห่างจากถนนใหญ่ไม่กี่ร้อยเมตร และเป็นแหล่งชุมชนที่มีร้านรวงหลากหลาย แถมราคายังเป็นมิตร ใครจะยอมย้ายออกเพียงมีคนที่ไม่ชอบอยู่ร่วมชายคา
“ลูลู ออกไปซื้อของที่ซูเปอร์ฯ กัน” แจยอนปลีกตัวออกจากห้องแล้วตะโกนเรียกคนที่ง่วนอยู่กับจุ่มหน้าเข้าตู้เย็น
ลูลู? สนิทกันถึงขั้นไหนถึงได้มีชื่อเรียกเฉพาะขนาดนี้?
“ครับ” คนที่ถูกขานชื่อเอ่ยตอบรับเบาๆ แล้วปิดบานประตูตู้เย็นกลับดังเดิมเมื่อสำรวจตรวจสอบแล้วว่าขาดวัตถุดิบอะไรบ้าง คนตัวขาวคว้าถุงใบใหญ่เตรียมตัวจ่ายตลาด
“แจยอน…” ชินคว้าไหล่เพื่อนไว้
“อะไร?”
“หรือว่านายกับ…” เป็นอะไรกันมากกว่านั้น แจยอนที่อ่านสีหน้าออกก็ถอนหายใจแล้วตอบ
“ลูลูเป็นข้อยกเว้น”
ไม่แปลกที่ชินจะสงสัยว่าแจยอนกับลูอิสอาจมีอะไรลึกซึ้งกัน ส่วนหนึ่งมาจากคำแทนชื่ออย่าง ลูลู อะไรนั่น และสายตาของลูอิสที่มองเพื่อนของเขา มันเป็นประกายและให้ความรู้สึกต่างกับที่สตูดิโอ
“ต่างคนต่างอยู่ละกัน” แค่ไม่ได้นอนชินก็หงุดหงิดมากพอแล้ว
“ได้นะ ถ้านายไม่ออกมากินข้าวที่ครัว ดูทีวีตรงโซฟา ซักผ้าตากผ้า และใช้ห้องน้ำ” หรือสรุปสั้นๆ ว่า ถ้าจะเมินกันก็ต้องไม่ใช้พื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งบอกเลยว่ายากมาก
การสนทนาด้วยภาษาเกาหลีที่เร็วไฟแล่บนั่นทำให้ลูอิสฟังอะไรไม่ทันเลยสักคำ แต่พอจับคลื่นอารมณ์ของคุณตากล้องได้ว่าไม่ค่อยพอใจที่เห็นเขาที่นี่ ลูอิสได้แต่ยืนรอแจยอนที่บริเวณตู้รองเท้าหน้าประตูหลัก
“แค่ไม่มายุ่งที่ห้องฉันก็พอ” ชินทำท่าจะกลับไปนอนต่อ
“ผ้าปูเตียงหอมไหม?”
“ก็ดี ยี่ห้ออะไร?”
“ชอบเหรอ?”
“อือ” คุณตากล้องเริ่มหรี่ตามองเพื่อนที่เอาแต่ถามนั่นนี่ไม่หยุด
“ถามลูลูสิ เขาซักแล้วเอาไปเปลี่ยนให้”
ประหนึ่งจะบอกว่า จะไม่ให้ยุ่งห้องชินได้ยังไง ในเมื่อทำไปแล้ว
พอได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจ สมองเริ่มประมวลผลถึงเหตุและผลที่ห้องถึงสะอาดเรียบร้อยทั้งที่ไม่มีคนอยู่เป็นหลักปี ฝุ่นสักนิดก็ไม่มี กลิ่นอับเป็นศูนย์ ชินหันมองหนุ่มลูกครึ่งเหมือนอยากจะขอบคุณ แต่พอได้สบตากันแล้ว อคติในใจมันก็กลบความรู้สึกซึ้งใจ
ยังไงก็ไม่ชอบอยู่ดี
TBC.