ชัดเจนผู้ครองตำแหน่งขวัญใจหลานสาวมาโดยตลอด อยู่ ๆ หลานสาวก็มีขวัญใจคนใหม่อย่างสัตวแพทย์หนุ่มนามว่าเดียร์ ที่น้องชมพูถึงกับพูดว่าเขาคือเจ้าบ่าวในอนาคตของเธอ เขาคงต้องลงมือกำจัดกวางให้พ้นทางเสียแล้ว

come to be my deer - บทที่ 5 พ่อทูนหัว โดย summer_T @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,รัก,ไทย,อื่นๆ,นิยายเกย์,นิยาย18+,boylove ,#BL,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

come to be my deer

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,รัก,ไทย,อื่นๆ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายเกย์,นิยาย18+,boylove ,#BL,รักวัยรุ่น,นิยายวาย

รายละเอียด

ชัดเจนผู้ครองตำแหน่งขวัญใจหลานสาวมาโดยตลอด อยู่ ๆ หลานสาวก็มีขวัญใจคนใหม่อย่างสัตวแพทย์หนุ่มนามว่าเดียร์ ที่น้องชมพูถึงกับพูดว่าเขาคือเจ้าบ่าวในอนาคตของเธอ เขาคงต้องลงมือกำจัดกวางให้พ้นทางเสียแล้ว

ผู้แต่ง

summer_T

เรื่องย่อ

Come to be my Deer : หลงกวาง


#หลงกวาง



เมื่อหนุ่มนักธุรกิจอย่าง ชัดเจน ผู้ครองตำแหน่งขวัญใจหลานสาวมาโดยตลอดอยู่ ๆ

บัลลังก์ก็สั่นคลอนเพราะมีขวัญใจคนใหม่อย่างสัตวแพทย์หนุ่มนามว่า เรนเดียร์

ที่น้องชมพูหลานสาวเพียงหนึ่งเดียวถึงกับพูดว่า "ครู (หมอ) เดียร์ คือ เจ้าบ่าวในอนาคตของเธอ" ด้วยวัยเพียง 5 ขวบ

อย่างนี้เขาคงต้องกำจัดกวางป่าให้พ้นทางเสียแล้ว

สารบัญ

come to be my deer-บทที่ 1 ขวัญใจ (คนใหม่),come to be my deer-บทที่ 2 ผู้ปกครองน้องชมพู,come to be my deer-บทที่ 3 ลงสนาม,come to be my deer-บทที่ 4 สายตาคืออาวุธ,come to be my deer-บทที่ 5 พ่อทูนหัว,come to be my deer-บทที่ 6 สวัสดีเพื่อนใหม่,come to be my deer-บทที่ 7 ติดตามผลงาน,come to be my deer-บทที่ 8 กระแสใหม่,come to be my deer-บทที่ 9 เด็กดี,come to be my deer-บทที่ 10 มองหา,come to be my deer-บทที่ 11 เป็นข่าว,come to be my deer-บทที่ 12 วันหยุด,come to be my deer-บทที่ 13 ถอย,come to be my deer-บทที่ 14 เคลียร์,come to be my deer-บทที่ 15 เริ่มต้น,come to be my deer-บทที่ 16 พร่ามัว,come to be my deer-บทที่ 17 คืนฉลอง,come to be my deer-บทที่ 18 ความกลัว,come to be my deer-บทที่ 19 สิ่งที่เลือนหาย,come to be my deer-บทที่ 20 ภาพถ่าย,come to be my deer-บทที่ 21 รับรู้,come to be my deer-บทที่ 22 ประกาศตัว,come to be my deer-บทที่ 23 เยือนถิ่นกวาง,come to be my deer-บทที่ 24 เข้าฝูง,come to be my deer-บทที่ 25 ล่อ(ลวง)กวาง,come to be my deer-บทที่ 26 หลงกวาง,come to be my deer-บทที่ 27 พิเศษ1 ฝูงกวาง,come to be my deer-บทที่ 28 พิเศษ2 กวางเชื่อม,come to be my deer-บทที่ 29 พิเศษ3 กวางเหลียวหลัง

เนื้อหา

บทที่ 5 พ่อทูนหัว

"ยังไงก็ต้องขอบคุณอีกรอบนะครับ ที่ให้ติดรถไปวันก่อน" ผมเจอคุณหมออีกครั้งที่โรงเรียนหลานสาว เหมือนว่าที่นี่จะเป็นสถานประจำที่เราจะเจอกันไปเสียแล้ว

"ไม่เป็นไรครับ แล้วนี่รถหมอซ่อมเสร็จหรือยังครับ" มันช่วยไม่ได้ ที่ตรงนี้มีแค่คุณหมอเท่านั้นที่ผมเคยคุยด้วย นอกนั้นมีแต่ผู้ปกครอง
ของเด็กคนอื่น ๆ ที่คุ้นหน้าบ้างไม่คุ้นหน้าบ้าง แถมกว่าครึ่งไปทางวัยคุณปู่คุณย่ามารับหลานเสียมากกว่า เพราะฉะนั้นการรอหลานสาวเลิกเรียนในชั่วโมงสุดท้ายก่อนกลับบ้าน กิจกรรมนั่งคุยกับคุณหมอล้วนแต่เป็นเรื่องจำยอมในสถานการณ์เช่นนี้

"น่าจะอีกสองสามวันครับ"

"อ้าว แล้วนี่คุณมายังไง" เผลอถามออกไปเสียแล้ว แบบนี้ผมจะดูเป็นคนยุ่งเรื่องของเขาไปหรือเปล่า

"เซฟไปรับน่ะครับ" มีหนุ่ม ๆ ในสังกัดมาคอยรับส่งนี่เอง ผมไม่น่าไปสงสัยอะไรไม่เข้าเรื่อง

"ว่าแต่วันนี้ไม่มีชั่วโมงเลี้ยงสัตว์อะไรนั้นด้วยหรือคุณ" เพราะอีกสิบนาทีจะถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว ปกติถ้ามีชั่วโมงเลี้ยงสัตว์กับคุณหมอ เด็ก ๆ จะถูกปล่อยออกมาทำกิจกรรมกับคนข้าง ๆ ก่อนครึ่งชั่วโมง อีกอย่างจากที่คอยเทียวรับเทียวส่งหลาน ผมจำได้ว่าวันนี้ไม่มีตารางชั่วโมงสัตว์เลี้ยง

"วันนี้ไม่มีหรอกครับ พอดีเด็ก ๆ หลายตัวถึงคิวฉีดวัคซีนแล้ว คงต้องปล่อยให้พักกันไปก่อน ถึงจะกลับมามีชั่วโมงสัตว์เลี้ยงเหมือนเดิมได้ ผมแค่แวะมาฉีดวัคซีนนอกสถานที่ให้น่ะครับ"



"ครูเดียร์ขา" เสียงเล็กใสเอ่ยเรียกขวัญใจดังมาแต่ไกล แถมวิ่งมากระโดดขึ้นนั่งตักคุณครูหมออย่างสนิทสนม คนอื่นมองมาคงคิดว่าคุณหมอเป็นผู้ปกครองมากว่าผมที่นั่งห้อยบัตรผู้ปกครองตรงนี้

"ชมพูคิดถึงครูเดียร์จังเลยค่ะ" ได้ยินแล้วอยากจะกลอกตาดำให้หมุนไปอยู่ท้ายทอย อ้อนคุณหมออะไรขนาดนั้น เมื่อวันก่อนก็เพิ่งจะเรียนการอุ้มกระต่ายไปไม่ใช่หรอกหรือ

"ขอบคุณนะคะ กลับบ้านได้แล้วค่ะ คุณอามารอรับแล้ว"



"อาชัด" หลานสาวที่ยังคงนั่งตักครูหมอของเธอส่งยิ้มทักทายมาให้ผม นี่คงไม่ใช่ว่าเพิ่งเห็นอาชัดหรอกใช่ไหม

"สวัสดีคุณอาหรือยังคะ มาอ้อนหมอก่อนแบบนี้คุณอาน้อยใจแล้วเห็นไหม" ถึงแม้จะจริงตามที่คุณหมอว่า แต่ขอร้องอย่ามาทำเป็นรู้ความคิดผมจะได้ไหมครับคุณศัตรูหัวใจ

"สวัสดีค่ะอาชัด วันนี้อาชัดมีขนมให้ชมพูไหมคะ"

อุตส่าห์อาสามารับหลานเป็นกิจวัตร หวังใจจะชิงตำแหน่งขวัญใจน้องชมพูกลับมาให้ได้ ใครจะไปรู้ว่านอกจากกลายเป็นไม้กันหมาให้เหล่าพี่เลี้ยงสาวห่างไกลคุณหมอให้หลานตัวเองแล้ว ปัจจุบันก็เหมือนว่าคะแนนผมจะไม่มีวี่แววตีตื้นขึ้นมาเลย เพราะกลายเป็นแค่ผู้ปกครองที่จะมาพร้อมขนมอร่อย ๆ เท่านั้น

"มีให้ดีไหมนะ"

"ต้องมีให้สิคะ ชมพูตั้งใจเรียนนะ ครูเดียร์ขาดูอาชัดสิคะ อาชัดจะโกงขนมชมพู" เดี๋ยวนี้นอกจากจะไม่อ้อนเอาขนมกันแล้ว ยังหันไปฟ้องคนอื่นเสียด้วย ผมคงตกต่ำขั้นสุดแล้วจริง ๆ

"สงสัยต้องอ้อนค่ะ น้องชมพูลองอ้อนคุณอาสิคะ" คุณครูหมอเสนอเด็กนักเรียน

"อาชัดขา อาชัดสุดหล่อ อาชัดให้ขนมน้องชมพูนะคะ" เด็กน้อยปีนขึ้นมานั่งตักผมแทน ปากเล็กเอื้อนเอ่ยประโยคแสนน่ารัก แถมปิดท้ายด้วยการหอมแก้มผมฟอดใหญ่

ชื่นใจโว้ย

"งั้นอาชัดให้สองชิ้นเลย" การสปอยหลานในครั้งนี้ ผมได้รางวัลมาเป็นการหอมแก้มฟอดใหญ่อีกสองฟอดเต็ม ๆ

คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม

"คุณชัดเนี่ย หลงหลานเหมือนกันนะครับ แต่ก็ดูน่ารักดี"

น่ารักดี…งั้นหรือ



"เดียร์ไปกันยัง อ้าวสวัสดีครับคุณชัด" ไม่ทันได้ประมวลผลเสร็จว่าจะต้องรู้สึกอย่างไรกับประโยคเอ่ยชมว่าน่ารักของคุณหมอ คุณโจเซฟก็เอ่ยทักเสียก่อน

"สวัสดีครับ"

"เห็นเดียร์เล่าว่าคุณเข้าร่วมรายการเดียวกับเดียร์ด้วย เจอกันออกบ่อยผมไม่รู้เลยว่าคุณสนใจเรื่องสัตว์เลี้ยงด้วย"

ก็ไม่สนใจน่ะสิ แต่ปฏิเสธไม่ได้ต่างหาก

"ก็นิดหน่อยน่ะครับ"

"ยังไงจะรอชมนะครับ รายการนี้หนุ่มโสดคนไหนไปออก จบรายการเนื้อหอมขึ้นทุกคนแหละครับ แต่อย่างคุณชัดคงไม่ต้องรอให้จบรายการนะผมว่า" คุณโจเซฟเอ่ยแซว จริง ๆ ผมค่อนข้างรู้ตัวเองดีว่าหน้าตาดีระดับที่เรียกว่าถ้าจัดอันดับผมก็น่าจะติดท็อปสิบยี่สิบคนแรกไม่หลุดไปกว่านี้ เลยไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ

"อย่าเอาเรื่องจริงมาล้อเล่นเลยครับ" พอเจอกันบ่อยครั้งคุณโจเซฟก็ถูกผมจัดให้อยู่ในหมวดคนที่ผมคุยถูกคอประมาณหนึ่งทีเดียว

"แหมคุณชัด ไม่ปฏิเสธหน่อยหรือครับ เอาเถอะยังไงก็เป็นเรื่องจริงอยู่ดี จริงไหมครับ ยังไงผมขอตัวก่อนแล้วกันนะครับ ต้องไปส่งหมอหมาไปหาคนไข้ ช้ากว่านี้ผมน่าจะโดนแหกอก"

คุณหมอส่งสายตาค้อนให้ผู้อำนวยการโรงเรียนหนุ่ม หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายกัน

ว่าแต่…

ตากลมโตที่มองค้อนเมื่อกี้ ก็น่ารักดีเหมือนกัน



สองวันถัดมาผมต้องไปรับแมวที่คลินิก เพื่อรับบทเป็นพ่อทูนหัวอย่างเต็มตัวในการถ่ายรายการ แค่คิดว่าต้องอยู่กับแมว หัวก็พานจะปวดขึ้นมาเฉย ๆ

และอย่างที่บอก วันนี้เลยกลายเป็นอีกวันที่ตารางชีวิตผมค่อนข้างวุ่นวายเป็นพิเศษ เริ่มจากเช้าออกจากคอนโดไปรับหลานจากบ้านมาส่งที่โรงเรียน กลับจากโรงเรียนมาประชุมต่อที่บริษัท ช่วงสายออกไปเซ็นสัญญาคู่ค้ากับบริษัทพาร์ทเนอร์ที่โรงแรมรวมถึงกินข้าวกลางวันร่วมกัน พอเสร็จเรียบร้อยต้องย้อนกลับมาประชุมและเซ็นเอกสารของวันนี้ที่บริษัทอีกครั้งแล้ววนรถมาที่คลินิก ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายรายการวันนี้

ดีที่บอกพี่ชิดไว้ก่อนแล้วว่าวันนี้คงต้องสละสิทธิ์คุณอาสุดหล่อขาประจำรับน้องชมพู เนื่องจากติดถ่ายรายการที่เจ้าตัวเองนั่นแหละ บังคับน้องชายอย่างผมให้เข้าร่วม บ่ายนี้ผมจึงไม่มีธุระที่ไหนให้รีบไปทำอีก

“ได้คิวถ่ายบ่ายหรอชัด” พลูเดินมาทักผมที่เพิ่งแต่งหน้าทำผมเสร็จเตรียมเข้าหน้าเซตถ่ายคิวต่อไป

“ใช่ ต่อจากคุณแฟรงค์เนี่ยแหละ”

“ของเราถ่ายเสร็จแล้ว เสียดายไม่ได้เม้ากันเลย ไลน์ไปก็ไม่ค่อยจะตอบเพื่อนหรอกนะ ไปแล้วดีกว่า น้องใบโพต้องการการพักผ่อน เดี๋ยวคืนนี้ต้องออกเดินทางไปถ่ายละครกับคุณแม่ใบพลูสุดสวย ไว้จะซื้อของมาฝากนะจ๊ะคุณลุงชัด บาย ๆ ลุงชัดเร็วน้องโพธิ์ บาย ๆ ครับ ไปล่ะนะไว้เจอกันใหม่”

เพื่อนดาราสาวของผมพูดรัวเป็นแร็ปเปอร์แบบไม่เหลือช่องว่างให้ผมได้ตอบ แถมทำเสียงเล็กเสียงน้อยจับขาลูกหมามาโบกมือลาผมเสียด้วย รัวคำพูดเสร็จก็เดินจากไปพร้อมลูกหมาที่ตอนนี้มีชื่อว่าเจ้าใบโพตามที่เจ้าตัวบอก เห็นแบบนี้ก็อดนึกห่วงหมาไม่ได้ที่มีแม่ทูนหัวพลังงานเหลือล้นขนาดนี้



“คุณชัด เตรียมตัวได้เลยค่ะ” ทีมงานคนหนึ่งตะโกนมาจากหน้าเซต ผมเห็นคุณแฟรงค์เดินออกมาจากห้องตรวจแล้วไปสมทบกับคุณหมอจิ๊บอีกด้านหนึ่งของคลินิกพร้อมแมวตัวสีขาวผูกโบชมพูเสียน่ารัก

โชคดีอะไรขนาดนั้น ได้แมวจรสีขาวที่แค่เห็นก็รู้แล้วว่าหาบ้านง่ายแน่ ๆ สัตว์สีสะอาด ๆ มักจะหาบ้านง่ายและเป็นที่นิยมเสมอ

ส่วนผมน่ะหรือ...



หลังจากนั้นก็เป็นคิวถ่ายของผม ทุกอย่างดำเนินไปตามขั้นตอนในสคลิป เจ้าแมวดำตัวเปี๊ยกที่ฝากไว้กับคลินิกตรวจร่างกายและถ่ายพยาธิแล้วเรียบร้อยพร้อมกลับบ้านกับพ่อ (ทูนหัว) คนใหม่ ระหว่างรับตัวคุณหมอเดียร์อธิบายผลการตรวจร่างกายนู่นนี่ มีให้เล่มบันทึกและแจ้งนัดวันฉีดวัคซีนที่ผมต้องพาเจ้าดำกลับมาที่นี้อีกรอบ สอนวิธีเลี้ยงคร่าว ๆ พร้อมอุปกรณ์ที่ผมควรจะมี

ซึ่งในส่วนของอุปกรณ์ผมจัดการเรียบร้อยด้วยการฝากเลขาผู้มีประสบการณ์ในการเลี้ยงแมวให้ช่วยเป็นธุระในการจัดหาและเตรียมให้ ซึ่งของต่าง ๆ ตอนนี้คงจะถูกจัดเรียบร้อยในห้องกึ่งคอนโดเพนท์เฮ้าส์ของผมที่ชั้นบนสุกของอาคารบริษัท

“คุณชัดเป็นคุณพ่อที่เตรียมพร้อมดีมากเลยนะครับ อย่างนี้คงหายห่วงแล้ว” คุณหมอเอ่ยพร้อมรอยยิ้มสว่างจ้าประจำตัว เจ้าดำนี้ก็ติดมือคุณหมอเสียเหลือเกินคลอเคลียมือคุณหมอไม่ห่าง

“ว่าแต่คุณพ่อมีชื่อให้น้องหรือยังครับ”

เออ นั่นสิ ต้องมีชื่อด้วยสินะ ทำไงดีผมไม่ได้เตรียมเรื่องนี้มาเสียด้วย

“เอ่อ…งั้น คุณหมอช่วงตั้งให้หน่อยได้ไหมครับ”

“เอาอย่างนั้นหรือครับ” ผมพยักหน้ายืนยัน ผมคิดไม่ออกจริง ๆ ใครตั้งก็น่าจะได้เหมือนกัน ยังไงเจ้าตัวนี้สักวันก็ต้องได้เจ้าของใหม่รับไปเลี้ยง ชื่อตอนนี้ก็อาจจะเป็นแค่ชื่อชั่วคราวให้เรียกระหว่างที่ถ่ายทำและอยู่กับผมเท่านั้น

คนตรงหน้าเอียงคอพลางนึกชื่ออยู่สักพัก ก่อนจะยกมือขึ้นมาเท้าคางมองเจ้าแมวดำที่นอนหงายท้องอ้อนอยู่บนโต๊ะ ดูท่าทางคุณหมอจะจริงจังเสียมากกว่าพ่อทูนหัวอย่างผมเสียอีก

หน้าหมอเดียร์ในตอนนี้คงไม่พ้นคำว่าน่าเอ็นดู ยืนยันได้จากตากล้องที่เก็บภาพอยู่ในห้องและทีมงานทั้งสาวทั้งหนุ่มอีกสองสามคนที่เผลออมยิ้มไปกับท่าทางนั้น

“เดียร์ก็นึกไม่ออกเหมือนกันแฮะ” เจ้าตัวพูดออกมาเสียงเบา ๆ เหมือนหลุดพึมพำกับตัวเองเสียมากกว่าจะเป็นการเอ่ยสนทนากับใคร

เกิดเสียงหัวเราะของคนในห้องขึ้น รวมถึงผมที่หลุดยิ้มขำกับท่าทางนั้นด้วยเหมือนกัน ใครจะไม่ขำไหวล่ะครับ คุณหมอเล่นนิ่งคิดไปเสียพักหนึ่งแต่สุดท้ายดันหลุดพึมพำออกว่านึกไม่ออกเสียได้

และคงเป็นเสียงหลุดขำของผมเองที่เรียกสติคุณหมอให้กลับมาจากโลกส่วนตัวที่เผลอสร้างขึ้นเมื่อสักครู่

“คุณชัด ขำแบบนี้เดียร์ไม่ช่วยคิดแล้วนะครับ เป็นคุณพ่อน้อง คุณชัดคิดเองเถอะครับ” ไหงกลายเป็นผมโดนต่อว่าคนเดียว คนเขาขำเอ็นดูคุณหมอกันทั้งห้องไม่ใช่หรือ แล้วนี่คงเคืองจริงเสียด้วย ถึงได้เผลอหลุดแทนชื่อตัวเองมาเสียอย่างนั้น

เห็นอย่างนี้ ค่อยน่าสนุกหน่อย

“อ้าว ไหงมาดุผมได้ล่ะ คุณหมอก็เหมือนพ่อน้องเหมือนกัน ช่วยกันตั้งชื่อสิครับถึงจะถูก”

นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคุณหมอในอารมณ์แบบนี้ เห็นแล้วไม่ต่างจากน้องชมพูเท่าไหร่ ดูท่าคงจะไม่ชอบให้ใครมาขำตัวเองเหมือน ๆ กัน แต่ถือว่าเป็นความโชคร้ายของคุณหมอเองนะครับ เพราะตอนน้องชมพูเป็นแบบนี้แกล้งสนุกที่สุดแล้ว และอีกอย่างแก้มพอง ๆ ของน้องชมพูตอนโดนแหย่ก็น่ารักสุด ๆ เช่นกัน

“คุณชัดนั่นแหละครับเป็นคุณพ่อ ผมไม่เกี่ยวเสียหน่อย”

“งั้นผมเป็นพ่อ หมอเดียร์เป็นปะป๊า ตกลงไหมครับ ผมเป็นมือใหม่ในการเลี้ยงแมว ให้เลี้ยงคนเดียวคงไม่ไหวแน่ หมอเดียร์มาเป็นคุณพ่อร่วมกับผมแล้วกัน ส่วนเรื่องตั้งชื่อไว้เรามาช่วยกันตั้งอีกที ถ้าเจ้าเปี๊ยกนี่จะมีชื่ออีพีหน้าเป็นไรไหมครับ” ประโยคสุดท้ายผมหันไปถามทีมงานในห้อง ทางรายการไม่ติดปัญหาเรื่องชื่ออยู่แล้ว เพราะฉะนั้นข้อเสนอผมจึงผ่านฉลุย

“เอาเป็นว่าอีพีหน้ามาลุ้นชื่อเจ้าดำนี้แล้วกันนะครับ ว่าเราจะตั้งชื่อว่าอะไร ยังไงฝากติดตามรายการอีพีต่อไปด้วยนะครับ” ผมชิงหันไปปิดคลิปในส่วนของผมไม่รอให้คุณหมอที่นั่งเหวอได้ปฏิเสธข้อเสนอ

จบประโยคก็เป็นอันสิ้นสุดพาร์ทของผม ยืนยันด้วยการสั่งคัท

สรุปผลศึกนี้...ผมชนะ



“ขอโทษนะครับผมถามนู้นนี้เยอะไปหน่อยหรือเปล่า คนตัดต่อคงลำบากน่าดู” ผมหันไปคุยกับทีมงานเพราะเล่นนอกบทไปมาก

“ไม่หรอกครับ ดีแล้วครับพาร์ทคุณชัดสนุกมาก ยิ่งถามเยอะก็ได้ความรู้ไปออกอากาศเยอะด้วย ถ้าคนตัดต่อจะปวดหัวคงปวดหัวเพราะไม่รู้ว่าจะตัดตรงไหนทิ้งดีมากกว่าครับ”

“งั้นตัดตรงส่วนที่เถียงกันไปได้เลยครับ ไม่มีสาระเลย” หมอเอ่ยขึ้นมา ใบหน้าที่แกล้งทำงอง้ำทำให้เกิดเสียงหัวเราะจากทุกคนในห้องอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่ต้องพยายามกลั้นกันเหมือนในครั้งแรก เรียกบรรยากาศผ่อนคลายให้ทุกคนก่อนปิดกองได้เป็นอย่างดี



“แหม ห้องนี้สนุกสนานอะไรกันจ้ะ” หมอจิ๊บแวะเข้ามาทักทายในห้องตรวจตามด้วยคุณแฟรงค์

“บอกไม่ได้หรอกค่ะหมอจิ๊บ ต้องรอดูตอนตัดออกอากาศ รับรองความสนุกได้เลย” ทีมงานคนหนึ่งเอ่ยตอบ

“ตายจริง ความลับหรือเนี่ย ต้องสนุกแน่ ๆ เลยเทปนี่”

ทีมงานในห้องทยอยออกไปเก็บของและอุปกรณ์ถ่ายทำต่าง ๆ ภายในห้องจึงเหลือแค่สองหมอกับสองพ่อทูนหัวแมวขาวแมวดำและ
ผู้ช่วยคุณหมอเท่านั้น

“พี่จิ๊บเป็นไงบ้างครับ เหนื่อยไหม” หมอเดียร์เลื่อนเก้าอี้มาให้รุ่นพี่หมอสาวนั่ง ในขณะที่คุณแฟรงค์เดินมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างผมพร้อมปล่อยเจ้าแมวตัวขาวสะอาดลงเล่นกับเจ้าดำของผมบนโต๊ะ

“จะเอาอะไรมาเหนื่อย พี่แค่รับช่วงทริคเลี้ยงสัตว์เล็ก ๆ น้อย ๆ เอง ไม่ได้มานั่งรับบทอธิบายเยอะ ๆ ยาว ๆ อย่างเราเสียที่ไหน”

“เอ่อ คุณแฟรงค์ยังไม่กลับหรือครับ” คุณหมอทำหน้าสงสัย

อันที่จริงไม่ควรสงสัยเลย ผมเป็นคนนอกยังดูออกว่าคุณแฟรงค์รอรับรอส่งคุณหมอไงครับ ถ่ายส่วนของตัวเองเสร็จไปตั้งพักใหญ่ยังไม่กลับบ้านแถมเดินเข้ามาหาถึงห้องตรวจขนาดนี้จะเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไง

“ก็รอรับเดียร์กลับด้วยกันไง วันนี้คุณเซฟไม่ว่างมารับเดียร์นี่ ใช่ไหมครับ” รอบคอบเสียด้วย

“เอ่อ…งั้นหรือครับ”

เอาล่ะ ผมว่าผมควรขอตัวกลับดีกว่า บอกตามตรงว่าผมไม่ชอบอยู่ในสถานการณ์คนจีบกันเท่าไหร่ มันพาแต่จะชวนทำตัวไม่ถูก ผมเอื้อมมือไปอุ้มเจ้าเหมียวดำมาใส่กระเป๋าที่เตรียมมาด้วย

“ไม่มีข้ออ้างแล้วนะ วันนี้เดียร์ต้องกลับกับผมแล้วล่ะ” คุณแฟรงค์ทิ้งหลังพิงผนักเก้าอี้กอดอกอย่างสบายใจ

“เอ่อ…พี่กลับห้องนู่นก่อนแล้วกันนะ คนไข้บีเกิ้ลน่าจะมารอแล้ว” หมอจิ๊บเอ่ยขอตัวแล้วเดินออกไปเสียดื้อๆ

“ผมเองก็…”

“เข้าใจผิดแล้วครับ เดียร์ไม่ได้หาข้ออ้าง แต่เดียร์มีธุระ วันนี้เดียร์คงไม่รบกวนคุณแฟรงค์หรอกครับ พอดีเดียร์ต้องไปทำธุระต่อกับคุณชัด ใช่ไหมครับ” ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยขอตัว มือเรียวของคุณหมอก็ยื่นมารั้งกระเป๋าเจ้าเปี๊ยกที่ผมถือเอาไว้เสียก่อน

“ธุระ?”

ผมทวนคำคุณหมอออกไปด้วยความงุนงง ผมว่าผมไม่มีนัดหรือธุระที่ไหนต่อแล้วนะ ถ่ายรายการเป็นงานสุดท้ายในตารางงานผมวันนี้แล้ว ผมมองคนที่อยู่ตรงข้าม ตากลมส่งสัญญาณที่ผมเดาว่าน่าจะขอความช่วยเหลือในการแสดงละครบทนี้

“อ๋อ เออ ใช่ ใช่ครับ พอดีผมมีเรื่องรบกวนคุณหมอให้ช่วยนิดหน่อย”

“เรื่องอะไรหรือครับ? ”

แล้วทำไมผมต้องตอบคุณทุกคำถามด้วยครับคุณแฟรงค์

“ทำไมหรือครับ? ”

ต้องขอออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับคุณแฟรงค์ แต่ส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยถูกใจกับการถูกคนอื่นซักไซ้เท่าไหร่หนัก โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัว ถึงแม้จะเป็นเรื่องส่วนตัวที่โกหกขึ้นมาก็ตาม

“ขอโทษทีครับ เสร็จธุระแล้วโทรหาผมแล้วกันนะครับ เดี๋ยวผมไปรับ” แล้วนี่เป็นอะไร จะไปส่งคุณหมอให้ได้เลยหรือไง ถ้าคุณหมอไปธุระกับผมแล้วผมปล่อยให้แขกที่ไม่มีรถกลับบ้านเอง ผมก็คงเป็นคนที่ใช้ไม่ได้เอาเสียเลย

“ไม่รบกวนคุณแฟรงค์หรอกครับ คุณหมออุตส่าห์ไปช่วยผมทำธุระ ยังไงเรื่องส่งคุณหมอให้เป็นธุระของผมเถอะครับ คุณแฟรงค์ไม่ต้องห่วงนะครับ คิดว่าชื่อผมน่าจะเป็นสิ่งรับประกันความปลอดภัยคุณหมอได้”

ผมพูดออกไปตามตรง ดูจากท่าทางคุณแฟรงค์ผมคิดว่าผมคงสร้างความขุ่นเคืองใจให้เขาไม่น้อยแต่จะไม่ให้ผมตอบแบบนั้นก็คงไม่ได้เช่นกัน เพราะผมไม่ใช่คนที่จะทิ้งแขกให้โบกรถกลับบ้านเองเสียด้วย



“ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์เล่นตามน้ำให้” หมอเดียร์ขอบคุณหลังจากคุณแฟรงค์ยอมกลับไป ถึงจะดูไม่เชื่อเสียเท่าไหร่

“ไม่เป็นไรครับ แต่ถ้าผมจะถามว่าทำไมคงถามได้แล้วใช่ไหมครับ” เล่นลากผมไปเป็นหนึ่งในตัวละครแล้ว ผมก็ต้องถามเหตุผลได้จริงไหมครับ

“ไม่มีอะไรหรอกครับ”

“เชื่อได้ไหมครับ”

“เชื่อได้สิครับ ยังไงขอบคุณอีกทีนะครับ กลับดี ๆ นะครับ”

อ้าว…หมอจะตัดจบแบบนี้ไม่ได้นะ

“ได้ไงล่ะครับ ก็คุณหมอบอกเองว่าวันนี้จะกลับกับผม”

“คุณชัด นั่นมันข้ออ้างไงครับ”

“ครับ ผมเข้าใจ แต่เรื่องที่ผมมีเรื่องให้ช่วยนี่เรื่องจริงนะครับ คุณหมอคงต้องกลับกับผมแล้วล่ะ”

“งั้นหรือครับ เอ่อ แต่ผมมีคิวตรวจต่อนะครับ ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลย ธุระคุณชัดด่วนไหมครับ”

“ไม่ด่วนครับ ผมรอได้ หมอตรวจได้ตามสบายเลย”

“แต่วันนี้คิวเหลือยาวเลยนะครับ ทดมาจากเวลาที่ใช้ถ่ายอีกหลายคิวเหมือนกัน น่าจะถึงดึกเลย” นี่ผมกำลังคุยกับเด็กที่หาข้ออ้างเก่งหรอกหรือเนี่ย

“เอาเถอะครับ ผมรอไหว เชิญคุณหมอทำงานเถอะครับ ผมรอด้านนอกแล้วกันนะ”

ว่าแล้วผมก็ออกมาจากห้องตรวจ ปล่อยให้คุณหมอคิวทองได้ทำหน้าที่รักษาสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยของเขาสมใจ ลูกผู้ชายอย่างผมเอ่ยคำไหนก็ต้องทำตามนั้น ในเมื่อพูดไปแล้วว่าจะไปส่งก็ต้องไปส่ง จะมาเล่นละครเป็นเด็ก ๆ ผมไม่ทำหรอกนะครับ ถ้าทำแบบนั้นมีหวังเตี่ยผมคงลุกขึ้นมาเขกกะโหลก

ส่วนเรื่องธุระ ในระหว่างที่รอคุณหมอเลิกงาน ผมเองก็คงต้องนึกให้ออกว่าจะพาคุณหมอไปทำธุระอะไรดี