องค์ชายที่เกิดมาไร้พลังเวทย์ บิดามารดาล้วนไม่ยอมรับในตัวตนของเขา พูดเหมือนตัวเขาเองนั้นไร้ประโยชน์ พี่น้องล้วนเกลียดชัง แต่มีเพียงพี่ชายคนโตที่รักเขาเหมือนคนในครอบครัวเท่านั้น จนกระทั่งในวันนั้นทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไป เหตุการณ์น่าสยดสยองที่ไม่มีใครที่จะลืมเลือนมันไปได้

ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้ - บทที่ 1 ความอดทนที่มลายหายไป (1/2) โดย blueb3lls @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ดาร์ค,ตะวันตก,เรื่องสั้น,แอคชั่น,ความแค้น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ดาร์ค,ตะวันตก,เรื่องสั้น,แอคชั่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ความแค้น,แฟนตาซี

รายละเอียด

ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้ โดย blueb3lls @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

องค์ชายที่เกิดมาไร้พลังเวทย์ บิดามารดาล้วนไม่ยอมรับในตัวตนของเขา พูดเหมือนตัวเขาเองนั้นไร้ประโยชน์ พี่น้องล้วนเกลียดชัง แต่มีเพียงพี่ชายคนโตที่รักเขาเหมือนคนในครอบครัวเท่านั้น จนกระทั่งในวันนั้นทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไป เหตุการณ์น่าสยดสยองที่ไม่มีใครที่จะลืมเลือนมันไปได้

ผู้แต่ง

blueb3lls

เรื่องย่อ

นิยายเรื่องสั้น


TRIGGER WARNING

 การฆ่าบุพการี,เลือด,มีการบรรยายถึงฉากการฆ่าคน,การตัดศีรษะคน,คำดูถูกและด้อยค่า,การวางยาพิษ







“องค์ชายผู้นั้นไงที่เกิดมาไร้พลังเวทย์ องค์จักรพรรดิเลยไม่ชื่นชอบโอรสองค์นี้ของพระองค์”

“โดนเหล่าพี่น้องเกลียดชังเพราะไร้พลัง มีเพียงองค์รัชทายาทที่ดูจะเอ็นดูเขาเท่านั้น”



คำของสาวใช้ภายในพระราชวังและเสียงหัวเราะเยาะที่ตัวเขา'ออเดรย์'เป็นองค์ชายที่ไร้พลังเวทย์ บิดามารดาของตนไม่เคยยอมรับ แม้จะปฏิบัติตัวดีเพียงใดพวกท่านล้วนไม่เห็นเขาอยู่ภายในสายตา มีเพียงพี่ชายของเขา'เกลนดา' เท่านั้นที่ยอมรับและใส่ใจเขา 







"กระหม่อมจะรับใช้ฝ่าบาทจนชีวิตจะหาไม่"

คำกล่าวสาบานของดยุกคีร์แรนที่เอ่ยต่อหน้าองค์จักรพรรดิคนใหม่ของเขา











เขียนโดย Blueb3lls

ภาพวาดโดย Mochii_roi ,shi_rohebi ,lunardarlia

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านทุกครั้ง

สารบัญ

ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 1 ความอดทนที่มลายหายไป (1/2),ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 2 ความอดทนที่มลายหายไป (2/2),ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 3 ข่าวลือ,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 4 พิธีราชาภิเษก,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 5 งานเลี้ยงฉลอง,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 6 ย้อนไปเมื่อ 1 เดือนก่อนหน้า,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 7 งานประลองดาล (1/2),ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 8 งานประลองดาบ (2/2),ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 9 การลอบสังหารในยามวิกาล,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 10 หวานปนพิษ,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 11 ความจริงที่เปิดเผย ความอดทนที่หายไป ไฟแค้นในใจที่เริ่มลุกโชน,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทพิเศษ การพักผ่อนขององค์จักรพรรดิ

เนื้อหา

บทที่ 1 ความอดทนที่มลายหายไป (1/2)



tw : บรรยายเกี่ยวกับการฆ่าตัดศีรษะ ,ศพ ,เลือด ,คำพูดดูถูก







ออเดรย์องค์ชายลำดับที่ 5 ของราชอาณาจักร “แองเจอโล” จักรวรรดิที่ขึ้นชื่อเป็นลูกรักของสวรรค์ จักรพรรดิที่ขึ้นครองราชย์ล้วนทำให้ประชาชนของตนไว้วางใจ ความสงบสบายใจของประชาชนของอาณาจักรแองเจอโล
จนมาถึงจักรพรรดิพระองค์ใหม่ จักรพรรดิที่ได้ครอบครองบัลลังก์สวรรค์ด้วยการที่ตนเองฆ่าบิดา มารดา

ในวันนั้นช่างเป็นวันที่แสนน่าหวาดกลัวของคนในราชวัง ชายหนุ่มร่างโปร่งผู้สง่างามแต่งตัวด้วยเครื่องแบบเต็มยศในฐานะขององค์ชาย
แม้จะเขาจะเป็นเพียงองค์ชายที่ไม่ได้เป็นที่ยอมรับแต่เขาก็ได้รับการปฏิบัติอย่างดีในฐานะขององค์ชายลำดับที่ 5 ร่างโปร่งก้าวเดินเข้าไปยังโถงพระวัง
บัลลังก์ที่มีองค์จักรพรรดิและหญิงสาวที่ใบหน้าคล้ายคลึงเจ้าตัว เธอผู้นั้นคือมารดาของร่างโปร่งที่ยืนอยู่เป็นผู้กำเนิดเขาและเป็นผู้ทอดทิ้งเขาเพียงเพราะตัวเขานั้นไร้แกนพลังเวทมนตร์และเธอยังเป็นองค์จักรพรรดินีแห่งอาณาจักรแองเจอโลแห่งนี้

ร่างสูงโปร่งขององค์ชายห้าที่อยู่ในเครื่องแบบเต็มยศเลือนผมสีเงินสว่างอันงดงาที่รวบสูงไว้ด้านหลัง นัยน์ตาสีแดงที่เป็นเอกลักษณ์และบ่งบอกถึงการเป็นสายเลือดแห่งราชวงศ์แองเจอโล
แม้เจ้าตัวจะไม่เป็นที่ยอมรับของจักรพรรดิแต่ใบหน้าของเขาก็ล้วนบ่งบอกได้ว่าเขาไม่ใช่โอรสของใครนอกจากองค์จักรพรรดิแห่งแองเจอโล อาณาจักรที่เปรียบดั่งสรวงสวรรค์บนดินอาหารการกินที่อุดมสมบูรณ์
เครื่องมือทางด้านอุปโภคล้วนครบครัน เป็นดั่งสรวงสวรรค์ของใครหลายคน

เขาก้าวเดินมาหยุดยืนต่อหน้าองค์จักรพรรดิดาบสีเงินคู่กายขององค์ชายห้าเขาค่อย ๆ ชักดาบเล่มดังกล่าวออกมาจากฝัก นัยน์ตาที่ไร้ถึงความรู้สึกเมื่อมองสบกับนัยน์ตาของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาและมารดาของตนเอง
ปลายดาบตวัดชี้ไปยังใบหน้าของทั้งสองที่มองตรงมายังเขา เหล่าขุนนางและที่ปรึกษาของจักรพรรดิที่กำลังยืนรายงานเรื่องราวความต้องของประชาชนให้จักรพรรดิได้ทราบนั้น
ล้วนแตกตื่นตกใจที่องค์ชายห้าชี้ดาบที่เป็นถึงสิ่งของอันตรายมายังตัวขององค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินี เหล่าองครักษ์รักษาพระองค์เมื่อเห็นดังนั้นล้วนเข้ามากีดกันองค์ชายห้าออกไปและให้องค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินีหลบหนีไป แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
เหล่าผู้คนในพระราชวังล้วนรู้ถึงฝีมืออันร้ายกาจขององค์ชายออเดรย์กันทั้งสิ้น ดังที่กล่าวไปฝีมือดาบขององค์ชายตรงหน้านั้นในที่นี้ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเคียงได้เลยนอกเสียจากท่านดยุก “คีร์แรน” ผู้นั้นที่ตอนนี้กำลังต่อสู้กับเหล่ามอนเตอร์และในเวลานี้ไม่มีใครที่สามารถต่อต้านองค์ชายห้าได้แล้ว
ร่างสูงโปร่งก้าวเดินไปทีละก้าว ฝีเท้าอันหนักแน่นค่อย ๆ กำจัดเหล่าผู้คนที่ขัดขวางเขา เลือดสดสีแดงฉานเปรอะเปื้อนไปตามเครื่องแต่งกายสีขาวอันบริสุทธิ์และเลือนผมสีเงิน
เหล่าองครักษ์รักษาที่ขึ้นชื่อในเรื่องเก่งกาจล้วนไม่สามารถต้านทานปลายดาบสีเงินเล่มนั้นที่ตวัดกวัดแกว่งกำจัดพวกเขาทั้งหมดอย่างไร้ใยเยื่อและดับชีวิตของเหล่าองครักษ์ทั้งสิบลงได้

แม้ถึงอย่างงั้นร่างสูงโปร่งขององค์ชายห้าล้วนต้องตั้งรับคมดาบที่พุ่งตรงมายังเขาทั้งหมดถึงจะเก่งกาจเพียงใดแต่กว่าตัวเขาจะล้มองครักษ์ทั้งหมดลงได้เขาสูญเสียพลังกายไปมากพอสมควร
ปลายดาบสีเงินที่แทงทะลุกลางอกขององครักษ์คนสุดท้ายฝ่ามือเรียวขององค์ชายห้าดึงดาบคู่กายเล่มของตนออกจากอกของร่างองครักษ์ สะบัดปลายดาบที่มีเลือดที่ไหลอาบย้อม
เขาก้มมองศพของเหล่าองครักษ์เลือดที่ไหลทะลักออกมาจากร่างกายของคนทั้งสิบย้อมให้ท้องพระโรงแห่งนี้ให้เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและสีแดงฉานของเลือด จนใครที่เข้ามาเห็นภาพตรงหน้านี้อาจล้วนต่างหวาดกลัวกันทั้งสิ้น

ณ ท้องพระโรงแห่งนี้ที่เหลือเพียงขุนนางที่หวาดกลัวจนล้มพับและตัวขององค์จักรพรรดิกับราชินี
นัยน์ตาสีแดงก่ำอันเป็นเอกลักษณ์ของเชื้อสายราชวงศ์แห่งอาณาจักรแองเจอโลมองตรงมายังร่างขององค์ชายห้าทั้งสองจ้องมองเขาด้วยสายตาอันเยือกเย็น
ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ทำให้ตัวเขานั้นจะจำฝังใจและไม่สามารถลืมเลือนมันได้ไปอีกตลอดชีวิต

“แกมันก็เป็นเพียงสิ่งล้มเหลวของเรา ไร้ประโยชน์แม้จะแสดงพลังออกมามากมายเพียงใด แต่แกก็ยังคงเป็นตัวไร้ประโยชน์ที่ไร้พลังเวทมนตร์เท่านั้น ออเดรย์” คำพูดที่เสียดแทงเข้าไปในอกของเขายิ่งได้ยินคำพูดนี้ออกมาจากปากของบิดาผู้ที่เขาอยากได้รับการยอมรับสักครั้ง
นั่นยิ่งตอกย้ำถึงมัน เขาหันไปมองมารดาที่ไม่เคยจะมาพบเขาได้เห็นใบหน้าของเธอเลยสักครั้ง

เขาไม่คิดสักนิดว่าพวกท่านทั้งสองจะรังเกียจเขาถึงขั้นอยากสังหารเขาช่างน่าสมเพชนักตัวเขาที่ในชีวิตตอนนี้เขามีเพียงแค่ท่านพี่ “เกลนดา” เท่านั้นที่ใส่ใจเขาและรักเขาผู้เป็นน้องชายจริง ๆ สำหรับตัวเขาหลังได้ยินคำพูดที่ออกมาจากปากของท่านพ่อมันยิ่งตอกย้ำความน่าสมเพชเขาขึ้นกว่าเดิม
ความคับแค้นในอกที่ต้องการที่ระบายมันออกมา เขาเงยขึ้นไปมองทั้งสองพระองค์ที่ยังคงนิ่งเฉยต่อเขา

ร่างสูงโปร่งขององค์ชายห้าเมื่อตัดสินใจแล้วนั้นจึงก้าวเดินตรงไปหน้าบัลลังก์สีทองที่ตั้งวางคู่กัน
เขาจ้องมองเข้าไปยังภายในนัยน์ตาสองคู่นั้น
สายตาที่เมินเฉยเขามาตลอดจนตอนนี้นัยน์ตาทั้งสองคู่ยังคงเมินเฉยต่อตัวเขาดั่งเช่นอดีตจนมาถึงตอนนี้มาตลอด

แต่กับมีเสียงเอะอะโวยวายที่ดังออกมาจากด้านหน้าประตูท้องพระโรง
ทำให้ร่างสูงโปร่งหันกลับไปมองบานประตูที่เปิดออกโดยมีทหารรักษาการณ์ด้านนอกพระราชวัง
และเหมือนว่าพวกเขาจะรับทราบข่าวเกี่ยวกับการกระทำนี้ของเขาเสียและด้านหน้าของนายทหารยังมีองค์ชายลำดับที่สองและองค์ชายลำดับที่สาม
แต่แล้วอย่างไรคนพวกนั้นล้วนไม่สามารถขัดขวางเขาได้เสียหรอก

“ออเดรย์ เจ้าจงหยุดเสียเดียวนี้! ดยุกคีร์แรนกำลังเดินทางมายังท้องพระโรงแห่งนี้ เจ้าไม่สามารถต่อต้านเขาได้เสียหรอก!”

“องค์ชายออเดรย์วางดาบของพระองค์ลงเถิดพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมไม่อยากใช้กำลังกับพระองค์”

คีร์แรนเดินทางกลับมาไวกว่าที่ตัวเขาคาดการไว้แต่ถึงอย่างไรดยุกผู้นั้นก็ยังคงไม่สามารถขัดขวางเขาได้ คำสั่งจากทั้งเหล่าทหารและคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายทั้งสองของเขา เอ่ยให้เขาวางอาวุธที่อยู่ในมือและยอมรับบทลงโทษ

ถึงแม้พวกท่านจะเอ่ยถึงดยุกคนนั้นแล้วอย่างไรให้ข้าวางดาบหรือทำไมข้าต้องถอยให้คนคนนั้นและวางดาบของข้าด้วยเหรอ ให้ชีวิตข้าจมปลักกับความเลวร้ายจากพวกท่านทั้งหมดต่อเหรอ

ช่างเป็นความคิดนี้มันโง่เขลานัก ทำไมเขาต้องทำตามคำสั่งของคนพวกนั้น ทำไมเขาต้องวางดาบและยอมแพ้ ทั้งที่การกระทำของพวกท่านนั้นทำร้ายตัวข้าไปมากเท่าไหร่แล้ว เขาหลับตาลงเพื่ออดกลั้นความอดทนเฮือกสุดท้ายแต่เพราะเสียงพูดคุยของคนเหล่านั้นยังคงดังก้องไปทั่วทั้งท้องพระโรง



“น่าหนวกหูยิ่งนัก”



ความอดทนอันน้อยนิดของชายร่างโปร่งได้หมดสิ้นลงเขาเดินลงมาจากด้านบนบัลลังก์พุ่งตรงไปยังเหล่าทหารทั้งห้านายที่ยืนอยู่
ดาบที่ถือไว้ในมือฟาดฟันเข้ากับดาบของทหารที่ยกหอกขึ้นมาป้องกันตัวได้ทันแต่มันก็ช้าเกินไปออเดรย์ตวัดปลายดาบดีดให้หอกที่อยู่ในมือทหารนายนั้นหลุดมือแล้วเตะเข้าที่ท้องก่อนแทงดาบอันแหลมคมไปยังหัวใจดับลมหายใจคนคนนั้น เขาดึงดาบออกจากอกของนายทหาร
แล้วพุ่งตรงฟาดฟันดาบกับทหารอีกคนจังหวะช่างเชื่องช้านัก นี่หรือเหล่าทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาอยากดี เสียงดาบและหอกที่ปะทะกันแม้ตัวองค์ชายห้าจะโดนโจมตีจากรอบด้านเขายังสามารถปัดป้องกันการโจมตีเหล่านั้นได้ แม้จะรู้สึกตึงมือเพราะต้องตั้งรับการโจมตีจากรอบด้าน
แต่มันก็ไม่มากจนเกินกำลังสำหรับร่างสูงโปร่งขององค์ชายห้า สัมผัสที่ได้รับการขัดเกลามาอย่างยาวนานทำให้เขารับรู้ถึงการโจมตีจากรอบด้านและสามารถรับการโจมตีได้ดีเพราะการโจมตีของทหารยังอยู่ในสายตาและฝั่งซ้ายขวาของเขาแต่ด้านหลังนั้นต้องพึ่งพาประสาทสัมผัสโดยเฉพาะตัวที่เขาได้ฝึกฝนมา

‘ตรงนั้น จากด้านบน’

เขาถีบเข้าที่หน้าท้องคนข้างหน้าก่อนจะหันกลับไปฟาดเท้าเข้าที่ใบหน้าของคนคนนั้นแล้วแทงดาบทะลุกลางอกจนทหารนายนั้นล้มลงไปอีกคน
พี่ชายทั้งสองของเขาเมื่อเห็นภาพเลือดสดๆ ตรงหน้ายิ่งทำใบหน้ารังเกียจมันออกมามากกว่าเดิม แต่ใช่เรื่องที่จะต้องสนใจหรือไม่
ออเดรย์อัดฝ่ามือเข้าที่ท้องของทหารทั้งสามนายที่ยังเหลือจนล้มลงไป แล้วตวัดดาบอันแหลมคมนี้ตัดเข้าที่คอของทหารทั้งสามโดยที่ทหารสามคนนั้นไม่ได้ตั้งตัวศีรษะของตนเองที่เคยตั้งอยู่บนบ่ากับหลุดลงไปกองอยู่ที่ปลายเท้าขององค์ชายห้าเสียแล้ว
เลือดสีแดงสดแปดเปื้อนทั่วท้องพระโรงแห่งนี้ ใบหน้าที่เปื้อนคราบเลือดและเลือดที่ไม่ใช่ของเขานั้นอาบย้อมให้ชุดเครื่องแต่งกายอันขาวสะอาดของเขาเป็นสีแดงฉานไปเสียแล้ว

องค์ชายห้าหันกลับไปมองพี่ชายทั้งสองของเขา องค์ชายสองและองค์ชายสามที่รับรู้ถึงอันตรายจากสายตาคู่นั้นเริ่มที่จะชักดาบของตนออกจากฝักพุ่งตรงเข้าหาร่างโปร่งโดยตรงแต่ฝีมือดาบของทั้งสองนั้นไม่อาจเทียบชั้นกับเขาได้

แต่ถึงกระนั้นพวกท่านก็คงไม่คิดจะใช้เวทมนตร์เพราะคงจะกำลังดูถูกข้าอย่างแน่นอน

ออเดรย์ตั้งรับคมดาบทั้งสอง เขาปัดป้องดาบสองเล่มนั้นออกแล้วจับดาบในมือให้แน่ขึ้นกว่าเดิมหันปลายดาบเข้าหาพี่ชายทั้งสองของเขา
ร่างโปร่งตวัดดาบเข้าที่ท้องของทั้งสองสร้างแผลที่ช่วงท้องเพื่อให้พี่ชายทั้งสองของเขาเสียการทรงตัวเล็กน้อยในจังหวะนั้นเขาแทงดาบเข้าไปที่อกของพี่ชายคนรองอย่างไม่ลังเล
ออเดรย์ค่อย ๆ ดึงออกมาหันกลับไปแทงที่พี่สามที่จุดตายตรงที่อกซ้ายโดยที่ไม่ให้ชายคนนั้นได้ตั้งตัวแล้วจึงค่อย ๆ ดึงตัวดาบออกมาอย่างเชื่องช้าเพื่อต้องการทรมานพี่สามและพี่สองของตนให้ตายลงอย่างช้า ๆ ให้รู้สึกถึงความทรมานจึงดึงดาบออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วตวัดดาบตัดศีรษะของทั้งสองคนทิ้งไป

เขาก้มลงพิจารณาศพทั้งเจ็ดที่กองอยู่แทบเท้าของตนเอง มีทั้งคนที่ทั้งแสดงใบหน้าตื่นตระหนกและคนที่แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาในวินาทีสุดท้ายของชีวิตและเมื่อถึงคราวตายของตนเอง
ใบหน้าที่องค์ชายห้านั้นยากจะเชื่อของพี่ชายทั้งสองของเจ้าตัวเอง ทั้งสองคนนั้นคงไม่คาดคิดว่าตัวพวกเขาทั้งสองที่มีพลังเวทย์ล้นหลามและได้รับการฝึกฝนดาบมาอย่างดีจะแพ้ให้กับเจ้าเด็กไร้พลังเวทย์คนนี้
สายตาที่ดูเหมือนไม่ยอมแพ้นั้นมันช่างน่าขันในสายตาของเขายิ่งนัก ทั้งสองนั้นไม่คาดหน่อยเหรอว่าเมื่อหันดาบใส่คนที่มีฝีมือดาบที่เก่งกาจกว่าตนเองจะทำให้พ่ายแพ้ได้
ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก นี่หรือพวกพี่ชายที่บังอาจพูดจาดูถูกเขาทั้งที่ตัวเองนั้นอ่อนแอกว่าเขาที่เป็นเพียงองค์ชายไร้พลังเวทย์คนหนึ่งเท่านั้น ช่างน่าสมเพชและน่าเวทนายิ่งนัก

ออเดรย์ยกศีรษะของพี่ชายคนรองของตนเองขึ้นมามองเพียงครู่เดียวก่อนจะโยนทิ้งเป็นเหมือนก้อนเนื้อเน่า ๆ ก้อนหนึ่งเท่านั้น
เขาหันกลับไปมองยังบัลลังก์ที่มีชายหญิงสองคนยังคงนั่งอยู่แม้ลูกชายทั้งสองอันเป็นที่รักของพวกเขาจะโดนฆ่าตายไปต่อหน้าต่อตา
แต่พวกเขากับไร้ปฏิกิริยาเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย ยังคงจ้องมองเขาด้วยสายตาอันแสนเย็นชาแบบนั้นดังเดิม องค์ชายห้าก้าวเดินไปหยุดตรงหน้าของคนทั้งสอง ตวัดปลายดาบสีเงินหันไปทางพวกท่านทั้งสองที่ไม่เอ่ยคำพูดอะไรหลังจากได้พูดสิ่งที่สามารถทำให้เขาจำฝังใจไปตลอดชีวิต
ร่างโปร่งขององค์ชายห้ายกดาบขึ้นเพื่อจะตัดเข้าที่ศีรษะขององค์จักรพรรดิแต่ก่อนจะกระทำการนั้นไปเขาได้เอ่ยสิ่งที่ทำให้คนทั้งสองล้วนรู้สึกตกอกตกใจออกมา



“พวกมือสังหารที่ท่านส่งไปเพื่อจะฆ่าข้า ข้าจัดการพวกนั้นหมดแล้ว ท่านไม่ต้องส่งคนพวกนั้นมาสังหารข้าอีกหรอกนะ ท่านพ่อ”