องค์ชายที่เกิดมาไร้พลังเวทย์ บิดามารดาล้วนไม่ยอมรับในตัวตนของเขา พูดเหมือนตัวเขาเองนั้นไร้ประโยชน์ พี่น้องล้วนเกลียดชัง แต่มีเพียงพี่ชายคนโตที่รักเขาเหมือนคนในครอบครัวเท่านั้น จนกระทั่งในวันนั้นทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไป เหตุการณ์น่าสยดสยองที่ไม่มีใครที่จะลืมเลือนมันไปได้

ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้ - บทที่ 5 งานเลี้ยงฉลอง โดย blueb3lls @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ดาร์ค,ตะวันตก,เรื่องสั้น,แอคชั่น,ความแค้น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ดาร์ค,ตะวันตก,เรื่องสั้น,แอคชั่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ความแค้น,แฟนตาซี

รายละเอียด

ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้ โดย blueb3lls @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

องค์ชายที่เกิดมาไร้พลังเวทย์ บิดามารดาล้วนไม่ยอมรับในตัวตนของเขา พูดเหมือนตัวเขาเองนั้นไร้ประโยชน์ พี่น้องล้วนเกลียดชัง แต่มีเพียงพี่ชายคนโตที่รักเขาเหมือนคนในครอบครัวเท่านั้น จนกระทั่งในวันนั้นทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไป เหตุการณ์น่าสยดสยองที่ไม่มีใครที่จะลืมเลือนมันไปได้

ผู้แต่ง

blueb3lls

เรื่องย่อ

นิยายเรื่องสั้น


TRIGGER WARNING

 การฆ่าบุพการี,เลือด,มีการบรรยายถึงฉากการฆ่าคน,การตัดศีรษะคน,คำดูถูกและด้อยค่า,การวางยาพิษ







“องค์ชายผู้นั้นไงที่เกิดมาไร้พลังเวทย์ องค์จักรพรรดิเลยไม่ชื่นชอบโอรสองค์นี้ของพระองค์”

“โดนเหล่าพี่น้องเกลียดชังเพราะไร้พลัง มีเพียงองค์รัชทายาทที่ดูจะเอ็นดูเขาเท่านั้น”



คำของสาวใช้ภายในพระราชวังและเสียงหัวเราะเยาะที่ตัวเขา'ออเดรย์'เป็นองค์ชายที่ไร้พลังเวทย์ บิดามารดาของตนไม่เคยยอมรับ แม้จะปฏิบัติตัวดีเพียงใดพวกท่านล้วนไม่เห็นเขาอยู่ภายในสายตา มีเพียงพี่ชายของเขา'เกลนดา' เท่านั้นที่ยอมรับและใส่ใจเขา 







"กระหม่อมจะรับใช้ฝ่าบาทจนชีวิตจะหาไม่"

คำกล่าวสาบานของดยุกคีร์แรนที่เอ่ยต่อหน้าองค์จักรพรรดิคนใหม่ของเขา











เขียนโดย Blueb3lls

ภาพวาดโดย Mochii_roi ,shi_rohebi ,lunardarlia

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านทุกครั้ง

สารบัญ

ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 1 ความอดทนที่มลายหายไป (1/2),ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 2 ความอดทนที่มลายหายไป (2/2),ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 3 ข่าวลือ,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 4 พิธีราชาภิเษก,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 5 งานเลี้ยงฉลอง,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 6 ย้อนไปเมื่อ 1 เดือนก่อนหน้า,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 7 งานประลองดาล (1/2),ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 8 งานประลองดาบ (2/2),ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 9 การลอบสังหารในยามวิกาล,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 10 หวานปนพิษ,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 11 ความจริงที่เปิดเผย ความอดทนที่หายไป ไฟแค้นในใจที่เริ่มลุกโชน,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทพิเศษ การพักผ่อนขององค์จักรพรรดิ

เนื้อหา

บทที่ 5 งานเลี้ยงฉลอง

ณ งานฉลองช่วงค่ำ งานเต้นรำ



ในตอนที่ท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่างโดนย้อมเป็นแห่งรัติกาลมีร่างขององค์จักรพรรดิที่กำลังหลับตาพริ้มบนเตียงหลังแต่ตอนนี้ถึงเวลาที่ร่างโปร่งควรจะตื่นจากห้วงฝันนิทราได้แล้ว ร่างของใครบางคนที่ถือวิสาสะเดินเข้ามาปลุกชายบนเตียงหลังนั้นที่กำลังเพลิดเพลินไปกับห้วงแห่งฝันหวาน

“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ทรงตื่นได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” เสียงทุ้มต่ำที่กระซิบเบา ๆ ข้างหูของเขา ออเดรย์จึงค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้น แล้วมองไปยังข้างเตียงของตนที่มีชายอีกคนหนึ่งยืนอยู่
เป็นชายร่างสูงอย่างดยุกคีร์แรนที่เข้ามาปลุกเขา เพราะในเวลานี้จวนจะถึงเวลาเริ่มงานเต้นรำช่วงค่ำเสียแล้ว ออเดรย์ที่ได้ยินดังนั้นเขาจึงพยุงร่างตนเองลุกขึ้นมา
เดินเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกายตนเอง ก่อนจะแต่งตัวด้วยชุดที่ทางเหล่าสาวใช้ได้จัดเตรียมไว้ให้เขาโดยเฉพาะ เสื้อแขนยาวสีขาวที่ปักด้วยไหมสีทองมีระบายตรงข้อมือ เพื่อทำให้เสื้อนั้นดูมีรายละเอียดที่งดงามขึ้นมา มีเข็มกลัดสีทองที่สลักเป็นลายดอกลิลลี่ติดไว้ตรงอก
ส่วนตัวกระดุมทั้งหมดเป็นลวดลายแปลกตาแต่ยังคงความเด่นเอาจึงทำให้ยิ่งงดงาม ผ้าบาง ๆ สีแดงที่ต้องผูกเป็นโบนั้นทำให้เขายากลำบากที่จะผูกมันด้วยตนเอง
ออเดรย์จึงเอ่ยเรียกดยุกหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างนอกให้เข้ามาช่วยตนเองผูกโบตรงคอเสื้อให้กับเขา

คีร์แรนที่แต่งตัวของเขาเสร็จแล้วก่อนจะเข้ามาปลุกออเดรย์ ชายหนุ่มชุดที่เขาสวมใส่สำหรับงานในช่วงค่ำนั้น
เป็นเสื้อเชิ้ตสีแดงแขนยาวและสวมทับด้วยเสื้อนอกแขนกุดที่ปักลวดลายงดงามและตรงปกคอเสื้อนั้นสวมทับด้วยผ้าระบายสีดำและมีเพชรสีแดงติดไว้
ยังมีเสื้อคลุมไหล่เพื่อให้เจ้าตัวดูภูมิฐานและน่าเกรงขามมากยิ่งขึ้น ร่างสูงเดินเข้ามาหยุดยืนต่อหน้าเขาหยิบผ้าสีแดงบาง ๆ ที่อยู่บนมือของร่างตรงหน้าขึ้นมาและเอ่ยขออนุญาตจากเขา
จึงลงมือผูกผ้าผืนนั้นให้เป็นโบเล็ก ๆ อย่างงดงาม รวมทั้งยังคงมีเข็มกลัดที่ต้องติดไว้เสมอเพื่อแสดงถึงตำแหน่งของจักรพรรดิแห่งอาณาจักรแองเจอโล

ออเดรย์ยืนจัดเสื้อผ้าอยู่หน้ากระจกนั้นสักพัก ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมไหล่สีดำขึ้นมาคลุมติดกระดุมที่เป็นเชือกยาวเพื่อไม่ให้เสื้อคลุมไหลตกลงไป
จึงเดินออกไปจากห้องแต่งตัวพร้อม ๆ กับมีร่างของดยุกคีร์แรนเดินตามหลังตนเองออกมา ออเดรย์มาหยุดยืนตรงหน้าโต๊ะกระจกเขาหยิบหวีขึ้นมาสางเส้นผมตัวเอง แล้วรวมเส้นผมส่วนที่บดบังใบหน้าและสายตาตัวเองขึ้นไปแล้วผูกรวมกันด้วยผ้าผูกผมสีแดงอย่างเรียบร้อย
เมื่อสำรวจร่างกายตนเองอีกครั้งเสร็จเรียบร้อย เขาจึงเดินตรงไปยังโถงที่จัดงานเต้นรำด้านล่างทันที

ร่างโปร่งขององค์จักรพรรดิทรงเดินมายังห้องโถงจัดงานเต้นรำ เสียงประกาศก้องถึงการมาถึงของเขาดังก้องไปทั่ว ทำให้ผู้คนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ด้านล่างเงยหน้าขึ้นมามองร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่บนชั้นสอง ร่างสูงของจักรพรรดิออเดรย์ค่อย ๆ ก้าวเดินลงบันไดทีละขั้น
โดยที่ข้างตัวมีดยุกคีร์แรนเดินประกบตามมา เสื้อที่ดูแม้จะเรียบแต่มันกับมากไปด้วยความประณีตและงดงามยิ่งเสริมทำให้ร่างสูงที่ดูหล่อเหลาอยู่แล้วนั้นดูสง่างามหล่อเหลาจนท่านหญิงหลาย ๆ คนภายในงานเต้นรำนี้หันมองกันตาไม่กะพริบ พวกเธอจ้องมองมาที่ตัวของออเดรย์อย่างถือวิสาสะอยู่สักพักหนึ่ง
ก่อนจะหันไปพูดคุยซุบซิบกันต่อ เหล่าหญิงสาวที่มาร่วมงานเต้นรำในค่ำคืนนี้ล้วนลุ้นกันว่าท่านหญิงผู้ใดที่องค์จักรพรรดิจะชวนมาเต้นรำเปิดฟลอร์งานเต้นรำในค่ำคืนนี้
ออเดรย์กวาดสายตามองหาหญิงสาวคนหนึ่งที่ตัวเขานั้นต้องจับคู่เต้นรำกับเธอ แล้วสายตาของเขาไปหยุดที่หญิงสาวผมสีบลอนเรือนร่างระหงของเธอนั้นเด่นสะดุดตาชายหนุ่มในงานมากมายและรวมเข้ากับชุดราตรีรัดรูปที่ช่วยโชว์สัดส่วนของเธอมันยิ่งทำให้เธอนั้นดูงดงามน่ามองมากกว่าเดิม
ออเดรย์หันไปกระซิบขอตัวจากดยุกคีร์แรนแล้วเดินไปหาหญิงสาวคนนั้น

เหล่าชนชั้นสูงและขุนนางทั้งหลายที่เห็นตัวขององค์จักรพรรดิเดินตรงไปยังหญิงสาวผู้นั้น พวกเขาต่างล้วนแหวกทางเพื่อให้ร่างสูงโปร่งของจักรพรรดิออเดรย์ได้เดินเข้าไปหาเธอได้อย่างสะดวก หญิงสาวที่โดนญาติของตนสะกิดให้หันไปมองด้านหลัง เธอหันไปเจอกับชายร่างสูงสมส่วนใบหน้าที่หล่อเหลาเลือนผมสีเงินที่มัดรวบขึ้นไปเป็นหางม้าและนัยน์ตาสีแดงคู่นั้นที่จ้องมองเธอด้วยความเย็นชา
แต่เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นก่อนจะเผยรอยยิ้มบางและเอ่ยชวนเธอไปเต้นรำที่ฟลอร์เต้นรำตรงกลางด้วยกัน หญิงสาวคนนั้นมีนามว่า"มินเนตต์"เธอเป็นตัวแทนจากศาสนจักรหรือหัวหน้าผู้พิทักษ์ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อที่จะมาร่วมงานและเป็นคู่เต้นรำในค่ำคืนนี้ให้จักรพรรดิออเดรย์
เพราะในตอนที่ตัวของเธอและออเดรย์ได้เจอกันครั้งแรกนั้น เธอได้ขออีกฝ่ายท้าประลองดาบกันและเป็นตัวของเธอเองที่พ่ายแพ้ให้แก่ออเดรย์ มินเนตต์จึงได้รับคำขอที่ให้ตัวเธอนั้นมาเป็นคู่เต้นรำของจักรพรรดิออเดรย์ในคืนวันเฉลิมฉลอง

เธอวางฝ่ามือของตนเองลงบนมือของอีกฝ่าย จักรพรรดิออเดรย์เดินจูงมือของเธอไปหยุดอยู่ตรงกลางฟลอร์เต้นรำ ต่อมาเสียงที่บรรเลงคลอเบา ๆ มาตลอดทั้งงานกับเปลี่ยนเป็นเพลงอื่น
เสียงดนตรีดังขึ้นชายร่างสูงตรงหน้าจึงเข้ามาคว้าเอวของเธอส่วนตัวเธอนั้นจับไหล่ของอีกฝ่าย ทั้งสองร่ายรำกันตรงกลางฟลอร์ที่มีทั้งขุนนางชนชั้นสูงและรวมถึงแขกจากต่างแดนมากมายรวมอยู่ ออเดรย์และมินเนตต์ทั้งสองขยับเท้าให้เข้ากับจังหวะของดนตรีที่บรรเลง
ทั้งสองปล่อยมือออกจากกันแล้วเดินเป็นวงกลมสายตาจดจ้องกันและค่อยผสานมือและตัวของหญิงสาวค่อย ๆ หมุนตัวแล้ววางตัวของเธอเบา ๆ ลงที่แขนที่อ้ารับตัวเธอไว้ชายหนุ่มหมุนตัวเธอให้หันหน้ากลับมาที่ตนอีกครั้งแล้วประคองเอวของเธอเต้นรำอย่างเดิมจนเสียงเพลงค่อย ๆ แผ่วเบาลง
ชายหญิงที่ยืนอยู่ตรงกลางฟลอร์ถึงได้หยุดขยับร่างกายและทำความเคารพกันเอง

เมื่อเสียงเพลงเงียบไปและตามมาด้วยเสียงของแขกภายในงานที่แสดงอาการตื่นเต้นออกมา ร่างของจักรพรรดิผละออกมาจากมินเนตต์โค้งตัวลาเธอเล็กน้อย
ก่อนจะเดินเข้าไปหาเกลนดาที่ยืนอยู่มุมหนึ่งของโถงเต้นรำ ตรงหน้าของพี่ชายของเขามีของหวานที่ล้วนเป็นของโปรดของออเดรย์จัดวางอยู่ เขาเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเกลนดาแล้วหยิบจานเค้กขึ้นมาทาน แต่เขาทานเค้กชิ้นนั้นได้เพียงไม่กี่คำก็ต้องวางจานเค้กลง
เมื่อมีทั้งเหล่าชนชั้นสูงและแขกจากต่างแดนที่ไม่ได้เข้าร่วมงานในช่วงเช้าเข้ามาพูดคุยกับเขาเล็กน้อยและยังมีพูดถึงเรื่องการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าของอาณาจักรทางฝั่งนั้นกับอาณาจักรแองเจอโล

ดยุกคีร์แรนที่สังเกตเห็นใบหน้าของจักรพรรดิของตนนั้นเริ่มแสดงออกถึงเหนื่อยล้าแล้ว จึงเอ่ยแทรกและให้ตัวท่านที่ปรึกษาอย่างเกลนดาเป็นคนคุยธุระนั้นต่อ
ออเดรย์ที่โดนดยุกคีร์แรนพาตัวมานั่งพักผ่อนที่สวนด้านนอกโดยที่ตัวร่างสูงโปร่งของเจ้าตัวนั้นนั่งลงที่ม้านั่งในสวน ส่วนดยุกคีร์แรนที่ไม่อาจกล้านั่งลงข้าง ๆ อีกฝ่าย
จึงทำได้เพียงยืนดูคนตรงหน้า ก่อนจะยื่นแก้วน้ำดื่มที่ฝากให้คนรับใช้แถวนั้นนำมาให้ตน ชายที่นั่งบนม้านั่งรับแก้วน้ำมาแล้วยกขึ้นดื่มเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เต็มด้วยแสงของดวงดาวและแสงของดวงจันทร์สาดส่องไปทั่ว
ออเดรย์เอ่ยขอบคุณดยุกที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาและชวนอีกฝ่ายพูดคุยกันเล็กน้อยก่อนจะเงียบไป

“ขอบคุณท่านมาก คีร์แรน”

“ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ ล้วนเป็นหน้าที่ของกระหม่อมที่ต้องใส่ใจพระองค์อยู่แล้ว” สิ้นเสียงของดยุกคีร์แรนบรรยายในสวนโดยรอบล้วนเงียบและนิ่งสนิท
มีเพียงแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาบนดอกไม้หลากหลายชนิดภายในสวนแห่งนี้ รวมถึงชายคนหนึ่งที่นั่งบนม้านั่งและอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ภายใต้แสงจันทร์ในค่ำคืนที่ไร้หมู่เมฆในความเงียบนั้นมีเสียงที่ดังออกมาจากโถงภายในพระราชวังและแสงไฟที่ดูแตกต่างจากตรงนี้มาก
เขาที่หลับตาลงเพื่อรับความรู้สึกของบรรยากาศในตอนนี้ เขารู้สึกเหมือนได้ผ่อนคลายในรอบเดือนที่ผ่านพ้นเหตุการณ์นั้นมา ผู้คนล้วนไม่ได้กล่าวถึงเหตุการณ์วันนั้นอีกแล้ว
วันที่ภายในโถงแห่งนั้นนองไปด้วยเลือดสีแดงฉานและศพที่ไร้ศีรษะทั้งหมด ยิ่งเขาหวนคิดถึงวันนั้น ยิ่งรู้สึกแน่นในอกที่นึกถึงสายตาแสนเย็นชาคู่นั้นที่มองมาที่เขายันวินาทีสุดท้ายของชีวิต
มันยังคงเป็นภาพติดตาที่หลอกหลอนเขามาตลอด ในตอนนี้ที่ตรงนี้ที่ทำให้เขาผ่อนคลายขึ้น ออเดรย์จึงได้พูดระบายเรื่องราวที่เป็นดั่งฝันร้ายให้ดยุกหนุ่มที่อยู่เคียงข้าง ณ ตอนนี้ฟัง

“ท่านคีร์แรน ฟังเราพูดอะไรสักอย่างได้เหรอไม่”

“แค่ตัวพระองค์ต้องการกระหม่อมล้วนสามารถรับฟังพระองค์ได้ทุกอย่างเสมอพ่ะย่ะค่ะ”

“อืม ท่านรู้ใช่ไหมว่าตัวเราในอดีตนั้นเป็นองค์ชายที่โดนทั้งพี่ชายและท่านพ่อท่านแม่รังเกียจ เพียงเพราะตัวเรานั้นเกิดมาไม่มีแก่นพลังเวทมนตร์ในตัว เราไม่รู้หรอกว่าทำไมพวกท่านและพี่ ๆ ถึงรังเกียจที่ตัวเราไม่มีพลังเวทย์และในตอนนั้นที่เราอายุครบ 5 ปี เราถึงได้รู้ความจริง องค์ชายที่เกิดมาโดยไร้แก่นเวทมนตร์นั้น ก็เหมือนขยะที่ไร้ประโยชน์และสารพัดคำพูดที่ดูถูกเราที่ไร้พลังเวทย์ เราทั้งโดนรังแกจากพี่ชายและในตอนที่เราต้องไปเรียนยังคงมีเหล่าลูกของพวกชนชั้นสูงพวกนั้นหรือคนภายในงานเต้นรำพวกนั้นที่เคยกลั่นแกล้งและล้อเลียนเราที่ไร้พลังเวทย์ ในตอนนั้นมีเพียงท่านพี่เกลนดาที่เป็นที่พึ่งและดูแลเอาใจใส่ตัวของเราเท่านั้น หลังจากนั้นผ่านไปตอนที่เราอายุได้สิบปีมีเพียงท่านคีทธีที่เข้ามาชวนเราไปฝึกดาบด้วยกัน ทำให้ตัวเราได้รู้ว่าแม้จะไร้เวทมนตร์เราก็สามารถเก่งกาจกว่าผู้ใดได้ ตั้งแต่นั้นมาตลอดสิบกว่าปีเราขัดเกลาวิชาดาบและเรียนรู้เรื่องนี้ จากทั้งตัวท่านคีทธีหรือในตำราของเหล่าอดีตจักรพรรดิแต่ละพระองค์” ออเดรย์เว้นจังหวะพูดออกไปชั่วคราวแต่คีร์แรนก็ยังคงตั้งใจฟังอีกฝ่ายพูด เขาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเล่าต่อ

“ในตอนนั้นที่ท่านพ่อประกาศจะจัดงานประลองดาบกันเราดีใจเล็กน้อย เพราะคิดว่าในที่สุดตัวเราจะได้แสดงฝีมือจากการฝึกฝนและออกไปปราบมอนเตอร์กับท่านคีทธีนั้นต่อหน้าท่านพ่อและท่านแม่แล้ว แต่ในวันนั้นพวกท่านไม่เคยมองมาที่เราเลยมีเพียงท่านพี่สองและท่านพี่สามเท่านั้น ที่ในตอนนั้นได้เข้าร่วมงานประลองด้วยพวกท่านทั้งสองให้ความสนใจแค่ตัวท่านพี่ทั้งสอง แต่ไม่เคยชายตามองเราที่เป็นลูกชายของพวกท่านเลยจนเราสามารถล้มท่านพี่ทั้งสองได้แต่เราก็ไม่ได้รับคำเอ่ยชมจากทั้งสองท่าน มีเพียงสายตาแสนเย็นยะเยือกสองคู่นั้นเท่านั้นที่เราได้รับ ในตอนที่เราสามารถชนะท่านที่เป็นดยุกสุดแข็งแกร่งได้ นั้นทำให้พวกท่านทั้งสองนั้นแอบหวาดกลัวในตัวตนของเราที่เก่งกาจจนคิดจะสังหารตัวเราทิ้งหลายครั้ง”

“เราไม่เคยเข้าใจเลย เราโดนลอบสังหารมากมายทั้งในการที่ลอบโจมตี การวางยาพิษ ตัวเราโดนการลอบสังหารเหล่านี้ รวมแล้วทั้งหมดสิบครั้ง ท่านคิดว่าตัวเราที่โดนกระทำมาตลอด สามารถอดทนกับสิ่งเหล่านี้ได้หรือ ในตอนแรกตัวเราไม่รู้หรอก ว่าใครเป็นผู้ว่าจ้างพวกนักฆ่าเพื่อมาลอบสังหารเรา แต่มีครั้งหนึ่งก่อนที่เราจะได้สังหารคนเหล่านั้นเราได้เค้นหาตัวคนที่จ้างวานพวกมัน ตัวคนที่คิดจะสังหารเราทั้งสิบเป็นอดีตองค์จักรพรรดิและอดีตองค์จักรพรรดินีของอาณาจักรแห่งนี้ หรือก็คือท่านพ่อท่านแม่ของเราเอง”

“ฮ่า มันช่างตลกใช่หรือไม่ทั้ง ๆ ที่ไม่คิดจะสนใจเรามาก่อน แต่หลังจากงานประลองดาบในตอนนั้น พวกท่านทั้งสองล้วนระหวาดระแวงตัวเรามากขึ้นและคิดแผนจะสังหารเราเลยเสียด้วยซ้ำ ในคืนก่อนที่จะถึงวันนั้นความอดทนที่เรามีมาตลอดมันก็หมดสิ้นไปและหลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่ท่านได้เห็น ภาพของเราที่มีหลายสิบศพที่ไร้วิญญาณนอนกองทั่วพื้นห้องโถงหน้าบัลลังก์และศีรษะของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองที่กองอยู่ตรงเท้าของเรา”

“ดยุกคีร์แรน ท่านเคยหวาดกลัวเราไหม” น้ำเสียงที่เอ่ยถามชายที่ยืนเฝ้าตนอยู่ด้านหลัง เอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบาลงด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย แม้ออเดรย์จะเคยคิดว่ามีเพียงแค่ท่านพี่เกลนดาที่ยอมรับในตัวของเขา
แต่ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาที่มีดยุกคีร์แรนค่อยอยู่เคียงข้างตัวเขามาตลอด ออเดรย์ก็อยากให้ชายคนนี้ยอมรับในตัวของเขาและไม่หวาดกลัวเขาเลย

ดยุกคีร์แรนที่เห็นจักรพรรดิตรงหน้าตนนั้นดูเซื่องซึมไปเล็กน้อย คำถามของอีกฝ่ายที่เอ่ยมันออกมาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบานั้น
ร่างสูงของดยุกคีร์แรนจึงตัดสินเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าร่างสูงโปร่งของจักรพรรดิ คุกเข่าลงแล้วตอบคำถามที่องค์จักรพรรดิเอ่ยถามตนออกมา


“ฝ่าบาท กระหม่อมไม่เคยหวาดกลัวพระองค์เลยสักครั้ง แม้ทั้งตัวฝ่าบาทจะเต็มไปด้วยเลือดหรือมีกองศพนับร้อยอยู่ด้านหลัง กระหม่อมก็ไม่เคยคิดที่จะหวาดกลัวพระองค์เลยพ่ะย่ะค่ะ เพราะตัวกระหม่อมนั้นเพียงต้องการปกป้องพระองค์และดูและพระองค์ด้วยตัวของกระหม่อมเพียงเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”

“อืม ขอบคุณสำหรับคำตอบของท่านนะท่านดยุกคีร์แรนและขอบคุณที่ท่านมายืนรับฟังเราพูดจาไร้สาระนะ พวกเราเข้าไปในงานกันเถอะ” ออเดรย์ที่ได้ยินคำตอบจากชายที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาแล้วนั้น
ยิ่งทำให้เขาไว้ใจและรู้สึกสบายใจที่มีอีกฝ่ายอยู่ข้างตน ร่างโปร่งค่อย ๆ ลุกขึ้นจากม้านั่งก่อนจะเดินนำชายร่างสูงเข้าไปภายในงานเต้นรำ

ภายในงานยังคงเต็มไปด้วยเสียงบทเพลงอันรื่นเริง อาหารมากหน้าหลายตาโดนแขกในงานหยิบขึ้นไปกินจนใกล้หมดเสียเต็มประดา
รวมทั้งของหวานที่จัดเตรียมไว้ เขาที่เดินเข้ามาภายในงานแล้วสอดส่องสายตาหาพี่ชายของตน ที่ก่อนตัวออเดรย์และดยุกคีร์แรนจะผละตัวออกไปนั้นอีกฝ่ายกำลังพูดคุยเรื่องธุรกิจการค้าขายระหว่างอาณาจักรตะวันออก
ตอนนี้เกลนดานั้นไม่ได้ยืนพูดคุยกับเหล่าแขกจากแดนตะวันออกแล้ว เกลนดากำลังยืนหลบอยู่ที่มุมหนึ่งของโถงนั้นและถือจานเค้กอยู่ ออเดรย์เมื่อเห็นพี่ชายของตนเองจึงเดินเข้าไปหาและบอกกล่าวจุดประสงค์ของเจ้าตัว

“ท่านพี่เกลนดา เราเริ่มเหนื่อยมากแล้วเราขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะ ส่วนที่เหลือเราฝากท่านด้วยนะท่านพี่”

“เชิญฝ่าบาทไปพักผ่อนได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ส่วนที่เหลือกระหม่อมกับมิลเลียจะเป็นฝ่ายจัดการเอง แล้วก็เลิกเรียกกระหม่อมว่าท่านพี่ได้แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”

“เราจะพยายาม งั้นราตรีสวัสดิ์นะ”

“ขอให้คืนนี้เป็นค่ำคืนอันแสนมีความสุขของพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”

ทั้งสองคนที่กล่าวลากันเรียบร้อยแล้วนั้น ตัวของจักรพรรดิออเดรย์จึงเดินแยกขึ้นไปชั้นสอง เพื่อที่ห้องนอนของตนเองและยังคงมีตัวดยุกคีร์แรนตามมาส่งเจ้าตัวถึงหน้าห้องเช่นเดิม
เหมือนในตอนที่อีกฝ่ายขึ้นมาปลุกเขาในตอนหัวค่ำ ร่างของจักรพรรดิเปิดประตูเดินเข้าไปภายในห้องของตนแล้วเดินตรงไปยังเตียงหลังแต่ก็โดนชายอีกคนที่อยู่ภายในห้องกับเขาเอ่ยเตือนขึ้นมาเสียก่อน

“ฝ่าบาท ไปชำระร่างกายตนเองก่อนพ่ะย่ะค่ะ เดี๋ยวพระองค์จะไม่สบายตัวได้”

“เกือบลืมตัวไปเสียแล้ว เราฝากหยิบชุดคลุมให้เราที ท่านคีร์แรน”

“กระหม่อมเข้าไปอุ่นน้ำให้พระองค์ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่เป็นไร เราชอบน้ำเย็น ๆ น่ะ” สิ้นเสียงร่างสูงของจักรพรรดิออเดรย์ก็เดินหายลับเข้าไปในห้องอาบน้ำของตนเอง

เมื่อเดินเข้ามาในห้องอาบน้ำแล้วนั้นตัวของออเดรย์ค่อย ๆ ถอดชุดที่สวมใส่อยู่ออก แล้วหย่อนตัวลงไปในอ่างอาบน้ำแช่ตัวในน้ำเย็น ๆ เพื่อผ่อนคลายร่างกายที่เริ่มเหนื่อยล้าของตน
ออเดรย์ไม่คิดว่าแค่ต้องไปพูดคุยและกล่าวทักทายผู้อื่นจะเหนื่อยล้าได้เพียงนี้ เขานอนแช่ตัวอยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนจะมีเสียงเคาะประตูของดยุกคีร์แรนดังขึ้นมาเขาให้อีกฝ่ายแขวนชุดคลุมของเขาไว้กับราวแขวนชุดที่อยู่ข้าง ๆ กระจกภายในห้องอาบน้ำ
เขาได้ยินเสียเปิดประตูเข้ามาผ่านไปไม่กี่นาทีจึงมีเสียงปิดประตูออกไป หลังจากเสียงประตูเงียบลงผ่านไปไม่กี่สิบนาทีตัวของชายหนุ่มจึงได้ลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำขึ้นเช็ดลำตัวของตัวเองให้แห้งและเส้นผมยาวของตนให้แห้งเรียบร้อย แล้วจึงเดินออกจากห้องอาบน้ำโดยที่มีชุดคลุมตัวบางห่อหุ้มร่างกายตนเองเอาไว้
แต่เมื่อร่างขอจักรพรรดิเดินออกมากับยังเห็นร่างสูงของดยุกคีร์แรนที่ยังนั่งหลับตาบนโซฟาตัวยาวภายในห้องนอนของเขา ออเดรย์เดินไปสะกิดไหล่ดยุกคนนั้นเพื่อปลุกให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมา เพื่อให้อีกฝ่ายได้กลับไปพักผ่อน

“ดยุกคีร์แรน ทำไมท่านยังอยู่ในห้องเราหรือ”

“กระหม่อมอยากดูให้แน่ใจว่าจะไม่มีผู้ใดเข้ามาทำร้ายพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” ใบหน้าที่ตอบคำถามเขาด้วยความจริงจังแต่ใบหูที่โดนเส้นผมสีดำนั้นปกปิดไว้กับขึ้นสีแดงเล็กน้อยให้ตัวของออเดรย์นั่นได้เห็น
อีกฝ่ายคงจะเขินอายที่เจ้าตัวนั้นเผลอหลับภายในห้องนอนของเขา ออเดรย์หัวเราะออกมาเล็กน้อยด้วยความเอ็นดูชายที่โตกว่าตนเอง ก่อนจะหันหลังเดินขึ้นไปนั่งบนเตียงเพื่อจะเตรียมตัวเข้านอน

“ใครเล่าจะกล้ามาทำร้ายเราอีกหรือ หลังจากรับรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนั้นน่ะ ท่านไม่ต้องห่วงเราไปเสียหรอก ทำแบบนี้ทุกวันเราเกรงใจท่านดยุกนัก”

“อย่าได้เกรงพระทัยกับตัวกระหม่อมเลยพ่ะย่ะค่ะ สิ่งที่ตัวกระหม่อมทำนั้นเป็นเพราะความต้องการของตัวกระหม่อมเองล้วน ๆ”

“เราขอบใจท่านมากนะ ท่านคีร์แรน ราตรีสวัสดิ์นะ”

“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอให้พระองค์ในค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนที่มีความสุขของพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” สิ้นเสียงของดยุกคีร์แรนร่างสูงของจักรพรรดิออเดรย์ก็ล้มตัวลงนั้นโดยที่ดยุกหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างกายให้
เขาค่อย ๆ หลับตาลงแล้วจมลงไปในห้วงนิทรา ตัวดยุกคีร์แรนเมื่อให้จักรพรรดิของตนนั้นหลับไปแล้วจึงเดินไปดับไฟและแสงเทียนให้ภายในห้องมืดสนิทก่อนจะเดินออกจากห้องแล้วปิดประตูลงไป