ชัดเจนผู้ครองตำแหน่งขวัญใจหลานสาวมาโดยตลอด อยู่ ๆ หลานสาวก็มีขวัญใจคนใหม่อย่างสัตวแพทย์หนุ่มนามว่าเดียร์ ที่น้องชมพูถึงกับพูดว่าเขาคือเจ้าบ่าวในอนาคตของเธอ เขาคงต้องลงมือกำจัดกวางให้พ้นทางเสียแล้ว

come to be my deer - บทที่ 3 ลงสนาม โดย summer_T @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,รัก,ไทย,อื่นๆ,นิยายเกย์,นิยาย18+,boylove ,#BL,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

come to be my deer

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,รัก,ไทย,อื่นๆ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายเกย์,นิยาย18+,boylove ,#BL,รักวัยรุ่น,นิยายวาย

รายละเอียด

ชัดเจนผู้ครองตำแหน่งขวัญใจหลานสาวมาโดยตลอด อยู่ ๆ หลานสาวก็มีขวัญใจคนใหม่อย่างสัตวแพทย์หนุ่มนามว่าเดียร์ ที่น้องชมพูถึงกับพูดว่าเขาคือเจ้าบ่าวในอนาคตของเธอ เขาคงต้องลงมือกำจัดกวางให้พ้นทางเสียแล้ว

ผู้แต่ง

summer_T

เรื่องย่อ

Come to be my Deer : หลงกวาง


#หลงกวาง



เมื่อหนุ่มนักธุรกิจอย่าง ชัดเจน ผู้ครองตำแหน่งขวัญใจหลานสาวมาโดยตลอดอยู่ ๆ

บัลลังก์ก็สั่นคลอนเพราะมีขวัญใจคนใหม่อย่างสัตวแพทย์หนุ่มนามว่า เรนเดียร์

ที่น้องชมพูหลานสาวเพียงหนึ่งเดียวถึงกับพูดว่า "ครู (หมอ) เดียร์ คือ เจ้าบ่าวในอนาคตของเธอ" ด้วยวัยเพียง 5 ขวบ

อย่างนี้เขาคงต้องกำจัดกวางป่าให้พ้นทางเสียแล้ว

สารบัญ

come to be my deer-บทที่ 1 ขวัญใจ (คนใหม่),come to be my deer-บทที่ 2 ผู้ปกครองน้องชมพู,come to be my deer-บทที่ 3 ลงสนาม,come to be my deer-บทที่ 4 สายตาคืออาวุธ,come to be my deer-บทที่ 5 พ่อทูนหัว,come to be my deer-บทที่ 6 สวัสดีเพื่อนใหม่,come to be my deer-บทที่ 7 ติดตามผลงาน,come to be my deer-บทที่ 8 กระแสใหม่,come to be my deer-บทที่ 9 เด็กดี,come to be my deer-บทที่ 10 มองหา,come to be my deer-บทที่ 11 เป็นข่าว,come to be my deer-บทที่ 12 วันหยุด,come to be my deer-บทที่ 13 ถอย,come to be my deer-บทที่ 14 เคลียร์,come to be my deer-บทที่ 15 เริ่มต้น,come to be my deer-บทที่ 16 พร่ามัว,come to be my deer-บทที่ 17 คืนฉลอง,come to be my deer-บทที่ 18 ความกลัว,come to be my deer-บทที่ 19 สิ่งที่เลือนหาย,come to be my deer-บทที่ 20 ภาพถ่าย,come to be my deer-บทที่ 21 รับรู้,come to be my deer-บทที่ 22 ประกาศตัว,come to be my deer-บทที่ 23 เยือนถิ่นกวาง,come to be my deer-บทที่ 24 เข้าฝูง,come to be my deer-บทที่ 25 ล่อ(ลวง)กวาง,come to be my deer-บทที่ 26 หลงกวาง,come to be my deer-บทที่ 27 พิเศษ1 ฝูงกวาง,come to be my deer-บทที่ 28 พิเศษ2 กวางเชื่อม,come to be my deer-บทที่ 29 พิเศษ3 กวางเหลียวหลัง

เนื้อหา

บทที่ 3 ลงสนาม

“เอายังไงแก จะตอบรับไหม รายการเขาก็ดีนะ ได้ทำประโยชน์ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีทั้งแกทั้งบริษัท ถือเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าไปในตัวด้วย ไหน ๆ เราก็เป็นผู้สนับสนุนรายการเขาอยู่แล้ว”

พี่ชิดหว่านล้อมผมเรื่องการตอบรับร่วมรายการหาบ้านให้หมาให้แมวสักอย่างนี่แหละ เทียวมาถามคำถามเดิม ๆ ตั้งแต่เจอกันในประชุมรอบเช้า ตอนเดินสวนกันตอนบ่าย จนตอนนี้เลิกงานแล้วก็ยังแวะมาถามด้วยคำถามเดิม

“พี่ชิด แค่นี้ผมก็แทบจะไม่มีเวลาแล้วนะพี่ ยังต้องไปออกรายกงรายการอะไรอีกหรือ” ผมเองก็ตอบเลี่ยงไปทุกครั้ง ซึ่งมันก็เป็นความจริง

ถึงแม้โดยปกติผมก็มีการออกงานสังคมอยู่บ้างเพื่อต่อยอดคอนเนคชั่นวงการธุรกิจก็เถอะ แต่ให้ไปออกรายการที่มีหลายตอนต่อเนื่องกัน ก็ดูจะสร้างความยุ่งยากให้ชีวิตตัวเองเกินไปหน่อย อีกอย่างผมไม่ค่อยสันทัดเรื่องสัตว์เท่าไหร่ ไม่รู้ว่าการตอบตกลงจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์หรือทำลายกันแน่

“งั้นฉันให้แกกลับไปอ่านรายละเอียดรูปแบบรายการเขาก่อนแล้วกัน แล้วค่อยมาตอบรับพรุ่งนี้ เพราะยังไงฉันก็ส่งแกไปอยู่ดี เป็นสปอนเซอร์ทั้งทีก็ต้องได้หน้าได้ตาบ้าง ทำธุรกิจน่ะจะทำบุญมันก็ต้องมีแบบนี้บ้าง แกเองก็รู้” สุดท้ายก็ปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งผมรู้ดีอยู่แล้ว แค่คิดเข้าข้างตัวเองว่าเผื่อดวงดีปฏิเสธสำเร็จก็เท่านั้น

“งั้นพี่ก็ตอบตกลงเขาไปเลยแล้วกัน ผมเลือกได้ที่ไหน”

“ฉันตอบตกลงเขาไปแล้วค่ะคุณน้องชาย ที่เทียวถามแกตั้งแต่เช้ามันเป็นเรื่องของมารยาทเท่านั้นแหละ การแสดงค่ะหนู”

พนักงานจะรู้ไหมว่าคุณชิดชนกผู้บริหารสาวมาดนิ่งพออยู่ในบทบาทพี่สาวจะเจ้าเล่ห์กับน้องชายอย่างนี้

“ผมก็ปฏิเสธพอให้ได้เล่นตัวเหมือนกันแหละครับ มันเป็นการแสดงน่ะครับ คุณชิดชนก”

“ปากแกเนี่ยร้ายกาจได้ใครมานะ” คำถามนี้ไม่ใช่ว่ามีคำตอบชัด ๆ อยู่ตรงหน้าแล้วหรือไง

“แล้ววันนี้ใครไปรับน้องชมพูล่ะครับ เล่นลากผมเข้าทุกประชุมยันเลิกงาน”

“ป๊าเขาน่ะซิ ทำไม แกจะเทคโอเวอร์หลานสาวไปครองคนเดียวไม่ได้นะ ฉันทำกันนานนะกว่าจะได้น้องชมพูมาเนี่ย ต้องปล่อยให้พ่อแม่เขาเชยชมบ้าง”

“ยอม ๆ ยอมแล้วครับ เหนื่อยฟรีถ้าจะต่อปากต่อคำกับพี่” ผมยกมือยอมแพ้ ซึ่งเป็นที่พออกพอใจพี่สาวผมอย่างมาก หัวเราะเสียลั่นห้องก้องไปหมด

“แล้วนี่จะกลับไปกินข้าวที่บ้านไหม จะได้ไปด้วยกันเลย ยัยชมพูบ่นอยู่ทุกวันว่าอยากฟังนิทานอาชัด”

ผมตอบรับคำชวนนี้โดยไม่ต้องคิดเยอะ ทำงานเหนื่อย ๆ มาทั้งวันกลับไปหอมแก้มนุ่ม ๆ ของหลานสาวสักฟอดสองฟอดน่าจะชื่นใจน่าดู

ที่สำคัญวันนี้ผมเสียโอกาสทำคะแนนไปเต็ม ๆ ดันมาติดงานในวันที่คู่แข่งมาโรงเรียน คงส่งยิ้มออร่าเก็บแต้มขวัญใจไปได้ทั้งครูทั้งหนุ่มสาววัยอนุบาล



“ชมพูไปเข้านอนกับป๊าไหมลูก กวนอาชัดเขาหรือเปล่า” เฮียยุตเอ่ยถามมาจากหน้าห้องนอนผมที่เปิดประตูเอาไว้ เพราะดันเอาลูกสาวเขามานอนกกอยู่ในนี้

“ไม่ไปค่ะ ชมพูจะดูทีวีกับอาชัด” เสียงเล็กเอ่ยตอบพ่อ

“กวนหรือเปล่าชัด” เฮียยุตเดินเข้ามาถามผมอีกทีให้แน่ใจ

“ไม่กวนหรอกครับ ผมนั่งดูรายการที่พี่ชิดจะให้ไปออกอยู่ ไม่ได้ทำเอกสารหรอกเฮีย” ผมตอบไปตามจริง พี่เขยเดินเข้ามาขอพลังจากลูกสาวด้วยการหอมแก้มก่อนจะออกจากห้องไป แถมยังปิดประตูให้ผมเสียด้วย คราวนี้ถ้าคนเป็นแม่มาหาอีกผมก็ต้องเดินไปเปิดให้ ดูไม่จบเสียที

แต่จะว่าตามตรง ที่ผมมานั่งชิลเปิดรายการ Fairy finding home อะไรนี้กับหลานก็จัดเป็นหนึ่งในงานเหมือนกัน เพราะผมเองก็อยากรู้ว่ารายการในซีซั่นที่แล้วเป็นรูปแบบไหน ซึ่งดูมาสองสามตอน ก็ถือว่าน่าสนใจที่รายการเอาดารา คนดังต่าง ๆ มาเป็นพ่อและแม่ทูนหัวให้หมาแมวจรจัดทั้งหลายก่อนจะส่งต่อเพื่อหาบ้าน

ถ้าประเทศไทยมีกฎหมายคุ้มครองสัตว์ หรือการจัดการเรื่องสัตว์เลี้ยงที่ดีกว่านี้ ปัญหาหมาแมวจรจัดก็คงจะดีขึ้น ไม่อยู่อย่างอด ๆ ยาก ๆ ตามท้องถนนอย่างทุกวันนี้

จากเอกสารรายการที่พี่ชิดส่งมาให้ดู ก็ไม่ได้ลงรายละเอียดขนาดที่ว่าแต่ละตอนจะมีกิจกรรมพิเศษอะไรบ้าง แต่ภาพรวมและจุดประสงค์หลักก็ยังเหมือนเดิม

“อุ๊ย เมื่อกี้เห็นครูเดียร์ในทีวีด้วยค่ะ” ผมล่ะสายตาจากเอกสารในมือขึ้นมามองจอ

“ไหนคะ”

“เมื่อกี้ค่ะ ตอนเขาพาน้องหมาไปตรวจ” ผมกดย้อนไปตามที่หลานสาวบอก

จริงแท้แน่นอน หมอเดียร์คู่แข่งหวานใจน้องชมพูรับบทเป็นคนตรวจสุขภาพให้เจ้าหมาจรมอซอตัวนั้น เทปนี้ผ่านไปนานหรือยังนะ หน้ายังเหมือนเดิมไม่มีผิด เสื้อกาวน์สั้นสีขาวก็ยังคงสวมทับเซิ้ตสีอ่อนตามแบบฉบับประจำตัว

เวลาทำงาน…ก็น่ามองเหมือนกัน

“ครูเดียร์เก่งจังค่ะ” ก็เขาเป็นหมอเขาก็ต้องเก่งในทางของหมออยู่แล้วล่ะค่ะ ผมคิดในใจ

หลังจากดูจนจบไปหลายตอน หันไปอีกทีเจ้าตัวน้อยก็หลับไปเสียแล้ว วันนี้คงจะไม่ต้องมีนิทานก่อนนอน

ยังไม่ทันจะอุ้มพาไปส่ง คุณแม่เจ้าตัวก็เปิดประตูเข้ามารับตัวไปก่อน ผมจึงถือโอกาสเอนหลังพิงเตียงดูเอกสารใหม่อีกรอบ

เป็นอันแน่นอนว่าซีซั่นนี้คลินิกประจำรายการยังคงเป็นคลินิกเดิม โดยมีสัตวแพทย์หลักเป็น คุณหมอสาวคนเดิมซึ่งมาคู่กับคุณหมอหนุ่มยิ้มสวยกระชากใจวัยอนุบาล คู่แข่งผม

สัตวแพทย์ดนัยภัทร เจริญพัฒนะ

อยู่ ๆ รายการนี้ก็น่าสนุกขึ้นมาเสียแล้ว สนามแข่งนี้คนเก่งที่สุดในใจน้องชมพูต้องเป็นของผม จะลงแข่งทั้งที ถ้าในสนามไม่มีคู่แข่งก็คงไม่น่าสนุกจริงไหมครับ คราวนี้แหละได้เจอกันจนเบื่อไปข้าง เพราะดูท่าวันถ่ายทำจะถี่กว่าวันที่คุณหมอเข้าโรงเรียนมากทีเดียว

ผมพลิกไปดูตารางนัดประชุมรวมตัวครั้งแรกของผู้ร่วมรายการ ไวทันใจเสียจริง

เสาร์นี้คงได้เจอกันนะครับ คุณหมอ



"ชัด ๆ นั่งนี่ ๆ " ก้าวเข้าห้องประชุมที่ทางรายการจัดเตรียมไว้ ชายหนุ่มเนื้อหอมอย่างผมก็ถูกสาวสวยลูกครึ่งดีกรีนางแบบและนางเอกระดับท็อปของช่องเอ่ยเรียก

"คิดว่าพี่ชิดไม่ก็พี่ยุตจะมาเองเสียอีก ดีใจจังที่เป็นชัด ไม่เจอกันตั้งนาน คราวนี้จะได้เจอกันจนเบื่อไปข้าง" ใบพลูดาราสาวดาวเด่น เพื่อนกลุ่มเดียวกับผมตอนสมัยเรียนที่ไทยเอ่ยทักยาวเหยียด

"สวยขึ้นนะพลู แล้วนี้มานานหรือยัง"

"พลูก็สวยตลอดนะ ว่าแต่…เสร็จจากนี้ไปกินข้าวกันไหม มีเรื่องอยากเล่าตั้งเยอะ" วิญญาณสาวช่างพูดช่างคุยประจำกลุ่มยังคงสิงร่างใบพลูเช่นเดิม จะผ่านไปกี่ปี ก็ยังไม่เปลี่ยน

"ไม่กลัวเป็นข่าวหรือไง" ผมเอ่ยแซวออกไป

"เป็นข่าวกับชัดไม่เห็นน่ากลัว ดีเสียอีก ได้ควงไฮโซหนุ่มทายาทบริษัทใหญ่กินข้าว ได้ทั้งแอร์ไทม์ในสื่อ ได้ทั้งเม้ามอยกับเพื่อนเก่า ไม่มีอะไรเสียสักอย่าง"

นี่แหละนะ วงการบันเทิง



"หมอจิ๊บ ไม่เจอกันนานเลยกี่เดือนแล้วคะเนี่ย" โปรดิวเซอร์ของรายการเอ่ยทักเมื่อคนร่วมประชุมดูจะมาครบกันแล้ว

"เจ็ดเดือนแล้วค่ะ จบรายการคงคลอดพอดี" คุณหมอสาวที่ผมเห็นตอนดูรายการย้อนหลังกับหลานเอ่ยตอบ

"แล้วนี่น้องเดียร์ยังไม่มาหรือคะ"

นั่นนะสิ

ผมนั่งฟังบทสนทนาอย่างเงียบ ๆ เพราะดันมีหัวข้อที่ผมเองก็สงสัยอยู่เช่นกัน

"รายนั้นเขายุ่งตัวเป็นเกลียวเลยค่ะ วันนี้คงไม่ได้มา ช่วงนี้เขารับเคสแทนจิ๊บหลายเคสเลย นี่ก็เปิดรับสัตวแพทย์อยู่ยังไม่ได้คนใหม่มาเพิ่มเลย ถ้าจิ๊บคลอดแล้วยังหาไม่ได้เดียร์น่าจะตายแน่"

"แล้วนี่จะไหวมั้ยคะเนี่ย พี่ก็หาคลินิกอื่นมาถ่ายเสริมไม่ค่อยได้เลย ติดนู่นนี่ตลอด สงสัยจะดวงสมพงศ์กับคลินิกหมอจิ๊บอยู่คนเดียวนี่แหละ"

"เดี๋ยวก็ได้คนมาเพิ่มแล้วค่ะ คงไม่นาน ถ้าได้หมอมาเพิ่มก็สบายค่ะ"

"งั้นขอให้ได้คุณหมอมาเพิ่มไว ๆ นะคะ เป็นห่วงทั้งคุณแม่คุณลูกทั้งน้องเดียร์เลย"

จบการประชุมรายการ สรุปคือคุณครูหมอของน้องชมพูไม่ได้มาเข้าประชุมตามที่หมอจิ๊บแจ้ง แต่คงจะได้เจอกันอีกทีตอนถ่ายทำเลย

ซีชั่นนี้มีดาราคนดังที่ได้รับเชิญมาเข้าร่วมมากกว่าเดิมนิดหน่อย ฟังจากใบพลูแล้วส่วนใหญ่ก็เป็นนักแสดงที่กำลังมีชื่อเสียงมีกระแสตอนนี้ เพื่อดึงคนมาดูและสนใจปัญหาสัตว์จรจัด นอกเหนือจากดารา นักร้องนักแสดงทั้งหลายก็คือเหล่าเซเลป ไฮโซ และนักธุรกิจในหน้าสังคม ซึ่งผมก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้



"เนี่ยพนันได้เลยว่าพรุ่งนี้เป็นข่าวแน่ นางเอกสาวบอพอควงหนุ่มหล่อนักธุรกิจชอจอกินข้าวกลางห้างดัง"

"ก็นั่งให้ดี นั่งให้มันสมกับเป็นเพื่อนกันสิ จะมานั่งเบียดกันทำไมล่ะพลู" ผมเอ่ยปรามออกไปไม่จริงจังนัก

"นั่งไม่เบียดจะเป็นข่าวได้ไงล่ะ ชัดนี่ล่ะก็ เพื่อนไปเมืองนอกหลายปี ขอมีข่าวกับเพื่อนเป็นการต้อนรับกลับไทยหน่อยสิ ถือเป็นการเปิดตัวด้วยไงว่ามีหนุ่มหล่อกลับไทยแล้วนะ สาวไหนสนใจเรียกตามสืบด่วน"

"สรุปอยากเป็นข่าวหรือไง นึกว่าเป็นนางเอกห้ามมีข่าว" ผมวางแขนพาดไปด้านหลังพลู นิสัยพลูกับพี่ชิดคล้ายกันมาก ห้ามไปก็เหนื่อยเปล่า ถ้าไม่ได้เสียหายอะไร ก็แค่เล่นตามบทไป ถือว่าสร้างสีสันให้ชีวิต

"จะว่าอย่างนั้นก็ได้นะ รำคาญพวกเสี่ยกับเด็ก ๆ ที่ตามตื๊อ ยืมควงหน่อยแล้วกัน เผื่อคนจีบจะน้อยลงบ้าง"

"สรุปคือชัดต้องเป็นไม้กันหมาให้อีกคนแล้วหรือ" ดวงผมนี่นะมันคงจะได้แค่เป็นไม้กันหมาให้หลาน กับเพื่อนสินะ

"นี่ไปเป็นไม้ให้ใครมา แล้วดูทำหน้าเข้า" จะตอบได้ยังไงว่าไปเป็นไม้กันหมาให้หลานสาววัยอนุบาล กับคุณหมอหนุ่มรุ่นอา บอกไปมีหวังโดนพลูล้อตลอดชาติแน่ว่าหวงหลานเกินเรื่อง



ผ่านไปเป็นอาทิตย์ ดูท่าแล้วครูหมอของชมพูคงจะยุ่งตัวเป็นเกลียวจริงตามที่หมอจิ๊บบอกไว้

เพราะผม…เอ่อ หมายถึงน้องชมพูไม่ได้เจอหน้าคุณหมอเลยตลอดทั้งสัปดาห์



"ชุมชนตลาดเก่าตามหมุดเลยใช่ไหมครับคุณชัด" ลุงโชคเอ่ยถามมาจากเบาะคนขับ

"ครับ ตามที่เขาส่งโลเคชั่นมาให้นั่นแหละครับ" ผมตอบกลับไป

วันนี้เป็นวันถ่ายรายการคิวของผมและน่าจะมีคนอื่นด้วยอีกสองสามคนตามที่เลขาผมแจ้งไว้ จุดหมายปลายทางคือเจอกันที่ชุมชนตลาดเก่า สัตว์เป้าหมายของผมคือแมวจรหนึ่งตัว แค่คิดผมก็ปวดหัว ขนาดกระบองเพชรยังตาย แล้วจะให้มารับเป็นพ่อบุญธรรมให้แมวเนี่ยนะ

"คุณชัด นั่นเจ้าบ่าวคุณชมพูนี่ครับ ดูท่ารถน่าจะมีปัญหา" ผมชะเง้อมองไปด้านหน้าตามคำบอกของลุงโชค

ชายหนุ่มเสื้อเชิ้ตฟ้าอ่อนยืนคุยโทรศัพท์อยู่ด้านหน้ารถที่เปิดฝากระโปรงทิ้งไว้ ผิวสว่างจ้าแบบนี้ ทรงหุ่นแบบนี้ หน้าตาเป็นเอกลักษณ์ แล้วตากลม ๆ นั่นอีก มีอยู่คนเดียวที่ผมรู้จักและจำได้เป็นอย่างดี เพราะคือคุณครูหมอผู้ท้าชิงตำแหน่งขวัญใจน้องชมพูที่หายหน้าหายตาไปเสียหลายวัน

"จอดเลยครับลุง" ขายาวก้าวลงรถอย่างรวดเร็วแบบที่คนขับยังไม่ได้กดปุ่มเปิดประตูให้ เจ้านายวัยหนุ่มก็ชิงเปิดออกเองด้วยระบบมือไปเสียแล้ว



"รถมีปัญหาหรือครับคุณหมอ" ยังไงการช่วยเหลือและการมีน้ำใจก็เป็นสิ่งที่ดีไม่ว่าจะในการแข่งขันหรือในชีวิตจริง ผมมันก็เป็นคนดีที่หน้าตาดีเสียด้วย

"คุณอาน้องชมพู เอ่อ ใช่ครับ ขับมาดี ๆ อยู่ ๆ ก็กระตุกแล้วดับไปเสียเฉย ๆ " ปากสีชมพูเอ่ยตอบ แก้มขาวขึ้นสีระเรื่อ แขนเสื้อถูกถกขึ้นถึงข้อศอก กับเหงื่อเม็ดน้อยที่ผุดออกมาตามไรผม นี่คนตรงหน้ายืนตากแดดมานานเท่าไหร่แล้ว

"หลบแดดก่อนเถอะคุณ แล้วนี่เรียกช่างหรือยัง" ผมถือวิสาสะจูงศอกคุณหมอเข้ามาหลบร่มข้างฟุตบาท ไม่ใช่เป็นห่วงอะไรขนาดนั้นหรอกนะ แต่คนดี ๆ ใครจะไปยืนตากแดดเปรี้ยง ๆ กัน

"เรียกแล้วครับ แต่ช่างน่าจะเลยไป ผมเลยออกไปยืนดักรอ เขาจะได้ไม่เลยอีก" คนตอบ พูดไปชะเง้อคอมองไป ช่างนี่ก็อะไรรถเสียทั้งคันขับเลยไปไม่เห็นได้ด้วยหรือ

"มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับคุณครู" ลุงโชคเดินมาเสริมทัพด้วย คนหมอดีของชมพูยกมือสวัสดีเสียสวยงามก่อนเอ่ยตอบ

"เรียกช่างแล้วครับคุณลุง น่าจะกำลังวนรถมา"

"งั้นเดี๋ยวผมคอยดักให้ คุณครูพักในร่มไปก่อนเถอะครับ หน้าแดงเหงื่อท่วมหมดแล้ว" ลุงโชคเอ่ยอาสา ผมหันไปมองคุณหมออีกรอบ

ยิ่งเห็นยิ่งไม่เข้าใจว่าจะไปยืนตากแดดทำไมให้ร้อน ดักรอช่างก็รอในร่มได้ไม่ใช่หรือไง

"เช็ดหน้าเช็ดตาก่อนมั้ยคุณ ถ้าไม่รังเกียจน่ะนะ" ผมยื่นผ้าเช็ดหน้าที่มักพกติดตัวเสมอเป็นนิสัยแต่ไม่เคยได้หยิบมาใช้ประโยชน์อะไรส่งให้คนข้าง ๆ

"ขอบคุณครับ"

ยิ้มการค้าแบบนี้หรือเปล่าที่ชมพูชอบ

"แล้วนี่คุณหมอจะไปไหน"

"ชุมนุมตลาดเก่าน่ะครับ"

"อ้าว งั้นที่เดียวกัน เคลียร์เรื่องรถเสร็จ คุณติดรถไปกับผมแล้วกัน" ผมสรุปจบเรื่องให้เบ็ดเสร็จ คุณหมอเหมือนจะเอ่ยอะไรตอบ จังหวะเดียวกันลุงโชคก็เอ่ยเรียกเจ้าตัวขึ้นมาพอดี เป็นเอาว่าตามนี้แล้วกันนะคุณหมอ

"คุณครูช่างมาแล้วครับ"



หลังจากคุยกับช่างเรียบร้อย สรุปได้ว่าต้องลากรถเจ้าปัญหาไปเช็กที่อู่ตามคาด ส่วนตัวคุณหมอก็ติดรถมากับผม

"ทิชชูเปียกหน่อยไหมคุณ ลุงโชคเร่งแอร์ให้หน่อยครับ" ผู้ร่วมเดินทางแบบจับพลัดจับผลูเอ่ยขอบคุณอีกรอบก่อนจะหยิบกระดาษไปเช็ดหน้าเช็ดตา

"แล้วนี่ไม่ใช่ว่าเป็นคิวหมอจิ๊บหรือคุณ ผมเห็นรายชื่อวันนี้เป็นหมอจิ๊บนะ" ผมทำลายบรรยากาศเงียบภายในรถด้วยข้อสงสัย ผมไม่คิดว่าจะได้เจอคุณหมอในวันนี้ เพราะจากที่เลขาของผมส่งรายละเอียดมาให้เมื่อวานเป็นชื่อของคุณหมออีกคน

"ผมเปลี่ยนคิวกับพี่จิ๊บน่ะครับ คิวพวกการไปรับสัตว์มันต้องออกแดด แล้วบางครั้งอาจจะต้องเดินหาน้อง ๆ กับทีมงานด้วย ผมว่าผมน่าจะสะดวกกว่า"

เรียกสัตว์ว่าน้องหรือเนี่ย เรียกเจ้าพวกก้อนขนเสียน่ารักน่าเอ็นดู สมกับเป็นสัตวแพทย์ คงรักสัตว์น่าดูสินะ

"ก็จริงของคุณ"

"แล้วรายการนี้คุณอาน้องชมพูได้น้องหมาหรือน้องแมวล่ะครับ"

"เรียกผมชัดก็ได้ เราอายุเท่ากันนี่ครับ"

"เอ๊ะ" ตากลมดำสนิทโตขึ้น

"เอ่อ ผมหมายถึงเราน่าจะอายุใกล้ ๆ กัน" หวังว่าคำแก้ตัวของผมจะพอฟังขึ้น ว่าผมไม่เคยอ่านประวัติคุณหมอมาก่อนแล้วเห็นว่าปีเกิดเราปีเดียวกัน

"งั้นก็เรียกเดียร์เถอะครับ" ยิ้มการค้าถูกส่งมาอีกรอบ ชมพูคงจะได้รับรอยยิ้มนี้บ่อยเป็นแน่ถึงหายใจเข้าออกเป็นคุณครูหมอแบบนี้

"ว่าแต่คุณชัดได้น้องหมาหรือน้องแมวล่ะครับ"

"แมว ได้แมวมาหนึ่งตัวถ้วน นี่ผมยังไม่รู้เลยว่าจะเลี้ยงยังไง" ผมเผลอบ่นออกไปเสียได้ หลุดฟอร์มแบบไม่ทันได้ตั้งตัว รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างที่เคยได้ยินที่โรงเรียนนั่นแหละผมถึงได้นึกขึ้นมาได้

"ขอโทษครับ ผมว่าคุณชัดตลกดี" ตลกงั้นหรือ ผมมาสายหล่อนะครับคุณ โปรดเข้าใจเสียใหม่ด้วย

"นี่ผมพูดจริง ๆ ผมไม่เคยเลี้ยงสัตว์สักตัว"

"รายการเขาไม่ปล่อยให้คุณชัดเผชิญชะตากรรมคนเดียวหรอกครับ มีผมมีพี่จิ๊บแล้วก็ยังมีทีมงานหลังบ้านที่จะช่วยดูแลอีกเยอะเลย
ครับ คุณชัดไม่ต้องกังวล ถ้าเขาปล่อยให้แขกรับเชิญดูแลอยู่คนเดียวน้อง ๆ เด็กจรก็น่าสงสารแย่"

"ก็นั่นน่ะสิ เอ๊ะ คุณหมอ" เกือบแล้ว เกือบจะเคลิ้มตามเสียแล้ว เห็นหน้าใส ๆ นี่ไว้ใจไม่ได้จริง ๆ

"ขอโทษครับ ก็คุณชัดตลกจริง ๆ เป็นคนที่น่าแกล้งเหมือนที่น้องชมพูบอกเลยครับ" แล้วนี่มาหัวเราะคนที่เพิ่งช่วยเหลือเสียตาหยีแบบนั้น มันใช้ได้ที่ไหน

แล้วนี่ผมจะยิ้มตามทำไมกัน