ชัดเจนผู้ครองตำแหน่งขวัญใจหลานสาวมาโดยตลอด อยู่ ๆ หลานสาวก็มีขวัญใจคนใหม่อย่างสัตวแพทย์หนุ่มนามว่าเดียร์ ที่น้องชมพูถึงกับพูดว่าเขาคือเจ้าบ่าวในอนาคตของเธอ เขาคงต้องลงมือกำจัดกวางให้พ้นทางเสียแล้ว

come to be my deer - บทที่ 2 ผู้ปกครองน้องชมพู โดย summer_T @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,รัก,ไทย,อื่นๆ,นิยายเกย์,นิยาย18+,boylove ,#BL,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

come to be my deer

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,รัก,ไทย,อื่นๆ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายเกย์,นิยาย18+,boylove ,#BL,รักวัยรุ่น,นิยายวาย

รายละเอียด

ชัดเจนผู้ครองตำแหน่งขวัญใจหลานสาวมาโดยตลอด อยู่ ๆ หลานสาวก็มีขวัญใจคนใหม่อย่างสัตวแพทย์หนุ่มนามว่าเดียร์ ที่น้องชมพูถึงกับพูดว่าเขาคือเจ้าบ่าวในอนาคตของเธอ เขาคงต้องลงมือกำจัดกวางให้พ้นทางเสียแล้ว

ผู้แต่ง

summer_T

เรื่องย่อ

Come to be my Deer : หลงกวาง


#หลงกวาง



เมื่อหนุ่มนักธุรกิจอย่าง ชัดเจน ผู้ครองตำแหน่งขวัญใจหลานสาวมาโดยตลอดอยู่ ๆ

บัลลังก์ก็สั่นคลอนเพราะมีขวัญใจคนใหม่อย่างสัตวแพทย์หนุ่มนามว่า เรนเดียร์

ที่น้องชมพูหลานสาวเพียงหนึ่งเดียวถึงกับพูดว่า "ครู (หมอ) เดียร์ คือ เจ้าบ่าวในอนาคตของเธอ" ด้วยวัยเพียง 5 ขวบ

อย่างนี้เขาคงต้องกำจัดกวางป่าให้พ้นทางเสียแล้ว

สารบัญ

come to be my deer-บทที่ 1 ขวัญใจ (คนใหม่),come to be my deer-บทที่ 2 ผู้ปกครองน้องชมพู,come to be my deer-บทที่ 3 ลงสนาม,come to be my deer-บทที่ 4 สายตาคืออาวุธ,come to be my deer-บทที่ 5 พ่อทูนหัว,come to be my deer-บทที่ 6 สวัสดีเพื่อนใหม่,come to be my deer-บทที่ 7 ติดตามผลงาน,come to be my deer-บทที่ 8 กระแสใหม่,come to be my deer-บทที่ 9 เด็กดี,come to be my deer-บทที่ 10 มองหา,come to be my deer-บทที่ 11 เป็นข่าว,come to be my deer-บทที่ 12 วันหยุด,come to be my deer-บทที่ 13 ถอย,come to be my deer-บทที่ 14 เคลียร์,come to be my deer-บทที่ 15 เริ่มต้น,come to be my deer-บทที่ 16 พร่ามัว,come to be my deer-บทที่ 17 คืนฉลอง,come to be my deer-บทที่ 18 ความกลัว,come to be my deer-บทที่ 19 สิ่งที่เลือนหาย,come to be my deer-บทที่ 20 ภาพถ่าย,come to be my deer-บทที่ 21 รับรู้,come to be my deer-บทที่ 22 ประกาศตัว,come to be my deer-บทที่ 23 เยือนถิ่นกวาง,come to be my deer-บทที่ 24 เข้าฝูง,come to be my deer-บทที่ 25 ล่อ(ลวง)กวาง,come to be my deer-บทที่ 26 หลงกวาง,come to be my deer-บทที่ 27 พิเศษ1 ฝูงกวาง,come to be my deer-บทที่ 28 พิเศษ2 กวางเชื่อม,come to be my deer-บทที่ 29 พิเศษ3 กวางเหลียวหลัง

เนื้อหา

บทที่ 2 ผู้ปกครองน้องชมพู

"ไงคะ แม่ตัวดีของม้า เป็นยังไง ทำไมถึงดื้อขนาดนี้ ให้พี่ปายกลับมาก่อนได้ยังไง" ทันทีที่ผมเชิญถ้วยรางวัลมาถึงบ้าน เสียงพี่สาว
ผมก็เอ่ยลอยมาทักทายลูกสาว พร้อมกับเจ้าตัวที่เดินออกมารอรับเตรียมกำราบเด็กแสบ

ส่วนเด็กที่มีความผิดติดตัวก็ได้แต่มุดหน้าหนี ซุกหลบกับไหล่ผม

"ตาชัด วางเลย วางหลานลง น้องชมพูต้องคุยกับม้าก่อนค่ะ เราไม่หนีหน้ากันนะคะ ลงมาคุยกันดี ๆ " พี่ชิดเอ่ยเสียงนิ่งขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อลูกสาวเกาะคุณอาแน่นไม่ยอมให้วางลงง่าย ๆ

"น้องชมพูคุยกับม๊าก่อนนะคะ เดี๋ยวอาชัดอยู่ด้วย ดีไหม" ผมออกตัวเข้าข้างหลานไว้ก่อน ยังไงก็ต้องทำคะแนนเอาไว้

ล้อเล่นนะครับ เห็นเจ้าตัวเล็กหงอย ๆ ใครจะใจแข็งยืนเฉยได้

"หยุดเลยตาชัด ตามใจเกินเรื่อง เดี๋ยวจะโดนด้วยอีกคน" สรุปเลยโดนทั้งอาทั้งหลาน

"จะคุยกับม้าหรือจะคุยกับป๊าคะ ม้าให้ชมพูเลือกเลย ม้าไม่บังคับ" สิ้นประโยคเด็กน้อยแก้มป่องก็ยอมคลายมือที่เกาะแขนคุณอาแน่นลงมายืนบนพื้นดี ๆ พร้อมเอ่ยเสียงแผ่วเบาตอบกลับ

"ม้าค่ะ"

สองแม่ลูกเดินหายเข้าไปในห้องรับแขกเล็ก เพื่อเข้าสู่ช่วงปรับทัศนคติ ไม่บ่อยนักที่บ้านผมจะมีช่วงพูดคุยตัวต่อตัวอย่างนี้ ถึงแม้ว่าหลานผมจะแสบซ่าหน้าซนขนาดไหน ก็ยังจัดว่าเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายพูดง่ายไม่ค่อยทำอะไรที่เกินเด็กมากนัก ถ้าเทียบกับเด็กในวัยเดียวกัน

ส่วนผมเองถึงอยากทำคะแนนแค่ไหน คงต้องยอมปล่อยให้พี่ชิดกำราบลูกสาวตามบทบาทคนเป็นแม่ ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวน่าจะดีที่สุด

"อ้าวชัด เป็นไงสบายดีไหม นี่ถ้าชมพูไม่แผลงฤทธิ์เฮียคงลืมหน้าน้องเมียไปแล้ว" เฮียยุต ผู้ดำรงตำแหน่งป๊าน้องชมพูเอ่ยทักทายทันทีที่ผมเดินเข้ามาในห้องอาหาร

"เกินไปเฮีย อาทิตย์ที่แล้วผมก็แวะเข้ามา" ผมเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้กับพี่เขย

"แล้วเป็นไง ชิดเขาใช้งานหนักขนาดต้องย้ายตัวเองไปนอนออฟฟิศเลยหรือไง ให้เฮียคุยให้ไหม"

"ไม่ขนาดนั้นหรอกเฮีย ไม่เชิงว่าหนัก แต่ก็มีอะไรที่ผมต้องเรียนรู้อีกเยอะ อีกอย่าง ยังไม่ชินกับรถติดเลยเฮีย ไม่อยากอยู่บนรถนาน ๆ นอนมันที่ตึกเลยดีกว่า แค่ลงลิฟต์ก็ถึงออฟฟิศล่ะ"

"ก็จริง ถ้าเป็นเรื่องรถติดเฮียไม่เถียง"

"แล้วก็…นอนตึกเงียบดี ไม่มีเสียงพี่ชิดคอยบ่น" คราวนี้ผมตั้งใจลดเสียงสนทนาให้เบาลง แม้ว่าบุคคลที่เอ่ยถึงจะไม่ได้อยู่ในห้องนี้ก็ตาม

"อันนี้จริงที่สุด" เฮียยุตเองก็ตอบกลับมาด้วยระดับความดังของเสียงเดียวกัน ก่อนที่ทั้งผมทั้งเฮียจะพร้อมใจกันหัวเราะออกมา



"คุยอะไรกันหนุ่ม ๆ หัวเราะกันดังเชียว" เสียงประกาศิตของบ้านเอ่ยลอยมานิ่ง ๆ แต่หยุดทุกความบันเทิงในห้องนี้ได้ชะงักนัก

"ก็คุยไปเรื่อยน่ะคุณ ชมพูมาหาป๊ามา"

พ่อบ้านที่ดีคือพ่อบ้าน (ใน) ใจกล้า

"ม้าคุยกับชมพูแล้วค่ะ ป๊าห้ามดุแล้ว ไม่งั้นซ้ำ" ชมพูเดินมานั่งตักผมแทน

นี่สินะ ราศีแชมป์เก่าทุกสมัย ใครจะสู้อาชัดคนหล่อไปได้

"ป๊าไม่ได้จะดุ ป๊าจะถามว่าชมพูกับม้าตกลงกันว่ายังไง"

"ชมพูจะไม่ดื้อแล้วค่ะ ยอมให้พี่ปายไปรับก็ได้"

"รู้ใช่ไหมว่าวันนี้ไม่น่ารักเลยนะคะ พี่ปายเขาเสียใจนะที่ชมพูให้พี่ปายกลับบ้านก่อน" เด็กน้อยพยักหน้าเข้าใจ ก่อนช้อนตามองไปยังมุมห้องไม่ไกลที่มีพี่เลี้ยงเจ้าของชื่อที่ถูกเอ่ยถึงยืนอยู่

"น้องชมพูไปขอโทษพี่ปายนะคะ" ผมกระซิบบอกหลานสาวบนตัก เจ้าตัวเล็กพยักหน้าอีกครั้งก่อนจะกระโดดลงวิ่งไปกอดพี่เลี้ยง

แสนดีที่หนึ่ง ก็คือน้องชมพูหลานผมเองครับ

"ไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยจะได้ลงมากินอาหารเย็นนะคะ" พี่ชิดเอ่ยบอกลูกสาว พร้อมเดินมานั่งลงที่เก้าอี้อีกฝั่งข้างสามี

"ไหนเล่าสิ ครูหนุ่มคนไหนทำลูกสาวฉันหลงขนาดนี้" จัดการลูกสาวได้ ไหงกลายเป็นผมที่โดนสอบสวน

"อ้าว พี่ชิด แล้วที่หายไปนานสองนานกับลูก ผมก็นึกว่าซักกันจนละเอียดแล้วเสียอีก"

"เด็กอนุบาลแกจะให้ฉันซักเรื่องหนุ่ม ๆ หรอ เดี๋ยวเถอะ" ตอนเด็กดุยังไง โตมาก็ดุอย่างนั้น แถมอัพเลเวลจากเมื่อก่อนที่ดุน้องชายคนเดียว ตอนนี้ดุสามีเพิ่มด้วย

"หมอครับ ไม่ใช่ครู เห็นบอกว่ามาดูแลสัตว์ประจำห้องเรียนอะไรสักอย่างนี่แหละ" ผมอธิบาย

"หล่อไหม" รอบนี้เป็นเฮียยุตที่เอ่ยถาม

"อะไรเนี่ยเฮีย"

"หมอน่ะ หล่อไหม"

"เฮีย เฮียควรถามว่าไว้ใจได้ไหมไม่ใช่หรือ"

"โอ๊ย ไว้ใจได้ จริง ๆ โจเซฟมันบอกเฮียแล้วเรื่องสัตว์เลี้ยง เรื่องหมอไรเนี่ย แถมโรงเรียนก็มีหนังสือมาถามความยินยอมร่วมกิจกรรมแล้วด้วย แค่เฮียยังไม่เคยเห็น ไม่คิดว่าจะทำเด็กอนุบาลหลงได้ขนาดนี้"

"โจเซฟ?"

"เขาเป็นเจ้าของโรงเรียนน้องชมพู รุ่นน้องยุตเขา ไว้ใจได้ ชมพูก็เหมือนหลานเขา สนิทกัน" พี่ชิดขยายความให้หายสงสัย

"ก็ไม่เสมอไปมั้งครับ"

"เอาน่า สรุปหล่อไหม" ผัวเมียคู่นี้เขาเป็นอะไรกัน

"ก็…พอดูได้"

"พอดูได้เองหรือ หล่อเท่าเฮียไหม"

"โอ๊ยเฮีย เท่าเฮียจะเรียกว่าหล่อได้ไงครับ"

"สามีฉันหล่อที่สุด แกอย่ามาบู้บี้" สิ้นประโยคคนเป็นอา คนเป็นเมียก็ใช้สิทธิภรรยายอดนักดาบปราบคนพูดไม่เข้าหูทันที

"ก็...หล่อ แต่น้อยกว่าผมเยอะ พอใจไหมครับ"

"โอเค พอใจล่ะ นาน ๆ จะแวะมา ได้แกล้งแกบ้างฉันคงนอนหลับไปหลายวัน"

เป็นครั้งที่สองของวันที่เสียงหัวเราะประสานกันดังตอกย้ำความพลาดพลั้งพ่ายแพ้ของผม ผมเองก็ไม่น่ามานั่งจริงจังอะไรกับคำถามของสองคนนี้เลย อยากจะบ้า



"อาชัดขา วันนี้ชมพูอยากให้อาชัดเล่านิทานให้ฟังค่ะ" เสียงเล็กใสเอ่ยอ้อนหลังจากทานมื้อเย็นกันเสร็จเรียบร้อย

"อือ ถ้าน้องชมพูให้อาชัดนอนด้วย อาชัดถึงจะเล่านิทานให้ฟังค่ะ" ผมยื่นข้อเสนอ

"วันนี้อาชัดจะนอนที่นี่หรือคะ เย้ ชมพูคิดถึงอาชัดที่สุดเลย" เด็กปากหวานเอ่ยเสียงสดใส กระโดดลงจากเก้าอี้ตัวเองมากอดอ้อน

เห็นแบบนี้ อยากจะย้ายของกลับมานอนบ้านทุกวันเลย

"แพ้ลูกอ้อนชมพูตลอดแหละตาคนนี้ ป้าผึ้งคะ ชิดฝากเรียกเด็ก ๆ ขึ้นไปดูที่นงที่นอนห้องตาชัดให้หน่อยนะคะ ว่าเรียบร้อยดีไหม"

"ค่ะ คุณชิด"

"ชมพูขึ้นไปอาบน้ำกับพี่ปายนะคะ เดี๋ยวป๊าม้าอาชัดคุยงานกันก่อน เสร็จแล้วจะไปส่งคุณอาชัดให้ถึงห้องเลยนะคะ"

เฮียยุตรับบทจัดแจงกิจวัตรรายวันของลูกสาว ก่อนที่เราจะย้ายไปคุยงานกันที่ห้องทำงานของเฮียยุตและคุณภรรยา



"นอนได้แล้วนะคะ อาเล่าไปสองเรื่องแล้วนะ พรุ่งนี้น้องชมพูต้องไปโรงเรียนนะคะ" ผมยกมือลูบผมนิ่มของหลานสาว

"อาชัดขา อาชัดมารับน้องชมพูทุกวันเลยไม่ได้หรือคะ"

"รับที่โรงเรียนหรือคะ" เด็กน้อยพยักหน้าแทนคำตอบ

"ได้สิคะ แต่ให้ไปรับทุกวันอันนี้อาชัดไม่รับปากนะคะ บางทีอาชัดก็อาจจะติดงาน"

ผมอธิบายหลานไปตามความเป็นจริง เพราะไม่อยากรับปากในสิ่งที่ยังไม่แน่นอนว่าจะทำได้ เด็กน้อยเอนหัวกลมมาซุกอกผมที่นอนตะแคงอยู่บนเตียงเจ้าหญิงแสนสวยของหลานสาว

ความรู้สึกที่หลานสาวคนเดียวต้องการเรามาก ๆ นี่มันดีจริง ๆ นะครับ

"อ้อนจังเลย ชมพูอยากให้อาชัดไปรับขนาดนั้นเลยหรือคะ" ถ้ามีกระจกส่องหน้าตัวเองตอนนี้ ปากผมคงฉีกยิ้มยาวไปถึงติ่งหู

"ชมพูไม่อยากให้พี่ปายไปรับค่ะ เดี๋ยวพี่ปายแย่งครูเดียร์"

อ้าว

เอ๊ะ

สรุปยังไงนะครับ สรุปว่าต้องการอาชัด หรือแค่หวงครูเดียร์ยิ้มแห้งกลางอากาศสิครับอย่างนี้

"อาชัดน้อยใจได้ไหมเนี่ย" เจอแบบนี้ขอแกล้งงอนหลานกลับจะมีหวังพอได้คะแนนตีตื้นขึ้นมาบ้างไหมครับ

"ไม่ได้ค่ะ เพราะชมพูรักอาชัด รักมาก ๆ เลย"

"แล้วชมพูไม่รักพี่ปายหรือคะ ไหนว่าคุยกับม้าแล้วไง"

"ถ้าดื้อกับม้าตอนม้าคุยด้วยชมพูก็จะโดนม้าดุเยอะ ๆ เลยค่ะ อาชัดมารับชมพูแทนพี่ปายนะคะ นะคะอาชัด"

ทำไมกัน ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้

"แล้วชมพูไม่กลัวอาชัดแย่งครูเดียร์หรือคะ"

"เอ๊ะ อาชัดชอบครูเดียร์หรือคะ" ชมพูที่นอนอ้อนผมอยู่ถึงกับดีดตัวมานั่งมองหน้า ครูดงครูเดียร์นี่มันจะอะไรกันนักกันหนา ออกจากความคิดของหลานผมเดี๋ยวนี้

"ไม่ใช่ค่ะ อาแค่ถามเล่น ๆ เฉย ๆ ก็อาน้อยใจน้องชมพูนี่คะ" ผมรีบแก้ตัวก่อนจะโดนหักคะแนนไปมากกว่านี้ ผมแค่ลองถามเล่น ๆ ดูเท่านั้น ไม่ได้คิดแบบนั้นจริง ๆ เสียหน่อย ใครจะไปยอมเสียแต้มให้กับการพลั้งปากสิ้นคิดแบบนี้กัน

"แน่นะคะ อาชัดห้ามชอบครูเดียร์นะคะ ชมพูจองแล้ว ชมพูจะชอบคนเดียว" แก้มใสพองลมเหมือนปลาปักเป้าตอนขู่สัตว์ร้าย

"แน่สิคะ เอาอย่างนี้สองอาทิตย์หน้าอาชัดจะไปรับชมพูทุกวันเลย ดีไหมคะ"

"อาชัดห้ามแย่งนะคะ"

"ไม่แย่งค่ะ แต่ชมพูต้องห้ามหอมแก้มครูเดียร์แล้วนะคะ หอมได้แค่ป๊าม้าแล้วก็อาชัดเท่านั้น เข้าใจไหมคะ"

"ทำไมล่ะคะ แก้มครูเดียร์หอมจริง ๆ นะคะ นุ่มด้วย ชมพูชอบ"

"ไม่ได้ค่ะ ถ้าชมพูไม่ตกลง อาชัดจะให้พี่ปายไปรับเหมือนเดิม แล้วก็จะแย่งครูเดียร์ด้วย" ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ขอใช้เสน่ห์คุณหมอ
เพิ่มระยะห่างสนามแข่งหน่อยแล้วกันนะครับ ถือว่าแฟร์ ๆ

"ก็ได้ค่ะ อาชัดไม่น่ารักเลย ชมพูจะโกรธอาชัดแล้ว" เด็กแสนงอนทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้ผม

เดี๋ยวนี้เด็กวัยนี้โตขนาดรู้จักการหันหลังใส่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

"ถ้างอนไม่ได้ฟังนิทานเรื่องที่สามนะคะ สนุกด้วยนะเรื่องนี้"

งอนผิดเวลาแล้วครับน้องชมพู เพราะงอนตอนนี้ยังไงก็แพ้มุกนิทานแสนสนุกของอาชัดอยู่ดี

"งั้นชมพูเก็บไว้โกรธพรุ่งนี้แทนค่ะ อาชัดเล่านิทานให้ชมพูฟังอีกเยอะ ๆ เลยนะคะ"



ในที่สุดผมก็ได้หน้าที่ใหม่เป็นผู้ปกครองน้องชมพู ความรับผิดชอบของผมน่ะหรือมีไม่มาก หลัก ๆ มีเพียงสองข้อเท่านั้น

1. ไปรับน้องชมพูจากโรงเรียนทุกวัน

2. เป็นไม้กันหมาให้หลานไม่ให้ใครมาแย่งคุณครูหมอเดียร์

ความสุขกับความทุกข์มักมาคู่กันเสมอ นี่คือสัจธรรม



"น้องชมพูอยู่ที่โซนสัตว์เลี้ยงกับเพื่อน ๆ ค่ะ" คุณครูตอบผมหลังจากเอ่ยถามถึงหลานสาวตัวดี

ผมรับบทผู้ปกครองน้องชมพูมาอาทิตย์กว่าแล้ว เอาเข้าจริงคุณหมอก็ไม่ได้มาที่โรงเรียนทุกวัน จะเรียกว่าแทบไม่มาเลยก็ได้ อาทิตย์แรกผมเจอคุณหมอคู่แข่งเพียงสองวันเท่านั้น แต่แทบจะไม่ได้พูดคุยอะไรกันเท่าไหร่

แน่สิ ใครจะอยากคุยกับคนที่แย่งตำแหน่งหวานใจน้องชมพูกัน

อีกอย่างผมไม่ค่อยชอบนักเวลาที่คุณหมอมองผมด้วยสายตาขบขันเวลาที่ผมรีบอุ้มน้องชมพูก่อนที่เจ้าหลานสาวจะเอ่ยอ้อนขอให้คนอื่นอุ้ม ไหนจะเสียงหัวเราะเบา ๆ นั่นอีก ถึงเจ้าตัวจะพยายามให้เสียงเบาที่สุดแล้วก็เถอะ แต่มันก็ได้ยินอยู่ดี

หวังว่า…วันนี้จะไม่ได้เจอ



ผมเดินไปหาหลานสาวตามที่คุณครูที่โถงโรงเรียนบอก เด็ก ๆ กำลังนั่งเล่นอยู่ที่สนามหญ้าเล็ก ๆ กับครูพี่เลี้ยงที่คอยช่วยดูแลไม่ให้เกิดอันตรายในขณะที่เด็ก ๆ เล่นกับเจ้าหมาน้อยบีเกิ้ลอยู่ที่สนาม

ไม่ยักเห็นคุณครูหมอขวัญใจวัยอนุบาล

"อาชัดมองหาใครหรือคะ" เสียงเล็กเอ่ยเรียกเมื่อหันมาเจอผู้ปกครองที่เอาแต่หันมองไปรอบ ๆ สนาม

"เปล่าคะ อาชัดก็มองหาน้องชมพูไงคะ" ผมย่อตัวลงคุยกับหลานสาวที่เดินออกจากวงเพื่อน ๆ มาหา

"ครูเดียร์คุยกับคุณอาเซฟอยู่ตรงนู้นค่ะ วันนี้เลยไม่ได้มาเล่นเจ้าโจโฉกับชมพูเลย" ปากเล็กเอ่ยเจื้อยแจ้วอธิบายให้คุณอาฟัง

ผมมองตามปลายนิ้วเล็กไปยังสนามอีกฝั่งของทางเดินกลาง ซึ่งไม่ใกล้นักแต่หากสังเกตไม่เห็นก็คงไม่แปลกเท่าไหร่ ใต้ร่มไม้ตรงนั้นมีผู้ชายสองคนยืนคุยกันอยู่ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าคนไหนคือครูหมอหวานใจของชมพู ก็ต้องเป็นคนที่ตัวบางกว่าอยู่แล้ว แล้วยิ่งดูจากเสื้อเชิ้ตสีอ่อนที่ใส่ก็ยิ่งแน่ใจเข้าไปอีก

คนอะไรใส่แต่เสื้อสีอ่อน หรือจะให้ดูเป็นคนดีหรือไง

"เหมือนแกงจืดเต้าหู้"

"อาชัดหิวหรือคะ"

"เอ่อ…นิดหน่อยค่ะ" ผมพูดแก้เก้อไปก่อนเพราะดันเผลอคิดดังไปหน่อยจนหลานสาวได้ยิน

"อาชัดอยากกินแกงจืดเต้าหู้หรือคะ"

"เปล่าค่ะ อาว่ามันจืดก็เท่านั้นเอง"

"แต่ชมพูชอบนะคะ เต้าหู้นิ่ม ๆ น้ำซุปหอม ๆ ม้าบอกว่าดีต่อสุขภาพด้วย อาชัดต้องลองกินนะคะ ม้าทำอร่อยที่สุดในโลกเลยนะ" ไปกันใหญ่แล้วกับแกงจืดเต้าหู้ มันใช่เต้าหู้เดียวกันเสียที่ไหน

"แล้วนี่เก็บกระเป๋าเรียบร้อยหรือยังคะ จะได้กลับบ้านกัน" ผมรีบตัดบทจากเมนูสุขภาพก่อนที่เรื่องจะยาวกว่านี้

"เรียบร้อยแล้วค่ะ งั้นชมพูไปลาอาเซฟกับครูเดียร์ก่อนนะคะ"

ถึงใจจะอยากขัดก็เถอะ แต่มันก็เป็นเรื่องที่ดีที่หลานสาวผมรู้จักไปมาลาไหว้ ไม่ฝรั่งจ้าไปเสียหมด มันแค่หงุดหงิดใจนิดหน่อยที่ครูเดียร์อะไรนี่มักชอบมาฝังตัวในหัวหลานผม

หึ

ส่งยิ้มสว่างเห็นแต่ไกล วันนี้คู่แข่งผมยังคงใส่เชิ้ตเหมือนทุกครั้งที่เจอ กางเกงสีเทาอ่อนกับเชิ้ตชมพูจาง ๆ นี่ก็ดูดีใช้ได้ จริง ๆ ก็ต้องเรียกว่าดูดีมากถ้าไม่ติดว่าเป็นมารหัวใจคนเป็นอาอย่างผม



"อาเซฟ ครูเดียร์ขา ชมพูกลับบ้านก่อนนะคะ" หลานสาวผมเอ่ยลาได้อย่างน่ารัก

"ไว้เจอกันใหม่วันพุธนะคะ" คุณหมอย่อตัวลงลูบหัวเด็กน้อย แล้วกลับมายืนเต็มความสูง

"เดินทางปลอดภัยนะครับ" เจ้าของเสื้อเชิ้ตชมพูเอ่ยพร้อมส่งรอยยิ้มบาง ๆ เช่นเคย

อย่ามาผูกมิตรให้ยากเลย ผมถือคติไม่คบศัตรูหัวใจ

"กลับดี ๆ นะครับทั้งคุณอาคุณหลาน" คุณโจเซฟเจ้าของโรงเรียน ซึ่งตอนนี้ผมรู้จักแล้วในนามรุ่นน้องพี่เขยผม เอ่ยลาเช่นกัน

"ขอบคุณครับ"

ผมอุ้มหลานสาวเดินแยกออกมา

ชิ

คนแบบนี้นะหรือเป็นขวัญใจน้องชมพู ส่งยิ้มให้ก็ยิ้มแค่บาง ๆ ไหนจะสายตาขำขันนั่นอีก นี่มันยิ้มเยาะกันชัด ๆ ทีกับตาโจเซฟอะไรนั้นกับยิ้มเสียสว่างจ้าไปทั้งโรงเรียน สับบทบาทรวดเร็วอย่างนี้ มันคบได้ที่ไหนกัน

"อาชัดโมโหอะไรคะ ทำไมเดินเร็วจัง ชมพูกลัวตก"

"เปล่าค่ะ อาชัดขอโทษนะคะ อาชัดหิวเกินไปหน่อย"

ผมพาหลานขึ้นรถ ระหว่างที่ประตูกำลังเลื่อนปิด ก็พอดีที่คุณโจเซฟอะไรนั้นกับคุณหมอเดินออกมาทางโถงโรงเรียนพอดี

ยิ้มสว่างแจกเสน่ห์ไปเสียทั่ว คงหวังว่าจะเคลมทุกตำแหน่งขวัญใจในโรงเรียนเลยซินะ ที่ร้ายกาจคือเจ้าของโรงเรียนที่เดินมาด้วยกันก็คงหลงติดกับดักไปเสียเต็มเป้าเช่นเดียวกับหลานสาวผม เล่นจ้องคุณหมอเสียแทบจะหวานเยิ้มขนาดนั้น

"หว่านเสน่ห์เป็นอาชีพหรือไง"

"อาชัดว่าอะไรนะคะ" หลานสาวละความสนใจจากของเล่นหันมาถามคุณอาที่นั่งอยู่อีกเบาะข้างกัน

"เปล่าค่ะ อาแค่บอกว่าเล่นทะเลต้องใส่ชูชีพ" น้องชมพูทำหน้างงได้น่าเอ็นดูที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นเด็กมา แต่หน้าผมที่งงกับคำตอบของตัวเองเช่นกัน คงไม่ได้ออกมาน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนหลานสาวเป็นแน่

"เย็นนี้กินแกงจืดเต้าหู้กันดีกว่าค่ะ อาชัดพูดถึงชมพูก็อยากกินเลยค่ะ" เด็กน้อยพูดเจื้อยแจ้วกับตุ๊กตาตัวโปรด

ใครจะไปอยากกิน

อยากจับยัดเข้าตู้เย็นให้แข็งเป็นหินจะได้ไม่ต้องมีใครได้กินจะดีกว่า