ชัดเจนผู้ครองตำแหน่งขวัญใจหลานสาวมาโดยตลอด อยู่ ๆ หลานสาวก็มีขวัญใจคนใหม่อย่างสัตวแพทย์หนุ่มนามว่าเดียร์ ที่น้องชมพูถึงกับพูดว่าเขาคือเจ้าบ่าวในอนาคตของเธอ เขาคงต้องลงมือกำจัดกวางให้พ้นทางเสียแล้ว

come to be my deer - บทที่ 9 เด็กดี โดย summer_T @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,รัก,ไทย,อื่นๆ,นิยายเกย์,นิยาย18+,boylove ,#BL,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

come to be my deer

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,รัก,ไทย,อื่นๆ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายเกย์,นิยาย18+,boylove ,#BL,รักวัยรุ่น,นิยายวาย

รายละเอียด

ชัดเจนผู้ครองตำแหน่งขวัญใจหลานสาวมาโดยตลอด อยู่ ๆ หลานสาวก็มีขวัญใจคนใหม่อย่างสัตวแพทย์หนุ่มนามว่าเดียร์ ที่น้องชมพูถึงกับพูดว่าเขาคือเจ้าบ่าวในอนาคตของเธอ เขาคงต้องลงมือกำจัดกวางให้พ้นทางเสียแล้ว

ผู้แต่ง

summer_T

เรื่องย่อ

Come to be my Deer : หลงกวาง


#หลงกวาง



เมื่อหนุ่มนักธุรกิจอย่าง ชัดเจน ผู้ครองตำแหน่งขวัญใจหลานสาวมาโดยตลอดอยู่ ๆ

บัลลังก์ก็สั่นคลอนเพราะมีขวัญใจคนใหม่อย่างสัตวแพทย์หนุ่มนามว่า เรนเดียร์

ที่น้องชมพูหลานสาวเพียงหนึ่งเดียวถึงกับพูดว่า "ครู (หมอ) เดียร์ คือ เจ้าบ่าวในอนาคตของเธอ" ด้วยวัยเพียง 5 ขวบ

อย่างนี้เขาคงต้องกำจัดกวางป่าให้พ้นทางเสียแล้ว

สารบัญ

come to be my deer-บทที่ 1 ขวัญใจ (คนใหม่),come to be my deer-บทที่ 2 ผู้ปกครองน้องชมพู,come to be my deer-บทที่ 3 ลงสนาม,come to be my deer-บทที่ 4 สายตาคืออาวุธ,come to be my deer-บทที่ 5 พ่อทูนหัว,come to be my deer-บทที่ 6 สวัสดีเพื่อนใหม่,come to be my deer-บทที่ 7 ติดตามผลงาน,come to be my deer-บทที่ 8 กระแสใหม่,come to be my deer-บทที่ 9 เด็กดี,come to be my deer-บทที่ 10 มองหา,come to be my deer-บทที่ 11 เป็นข่าว,come to be my deer-บทที่ 12 วันหยุด,come to be my deer-บทที่ 13 ถอย,come to be my deer-บทที่ 14 เคลียร์,come to be my deer-บทที่ 15 เริ่มต้น,come to be my deer-บทที่ 16 พร่ามัว,come to be my deer-บทที่ 17 คืนฉลอง,come to be my deer-บทที่ 18 ความกลัว,come to be my deer-บทที่ 19 สิ่งที่เลือนหาย,come to be my deer-บทที่ 20 ภาพถ่าย,come to be my deer-บทที่ 21 รับรู้,come to be my deer-บทที่ 22 ประกาศตัว,come to be my deer-บทที่ 23 เยือนถิ่นกวาง,come to be my deer-บทที่ 24 เข้าฝูง,come to be my deer-บทที่ 25 ล่อ(ลวง)กวาง,come to be my deer-บทที่ 26 หลงกวาง,come to be my deer-บทที่ 27 พิเศษ1 ฝูงกวาง,come to be my deer-บทที่ 28 พิเศษ2 กวางเชื่อม,come to be my deer-บทที่ 29 พิเศษ3 กวางเหลียวหลัง

เนื้อหา

บทที่ 9 เด็กดี

“ไหนว่ามีงานบรรยายที่มหาวิทยาลัยไม่ใช่หรือพี่เดียร์ ไหงแต่งตัวหล่อขนาดนี้เนี่ย” เด็กสาววัยรุ่นหน้าตาน่ารักไม่ต่างจากพี่ชายของเธอเอ่ยแซวมาจากเบาะด้านหลัง

“พี่มีงานต่อ ใครเขาจะบรรยายทั้งวันล่ะ ตายกันพอดี พี่ไม่ใช่อาจารย์มหาวิทยาลัยนะ”

“ดีแล้วที่ไม่ได้เป็น เกิดมีเด็ก ๆ มาหลงอาจารย์พี่เดียร์ เฮียซานได้อกแตกตายแน่”

“เพ้อเจ้อใหญ่แล้วเรา เกรงใจคุณชัดหน่อย นี่เราไม่ได้อยู่แค่กับพี่สองคนบนรถนะเบลล์” คนเป็นพี่หันไปดุคนน้อง

บอกตามตรงเลยนะครับ เวลาคุณหมอดุเนี่ยไม่น่ากลัวสักนิด ผมไม่แปลกใจเลยที่เด็กสาวข้างหลังจะตอบกลับด้วยการทำท่าทางเลียนแบบเสียน่าเอ็นดู

“เนี่ย เห็นไหมพี่ชัดเขาขำ แสดงว่าเขาไม่ได้ถือสาเบลล์หรอก ใช่ไหมคะ” ผมยิ้มรับแทนคำตอบ

“เดี๋ยวเถอะ ไปเรียกเขาสนิทสนมขนาดนั้นได้ยังไง”

“อ้าว ก็พี่ชัดเป็นเพื่อนพี่เดียร์ไม่ใช่หรือ”

“ก็…”

ผมเกือบจะตอบรับให้แล้ว แต่พอเห็นคุณหมออ้ำอึ้งไปไม่ถูกกับคำถาม ผมเองก็ชักจะอยากรู้ว่าคำตอบขึ้นมาเสียดื้อ ๆ

งั้นขอรอฟังด้วยอีกคนแล้วกันนะครับ

“อะไรพี่เดียร์ อย่าบอกนะว่า…” เด็กสาวทำหน้าตาทะเล้นมองพี่ชายทีมองผมที เล่นเอาผมเผลอขำออกมาอย่างลืมตัว

“เพื่อนร่วมงานน่ะ คุณชัดเขาเป็นแขกรับเชิญในรายการเดียวกับที่พี่ไปทำ”

“รีบตอบเชียวพี่เดียร์ ไม่สนุกเลย”

“แค่เพื่อนร่วมงานเองหรือหมอ” ไหน ๆ หมอก็เล่นตีเบลอมุกบอกชอบของผมไปแล้วก่อนหน้านี้ ขอผมแหย่คุณหมอเล่นต่อสักหน่อยแล้วกันนะ

“ก็พ่วงตำแหน่งผู้ปกครองน้องชมพูด้วยแล้วกันครับ”

“ผมเสียใจนะเนี่ย นึกว่าเราสนิทกันแล้วเสียอีก เราคุยกัน...ออกจะบ่อย แถมบอกฝันดีกันเกือบทุกคืนด้วยนะครับ” ผมตีหน้าเศร้า

“เดี๋ยวนะคะ สรุปว่าพี่ชัดจีบพี่เดียร์อยู่หรือ”

น้องเบลล์ที่ตอนแรกทำท่าทางทะเล้นตามประสาคนช่างเล่นช่างคุย ยื่นหน้ามาถามหน้าตาตื่น

“ไปใหญ่แล้ว ใช่เสียที่ไหนเล่า คุณชัดเลิกเล่นเถอะครับ น้องผมเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว” หมอหันมาดุผม

“โอเค ๆ ผมยอมแพ้แล้ว พี่แค่แหย่คุณหมอเขาเล่นนะครับ อย่าถือสาเลยนะ” ผมหันไปอธิบายกับเด็กสาวก่อนที่การหยอกของผมจะโดนโกรธขึ้นมาจริง ๆ

“แล้วไปค่ะ เบลล์ตกใจหมด ถ้าใช่ขึ้นมาเฮียซานบินมาฆ่าเบลล์แน่เลย ห้ามเลยนะคะ ห้ามจีบกันเด็ดขาด พี่เดียร์ก็ด้วยห้ามมีแฟนก่อนเบลล์เรียนจบนะ ไม่งั้นเบลล์จะฟ้องเฮียซาน”

ผมว่าผมพอจะเดาออกแล้วว่าทำไมสัตวแพทย์หนุ่มหน้าตาดีคนนี้ถึงยังไม่มีแฟนเสียทีทั้ง ๆ ที่ดูจะเนื้อหอมขนาดนี้

“หมอเดียร์นี่คนหวงเยอะเหมือนกันนะครับ”

“สมบัติของบ้านค่ะ ต้องหวงเยอะหน่อย เฮียซานบอกมา”

“เยอะไปแล้วเบลล์ เรานี่ช่างพูดเกินไปแล้ว” เสียงหมอนิ่งขึ้นมานิดหน่อยจากตอนแรก สงสัยผมกับน้องเบลล์จะทำคุณหมอเข้าหมวดจริงจังเสียแล้ว

“อย่าเครียดสิหมอ ผมแค่ล้อเล่นกันเอง” ผมเอ่ยช่วยแก้สถานการณ์ที่ดูจะตึงขึ้นมาเล็กน้อย

“ผมไม่ได้โกรธเสียหน่อยครับ ลุงโชคครับ เดี๋ยวเลยแยกข้างหน้าจอดหน้าปากซอยแรกซ้ายมือให้หน่อยนะครับ”

“อ้าว คุณหมอไหนว่าไม่โกรธ”

“ไม่ได้โกรธครับ แต่ผมจอดรถทิ้งไว้ในซอย”

“พี่ชัดน่ะไม่โดนโกรธหรอกค่ะ แต่เบลล์เนี่ยแหละ ลงรถไปโดนสวดยับแน่นอน” เด็กสาวบ่นอุบดังมาจากด้านหลัง

“ฟ้องไปก็ไม่ทำให้โดนบ่นน้อยลงนะเบลล์ เตรียมหูไว้เลย”

“ขอบคุณนะคะพี่ชัด”

“ยังไงขอบคุณอีกครั้งนะครับสำหรับวันนี้ ไว้ผมขอเลี้ยงตอบแทนสักมื้อแล้วกันนะครับ” คุณหมอหันมาเอ่ยก่อนจะลงจากรถ



“ล้อเล่นแบบนั้นบ่อย ๆ ถ้าคุณชัดไม่ได้คิดแบบนั้นจริง ๆ ระวังมันจะตลกไม่ออกนะครับ” ลุงโชคเอ่ยมาจากหน้ารถ

“แบบไหนครับลุง”

“ก็ที่แกล้งหยอดมุกจีบคุณหมอไงครับ”

“อะไรกันลุงโชค คุณหมอเขาไม่คิดจริงจังขนาดนั้นหรอกครับ เขาก็น่าจะดูออกว่าผมแกล้งเล่น”

“ก็ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีแล้วครับ”

“ลุงดูหน้าคุณหมอเถอะครับ ไม่แกล้งไหวหรือ ผมว่าคุณหมอเนี่ยเป็นคนที่แกล้งแซวแล้วทำหน้าน่าแกล้งมากเลยนะ นาน ๆ ทีผมจะมีเพื่อนให้แกล้งบ้าง”

“ครับ ๆ แต่ระวังไว้บ้างก็ดีนะครับ”

“โอเคครับ ๆ คุณหมอนี่ต้องมีของดีแน่ ทำไมใคร ๆ ถึงได้ห่วงกันนัก ขนาดว่าขึ้นรถผมไม่กี่ครั้งลุงโชคก็เป็นทีมคุณหมอเสียแล้ว”



ผมกลับมาถึงที่พักเสียงร้องเหมียวจากเจ้าก้อนขนดำก็ดังทักทาย เป็นแบบนี้ทุกวันตั้งแต่เจ้าตัวเริ่มชินกับสถานที่ ดูท่าจะเป็นแมวอยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกอย่างเพราะทั้งวันเอาแต่วิ่งวุ่นไปมาเสียทั่วและคงขี้ประจบอยู่พอตัว เพราะทุกครั้งที่ผมกลับมามันจะเข้ามาคลอเคลียอย่างรู้งาน

“นี่ อย่ามาพันแข้งพันขาได้ไหม เดี๋ยวก็ล้มกันพอดี” ผมหยิบมันขึ้นมาอุ้มไปวางไว้บนโซฟา หันไปดูที่ถาดอาหารก็เห็นว่าสะอาดเอี่ยมราวกับไม่เคยมีอะไรวางไว้ในนั้น

“นี่เป็นแมวตะกละด้วยหรือไง อยู่กับฉันต้องกินข้าวเป็นเวลานะ กินเยอะกว่านี้ระวังท้องแกจะแตกเอา” ผมไม่รู้ว่ามันเข้าใจที่ผมพูดหรือเปล่า เพราะมันเอาแต่ร้องเหมียว ๆ อย่างเดียว สุดท้ายก็เดินมานอนซุกบนตักผม

“ว่าแต่พรุ่งนี้แกต้องฉีดวัคซีนแล้วนี่นา” ผมพูดกับหัวกลม



“ชัด ช่วยเลือกปลอกคอใหม่ให้น้องโพธิ์หน่อยซิ” ใบพลูที่เพิ่งถ่ายคิวเสร็จเดินมายื่นปลอกคอสีหวานหลายเส้นในมือให้ผมช่วยเลือก

“ใจคอจะซื้อใหม่ทุกรอบที่มาถ่ายรายการเลยหรือไง” ผมส่ายหัวให้กับสาวนักช้อป ถึงอย่างนั้นก็เลือกปลอกคอขึ้นมาเส้นหนึ่งจากทั้งหมดในมือหญิงสาวตรงหน้า

“น้องโพธิ์เป็นแฟชั่นนิสต้านี้ เป็นน้องหมาเน็ตไอดอล ชัดต้องเข้าใจหน่อย”

“แล้วนี่แมวชัดมีชื่อกับชาวบ้านเขาหรือยัง ยังล่ะสิ แหม เดี๋ยวนี้เอาใหญ่นะ เราดูตอนแรกล่ะ ที่พูดตอนแถลงข่าวสรุปว่าเอาจริงหรือ จะมาเวย์สายคู่จิ้นหรือไง บอกเลยนะ คู่คุณแฟรงค์กับหมอเดียร์เขามาแรงตั้งแต่ซีซั่นแรกแล้วนะจ๊ะ งานหนักหน่อย แต่เราก็เข้าใจแหละนะ เธอมันพ่อหนุ่มนักธุรกิจกันทั้งคู่นี่นา อ๊ะเสร็จแล้ว น้องโพธิ์น่ารักที่สุดเลยลูก”

ดาราสาวเนื้อหอมเอ่ยยาวเหยียดรัวเร็วอย่างกับเป็นผู้เข้าแข่งขันรายการแร็ปทั้งที่มือยังง่วนอยู่กับการเปลี่ยนปลอกคอเส้นใหม่ให้เจ้าลูกหมาในปกครอง

ผมนึกสงสารเจ้าลูกหมานี่อยู่เหมือนกันที่มีแม่บุญธรรมแบบนี้ แต่เอาเถอะเห็นอาการนิ่งของมันตอนโดนใบพลูจับแต่งตัวนู่นนี่ มันอาจจะชอบก็ได้ กลับกันไอ้เจ้าก้อนดำในกระเป๋าใส่สัตว์ของผมเอาแต่ขดตัวเป็นก้อนไม่กระตือรือร้นกับอะไรทั้งสิ้น หรือต้องให้ควักออกมาอุ้มแบบที่มันชอบกันนะ

“คุณชัดคะ ถ้าพร้อม เชิญหน้าเซตได้เลยนะคะ”

ยังไม่ทันจะได้ล้วงเจ้าก้อนขนออกมาจากกระเป๋าดี ทีมงานก็เอ่ยเรียกให้เข้าถ่ายคิวต่อไป ผมจึงดึงมือที่หัวเล็ก ๆ ถูไถอยู่ออกมาจากกระเป๋า จัดการรูดซิปปิดก่อนจะเดินถือเข้าไปในห้องที่มีคุณหมอนั่งรออยู่ก่อนแล้ว



การถ่ายกินเวลาอยู่พอสมควร เพราะครั้งนี้ยกรวมช่วงความรู้ ซึ่งมักเป็นช่วงเดี่ยวของทีมสัตวแพทย์ยกมารวมไว้ในคิวถ่ายกับผมเสียเลย ทำให้ผมและหมอต้องรับส่งบทกันอยู่นานพอสมควร รวมกับไอ้ก้อนดำนี่ก็เกิดดื้อขึ้นมาไม่ยอมออกจากกระเป๋าเสียอย่างนั้น

“สงสัยจะรู้ตัวว่าต้องโดนฉีดยาแน่เลย ใช่ไหมครับเด็กดี” คุณหมอก้มลงไปพูดกับ ‘เด็กดี’ ผมมองไปยังเจ้าตัวที่เกี่ยวเล็บแน่นกับกระเป๋าไม่ยอมออกไปไหน

ดูอย่างไรก็เหมาะกับคำว่า ‘เด็กดื้อ’ เสียมากกว่า

มือขาวภายใต้ถุงมือยางทางการแพทย์ยื่นเข้าไปรับเจ้าตัวดีในกระเป๋าผลคือโดนมือเล็ก ๆ ตะปบมาไม่เบาไม่แรงนัก พร้อมเสียงขู่เล็ก ๆ ดังตามออกมาด้วย

“เข้าหรือเปล่าครับหมอ” ผมดึงแขนขาวออกมาจากกระเป๋า พลิกสำรวจถุงมือดูว่ามีร่องรอยขีดข่วนฉีกขาดจากมือเด็กในปกครองหรือไม่

“เอ่อ ไม่เข้าครับ” เจ้าของมือเรียวดึงมือกลับไปก่อนจะดึงถุงมือออกจนเห็นผิวขาวตามธรรมชาติของเจ้าตัว

“ขอยืมมือคุณพ่อหน่อยนะครับ” มือเย็นจากการอยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานานมีรอยรัดจากถุงมือเป็นวงแดงรอบข้อมือยื่นมาคว้าข้อมือผมก่อนจะค่อย ๆ พากลับเข้าไปในกระเป๋า

“เดี๋ยว ๆ หมอเดียร์” ผมขืนมือไว้ก่อนที่จะถึงไอ้ก้อนขนนั่น

“กลัวอะไรครับ กลิ่นคุณพ่อน่าจะทำให้น้องเครียดน้อยลงนะครับ”

รอยยิ้มใจดีอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวถูกส่งมอบมาให้ผม หันไปสำรวจทีมงานในห้อง ก็ดูจะเห็นด้วยกับคุณหมอกันเสียหมด แน่ล่ะสิคนที่เสี่ยงโดนข่วนคือผมคนเดียวนี่

“ครับ”

ผมยอมจำนนแต่โดยดี และถ้าคุณคิดว่าคุณหมอจะนุ่มนวลใจดีละก็ ผมต้องบอกเลยว่ามันแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะนอกจากรอยยิ้มโลกสว่างที่หลายคนหลงใหล มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนในห้องพลาดไปนั่นคือรอยยิ้มขบขันที่เจ้าตัวส่งมอบให้ผมหลังจากรับคำ



มือเย็นที่เริ่มอุ่นขึ้นแล้วเปลี่ยนจากกุมข้อมือย้ายขึ้นมากุมฝ่ามือผมไว้โดยใช่มือของเจ้าตัวปิดทับคลุมมือผมไว้ใต้ล่าง หากเจ้าตัวเล็กตะปบมาอีกรอบละก็อย่างไรก็คงไม่โดนมือผม

ผมยกสายตาขึ้นมองตากลมดำสนิทจากการกระทำนั้น ได้รับการตอบรับเป็นรอยยิ้มบางและการพยักหน้าเล็กน้อยเป็นสัญญาณให้ความมั่นใจกับคนกลัวเล็บแมวอย่างผม

ก็เป็นเสียแบบนี้ เวลาผมคิดต่อว่าคุณหมอในใจจึงมักต้องคืนคำพูดเสียทุกครั้ง

ทั้งมือผมและมือหมอค่อย ๆ ยื่นเข้าไปทีละนิด สุดท้ายจึงหยุดวางไว้นิ่ง ๆ ใกล้ ๆ เจ้าก้อนขนตัวเล็ก

ฝ่ามือหมอคลายออกเล็กน้อยให้ได้มีช่องว่างพอให้เด็กดีในสายตาใครบางคนค่อย ๆ เข้ามาดมกลิ่นพ่อในสายตาบางคนอีกนั่นแหละ

ว่ากันตามตรง ผมว่าถ้าเรื่องคุ้นกลิ่นละก็ไม่ต้องถึงมือผมหรอก คุณหมอเองก็อุ้มออกจะบ่อยทั้งตอนที่ผมฝากเลี้ยงบ้าง หรือเจออาการแปลก ๆ จนต้องขอความช่วยเหลือตามหมอให้ไปกำราบให้บ้างถึงที่พัก

และสิ่งที่ยืนยันได้ดีก็คือการที่มือหมอเผลอกุมมือแน่นขึ้น เมื่อตอนที่ลิ้นเล็ก ๆ เลียลงมาอย่างเอาใจเหมือนทุกที

“ทำอะไรกันคะคุณชัด”

และอาจจะเพราะการสะดุ้งเล็กน้อยของคุณหมอ บวกกับผมที่เผลอยิ้มขันออกมากับท่าทางนั้น คงจะไปสะดุดตากับทีมงานสองสามคนเข้าจึงถูกเอ่ยทักกึ่งแซวขึ้นมา

แน่ล่ะ อะไรจะรอดพ้นสายตาคนเหล่านี้ได้ ก็นี่มันยังอยู่ในการถ่ายทำรายการ กล้องก็ยังคงถูกบันทึกไว้ตลอด

ทุกอย่างคลี่คลายเมื่อเจ้าตัวเล็กยอมออกมาแต่โดยดีในฝ่ามือของคุณหมอ สรุปว่ามือพ่อ (แมวจำเป็น) แบบผมมีประโยชน์ไหมนะกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่

“อ้าว ออกมาพร้อมมือแม่ ไม่ใช่มือพ่อเนอะ”

ตากล้องที่ถ่ายเก็บเหตุการณ์ทั้งหมดเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบนิ่งผิดกับรูปประโยคที่เรียกสีชมพูอ่อน ๆ ให้ซับขึ้นมาบนแก้มขาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน

ก็เป็นเสียแบบนี้ ใคร ๆ เขาถึงได้อยากแกล้งไปเสียหมด



คุณหมอส่งตัวต้นเรื่องคืนมาให้ผม เนื่องจากเจ้าตัวหันกลับไปใส่ถุงมือและเตรียมเข็ม สำหรับฉีดวัคซีนเข็มแรกในชีวิตของเด็กครบแปดสัปดาห์ที่เริ่มกลับมาร้องโวยวายอีกรอบ

“รู้ดีจังนะเรา” ผมดีดหน้าผากมันไปเบา ๆ นึกหมั่นไส้มันขึ้นมา

“คุณชัดจับน้องดี ๆ นะครับ ขอหมอฉีดแป๊บเดียวนะ” ประโยคท้ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลงราวกับกำลังพูดกับเด็กเล็ก

แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เด็กกลัวเข็มโวยวายน้อยลง ผมเองก็ยังจับไม่ได้ชำนาญ จนต้องยกขึ้นมาอุ้มลูบหัวก่อนเพื่อปลอบขวัญ หัวเล็กซุกเข้าอกผมอย่างน่าเอ็นดู แต่จะเอ็นดูมากกว่านี้ ถ้าจะไม่ทิ้งเส้นขนไว้บนเสื้อเชิ้ตเนื้อดีของผม

“งั้นฉีดท่านี้ก็ได้ครับ คุณชัดถนัดไหม” คุณหมอลุกขึ้นเดินอ้อมมายืนฝั่งเดียวกับผม กลายเป็นว่าตัวแสบจะต้องโดนฉีดยาในอ้อมอกพ่อทูนหัวอย่างผมแทน

“เสร็จแล้ว เห็นไหมแป๊บเดียวเอง” ก้อนสำลีเล็กขยี้ตรงจุดที่เพิ่งจะดึงเข็มออกไป เด็กขนหน้าดำจึงได้ยกหน้าออกจากอกขึ้นมามองก่อนจะมุดกลับลงไปซบที่เดิม

“สงสัยคุณหมอจะโดนโกรธแล้วล่ะครับ ตามไปง้อกันเอาเองแล้วกันนะ”

“แบบนี้ง้อไม่ยากหรอกครับ ให้ขนมเหมือนทุกทีก็หาย”

“เอ้ นี่เคยไปง้อแมวคุณชัดตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยหมอเดียร์” ทีมงานสาวคนหนึ่งเอ่ยทักขึ้นแทบจะในทันที

“วันหลังขอตามไปเก็บฟุตเทจหลังรายการได้ไหมคะ”

“เอ่อ…” แก้มขาวขึ้นซับสีระเรื่ออีกรอบ

หมอจะเขินกับทุกการแซวไม่ได้นะครับ เพราะยิ่งเป็นแบบนี้คนแกล้งเขาจะยิ่งสนุกกันใหญ่ รวมถึงคนดูอย่างผมด้วย

“แล้วตอนนี้น้องมีชื่อหรือยังครับ” คนขี้เขินพูดเปลี่ยนประเด็นเอาเสียดื้อ ๆ

“ก็รอให้หมอช่วยตั้งไงครับ ผมเคยบอกไปแล้วนี่”

ผมยืนยันตามเดิมที่เคยบอกไว้ ความจริงแล้ว ผมก็แค่คิดไม่ออกเท่านั้น

“คุณชัดตั้งเถอะครับ ไหน ๆ ก็เป็นพ่อทูนหัวแล้ว”

“งั้นก็ชื่อ เด็กดี แล้วกันนะครับ จะได้เป็นเด็กดีของคุณหมอ”