องค์ชายที่เกิดมาไร้พลังเวทย์ บิดามารดาล้วนไม่ยอมรับในตัวตนของเขา พูดเหมือนตัวเขาเองนั้นไร้ประโยชน์ พี่น้องล้วนเกลียดชัง แต่มีเพียงพี่ชายคนโตที่รักเขาเหมือนคนในครอบครัวเท่านั้น จนกระทั่งในวันนั้นทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไป เหตุการณ์น่าสยดสยองที่ไม่มีใครที่จะลืมเลือนมันไปได้

ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้ - บทที่ 6 ย้อนไปเมื่อ 1 เดือนก่อนหน้า โดย blueb3lls @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ดาร์ค,ตะวันตก,เรื่องสั้น,แอคชั่น,ความแค้น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ดาร์ค,ตะวันตก,เรื่องสั้น,แอคชั่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ความแค้น,แฟนตาซี

รายละเอียด

ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้ โดย blueb3lls @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

องค์ชายที่เกิดมาไร้พลังเวทย์ บิดามารดาล้วนไม่ยอมรับในตัวตนของเขา พูดเหมือนตัวเขาเองนั้นไร้ประโยชน์ พี่น้องล้วนเกลียดชัง แต่มีเพียงพี่ชายคนโตที่รักเขาเหมือนคนในครอบครัวเท่านั้น จนกระทั่งในวันนั้นทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไป เหตุการณ์น่าสยดสยองที่ไม่มีใครที่จะลืมเลือนมันไปได้

ผู้แต่ง

blueb3lls

เรื่องย่อ

นิยายเรื่องสั้น


TRIGGER WARNING

 การฆ่าบุพการี,เลือด,มีการบรรยายถึงฉากการฆ่าคน,การตัดศีรษะคน,คำดูถูกและด้อยค่า,การวางยาพิษ







“องค์ชายผู้นั้นไงที่เกิดมาไร้พลังเวทย์ องค์จักรพรรดิเลยไม่ชื่นชอบโอรสองค์นี้ของพระองค์”

“โดนเหล่าพี่น้องเกลียดชังเพราะไร้พลัง มีเพียงองค์รัชทายาทที่ดูจะเอ็นดูเขาเท่านั้น”



คำของสาวใช้ภายในพระราชวังและเสียงหัวเราะเยาะที่ตัวเขา'ออเดรย์'เป็นองค์ชายที่ไร้พลังเวทย์ บิดามารดาของตนไม่เคยยอมรับ แม้จะปฏิบัติตัวดีเพียงใดพวกท่านล้วนไม่เห็นเขาอยู่ภายในสายตา มีเพียงพี่ชายของเขา'เกลนดา' เท่านั้นที่ยอมรับและใส่ใจเขา 







"กระหม่อมจะรับใช้ฝ่าบาทจนชีวิตจะหาไม่"

คำกล่าวสาบานของดยุกคีร์แรนที่เอ่ยต่อหน้าองค์จักรพรรดิคนใหม่ของเขา











เขียนโดย Blueb3lls

ภาพวาดโดย Mochii_roi ,shi_rohebi ,lunardarlia

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านทุกครั้ง

สารบัญ

ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 1 ความอดทนที่มลายหายไป (1/2),ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 2 ความอดทนที่มลายหายไป (2/2),ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 3 ข่าวลือ,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 4 พิธีราชาภิเษก,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 5 งานเลี้ยงฉลอง,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 6 ย้อนไปเมื่อ 1 เดือนก่อนหน้า,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 7 งานประลองดาล (1/2),ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 8 งานประลองดาบ (2/2),ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 9 การลอบสังหารในยามวิกาล,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 10 หวานปนพิษ,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 11 ความจริงที่เปิดเผย ความอดทนที่หายไป ไฟแค้นในใจที่เริ่มลุกโชน,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทพิเศษ การพักผ่อนขององค์จักรพรรดิ

เนื้อหา

บทที่ 6 ย้อนไปเมื่อ 1 เดือนก่อนหน้า

tw : มีการกลั่นแกล้งกันเกิดขึ้น



1 เดือนก่อนเหตุการณ์โค้นล้มบัลลังก์





ณ ลานฝึกซ้อมด้านหน้าพระราชวัง



มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังฝึกฝนร่างกายและฝึกซ้อมดาบตามชีวิตปกติของตนเอง มีคนมากมายที่เดินผ่านตรงนี้ล้วนมองเขาบ้าง บ้างเมินเฉยเขาไป
เพราะร่างโปร่งชายหนุ่มที่กำลังฝึกฝนอยู่ตรงนั้น คือร่างขององค์ชายห้าผู้ที่คนเรียกเขาไว้ว่า “องค์ชายผู้ไร้พลังเวทย์” ตั้งแต่เขาเกิดมาเขาล้วนโดนคนอื่นเรียกเขาด้วยชื่อชื่อนั้นไปเสียแล้ว ทั้งที่ตัวเขามีชื่อที่แท้จริงของตนอยู่
ในตอนยังวัยเยาว์เขานั้นช่างแสนไร้เดียงสา ทำตามคำสั่งทุกอย่างของท่านพี่สองและท่านพี่สามทุกอย่าง ในตอนที่ต้องเดินทางไปยังสถาบันด้วยกันเขาดีใจมากที่ท่านพี่ทั้งสองใจดีกับเขา
แต่ในความเป็นจริงนั้นไม่ใช่เลยทั้งสองเพียงแค่วางแผนจะกลั่นแกล้งตัวเขาสั่งให้เขาทำตามที่เจ้าตัวสั่ง แม้มันจะไม่ใช้หน้าที่ของเขาแต่ตัวของเด็กชายในตอนนั้นที่หาได้รับรู้อะไรเลยไม่ได้เพียงทำตามคำสั่งจนมีครั้งหนึ่งที่สหายของท่านพี่ทั้งสองนั้นเรียกเขาไปด้วย
แม้จะหวาดกลัวแต่ออเดรย์ในตอนยังเด็กนั้นยังคงเชื่อใจพวกเขา คนพวกนั้นนำทางเด็กชายไปยังคอกม้าที่อยู่ด้านหลังและออกคำสั่งให้เขาล้างตัวม้าพวกนั้นให้หมด
ถ้าไม่ทำตามที่ทั้งสองบอกสองคนนั้นจะนำเรื่องนี้ไปบอกกล่าวกับท่านพี่ทั้งสองของเขา องค์ชายห้าจึงจำเป็นที่จะต้องทำเพราะเขานั้นต้องการที่อยากจะเป็นที่ยอมรับของพี่ ๆ คนอื่นบ้าง
แต่ในตอนนั้นด้วยความที่ตัวของเขาที่ยังเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง การที่จะสามารถล้างตัวม้าทั้งสี่ตัวที่อยู่ภายในคอกคนเดียวได้นั้นมันเป็นไปไม่ได้
ภายในคอกม้าที่อยู่ด้านนอกนั้นในช่วงเย็นของวันอากาศในฤดูหนาวยิ่งหนาวกว่าตอนกลางวันเป็นไหน ๆ เด็กชายตัวเล็กที่ไม่เคยจะมีคนเหลียวแลนั้นตอนนี้กำลังล้างตัวให้ม้าทั้งสี่ตัวด้วยความลำบากทั้งอากาศที่เริ่มหนาวเย็นเรื่อย ๆ เจ้าตัวที่ไม่มีพลังเวทย์นั้น
ยิ่งทำให้การรับรู้อุณหภูมิยิ่งอ่อนไหวกว่าใครความหนาวเย็นของอากาศในตอนหัวค่ำเริ่มกัดกินเด็กน้อยมากขึ้น องค์ชายห้าก็ยังคงทำมันต่อไปแม้แรงกายของเขานั้นจะค่อย ๆ เหือดหายไปก็ตาม จนร่างของเด็กคนนั้นสลบลงไปข้างเท้าของม้าตัวหนึ่ง เจ้าม้าที่ได้ยินเสียงมาจากด้านจึงหันกลับไปมองร่างนั้นด้วยสายตาสงสัยแต่เจ้าม้าก็ได้หาสนใจไม่ มันส่ายหางเล็กน้อยก่อนจะก้มไปกินน้ำแล้วไม่สนใจเด็กชายคนนั้นต่ออีกเลย

องค์ชายใหญ่ที่ในตอนนี้เจ้าตัวอายุเพียง 17 ปีวิ่งออกตามหาน้องชายของเขาที่หายตัวไปตามหาทั่วทั้งพระราชวังและที่อื่น ๆ ในอากาศที่หนาวเย็นขนาดนี้แต่ร่างโปร่งของชายหนุ่มก็ได้หาสนใจไม่
น้องชายที่เขารักและดูแลมาตลอดนั้นได้หายไป เพราะด้วยความเป็นห่วงนั้นเกลนดาจึงออกตามหาองค์ชายห้าตั้งแต่หัวค่ำจนตอนนี้
ดึกมากแล้วเขาใช้เวลาออกตามหาคนน้องนานถึงสี่ชั่วโมงแต่ก็ยังไม่เจอ แม้จะมีเหล่าทหารเฝ้ายามคอยออกตามหากับตนด้วย แต่ชายหนุ่มก็ยังคงหาตัวน้องชายของตนไม่เจอ
ในตอนนั้นเกลนดาความรู้สึกรังเกียจตัวเองเป็นอย่างมากที่ตัวเขานั้นไม่สามารถปกป้องน้องชายของเขาได้ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าออเดรย์นั้นเป็นที่รังเกียจของผู้คนขนาดไหน
แต่เขาก็ไม่สามารถปกป้องเด็กคนนั้นได้ เขาวิ่งตาออกมหาออเดรย์ทั่วทั้งพระราชวังทั้งในสวน แต่ก็ยังไม่พบไปถามผู้ใดก็ล้วนไม่ได้คำตอบ เขานั้นรู้สึกจนปัญญายิ่งนักจนตัวเขาควบม้ามาถึงหน้าคฤหาสน์ของตระกูลบริดเจต
เกลนดาไม่คิดอะไรมากร่างโปร่งขององค์รัชทายาทควบม้า ตรงเข้าไปภายในคฤหาสน์หลังนั้นโดยไม่สนใจคำพูดห้ามปรามของเหล่าทหารที่ตามหลังเขามา เกลนดาไม่ได้สนใจเรื่องมารยาทเลย
ร่างขององค์รัชทายาทลงจากหลังม้าแล้วเดินตรงไปยังห้องของดยุกคีทธีด้วยความร้อนใจเปิดประตูบานนั้นเข้าไป ดยุกที่เป็นเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้และลูกชายของเขาล้วนตกใจกับการปรากฏตัวขององค์รัชทายาทในเวลานี้ ดยุกคีทธีที่เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความร้อนรนและกังวลขององค์รัชทายาท
จึงลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานของตนเดินเข้าไปถามอีกฝ่ายเกี่ยวกับธุระที่องค์รัชทายาทเดินทางมายังคฤหาสน์ของเขา



“องค์รัชทายาท มีธุระอะไรกับกระหม่อมหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ” ดยุกผู้เจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้เอ่ยถามกับชายหนุ่มที่เป็นองค์รัชทายาทของอาณาจักรแห่งนี้ สีหน้าที่แสดงออกถึงความร้อนรนเขาถึงตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา

“เรากำลังตามหาองค์ชายห้า พวกท่านเห็นน้องชายเราบ้างหรือไหม”

“กระหม่อมไม่เห็นองค์ชายห้าเลยพ่ะย่ะค่ะ แล้วเจ้าล่ะคีร์แรน”

“ที่สถาบันกระหม่อมเห็นองค์ชายห้าแค่ช่วงพักกลางวัน หลังจากนั้นกระหม่อมก็ไม่เห็นองค์ชายอีกเลยพ่ะย่ะค่ะ”

“สถาบันอย่างนั้นเหรอ เรายังไม่ไปที่แห่งนั้นเลย ขอบคุณเจ้ามากคีร์แรน”

“ฝ่าบาทให้กระหม่อมไปตามหาองค์ชายให้ด้วยได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เสียงของเด็กหนุ่มที่เป็นลูกชายของดยุกคีทธีเอ่ยรั้งและขอร่วมมือช่วยตามหาองค์ชายห้ากับองค์รัชทายาทไปด้วย เพราะตัวของเด็กหนุ่มนั้นก็แอบที่จะเป็นห่วงองค์ชายห้าเล็กน้อย และคำตอบที่เด็กชายได้รับนั้น

“ตามมาสิ” เมื่อคีร์แรนได้รับคำตอบเด็กชายจึงเดินตามหลังองค์รัชทายาทออกไปจากคฤหาสน์แห่งนี้ พุ่งตรงไปยังสถาบันของเหล่าชนชั้นสูงและเชื้อพระวงศ์
โดยที่พวกเขาทั้งสองควบม้ากันตรงไปยังที่สถานที่แห่งนั้น เมื่อมาถึงด้านหน้าของสถาบันแล้วจึงลงจากหลังของม้า ทั้งสองรวมทั้งทหารอีกสี่นายที่ตามตัวขององค์รัชทายาทมาด้วยนั้นเดินสำรวจตั้งแต่ด้านหน้าและเดินเข้าไปยังภายในอาคารเรียนแต่พอสำรวจครบทุกชั้นแล้ว
กับยังไม่พบวี่แววของตัวองค์ชายห้าเลยพวกเขาจึงตัดสินใจเดินไปยังด้านหลังของสถาบัน อากาศที่เริ่มหนาวเย็นขึ้นเรื่อยยิ่งทำให้ตัวเกลนดาเป็นกังวลเกี่ยวกับน้องชายของตนมากยิ่งขึ้น
เขาเดินสำรวจกับตัวของคีร์แรนจนไปสะดุดตากับคอกม้าที่มีม้าอยู่ภายในคอกนั้นมันน่าแปลกใจยิ่งนักในเวลาแบบนี้ทำไมยังมีใครทิ้งม้าของตนเองไว้อีกและด้วยความสงสัย เกลนดาและคีร์แรนเดินเข้าไปสำรวจแต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว
พวกเขาก็พบเข้ากับตัวขององค์ชายห้าที่นอนสลบอยู่ด้านหลังของม้าตัวหนึ่งและยังมีถังน้ำที่ตั้งไว้ข้าง ๆ ร่างเล็กขององค์ชายห้าอีกด้วย
เกลนดาไม่รีรอเขาเดินไปโอบอุ้มร่างกายเล็ก ๆ ของน้องชายตนขึ้นมาแล้วเรียกเหล่าทหารทั้งหมดมาเพื่อจะเดินทางกลับพระราชวัง

ใบหน้าที่ซีดลงเรื่อยเพราะด้วยอากาศที่หนาวเย็นนั้นยิ่งทำให้เกลนดารู้สึกเป็นห่วงออเดรย์มากยิ่งขึ้นเขาหวาดกลัวนักว่าน้องชายของตนจะไม่ลืมตาขึ้นมาอีก
เขาทั้งกอดและลูบหัวน้องชายของตนเพื่อมอบความอบอุ่นจากร่างกายตนเพื่อให้ร่างเล็ก ๆ นั้นรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เขาควบม้ามาด้วยความรวดเร็วจนมาหน้าถึงด้านหน้าพระราชวัง
เกลนดาอุ้มร่างของออเดรย์ตรงไปยังห้องพักของน้องชายตนระหว่างทางก็เอ่ยกับหญิงสาวรับใช้ให้เรียกแพทย์ เพื่อมาตรวจดูอาการขององค์ชายห้าอีกด้วย
คีร์แรนที่เดินตามมาด้วยนั้นเมื่อมาถึงหน้าห้องห้องหนึ่งแล้วเขาเปิดประตูให้องค์รัชทายาทเพื่อให้อีกฝ่ายนำร่างของเด็กชายอีกคนไปวางไว้บนเตียงภายในห้องแห่งนี้ ตัวคีร์แรนนั้นไม่สามารถทำอะไรได้เลยเพียงแค่ได้ยืนมองตัวเขายังเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น
ส่วนตัวของเกลนดานั้นกอบกุมมือของออเดรย์ไว้เพื่อมอบไอร้อนจากมือของตนไปยังร่างเล็ก ๆ ที่นอนอยู่บนเตียง เสียงเปิดประตูเข้ามาอีกครั้งชายหนุ่มและเด็กหนุ่มที่อยู่ภายในห้อง ต่างหันมามองคนที่เดินเข้ามาด้านในเป็นเพียงแพทย์และสาวรับใช้ที่ตัวเกลนดาฝากไปตามตัวมา
ไม่มีท่านพ่อและท่านแม่ที่มาดูอาการของลูกชายอีกคนของพวกท่านเลยแม้แต่น้อย เกลนดาปล่อยมือออกจากมือของออเดรย์และลุกขึ้นเพื่อตัวแพทย์ที่เข้ามาด้านในห้องได้ตรวจสอบอาการของร่างที่นอนอยู่บนเตียงนั้น



“จากที่กระหม่อมตรวจสอบ องค์ชายห้าเพียงเป็นลมสลบไปเพียงเหนื่อยล้าและความหนาวเย็นพ่ะย่ะค่ะ ไม่มีตัวยาที่ต้องจัดเตรียมเพียงให้พระองค์นอนหลับพักผ่อนเมื่อตื่นแล้วองค์ชายห้าก็อาการดีขึ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ” แพทย์ที่มาตรวจร่างกายของออเดรย์แล้วนั้น เมื่อตรวจร่างกายร่างเล็กนั้นเสร็จเรียบร้อยจึงเอ่ยบอกสาเหตุที่เด็กน้อยนั้นสลบไป
ก่อนจะขอตัวเดินทางกลับไปพักยังที่พักของตนตามเดิม
เมื่อทั้งแพทย์ที่เขาตามมาและสาวใช้เดินออกไปแล้วปิดประตูห้องนี้ลงแล้วนั้นเกลนดาจึงทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่ตั้งไว้ข้าง ๆ เตียงของออเดรย์ก่อนจะเอ่ยพูดคีร์แรนที่อยู่ภายในห้องด้วยกัน

“เจ้าเห็นไหมท่านดยุกน้อย คนพวกนั้นรังเกียจน้องชายข้าเพียงใดการตรวจร่างกายน้องเราด้วยความรีบร้อนนั้นพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี เราเห็นมันจนรู้สึกชินชาไปเสียแล้ว แต่ตอนนี้เราต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมน้องชายเราถึงไปอยู่ที่คอกม้าด้านหลังสถาบัน แล้วไม่มีผู้ใดแลยหรือที่เห็นน้องขอองเรา ช่างน่าแปลกนัก” เกลนดาเมื่อพูดจบก็เงียบไป
ส่วนตัวของคีร์แรนเด็กหนุ่มเพียงแค่รับฟังองค์รัชทายาทและเฝ้ามองร่างขององค์ชายห้าที่กำลังหลับใหลอยู่ ทั้งสองเงียบกันอยู่อย่างนั้นไปสักพักใหญ่
คีร์แรนที่รู้สึกหายห่วงเกี่ยวกับเรื่องขององค์ชายห้าแล้วจึงเอ่ยขอตัวเดินทางกลับคฤหาสน์ของตน ส่วนตัวเกลนดานั้นนั่งกุมหัวด้วยความเป็นกังวล เขาคิดวน ๆ ว่าใครนั่นที่บังอาจออกคำสั่งให้องค์ชายห้าที่เป็นถึงเชื้อพระวงศ์ล้างตัวให้ม้าพวกนั้น

เด็กชายที่นอนอยู่บนเตียงค่อย ๆ ลืมตาตื่นเขามองสำรวจภายในห้องนอนส่วนตัวของตนมองไปรอบ ๆ ห้องและหันไปเจอกับพี่ชายคนโตอย่างเกลนดา
ความรู้สึกที่หนาวเย็นในตอนก่อนหน้านั้นยิ่งทำให้เด็กชายน้ำตารื้นขึ้นมาเขาโผเข้ากอดไปในอ้อมกอดของพี่ชายตนร้องไห้ขึ้นด้วยเสียงอันแผ่วเบา เด็กชายทั้งตกใจและหวาดกลัวเขาไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นลมสลบไปในคอกม้าแห่งนั้น
ถ้าไม่มีใครมาเจอเขาเด็กชายคิดว่าตัวเองคงตายไปเสียแล้ว ยิ่งออเดรย์ที่เป็นเพียงเด็กคนหนึ่งหวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นยิ่งทำให้เขาร้องไห้มากกว่าเดิม เสียงสะอึกสะอื้นของเด็กชายที่อยู่ในอ้อมกอดของเกลนดา
ยิ่งทำให้องค์รัชทายาทเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม ด้วยความเจ็บปวดใจนั้นทำให้เกลนดาพูดในสิ่งที่เขาคิดออกไป

“คนที่ทำแบบนี้กับเจ้า พี่จะลงโทษมันให้เอง” น้ำเสียงที่แสดงถึงความเจ็บปวดที่น้องชายที่เขารักนั้นโดนกลั่นแกล้ง เกลนดากอดปลอบและลูบหัวเด็กชายในอ้อมกอดตนจนหลับไป
จึงจะเดินออกมาจากห้องนอนขององค์ชายห้า ตั้งแต่นั้นเขาได้ตามสืบถึงเด็กที่ออกคำสั่งเพื่อที่จะกลั่นแกล้งองค์ชายห้า เป็นไปตามที่เกลนดาได้คาดไว้เด็กพวกนั้นคือลูกเหล่าขุนนางที่เป็นเพื่อนสนิทของเจ้าสองและเจ้าสาม
เกลนดานำเรื่องเล่านี้ไปรายงานกับท่านพ่อให้จักรพรรดินั้นลงโทษเด็กทั้งสองที่บังอาจกลั่นแกล้งเชื้อพระวัง แต่บทลงโทษนั้นก็ทำให้เขาผิดหวังจักรพรรดิ
เพียงแค่เรียกพ่อแม่ของเด็กสองคนนั้นและเอ่ยตักเตือนไม่มีคำสั่งให้เลิกวุ่นวายกับออเดรย์หรือสั่งกักบริเวณเด็กทั้งสองเลย มันยิ่งตอกย้ำให้เกลนดานั้นรู้ว่า ออเดรย์ไม่ได้เป็นที่รักขององค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินี ผู้เป็นทั้งพ่อและแม่ของออเดรย์เลย
พวกท่านไม่คิดว่าการที่เด็กสองคนนั้นทำมันเกือบจะฆ่าลูกพวกเขาเลยหรือ เพียงเพราะการที่องค์ชายห้าเกิดมาไร้พลังเวทมนตร์นั้น
พวกท่านต้องเมินเฉยต่อบุตรของตนเองขนาดนี้เลยหรือ ยิ่งเขาคิดเขายิ่งรังเกียจพวกท่านทั้งสอง เกลนดาหันหลังแล้วเปิดประตูออกไปจากห้องนั้นโดยที่ไม่สังเกตเลยว่ามีร่างของเด็กชายผมสีเงินสว่างกำลังหลบอยู่ด้านหลังบานประตู

เด็กชายเดินออกมาจากที่หลบซ่อนของตนก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปยังสวนด้านหลังของพระราชวัง คำพูดที่เด็กชายได้ยินจากภายในห้องแห่งนั้น
มันทำให้เขารู้ว่าตัวตนที่เขาโดนตราหน้านั้นมันถูกต้องแล้ว เขามันคือคนไร้พลังเวทย์ จนโดนคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดเมินเฉยและไม่เคยจะใส่ใจเขาเลยสักครั้ง
นับตั้งแต่นั้นมาเด็กชายก็ไม่สนใจใครอีกเลยจนเรียนจบไปและท่านดยุกคีทธีมาชวนไปฝึกดาบด้วยกัน

ชายหนุ่มยิ่งหวนคิดไปถึงเรื่องราวในอดีตยิ่งทำให้เขาสมเพชตัวเองยิ่งขึ้น ช่างไร้เดียงสานักตัวเขาในอดีตเชื่อฟังคนพวกนั้นเพราะต้องการการยอมรับ
แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่คนพวกนั้นยอมรับในตัวตนของเขา เลิกคิดถึงมันเสียแล้วหันไปฝึกฝนดาบของตนต่อเถิด เขาหยิบดาบแล้วฝึกฝนกระบวนท่าฟันดาบรูปแบบใหม่ที่ตัวเขาได้คิดค้นมันขึ้น
แม้เขาจะไร้พรสวรรค์ในด้านเวทมนตร์ แต่ในเรื่องพรสวรรค์เกี่ยวกับดาบนั้นเขาคืออันดับหนึ่งในกลุ่มของเด็กที่มาฝึกฝนดาบกับท่านดยุกคีทธี
ออเดรย์หรือองค์ชายผู้โดดเด่นที่สุดถัดจากเขาไปย่อมต้องเป็นบุตรชายของท่านดยุกคีทธีอย่างคีร์แรนแน่นอนอยู่แล้วมี ครั้งหนึ่งที่ทั้งสองนั้นได้เคยประลองดาบกันแต่กับไม่สามารถตัดสินได้ว่าผู้ใดคือผู้ที่ชนะ แต่ถึงอย่างนั้นทั้งสองคนก็ไม่สนใจที่จะตัดสินใจผลแพ้ชนะกันเลย
พวกเขายังร่วมมือในการทำภารกิจล่ามอนเตอร์ด้วยกันเสียอีก ภาพของชายร่างโปร่งผมสีเงินนัยน์ตาสีแดงผมที่มัดรวบสูงขึ้นที่อยู่ในชุดที่สมส่วนกับร่างกายและทำให้เขาสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างพลิ้วไหวกับชายผมสีดำเหมือนดังสีของรัติกาลในยามค่ำคืนนัยน์ตาสีทองที่เป็นเอกลักษณ์สวมใส่ชุดเข้ารูปและทับด้วยเสื้อคลุมตัวยาวยิ่งทำให้ชายร่างสูงคนนั้นหล่อเหลายิ่งนัก
แต่เมื่อชายทั้งสองมายืนด้วยกันพวกเขาเหมาะสมกันโดยที่ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกได้ ภาพของชายหนุ่มสองคนที่ถือดาบคู่กายที่ตนเองได้มาเข้าฟาดฟันกับมอนเตอร์ในแดนดินทางเหนือของอาณาจักร
แต่หลังจากที่ตัวของดยุกคีทธีสละตำแหน่งของดยุกตระกูลบริดเจตคีร์แรนที่เป็นผู้สืบทอดนั้นจึงได้ขึ้นเป็นดยุกแห่งตระกูลบริดเจต ได้สร้างคุณงามความดีมากมายให้กับอาณาจักรจนได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นจอมพลของอาณาจักรแองเจอโล
ตั้งแต่ในวันที่คีร์แรนได้ขึ้นเป็นดยุก ทั้งตัวของดยุกหนุ่มและองค์ชายห้าก็ไม่ได้พบปะกันอีกเลยสักครั้ง

จนมาวันหนึ่ง
ที่ตัวองค์จักรพรรดินึกคิดอะไรของพระองค์ไม่มีผู้ใดอาจทราบได้ พระองค์ได้ประกาศจัดงานประลองดาบขึ้น เปิดรับสมัครผู้มีความสามารถทางวิชาดาบ เพื่อมาประลองหาผู้เป็นสุดยอด
ภายในพระราชวังวุ่นวายจนองค์ชายห้าไม่คิดอยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่งานประลองดาบนั้นทำให้เขาสนใจเป็นพิเศษเพราะตัวเขานั้นอยากให้โอกาสแก่ผู้สูงศักดิ์ทั้งสองท่านอีกครั้ง
โดยไม่ลังเลร่างขององค์ชายห้าเดินไปยังจุดที่จัดไว้สำหรับผู้ที่มาลงทะเบียนในการประลองดาบ ร่างโปร่งขององค์ชายห้าที่เดินเข้าไปต่อแถวที่ยาวออกมาเล็กน้อย
ร่างโปร่งและใบหน้าอันหล่อเหลาทำให้เขาเป็นที่สะดุดสายตาผู้คนที่เข้ามาลงทะเบียนกันหมด รูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเชื้อพระวงศ์ เลือนผมสีเงินและนัยน์ตาสีแดงดั่งเลือด
ทำให้คนแถวนั้นรู้ว่าชายร่างโปร่งคนนั้นคือผู้ใด แม้จะแต่งตัวด้วยชุดที่เหมือนเหล่าสามัญชนแต่ความโดดเด่นของเหล่าเชื้อพระวงศ์ก็ทำให้ผู้คนสะดุดตาและจดจำได้อย่างง่ายดาย
แต่ตัวขององค์ชายห้าหาได้สนใจสายตาเหล่านั้นที่จดจ้องมาที่ตนรวมทั้งเสียงซุบซิบอีกด้วย เขาก้าวเดินไปข้างหน้าตามคิวที่ลดทอนลงเรื่อย ๆ เมื่อถึงคิวของเขาทหารที่เป็นผู้จดรายชื่อของผู้ที่มาลงทะเบียน
เงยหน้าขึ้นมาสบตาก่อนจะก้มตัวคุกเข่าทำความเคารพและเอ่ยพูดเสียงดังจนทำให้ผู้คนหันมองมาที่เขาและรับรู้ถึงตัวของเขากันเสียหมด

“องค์ชายห้า!”

“เงียบ ๆ หน่อยเถอะ ลุกขึ้นเถิด เราแค่อยากมาลงทะเบียนในการประดาบเท่านั้น” ออเดรย์เพียงมองและสั่งให้ทหารนายนั้นลุกขึ้นและแจ้งจุดประสงค์ของตนที่มายืนต่อคิวในที่แห่งนี้

“พระองค์สามารถลงทะเบียนกับตัวท่านดยุกได้โดยตรงพ่ะย่ะค่ะ เพื่อความรวดเร็วในการจัดลำดับคิวในการจัดการประลองด้วยเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ” แม้จะรู้สึกฉงนแต่ทหารนายนั้นก็ตอบทุกอย่างออกไปโดยตรงกับองค์ชายห้า
แต่ก็รู้สึกแปลกนักไม่ใช่ภายในพระราชวังประกาศให้เหล่าเชื้อพระวงศ์ที่สนใจงานประลองดาบนี้ไปลงทะเบียนกับท่านดยุกไว้แล้วหรือ แต่ทหารนายนั้นไม่ได้คาดถึงที่ว่าตัวขององค์ชายห้านั้นเป็นที่รังเกียจของคนในพระราชวังขนาดไหน
ข่าวคราวอะไรที่เจ้าตัวไม่คิดจะสนใจจึงไม่มีใครที่นำมาบอกกล่าวกับตัวองค์ชายห้าเลยสักคนเดียว ตัวของออเดรย์เมื่อได้รับคำตอบจากทหารนั้นแล้วเขาจึงกล่าวขอบคุณทหารนายนั้นเล็กน้อยก่อนจะเดินทางไปยังคฤหาสน์ตระกูลบริดเจต

ร่างสูงโปร่งขององค์ชายห้าที่ขวบม้ามาหยุดที่หน้าประตูของคฤหาสน์ตระกูลบริดเจต เขาลงจากหลังของม้าแล้วจูงม้าของตนเดินเข้าไปหาผู้เฝ้าประตู
คนที่เฝ้าประตูเมื่อเห็นร่างขององค์ชายห้ายืนเด่นอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์เขาเดินออกไปต้อนรับอีกฝ่ายด้วยความเคารพก่อนจะเป็นคนจูงม้าแล้วเดินนำอีกฝ่ายเข้าไปยังภายในคฤหาสน์ คนเฝ้าประตูเมื่อมองเห็นท่านพ่อบ้านที่ยืนเด่นเดินออกมาต้อนรับแขกแล้ว
เขาจึงเอ่ยพูดกับองค์ชายห้าเล็กน้อย ก่อนจะนำม้าประจำตัวขององค์ชายห้าไปไว้ที่คอกม้าของคฤหาสน์ตระกูลบริดเจต ร่างสูงโปร่งขององค์ชายห้าหยุดยืนอยู่ต่อหน้าพ่อบ้านประจำตระกูลบริดเจต
อีกฝ่ายเอ่ยเชิญเขาให้เดินเข้าไปด้านในและยังบอกกับตัวเขาอีกด้วยว่าท่านดยุกคีร์แรนกำลังรอเขาอยู่ น่าสงสัยนักคนผู้นั้นรู้ได้อย่างไรว่าเขาจะมาที่แห่งนี้
ออเดรย์คิดอะไรได้ไม่นานพ่อบ้านประจำตระกูลก็เอ่ยขึ้นมาขัดความคิดของเขาและเปิดประตูห้องที่อยู่ตรงหน้าแล้วเชิญเขาไปยังด้านใน ร่างสูงโปร่งขององค์ชายห้าเดินเข้าไปด้านใน
หยุดยืนที่หน้าโต๊ะทำงานที่มีดยุกตระกูลบริดเจตนั่งอยู่และชายคนนั้นกำลังมองจ้องมายังเขาก่อนจะเอ่ยพูดบางอย่างออกมา



“องค์ชายห้า จะเข้าร่วมงานประลองดาบนี้ด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ใช่ ทำไมเหรอมีกฎห้ามองค์ชายผู้ไร้พลังเวทย์คนนี้ห้ามเข้าร่วมการประลองหรือ” คำถามของดยุกคีร์แรนทำให้เขารู้สึกขัดใจเล็กน้อย ออเดรย์จึงตอบอีกฝ่ายไปอย่างประชดประชันแต่อีกฝ่ายก็หาได้ใส่ใจเอาความไม่

“หาไม่พ่ะย่ะค่ะ พระองค์ย่อมสามารถเข้าร่วมได้ตามประสงค์ของพระองค์อยู่แล้ว กระหม่อมไม่คาดคิดเท่านั้นว่าพวกเราสองคนจะได้ประลองดาบกันอีกครั้ง” อีกฝ่ายกับตอบคำประชดประชันของเอาได้อย่างดีเยี่ยมและยังพูดถึงอดีตที่เคยได้ประลองดาบกันอีกครั้งเสียด้วย

“โฮ อย่างงั้นหรือ ท่านคิดว่าตัวข้าสามารถชนะจนเข้ารอบสุดท้ายแล้วไปเจอท่านได้หรือท่านดยุกคีร์แรน”

“แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมล้วนรับรู้วิชาดาบและการฝึกฝนดาบของพระองค์มาเสมอ พระองค์ย่อมสามารถเอาชนะและเข้ามาประลองดาบกับกระหม่อมได้ในรอบสุดท้ายแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

“อย่างงั้นหรือท่านดูมั่นใจมากนะ แต่ช่างเถอะ เราต้องเซ็นลงชื่ออะไรหรือไม่”

“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ แค่องค์ชายมายืนยันตัวในการเข้าร่วมการประลองครั้งนี้กับกระหม่อมถือว่าเป็นการลงทะเบียนเรียบร้อยพ่ะย่ะค่ะ”

“ถ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราขอตัวกลับก่อน” ก่อนร่างขององค์ชายห้าจะเดินออกไปจากห้องแห่ง

มีเสียงของร่างสูงที่นั่งอยู่ด้านหลังเอ่ยชวนเขาทานมื้อเที่ยงร่วมกันก่อนที่เขาจะกลับไปยังพระราชวัง เขาตอบรับคำเชิญนั้นด้วยความเกียจคร้านเล็กน้อย
แต่ด้วยความหิวโหยจึงเลือกที่จะทานมื้อเที่ยงร่วมกับดยุกคีร์แรน บนโต๊ะอาหารทั้งตัวขององค์ชายห้าและตัวดยุกคีร์แรนนั้นไม่มีผู้ใดเอ่ยอะไรออกมาระหว่างที่กำลังรับประทานอาหารเลยสักนิด
ทั้งสองทำเพียงตักอาหารบนโต๊ะขึ้นทานด้วยความเงียบสงบ เมื่อออเดรย์วางช้อนและซ้อมลงดยุกคีร์แรนจึงวางลงด้วยเช่นกันแล้วจึงเอ่ยเรียกพ่อบ้านมาเก็บโต๊ะแล้วนำของหวานมาเสิร์ฟให้กับเขา
ส่วนตัวของดยุกนั้นเป็นเพียงชาจากต่างอาณาจักรที่ทำการค้าขายร่วมกับตระกูลแห่งนี้ ตอนนี้บนโต๊ะมีเค้กสตอเบอร์รี่และชาเช่นเดียวกับดยุกคีร์แรนวางอยู่ตรงหน้าเมื่อของหวานที่ออเดรย์แสนโปรดปรานมาวางอยู่ตรงหน้าแล้ว
เขาไม่ได้สนใจตัวดยุกอีกเลยร่างโปร่งหยิบซ้อมเล็ก ๆ ขึ้นมาเพื่อตัดเค้กให้เป็นชิ้นพอดีคำก่อนจะตักขึ้นมา สัมผัสนุ่มนวลของเนื้อเค้กและความหอมหวานของครีมชีสที่โปะบนหน้าเค้กตัดกันเป็นอย่างดีกับเนื้อสตอเบอร์รี่ข้างในระหว่างทานเค้กไปด้วยนั้นออเดรย์ก็ยกแก้วชาที่ได้สาวใช้เต็มไว้ในแก้วขึ้นมาดื่มรสชาติของชาที่หอมและละมุนลิ้นแม้จะรู้สึกแปลกใหม่กับชานี้
แต่ออเดรย์ก็รู้สึกชอบจึงเอ่ยขอใบชาเหล่านี้เพื่อนำกลับไปชงดื่มที่พระราชวัง ดยุกคีร์แรนไม่ได้ขัดคำขอของตัวองค์ชายห้า เขาทำเพียงสั่งพ่อบ้านให้เตรียมใบชาไว้ก่อนที่ตัวองค์ชายห้าจะเดินทางกลับ
ระหว่างพักทานของหวานทั้งคู่มีพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับมอนเตอร์ที่อยู่นอกกำแพงเมืองหลวงและเรื่องการประลองดาบที่กำลังจะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้



“องค์ชายไม่สงสัยเหรอพ่ะย่ะค่ะ ทำไมองค์จักรพรรดิที่ไม่โปรดปรานการประลองดาบนั้นถึงได้ประกาศจัดงานประลองดาบขึ้นมา” อยู่ ๆ ก่อนที่ออเดรย์จะทานเค้กชิ้นสุดท้ายหมดไป ดยุกคีร์แรนก็โพล่งคำถามแปลก ๆ ออกมาให้เขาสงสัย

“ทำไมเราต้องสงสัยด้วยหรือ ท่านพ่อจะจัดขึ้นเพราะใครก็แล้วแต่ท่าน เราเพียงแค่อยากประลองดาบเพียงเท่านั้น” ออเดรย์ตอบไปตามความคิดของตัวเอง เขาไม่เข้าใจที่ดยุกคีร์แรนโพล่งถามคำถามแบบนั้นกับเขา แต่แล้วอย่างไรท่านพ่อจะจัดงานประลองดาบเพราะท่านพี่คนใดก็แล้วแต่ท่าน ตัวเขาที่เป็นเพียงองค์ชายที่ไร้พลังเวทย์ล้วนไม่เคยอยู่ในสายตาคนผู้นั้นอยู่แล้ว แต่ก็อยากให้ครั้งนี้พิสูจน์ให้ทั้งสองท่านได้รู้ว่าเขาไม่ได้ไร้ประโยชน์อย่างที่พวกท่านคิด

ออเดรย์ไม่ได้สนใจดยุกคีร์แรนที่นั่งอยู่อีกต่อไปเขาลุกขึ้นเดินไปรับถุงที่ใส่ใบชามาแล้วเดินออกไปขวบม้าของตนออกจากคฤหาสน์แห่งนี้