เดลเรียกัดฟันกรอด โผล่มาที่ไหนไม่โผล่ ดันมาโผล่ยันสุดขอบกาแล็กซี่ หนทางกลับดาวหลักช่างมืดบอด! แถมยังต้องรับมือกับชนเผ่าเถื่อนที่วันๆมีแต่จะจ้องทับเขาอยู่ทุกวี่ทุกวัน
รัก,แฟนตาซี,ผจญภัย,ชาย-ชาย,ย้อนยุค,นายเอกเก่ง,ฮาเร็ม,พระเอกหื่น,พระเอกคลั่งรัก,ท้องได้,ไดโนเสาร์,ดึกดำบรรพ์,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,ต่างโลก,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลุมดำ เพียงแค่ได้ยินชื่อก็พานให้กายสั่นสะท้าน ไม่มีใครอยากพบมันและไม่อยากได้ยินแม้กระทั่งชื่อ หลุมดำเปรียบเสมือนยมทูตแห่งความตายที่ถ้าใครได้เห็นก็หมายถึงความตายได้มาเยือนแล้ว
และเขาก็กำลังอยู่ในหลุมดำที่ว่านั้น!
มันช่างเป็นตลกร้ายที่มือขวาของท่านจอมพลอันแสนเก่งกาจได้มาสิ้นชีพเพราะถูกหลุมดำดูด เขาสัมผัสได้ถึงแรงบีบอัดที่กำลังบีบปีกของเขาให้แหลกเป็นเสี่ยงๆ ถ้าหากรู้ว่าจะต้องมาตายที่นี่ อย่างน้อยเขาน่าจะทำเอกสารบนโต๊ะให้เสร็จก่อน และที่สำคัญ
"บัดซบ..ยังไม่ได้ลบไฟล์เว็บส้มดำในคอมพิวเตอร์!"
ในสถานที่อันห่างไกลแห่งหนึ่ง ดวงดาวแห่งนี้มีลักษณะเหมือนดาวเคราะห์สีน้ำเงินทุกประการแต่ทว่ากลับมีรูปร่างใหญ่กว่าเท่าตัว บนฟากฟ้าจากที่เคยมีเมฆสีขาวล่องลอยเหมือนปกติ ทว่ากลับปรากฏหลุมดำขึ้นอย่างกะทันหัน ปากสีดำเปิดกว้างราวกับปากสัตว์ร้ายกำลังจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่ขว้างหน้า แต่กลับกลายเป็นว่ามีร่างๆหนึ่งร่วงหล่นลงมาแทน
ร่างบอบบางของหัวหน้าหน่วยหนึ่งร่วงหล่นจากฟ้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งในสภาพที่เจ้าตัวไร้สติถือว่าเป็นอันตรายต่อชีวิตเป็นอย่างมาก แต่ยังดีที่โชคของเดลเรียยังไม่หมด ยังมีต้นไม้สูงตระหง่านช่วยชะลอความเร็วให้...หากไม่นับปีกที่หักตามร่างกายของเดลเรียก็มีเพียงรอยขีดข่วนเพียงเล็กน้อย
ร่างสีขาวร่วงลงมากระแทกพื้นเสียงดัง ขนนกสีขาวกระจุยกระจายไปทั่ว หลังจากที่ร่วงลงมาได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เปลือกตาสีขาวก็ค่อยๆเปิดขึ้น ดวงตางามฉ่ำปรือปรอยค่อยๆมองรอบด้านอย่างงุนงง
"อึก!!!!"
พอลองขยับตัวนิดเดียวความเจ็บปวดก็พานแล่นไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว แถมพอจะขยับปีกก็ต้องร้องครางด้วยความเจ็บปวดอีกรอบ เพราะโค่นปีกหักจนเกือบขาด
"ปกติผมต้องตายแล้วไม่ใช่เหรอไง ทำไมถึงได้มาโผล่ในที่ที่มองไปทางไหนก็เจอแต่พุ่มไม้ใบกัน?"
สงครามระหว่างดวงดาวแน่นอนว่ายังมีดาวที่ยังไม่ได้สำรวจอีกมากมาย ดาวดวงนี้ก็คงจะเป็นหนึ่งในกลุ่มนั้น เดลเรียพาร่างบอบช้ำเดินเข้าไปพิงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งอย่างอ่อนแรงและพยายามรวบรวมสมาธิเพื่อเก็บปีกของตนกลับเข้าแผ่นหลัง
กร๊อบ!
"อึก! ผ่านสงครามมาร้อยครั้งไม่เคยหัก พอโดนหลุมดำดูดครั้งเดียวหักทันทีเลยนะ"เดลเรียบ่นอุบอิบ แม้ภายนอกเขาดูเหมือนจะบอบบางอ้อนแอ้น แต่หากได้สู้กันตัวต่อตัวแล้วจะรู้ว่าคนตัวบางแข็งแกร่งขนาดไหน
เลือดสีแดงสดซึมผ่านเสื้อผ้าสีขาวราวกับดอกกุหลาบกำลังเบ่งบานอยู่บนแผ่นหลังทั้งดูสวยงามและเย้ายวนในคราเดียว นัยน์ตาสีม่วงอมน้ำเงินกวาดมองรอบด้านอย่างระมัดระวัง เพราะกลิ่นเลือดอาจจะดึงดูดสัตว์ร้ายจึงจำเป็นต้องตื่นตัวตลอดเวลาแม้ว่าร่างกายจะบาดเจ็บก็ตาม
"ชิ อุปกรณ์สื่อสารก็พังไปหมด แล้วทีนี้ผมจะกลับดาวหลักได้ยังไง" หยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาดูก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยความหนักใจ ตอนนี้ทั่วทั้งร่างของเขาไร้อาวุธป้องกันตัว ปีกที่ใช้หลบหนีก็ดันหัก..ไม่อยากยอมรับเลยว่าเขากำลังมืดแปดด้านอย่างแท้จริง!
นั่งพักเพียงชั่วครู่ เขาก็เริ่มพยุงร่างขึ้นยืนช้าๆ หากมัวแต่อยู่ที่เดิมๆเป็นเวลานาน ยามตะวันใกล้ลับฟ้าจะเป็นที่สัตว์ร้ายออกล่า แล้วอีกอย่างคือเขาจำเป็นต้องมีอาหารตกถึงท้อง
เดลเรียพยายามก้าวขาอันสั่นเทาเดินไปข้างหน้า ลากร่างช้ำในออกจากจุดที่ยืนอยู่ เขารู้สึกมาได้สักพักแล้วว่าเหมือนถูกสายตาที่มองไม่เห็นจับตามองอยู่ทั่วทุกสารทิศ อาจจะเป็นเพราะร่างกายไม่ได้อยู่ในสภาพที่เต็มร้อยประสาทสัมผัสถึงได้ทื่อลง แต่อย่างไรก็ตามตราบใดที่พวกมันไม่เข้ามาทำร้าย ..เขาจะทำเป็นมองไม่เห็นไปสักพัก
เรือนร่างขาวนวลพาร่างเดินไปเรื่อยๆ นัยน์ตาคู่สวยเหลือบสายตามองไปยังพุ่มไม้ด้านหลังที่แอบขยับเล็กน้อยก่อนที่ตัวเขาจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
"ทำไมไม่เจอแหล่งน้ำสักที แฮ่ก แฮ่ก"ตั้งแต่ตื่นมายังไม่ได้ดื่มน้ำสักอึกทำให้รู้สึกเวียนหัว จึงจำเป็นต้องหยุดพักชั่วคราว เขาไม่เคยรู้สึกขัดใจกับร่างกายของตนเองมากขนาดนี้มาก่อน อย่างกับว่าเขาได้ย้อนกลับไปตอนที่เขายังเป็นทหารใหม่ๆ แต่ทว่าจู่ๆ เดลเรียก็ต้องรู้สึกแปลกๆ เพราะตลอดทางที่เดินผ่านไม่มีแมลงหรือสัตว์ตัวเล็กๆให้เห็นเลยสักตัว
"ทำไมต้นไม้ใบไม้ที่นี่ถึงใหญ่ขนาดนี้ ใหญ่จนรู้สึกแปลกๆ" ความสงสัยปรากฏขึ้นภายในดวงตาของเดลเรีย ต้นไม้ที่สูงใหญ่เมื่อเทียบกับตัวเขาแล้ว เขาแทบจะกลายเป็นมดตัวน้อยๆไปเลย เมื่อหาที่นั่งได้เขาก็นั่งหลบใต้ใบไม้ใบหนึ่งมันบังร่างของเขาจนมิดตัว
แซ่ด!
ใบหูเรียวยาวกระดิกเล็กน้อย หลังพุ่มไม้อีกฝั่งห่างออกไป 200 เมตร เขาได้ยินเสียงบางอย่างเคลื่อนไหว แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยแต่ร่างกายกลับเตรียมพร้อมที่จะหนีได้ทุกเมื่อ
มันตามเขามาได้สักพักหนึ่งแล้ว ในใจอยากจะสลัดมันให้พ้นใจจะขาดแต่เขายังอยากจะยืนยันว่าบนดาวดวงนี้มีสิ่งมีชีวิตชนิดใดบ้าง
นัยน์ตาสีน้ำเงินอมม่วงดุจห้วงอวกาศจ้องมองพุ่มไม้อย่างไม่ละสายตา ในมือแอบลอบกำหินเงียบๆ
แซ่ดๆ
ตอนแรกมันอยู่หลังพุ่มไม้พุ่มเดิม แต่ทว่าเพียงพริบตามันก็ย้ายไปอีกพุ่มหนึ่งอย่างรวดเร็ว เดลเรียมองความเร็วนั้นด้วยแววตาเคร่งเครียด หากเป็นเขาในยามปกติป่านนี้คงจะบินอยู่เหนือน่านฟ้าไปแล้ว!
"สัตว์นักล่าไม่มีทางขยับพุ่มไม้บอกที่ซ่อนแบบนี้แน่ๆ " เขาพยายามลุกขึ้นยืน แต่ด้วยร่างกายขาดน้ำเป็นเวลานานทำให้มีอากาศเวียนศีรษะจนต้องใช้ต้นไม้ด้านหลังพยุงร่างเอาไว้
แหมะ
แหมะ
สัมผัสชื้นแฉะตรงไหล่ ทำให้เดลเรียต้องยกมือขึ้นลูบอย่างสงสัย แต่พอแตะแล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อมันดูไม่เหมือนน้ำจากธรรมชาติเลยสักนิด แต่มันดันเหนี่ยวๆหนืดๆ เหมือนน้ำลายมากกว่า
น้ำลาย?
โดยไม่ต้องหันกลับไปมอง ร่างของเขาก็ม้วนตัวหลบออกจากจุดที่ยืนอยู่โดยอัตโนมัติ ก่อนจะหันหลังวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ลืมความเจ็บปวดก่อนหน้าจนสิ้น
ตึ่ง ตึ่ง
เสียงย่ำเท้าปานฟ้าถล่มบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า 'มัน' ต้องมีร่างกายที่ใหญ่โตเป็นแน่ เดลเรียกัดฟันข่มความเจ็บปวดแล้วตั้งหน้าตั้งตาวิ่งลูกเดียว
"ไอ้บ้าเอ๊ย!!!"
ริมฝีปากชมพูระเรื่อแผดเสียงสบถอย่างอัดอั้น เขารู้ขีดจำกัดของร่างกายตัวเองดี หากยังวิ่งต่อไปอย่างไร้จุดหมายไม่นานความเร็วก็จะลดลง สุดท้ายก็จะถูกมันจับฉีกเป็นชิ้นๆ
เดลเรียวิ่งซิกแซกเป็นรูปตัว Z ซึ่งมันก็ใช้ได้ผล ระยะห่างระหว่างเขากับมันห่างเพิ่มมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยไม่เหมาะสมกับขนาดตัวของมัน
"แฮ่ก ในที่สุดมันก็ตามไม่ทัน" เดลเรียผ่อนฝีเท้าลงก่อนจะทรุดตัวลงอย่างอ่อนแรง เส้นผมยาวสลวยเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาลากร่างอันอ่อนแรงเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงน้ำไหล ไม่รอช้าร่างบางรีบมุ่งหน้าหาแหล่งที่มาของเสียงทันที
จวบจนกระทั่งได้มาเจอเข้ากัแหล่งน้ำขนาดเล็ก ริมฝีปากอมชมพูระเรื่อฉีกยิ้มอย่างยินดี มือเรียวสวยรีบกวักน้ำขึ้นมาดื่ม ความกระหายที่เคยมีถูกแทนที่ด้วยความสดชื่นจากสายน้ำ
ในขณะที่กำลังดื่มด่ำกับความสดชื่นของสายน้ำและบรรยากาศรอบด้าน โดยที่ไม่รู้ตัว...ร่างของเขาก็ล้มลง
เอ๊ะ? ทำไมเขาถึงล้มลงได้ล่ะ?
เดลเรียกำลังงุนงงอย่างถึงที่สุด ไม่ใช่ว่าเขาแค่ฟื้นขึ้นมาแล้ววิ่งหนีสัตว์ประหลาดใหญ่ยักแล้วมาจบลงที่ดื่มน้ำแก้กระหายที่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมร่างกายของเขาถึงได้ล้มลงไปนอนกับพื้นได้กัน มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด
หรือว่า..ในน้ำนี้มันมีสิ่งผิดปกติกัน?
ตึ่ง! ตึ่ง!
เมื่อเดลเรียล้มลงทำให้หูของเขาแนบลงไปกับพื้น ทำให้ได้ยินเสียงสั่นสะเทือนแม้ว่าระยะทางจะอยู่ห่างไกลก็ตาม เขารู้สึกได้ว่าทิศทางมันกำลังจะมาทางที่ๆเขาอยู่ แม้ว่าในใจจะร้อนรนขนาดไหน แต่กระนั้นเขาก็ไม่สามารถขยับร่างได้แม้แต่น้อย
"นี้เราต้องมาตายที่นี่เหรอ?"
เสียงเดินปานฟ้าถล่มเข้ามาใกล้เรื่อยๆและเป็นเวลาเดียวกันกับที่เดลเรียเริ่มขยับนิ้วได้ "ขยับสิ เร็วเข้า!" เขาจะไม่ยอมตายที่นี่เด็ดขาด! เดลเรียกัดริมฝีปากจนได้เลือด ใช้ความเจ็บปวดแค้นแรงเฮือกสุดท้ายพยุงร่างขึ้นมาได้สำเร็จ แล้วออกตัววิ่งอีกครั้ง...ทว่าร่างกายกลับไม่ให้ความร่วมมือเสียอย่างนั้น พอก้าวขาออกไปได้ก้าวเดียวก็ต้องทรุดตัวล้มลงไปอีกรอบ เป็นแบบนี้อีกสองสามครั้งจนเดลเรียตัดสินใจใช้แขนทั้งสองข้างพาร่างลงไปในน้ำ
ในใต้น้ำเขารู้ได้เลยว่าใบหน้ามันอยู่เหนือศีรษะ ในใจก็ได้แต่ภาวนาไม่ให้มันหาเขาเจอ...เวลาผ่านไป 1นาที... 2นาที...มันกลับไม่คิดจะถอยกลับไป อากาศหายใจเริ่มจะหมดลงทุกชั่วขณะ เดลเรียเริ่มหายใจไม่ออกและแน่นหน้าอก...แต่ถ้าหากโผล่ขึ้นไปหายใจก็มีสัตว์ประหลาดตัวยักรออยู่ ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็มีแต่ต้องตายทั้งนั้น
ทว่า...ไม่ถึงชั่วอึดใจความกดดันเหนือศีรษะก็หายไป เดลเรียโล่งอกเตรียมจะโผล่ขึ้นไปข้างบน แต่นึกไม่ถึงว่าจะถูกดึงคอเสื้อขึ้นให้พ้นเหนือน้ำอย่างกะทันหัน
"แค่กๆ แค่ก ใคร? แค่ก"
เสื้อผ้าเปียกชุ่มแนบไปกับเรือนร่างบอบบาง มือแกร่งหิ้วคอเสื้อเดลเรียเข้ามาใกล้ก่อนจะใช้ดวงตาสีน้ำผึ้งจ้องมองด้วยแววตาเป็นประกาย
"อะไร อ๊า! " เดลเรียร้องเสียงหลงเมื่อถูกลิ้นหนาของอีกฝ่ายเลียแก้ม กิริยาหยาบคายเช่นนี้เขาพึ่งเคยโดนเป็นครั้งแรก "นี่จับตรงไหนของนายกัน ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ!" ทั่วร่างถูกมือหนาจับนู่นจับนี่โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่แทนที่บุรุษผู้นี้จะหยุดกลับกลายเป็นว่ามือหนาเลื่อนลงมาบีบบั้นท้ายของเขาอย่างจาบจ้วง
"ไอ้เวรเอ๊ย!"
ผลัวะ!
มือขาวต่อยเข้าที่ใบหน้าคมเข้าเต็มแรง ทว่าแทนที่อีกฝ่ายจะปล่อยเขาลงแล้วกุมใบหน้าด้วยความเจ็บปวด แต่กลับทำให้มันมีแววตาเป็นประกายน่าขนลุกมากยิ่งขึ้น
ยี้ หยะแหยง!
"สวยเหลือเกิน ไม่เคยเห็นตัวเมียสวยขนาดนี้มาก่อน"บุรุษแปลกหน้าพูดเพ้อพลางฉีกยิ้มราวกับคนโง่
ตัวเมีย? มันกล้าเรียกผู้ชายทั้งแท่งอย่างเขาว่าตัวเมีย ถ้าเขาไม่ได้ฆ่ามันวันนี้ก็อย่ามาเรียกเขาว่าเดลเรียเลย!
ผลัวะ!
"แม่นายสิตัวเมีย! เอาตาไหนมองว่าผมเป็นตัวเมียตาบอดรึไง" เขาทั้งถีบทั้งเตะต่อยไม่มียั้ง ซึ่งเหมือนกับอีกฝ่ายจะไม่รู้สึกเจ็บปวด ยังคงฉีกยิ้มหน้าระรื่นเหมือนคนโรคจิต
"มือเจ้าเจ็บหรือไม่"
เจ็บบิดาแกสิ!
"ปล่อยเดี๋ยวนี้ ปล่อยนะ ไอ้คนเถื่อน!ที่บ้านไม่สั่งไม่สอนรึไงว่าห้ามหิ้วคอเสื้อคนอื่นน่ะ ไม่รู้จักคำว่ามารยาทรึยังไง"ใบหน้าขาวนวลแดงก่ำเพราะความโกรธคับอก แต่ในสายตาของบุรุษเถื่อนกลับมองว่าคนตัวเล็กช่างน่ารักน่าเอ็นดู
"อย่าเอาหน้าเข้ามาใกล้นะ เป็นพวกโรคจิตชอบความรุนแรงรึไง"
มือบางทั้งดันหน้าทั้งตบตี สุดท้ายก็จบที่โดนบุรุษเถื่อนเลียแก้มอีกข้างจนเปียกชุ่ม เดลเรียไม่เคยรู้สึกถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรีเช่นนี้มาก่อน จึงรู้สึกอยากฆ่าบุรุษผู้นี้ให้สิ้น
"อย่าให้เราหลุดไปได้นะ แกตายแน่!!"